[quote/]
อย่างที่ผมบอกคือ ความมักง่าย ไม่ใช่เรื่องไม่ดี ถ้าใช้ถูกที่ ถูกประเภท
เทคโน เทคนิคใหม่ๆ เกิดมาเพราะคนเราอยากมักง่ายทำอะไรที่สะดวกกว่าเดิม ก็คงพูดเช่นนี้ได้ แต่กับผู้หญิงคือ เอาความมักง่าย มาใช้ไม่ถูกเรื่องครับ
อย่างที่ยกตัวอย่าง ว่า ของที่ไม่สามารถ ละเลยขั้นตอนการใช้งานได้เลย ไม่งั้นพัง
ถ้าให้อยู่ในมือผู้หญิง พังชิบหายแบบไม่ต้องคิด เห็นตัวอย่างมาเยอะ โดยเฉพาะ ที่บ้าน
ผมถึงได้บอกไงว่าผู้หญิงมักใช้ความมักง่ายเอาสะดวกับเรื่องที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง
ผมว่าความคิดสร้างสรรค์นั้นมีมากน่ะครับ
ผมมองว่าเรา think differently มากกว่าจะเป็นเรื่องเหตุผลหรืออารมณ์
ช่วงนี้ผมศึกษาแนวนิยายย้อนอดีต
ผู้หญิงย้อนอดีตชอบทำอาหาร เปิดร้านอาหาร ค้าขยสร้างความร่ำรวย
ผู้ชา่ยอาจจะเป็นฝรั่ง คิดแต่จะทำอุตสาหกรรมและทำคลองขุด canal อย่าเงดียวเลย
จนผมแซวพวกนั้นว่า
สุยหยางตี้น่าจะคือคนตะวันตกกลับชาติมาเกิด
การเมืองหรือการรบอะไรก็เก่งพอสมควรแต่ไม่สนการเมืองและทั้งชีวิตทุ่มเทที่เมกกะโปรเจค
บ้านเมืองคนจะตายประท้วงอะไรไม่สนใจ สร้างคลองขุดอวินเหอให้เสร็จเท่านั้น
ซึ่งมันก็เป็นประโยชน์จริงนั่นล่ะ แต่ทำให้อาณาจักรเปลืองงบและความวุ่นวายเกิดขึ้นตามมาไปด้วย
โดยส่วนตัวมองว่าความเท่าเทียมทางเพศนะมันไม่มีอยู่จริง แต่ไอ้ประโยคที่ว่า"ผู้ชายคิดด้วยสมอง ผู้หญิงคิดด้วยหัวใจ"มันก็ไร้สาระนะ เพราะผมเห็นผู้ชายที่คิดด้วยสัญชาตญานกับหัวใจมาก็เยอะ และก็เห็นผู้หญิงที่คิดด้วยสมองตามหลักเหตุผลมาก็เเยะเหมือนกัน
ก็นั่นล่ะครับ ผมคิดว่าบางครั้งผู้หญิงปิบัตินิยมมากๆในเรื่องอขงการเลือกคู่ครองคือแบบนิยายจียนกลับชาติยุคหกศูนย์ที่ผมอ่านแนะนำให้น้องสาว เลือกคนที่หล่อ รวยสูงร้อยเจ็ดสิบห้าขึ้น ฐาติเข้ากับตนได้แต่งงาน ไม่ต้องสนใจเรื่องความรัก
ว่ากันตรงๆผู้ชายใช้อารมณ์มากกว่าหากมองเรือ่งผลประโยชน์ล้วนๆ
เพอร์ซี่ย์เข้ากับกระทรวงและนายกฟัดจ์มีอะไรไม่ดี?พ่อทำงานมานานปีแค่ทำกองสิ่งประดิษฐ์ของมักเกิ้ลตีจากครอบครัวไปเข้าหานายกฟัดจ์ยังมีโอกาสก้าวหน้าในหน้าที่การงานมากกว่าเพอร์ซี่ย์ทำผิดตรงไหน?
