เอาล่ะ กลับมาที่เรื่องการใช้พลังวิเศษในชีวิตประจำวัน ตามที่เราวิเคราะห์นะ
แนวคิดของทางฝั่งตะวันตกมีพื้นฐานจากอุดมคติที่ว่าเราควรใช้พรสวรรค์ของตัวเองให้เกิดประโยชน์สมกับที่เราเป็นคน 'พิเศษ'
แต่ในทางกลับกันนั่นก็หมายความว่าคนที่มีพลังจะทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ ขอแค่เพียงมีพลังมากพอเราก็จะเป็นคนที่ 'วิเศษ' กว่าคนอื่น
แนวคิดของทางฝั่งญี่ปุ่นมาจากอุดมคติที่ว่าการเสียสละ อดทน และร่วมมือร่วมใจกันเป็นหนึ่งเดียวจะทำให้ 'สังคม' ส่วนรวมก้าวหน้าไปโดยที่ไม่ทิ้งใครเอาไว้เบื้องหลัง
ในอีกมุมหนึ่งมันก็อาจจะทำให้ทุกคนจะตกอยู่ภายใต้การปกครองของระบบเหมือนๆกัน ไม่ว่าคุณจะ 'พิเศษ' ขนาดไหนก็ตาม
ตามความเห็นของเรานะ? เราเห็นด้วยกับอาจารย์ ONE เป็นส่วนใหญ่ การใช้พลังวิเศษ (หรือพรสวรรค์อื่นๆ) ให้เป็นประโยชน์ไม่ใช่เรื่องที่ผิด ปัญหาอยู่ที่การใช้
การมีพลังวิเศษไม่ได้ทำให้ตัวเรากลายมาเป็นคน 'วิเศษ' เหนือกว่าผู้อื่นจริงๆ ถ้าสามารถควบคุมพลังหรือการกระทำของตัวเองได้ การใช้พลังก็ไม่ใช่ปัญหา
ปัญหาก็คือส่วนใหญ่แล้วคนที่มีพลังนั้นจะหลงระเริงหรือไม่ก็ตัดสินอะไรโดยที่ไม่ได้มองดูโลกจริงๆ กลายเป็นแค่พวกเห็นแก่ตัวหรือไม่ก็เลวร้ายกว่าคือพวกที่เห็นแต่
มุมมองของตัวเอง ละทิ้งการพัฒนาตนในด้านอื่นๆเอาแต่หมกหมุ่นอยู่กับพลังของตัวเองอย่างกับว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
แล้วก็ไปไล่ตัดสินทุกอย่างราวกับว่าเป็นตัวแทนที่ถูกพระเจ้าเลือกมายังไงอย่างงั้น (ในสมัยนี้มีตัวอย่างให้เห็นอยู่เยอะแยะ)
ถ้าอยู่พลังของคนพวกนั้นเกิดหายไปขึ้นมา คนพวกนั้นก็จะไม่เหลืออะไรเลย กลายเป็นแค่คนน่าเบื่อไม่มีประโยชน์คนหนึ่งเท่านั้น
แต่ในทางกลับกันถ้าหากว่าเรากดดันไม่ให้ใช้พรสวรรค์เหล่านั้นเลยมันก็จะกลายเป็นการเสียโอกาสไปแทน ดังนั้นการควบคุมการกระทำของตัวเองให้ได้จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นที่สุด
แล้วคำตอบว่าควรจะใช้พลังแค่ไหน? จะใช้ยังไงดี? จะตามมาเอง
คำถามก็คือ"มันเป็นอย่างนั้นจริงๆหรือ"
คนที่ผ่านการทดสอบความสามารถของตนเองมา จะย่อท้อเพราะอุปสรรคได้ง่ายขนาดนั้น ต่อคนที่ไม่เคยผ่านการทดสอบเพราะไม่ยอมเปิดเผยตนเอง ใครจะมีความอดทนต่อการเปลี่ยนแปลงและความตึงเครียดมากกว่ากัน?
ในสภาพความเป็นจริง เราให้เล่นกอล์ฟเก่ง แบบไทเกอร์วู๊ด
เราก็ต้องแข่งกับคนอื่นๆที่เก่งวแบบเดียวกับเรา ไม่มีทางเลี่ยงได้
ผมเลยสงสัยปรัชญานี้เอามากๆว่าต้องการที่จะบรรลุจุดมุ่งหมายอะไร?
