เรื่องทหารไทยยุคปัจจุบันไม่ขอพูดถึงแล้วกัน แค่นึกถึงบรรดาลุงๆข้างบ้านแล้วไมเกรนก็ขึ้นเลย
ผมว่าคนไทยไม่ได้นิยมแนวคิดแบบนาซีหรอกครับ ส่วนมากก็จะแค่ชอบพวกเครื่องแบบหรืออาวุธต่างๆมากกว่าเพราะดีไซค์มันเท่ห์กว่าคนอื่นในยุค WW2 ถ้าให้พูดจริงๆคนไทยมีแนวคิดนิยมออกไปทางญี่ปุ่นมากกว่าเพราะเป็นมิตรที่จับต้องได้ ช่วยเหลือได้ อีกอย่างเรื่องของนาซีนี่มันค่อนข้างไกลตัวคนไทยไปหน่อย คือเหตุมันเกิดอีกซีกโลกนึงคนไทยเราเลยไม่อินคล้ายๆกับเคสนครวัดที่คนไทยกับเขมรซีเรียสกันคนฝั่งยุโรปก็ไม่ได้สนใจอะไรกันมากมาย
เรื่อง Siam Talk ตอน WW2 ในแนวคิดผมมันคือทฤษฎีสมคบคิดของทั้งจอมพล ป. และ ปรีดี นะแบ่งเป็น 2 ฝ่ายแยกกันอยู่ไม่ว่าฝ่ายไหนชนะประเทศก็ได้ผลประโยชน์ทั้งนั้น ซึ่งผมว่ามันเป็นทางที่ฉลาดมากๆ ไม่เข้าใจคนที่แซะเรื่องนี้จริงๆว่ามันน่าเกลียดตรงไหน
ปล.ที่แน่ๆแนวคิดที่คนไทยส่วนนึงชื่นชอบรวมทั้งผมด้วยคือ แนวทางของปูติน มั่นใจว่าหมีๆในนี้หลายคนก็ชอบปัญหาเดียวคือ ลุงๆข้างบ้านในไทยเนี่ยมันไม่ได้เท่าขี้เล็บของปูตินนี่สิ
ไทยไม่ใช่นกสองหัวอย่างที่ฝรั่งมองนะครับ
แต่มันคือการแตกคอกันของคนคณะราษฎร์
ปรีดีนี่เพื่อให้ไทยรอด โยนความผิดทั้งหมดให้เป็นของจอมพล ป.
สังเวยจอมพล ป. เป็นอาชญากรสงคราม(ดูในสถานะต่าวประเทศจะเขียนว่าจอมพลป.
คืออาชญากรสงครามของสงครามมหาเอเชียบูรพา)
ปรีดีจึงได้เป็นนายกหลังจากกำจัดจอมพลป.
จอมพลป.เลยแค้นปรีดีมาก เลยร่วมมือกับพรรคการเมืองบางพรรคใส่ร้ายป้ายสี
ปรีดีจนอยู่ประเทศไม่ได้ ต้องหนีออกนอกประเทศ (พรรคไหนคนก็รู้อยู่เป็นพรรคเก่าแก่ที่สุด ที่ตะโกนใส่ร้ายปรีดีในโรงหนังเฉลิมกรุง)
ด้วยเหตุนี้จอมพล ป.จึงสามารถกลับมาเป็นใหญ่ได้และเป็นไอดอลของพวกทหารตลอดมา
หรือจะพูดอีกนัยหนึ่งคำสาปรัฐประหารที่วนเวียนในไทยเกิดจากจอมพลป.นี่แหละคือต้นเหตุของทุกอย่างจนส่งผลถึงปัจจุบัน