นั่นคือแนวความคิดที่มองแต่ผลประโยชน์ล้วนๆไม่เอาอารมณืมาเกี่ยวข้องล่ะครับ
ส่วนตัว "เพราะผู้ชายส่วนใหญ่ แก้ปัญหาด้วยความรุนแรงเกิน 50% " เพราะงั้น "ผู้หญิงส่วนใหญ่จึงไม่อยากมีปัญหาด้วย" ยกบ้านให้ปกครองไปเลยล่ะกัน
ดูจากรอบโลกง่ายๆ ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน คนที่ฆ่า ทะเลาะวิวาท กันเยอะที่สุดก็ "ผู้ชาย" นั่นแหล่ะ
หรือย่างเคสง่ายๆ ขับรถปาดหน้ากัน ก็พร้อมจะฆ่ากันบนถนนแล้วทุกวินาที
ประสบการณ์ตรงที่ผ่านพวกหัวร้อนมาเยอะ
พวหนังนือการ์ตูนหลายเรื่อง ก็ทำนายไว้ว่า อีกหน่อยผู้ชาย ก็จะฆ่ากันจนสูญพันธุ์หมดจนเหลือแต่เพศหญิง
* gaiar33 ย้ำว่า ความเห็นส่วนตัว
ฮา ไม่หรอกครับ
ทางเทคนิค คนเรา pragmatic ปฏิบัตินิยมมากกว่าที่เราคิด
อย่างสมัยนี้ที่อัตราประชากรโสดมากขึ้นเพระาแต่ละคนคำนวณเรื่องความเสี่ยงจากการแต่งงานมากขึ้น
เพจอีเจ๊ยบเลียบด่วยน ยังเคยเล่นมุกตกใจว่า ไม่เคยรู้เลยว่าเพจตูจะมีคนเวอร์จิ้นมากขนาดนี้
ปรบมือ เม้นบน มีสาระมาก
เอาเข้าจริงๆ ในชีวิตจริงๆ ผมมักเจอแต่พวกที่มีตรรกะประหลาดๆ ในบ้านก็ คนที่คิดจะกินน้ำยาฆ่าเชื้อไปฆ่าโควิต
(ไม่คิดไม่ฝันว่าจะเจอคนแบบในข่าวตรงหน้าตัวเอง )
หรือแบบว่าเปิดยากันยุงไฟฟ้าในห้อง นี่ถึงกับต้องด่าเลยเสียงดังไม่งั้น ผมบอกเลยว่า ขี้เกียจเก็บศพ แจ้งราชการ (ถึงผู้ใหญ่บ้านจะอยู่ข้างบ้านก็เหอะนะ)
ในบางเรื่องผมก็เพียรกับตรรกะแนวคิด เหตุผลแปลก ของผู้หญิงเหมือนกัน แบบว่าเพลียรมาก คิดออกมาได้ไงวะ ทั้งๆ ทีเรื่องบางเรื่องสามารถทำหรือจัดการได้ดี
ผมให้เครดิตความคิดสร้างสรรค์ของผู้หญิงในหลายๆเรื่องมากนะครับพยายามมองในอีกแง่มุม ผู้หญิงคงมองว่าผุ้ชายแปลกๆไในหลายๆเรื่องเหมือนกัน
แต่ที่ผมตั้งกระทู้นี้มาคือทั้งกิมมย้ง เจเค อ.นาโอโกะ
แตกต่างกันเชื้อชาติภาษา ประเพณี
ก็ดันเล่นมุกเดียวกันน่ะครับ
ว่าพ่ออ่อนแอกว่าแม่ แต่เป็นหัวหน้าครอบครัวนะว่างั้น
[quote/]