ว่าเราควรจะมีทักษะอย่างอื่นไว้บ้างไม่ใช่ทักษะที่เราภูมิใจอย่างเดียว? ก็อาจจะจริง
แต่น่าเสียดายในโลกนี้ คนขาดความมั่นใจ มีมากกว่าคนที่หยิ่งผยองในทักษะของตนเองมหาศาลนัก
เพราะพอย่างที่เรารู้ คนที่มีความสามารถพิเศษนั้นมีน้อยกว่าน้อย
สาส์นที่สื่ออกมาเลยสื่อไปถึงคนจำนวนน้อยที่มีความสามารถพิเศษ
คนอ่านจำนวนมากไม่มีใครพิเศษหรือมั่นใจตนเองขนาดนั้น และคนส่วนใหย่ ความหาความมั่นใจในสิ่งที่ตนเองภูมิใจได้ด้ยวยซ้ำสักอย่างหนึ่ง
คนส่วนใหญ่ไม่ใช่คนทำตัวเว่อแบบพระเอกโชวเน็น
สมรักษ์คำสิงห์ ที่คนแซวว่าจอมโม้ ก็เพราะเขามีบุคลิกแปลกๆ คนส่วนใหญ่เขาก็พยายามฝึกซ่้อมกัน ไม่มั่นใจในการแข่ง เพราะพวกเขารู้ตนเองดี ไม่มีทางหยิ่งผยองไปได้ เพราะเขาต้องแข่งกันในหมู่"คนพิเศษ"เช่นเดียวกันในวงการอาชีพ
เจอคนวิเคราะห์ว่า เรื่อง ม็อบมันเหมือนกับการบรรยายให้คนที่ไม่มีอะไรพิเศษสบายใจมากกว่า
ว่าคนที่พิเศษกว่าเราก็ไม่ต่างอะไรจากเรา ก็อาจจะจริง
แต่ไม่ใช่เหตุผลที่สมควรในการละเลยความสามารถของตนเองแน่ๆ
ผมมองว่าการปกปิดความสามารถน่ะ มันเป็นแดนวคิดโชวเน็นด้วยซ้ำ เพราะป้องกันผลลัพธ์ที่ตามมาจากการกระทำนั้น
การที่จะเป็นผู้ใหญ่ต้องผ่านการท้าทาย มันไม่สามารถหลบอยู่ด้านหลัง"ความธรรมดา"ได้ล่ะครับ
ผมมองว่าพลังพิเศษคือความสามารถอย่างหนึ่ง ถ้าไม่ผิดกฎหมายก็ไม่ถือว่าเอาเปรียบ ใช้ ๆไปเถอะ
อย่างในโจโจ้ ที่ใช้ฮาร์เวสต์หาเงินด้วยการเก็บเศษเหรียญหรือเก็บแสตมป์เซเว่นตามถังขยะก็ไม่ผิดอะไรนี่ ถ้าเอาไปโกงพนันลูกเต๋าอันนี้ถือว่าผิด
มันมีการเอาล็อตเตอรี่ที่คนทิ้งไปแล้วของโอคุยาสุด้วยน่ะครับ
แต่ทางเทคนิค ของที่ทิ้งไปก็ถือว่าไม่มีเจ้าของแล้วล่ะนะ
เรื่องของญี่ปึุ่นชอบออกมาแนวที่ไม่ให้ใช้ความสามารถพิเศษอย่างที่ว่าล่ะครับ
ผมว่าสุดท้ายมันอยู่ที่แนวเรื่องและการวางเรื่อง อย่างโดเรม่อนที่ว่าเบรกโดบีตะเรื่องหาเงินจากของเป็นเพราะพร็อดเรื่องโดเรม่อนมันไม่ได้เก่งอะไรเลยและอยู่ภายไต้กฏหมาย ทุกของวิเศษไช้เงินซื้อถ้าทำผิดกฏจะมีตำหรวมาจับที่หลังเสมอหรือไช้ของเกินราคาก็มีเจ้าหนี้มาเก็บเงิน แต่ปะป๋าซุปเปอร์แมนกับวันพันแมนโครงเรื่องมันผิดกันตัวละครมันเป็นที่สุดของโลกมันแทบไม่มีใครจะมาต่อต้านได้ถึงต่อต้านได้แม่งก็แทบไมาสนใจ มันเหมือนมีโคตรพลังแต่ไม่มีคนควบคุมโครงเรื่องมันผิดกันครับ
ก็นั่นล่ะครับ ผมมองวง่าเล็งกลุ่มเป้าหมายต่างกันในการสร้างบทเรียนสอนใจให้กับคนดู
วันพั๊นกับป๊ะป๋า ออกแนวคนมีพลังจะใช้อย่างไรดี
ส่วนโนบิตะนั้นใช้แบบไม่ค่อยมีความรับผิดชอบเท่าไร
ถ้ามีคนที่มีพลังพิเศษจริงๆขึ้นมา ปัญหาคือทำอย่างไรที่พวกเขาจะสามารถใช้ชีวิตประจำวันไปกับคนธรรมดาได้โดยไม่ละเมิดสิทธิและเสรีภาพของคนธรรมดา และทำอย่างไรให้คนธรรมดาไม่เหยียดคนมีพลัง