ตัวอย่าของท่านคือ หนึ่งในเรื่องเล่าของอิทธิพลจากการใช้ชีวิตในกิจกรรมแต่ละวัน อย่าง; ถูกประทุษร้าย (HP series), ช เหนือ และ ญ คล้ายคนรับใช้อย่างไร้สิทธิส่วนตัว (ธรรมเนียมหลายชาติ ที่ยอมให้ ช เหนือกว่า) หรือราว มีลูกมากจน ญ เป็นแม่บ้านแบบเลี่ยงไม่ได้,
ข่าวของท่าน ผมทั้งเคยได้ยินและเจอประสบการณ์โดยตรงมาก่อน ผู้ฝึกตนในจิตวิทยา ศิลปศาสตร์ หรือวาทศาสตร์ ซึ่งก็มีส่วนกับการฝึกใช้อารมณ์เพื่อผลลัพธ์; กล่าวได้เช่น ครูรร.ประถม ญ หลายคนไม่ได้เก่งลงโทษ ตำหนิ แต่ใช้วิธีประชดวิพากษ์ให้นักเรียนฟัง, เป็นอาจารย์แก่ลูกศิษย์เก่าที่เคยทำผลงานวาดภาพแปะเต็มกระดานโชว์เต็มไปหมด
และอีกหลายคนเป็นอ.คณิตศาสตร์ - วิทย์เก่งๆที่จินตนาการเยี่ยมจนเกือบพูดภาษาปกติไม่ได้ ขณะที่ด้านลบหนักๆก็มี เช่น; ชู้, ‘สงครามสนามรัก’ ที่เถื่อนน้อยกว่า ช, เป็นต้นเหตุของ ช ตีกันเพราะใช้เสน่ห์โดยไม่รู้ตัว ไม่ค่อยมีใครเป็นนักกีฬา เพราะค่านิยมชวนนินทา ‘หน้าสวย หรือ น่ารัก’ จะเสียเปล่า อย่างน้อยซัก 72% ที่ผมเคยเจอมาคือ ไม่กลายเป็นเจ้าสำอาง ฟุ่มเฟือย ก็ขี้เกียจตกงานอยู่กับบ้านไปเลยก็มี
28%; ‘Housewife’ คืออะไร เพราะทำงานเช้ากินข้าวพร้อมลูก สามีทุกวัน แถมลูกยังพึ่งพาตัวเองได้ดีด้วย ครูทีมีวิจารณญาณ หรือ สามัญสำนึกที่ดี เป็นที่เคารพแก่คนร่วมงาน กลายเป็นแฟนคุณภาพที่ทำเอา ช Playboy เป็นเด็กดีมาเยอะ บางคู่ก็กลายเป็น Geek ไปเลยก็มี ส่วนที่ไม่เข้าพวกก็กลายเป็น ‘สตรีอัจฉริยะ’ ไปเลย ทำให้เป็นที่ขัดตาพวกหน้าเงินทั้งหลาย
สำหรับความแตกต่างกับ ช สั้นๆ ก็คงจะตอบได้ว่าอาจจะเหนือกว่าด้านตรรกะ เหตุผลและนักปฏิบัติ - นักคิด และบางครั้งก็จริงจังเกินไป หรือริษยาขึ้นสมองเพราะอัตตาในใจมาก อาจเป็นเพราะพวกเขาเป็นพ่อไม่ได้จนกว่า ญ จะคลอดลูกให้ บางคนเป็นคนสามัญสำนึกก็อยากเป็นพ่อมากกว่าผัว อีกกลุ่มหนึ่งอาจกลับตัวไม่ก็กลาย ‘พ่อลูกลืม’ ไปเลยก็มี
คนฉลาดมากจะกลายเป็นโรคซึมเสร้าก็เป้นปรากฎการณ์ที่น่าสนใจน่ะครับ
ไปจเอคนวิเคาระห์ว่าหาศาสนาและพระคริสต์ซะ