มันก็ย้อนกลับมาว่าต้องมีข้อตกลงทางสังคมในการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข เช่น กฎหมาย เป็นต้น
และจำเป็นอาจจะต้องมีการลงทะเบียนราษฏรโดยเพิ่มช่องพลังพิเศษให้กรอกใส่เพื่อให้รัฐช่วยจับตาดู
แน่นอนละว่า เรื่องระบบยุติธรรมก็สำคัญ สมมุติคนธรรมดากับคนมีพลังพิเศษมีเรื่องกัน(ผมเชื่อว่ามีแน่นอน) จะใช้ระบบศาลแบบไหน กล่าวหาหรือไต่สวน ลูกขุนหรือศาลตัดสิน เป็นต้น
อเมริกานับว่าแปลกมากๆในเรื่องนี้ครับ
เรามองว่าการขึ้นทะเบียน บัตรประชาชนต่างๆเป็นเรื่องปรกติ
อเมริกามักลากเอาบัตรประชาชนไปเกี่ยวกับการขึ้นทะเบีบยนหมายเลขชาวยิว
ผมถึงบอกว่ามันมีทั้งข้อดีข้อเสียในการมอง
แต่อย่างที่ผมบอกว่า ออลไมท์ได้ชกกับกัปตันอเมริกาแน่ๆ ในแารที่คนไม่สามารถใช้อัตลักษณ์ได้แม้จะเพื่อป้องกันตนเอง
ญี่ปุ่นดูเคารพกฎมากกว่าอเมริกาเอามากๆในแง่นี้
ค่อนข้างจะเชื่อใจระบบซึ่งผมก็มองว่าเป็นข้อดี
แบบมุกเรื่องวันพันซ์แมน ที่่ฮีโร่แต่ละคนก็ขึ้นทะเบียนสมาคมกันอย่างปรกติไม่ก่อซิวิลวอร์อย่างอเมริกา
ไม่ต้องอะไรมาก แค่ถ้าพวกเราสักคนนึงหรือเพื่อนในห้องสักคนนึง ทำตัวเด่น แค่นี้ในสังคม
เอเชียก็โดนหมั่นไส้ได้แล้ว ถึงส่วนใหญ่ในห้องอาจจะชอบเพื่อนคนนั้นก็เถอะ แล้วถ้าเกิด
คนที่หมั่นไส้หยิบมือเดียว ทำอะไรขึ้นมาหล่ะ งั้นอยู่อย่างเก่งแต่ไม่เด่นดีกว่า
อีกอย่าง ต่อให้เพื่อนคนนั้นเป็นที่รักแค่ไหน บางทีลึกๆในใจคนรอบข้างก็อาจรู้สึกไม่ดี ทั้ง
อาจรู้สึกหมั่นไส้นิดหน่อย รู้สึกตัวเองต่ำกว่า รู้สึกไม่เข้าพวก รู้สึกน้อยใจ แล้วบางครั้งอาจมี
คนในกลุ่มทนไม่ไหว ระเบิดอารมณ์เพราะอัดอั้นที่เพื่อนคนนั้นแย่งซีนไปหมดก็ได้
เพราะงั้นจะทำตัวเด่นไปทำไม อยู่ให้คล้ายคนธรรมดาดีกว่า เพื่อนๆก็เข้าหาได้ง่ายกว่า ไม่เกร็ง
เกินไปที่จะพูดคุย แค่จะหาเรื่องพูดคุยก็ยากแล้วเกิดไปสร้างกำแพงขึ้นมา จะเหงาเอาซะเปล่าๆ
มันเป็นการมองแบบทฤษฎีเกมส์น่ะครับ
ว่าการรับแนวความคิดไหนไปจะก่อประโยชน์ต่อสังคมโดยยรวมาากกว่ากัน?
ผมไม่ได้มองว่าอเมริกาดี ไร้ข้อเสีย
แต่มองว่ามันเปปิดโอกาสให้มีฮีโร่ยูนิทเกิดขึ้นมาได้ง่ายกว่าสังคมที่พยายามจะกดหัวคนให้เท่าเทียมกันแบบแปลกๆล่ะครับล
ถ้ามองว่า "เพื่อสังคม" ให้คนที่เก่งกว่านำไปจะดีกว่าไหม?
ผมไปอ่านบทความหนังเรื่อง มิดเวย์น่ะครับ
ว่าแสดงระบบทหารของอเมริกากับญี่ปุ่นต่างกัน
ประมาณ อเมริกาขวัญกำลังใจเสียหายได้ง่ายเพราะถอนคนเก่งออกจากสงครามเพราะบาดเจ็บไม่พร้อม แต่จะมีกพลังในการทำสงครามอย่างยาวนานเพราะผลักดันคนรุ่นใหม่มาได้เรื่อยๆ
เรียกว่าหากให้ผมมอง อเมริกา ไม่กลัวคนเก่งเพราะพวกเขาเชื่อว่าคนเก่งจะควบคุมและแข่งกันเองตลอดเวลา
ว่ามันทนความเปลี่ยนแปลงได้ง่ายกว่า เพราะมันเปลี่ยนแปลงและแข่งขันกันตลอดเวลาอยู่แล้วล่ะครับ