เรือ่งการเป็นผู้นำครอบครัวผมว่ามันมีอะไรที่มากกว่านั้น ไม่ใช่ผู้ชายที่ควบคุมครอบครัวอย่างเดียวตามที่คิดกันมีอีกคนหนึ่งทำภาพสะท้อนของเจเคที่หใ้คุณวิสลี่ย์ฺเซย์โนไลบ่เพอร์ซี่ออกจากบ้าน
คือในนิยาย ้านเมืองเกิดหายนะ
ผู้ชายจะเป็นคนถามคำถามพระเอกแต่คำถามจะมากจาการกระวิบของผู้หญิง
คือผู้หญิงเป็นนคนเกลี้ยกล่อมผู้ชายอยู่ข้างหลังนั่นเอง แต่หใ้ผู้ชายที่บ้าเลือดมากกว่าตั้งคำถามกับคนแปลกหน้าที่มีพลังมากกว่า
[quote/]
ผมมองว่าไม่นะ เพราะผู้ชายแม้ว่ามันจะทะเลาะ ฆ่ากันตายยังไง ทำเรื่องแบบนี้มาตลอดหลายพันปี แต่สุดท้ายมันยังวางฐานวัฒนธรรมชายเป็นใหญ่ไว้ได้ มาตั้งแต่โบราณ ไม่งั้นทำสงครามฆ่ากันแบบสมัยก่อนโน้นตายกันเยอะๆ ป่านนี้ผู้หญิงเป็นใหญ่ ไปแล้ว
อ่ะนึกถึงมังงะเรื่องนึงที่ พูดถึงเรื่องที่มนุษย์ต่างดาวที่ผู้ชายมันสูญพันธ์ไปหมด เหลือแต่ผู้หญิง ผุ้หญิงเลยต้องโคลนกันเองขึ้นมา
ในแง่วิทฯ เคยได้ยินว่า โครโมโซมของผู้ชายอย่างเดียวมันสามารถทำให้มีเพศชายและหญิงได้ แต่กลับกันโครโมโซมของเพศหญิงด้วยกันเองไม่สามารถสร้างเพศชายได้
แนวดิสโทเปียอาจจะเป็นอย่างนั้นทีผู่้ชายฆ่ากันเอง
แต่ผู้ชายก็โดนควบคุมด้วยวัฒนธรรมเช่นกันครับ
"ไม่เล่นงานใครข้างหลัง"
"เคลียร์ใจจับมือกันคือจบ"
ผมมองว่ามันคือธรรมเนียมที่สะท้อนการเาอตัวรอดของระหว่างผู้ชายมาตั้งแต่สมัยบรรพกาลน่ะครับ
เอาแบบข้อเท็จจริงคือ
เราที่ไม่อชบชกต่อยอาจจะไม่เห้ฯด้วยกับพ่อแม่หรือลุงที่พูดว่า
"ผู้ชายชกกันไปเถอะเดี๋ยวมันก็ดีกัน"
ซึ่งก็มีเคสอย่างนั้นจริงๆเหมือนกัน แต่ต้องอยู่ภายใต้การต่อยกันในฐานะเท่าเทียม
เปรียบเปรยโดราเอมอน
ก็ตอนที่โนบิสึเกะมาโลกอดีต ไจแอนท์มาหาเรือ่งโนบิตะ โนบิสึเกะไม่ยอมต่อยกันพักหนึ่งไจแอนท์ชมว่าใจกล้าไม่เลวถูกใจแล้วเลยชวนไปเล่นเบสบอลกัน
มุกโชวเน็นที่กระทืบศัตรูแล้วเอามาเป็นเพื่อนได้ ถูกใจเด็กผู้ชายแนวโชวเน็นก็มีที่มาจากสัญชาตญาณตรงนี้ล่ะครับ
วัฒนธรรมว่า"เล่นงานกันข้างหลังคือพวกตุ๊ดตู่""ลุกผู้ชายชกกันต่อหน้าคือจบกันตรงนั้น"
แต่ยุคสมัยใช้อาวุธมันทำให้ทำอย่างนรั้นกันไม่ได้ล่ะมั้ง