แหล่งนิยายแปล แหล่งนิยาย นิยายแปล นิยายแต่ง มังงะ การ์ตูน อนิเมะ นายท่าน เว็บไซต์นายท่าน กระทู้สไลม์ สไลม์ยอดรัก

ผู้เขียน หัวข้อ: เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา โอกาศของใคร ?  (อ่าน 976 ครั้ง)

ออฟไลน์ richter

  • ยอดกวีแห่งเขาเซนนิคุมะ
  • แม่ทัพหมีชั้นกลาง
  • **
  • กระทู้: 2,161
  • ถูกใจแล้ว: 1353 ครั้ง
  • ความนิยม: +52/-25
แนะนำให้ดูก่อน แม้ท่านจะไม่เข้าใจอังกฤษแต่ภาพประกอบก็เพียงพอที่จะช่วยให้ท่านเข้าใจสาระสำคัญได้

ก่อนอื่นเรามาตีความประโยคที่ว่า "การศึกษาคือการยกระดับประชาชน" นั้น "ระดับประชาชน" คือระดับอะไร
ระดับคุณภาพชีวิต ? ระดับ IQ, EQ ? ระดับความรู้ ? ความรู้ด้านไหน ?
แล้วระดับการศึกษาใดที่ถือได้ว่าพอเพียงต่อการ "การยกระดับประชาชน" นี้ ?

จากนั้นเรามาดูคติของคนรุ่นก่อนๆ ที่ว่า "เรียนจบสูงๆ จะได้มีงานดีๆ เงินเดือนสูงๆ จะได้ไม่ลำบากเหมือนพ่อแม่"
ผมเชื่อว่าเราๆ ท่านๆ ที่จบกันมาแล้วจะเข้าใจกันดีว่าการเรียนจบสูงๆ นั้นเป็นเพียงแค่ตั๋วล็อตเตอรี่สำหรับการเจอ "งานดีๆ เงินเดือนสูงๆ"
ซึ่งนอกจากหาได้ยากยิ่งกว่าเปิดกาชาหาตัว SSR แล้วยังไม่ได้มีเราเพียงลำพังที่เจอด้วย ทุกคนที่หาเจอนั้นก็จะต้องมาแข่งกันเพื่อหาคนสุดท้ายที่ได้ตำแหน่งงานนี้

ทีนี้คนที่พยายามเรียนจบสูงๆ อย่างป.ตรีนั้นมีเยอะแยะมากและเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ตำแหน่งงานที่ต้องการนั้นไม่ได้เยอะขนาดนั้นแถมบางปีกลับลดลงด้วย
ขณะที่ตำแหน่งงานระดับปวช. ปวส. ซึ่งเป็นระดับความรู้ที่พอเพียงสำหรับภาคธุรกิจนั้นๆ กลับขาดแคลนเพราะความเชื่อด้านบน
แล้วเราควรเรียนจบแค่ปวช. ปวส. เงินเดือนน้อยๆ ? หรือเราจะเลือกเรียนจบป.ตรี ป.โท ป.เอกเพื่อโอกาศที่ดีกว่า ?

เราจะเห็นได้ว่าสุดท้ายแล้วบั้นปลายของการศึกษาคือความคาดหวังในการทำงานสบายเงินเดือนสูง
หาได้ยากที่ผู้ปกครองจะส่งเสียลูกเพียงเพื่อความรู้ IQ EQ เพียงลำพัง
ซึ่งจะสรุปว่าผู้ปกครองส่งเด็กไปโรงเรียนเพื่อเป็นลูกจ้างระดับสูงก็คงไม่ผิดนัก

แต่พอจะบอกว่า "การศึกษาคือการยกระดับคุณภาพลูกจ้าง" แล้วนั้น กลับไม่มีใครอยากจะพูดและอยากจะเชื่อ
นักการเมืองไม่กล้าพูดเพราะกระทรวงนี้ถลุงเงินไปเยอะ ผลประโยชน์แยะ ใครแตะมีเจ็บ
สถาบันการศึกษาก็ไม่กล้าพูดเพราะมันเป็นหน้าตายศถาของผู้เกี่ยวข้องสถาบัน
ใครจะยกย่อให้เกียติยกย่องเชิด "ลูกจ้าง" สถาบันศึกษาถ้าบอกไป แถมลูกจ้างที่หลงเชื่อไปนั้นก็ทุ่มเททำงานแบบไม่ขอโอทีด้วย
ภาคธุรกิจที่เกี่ยวของก็ไม่มีใครพูดเพราะเป็นเพียงไม่กี่ธุรกิจที่ลูกค้าไม่ต่อราคาแถมยังเลือกหาที่แพงที่สุดเท่าที่กำลังทรัพย์ของตนจะมี

ย้อนกลับไปยังประโยค "การศึกษาคือการยกระดับประชาชน" หากจุดประสงค์ของการศึกษาคือการยกระดับประชาชน
ทำไมค่าใช้จ่ายทางการศึกษามันถึงสูงขึ้นอย่างทวีคูณ ทำไมคุณภาพของการศึกษานั้นบางครั้งสู้อ่านวิกิพีเดียหรือดูคลิปในยูทูปไม่ได้
ทำไมเครือธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาถึงเติบโตและแข่งขันกันสูงขึ้นๆ ? เพราะสภาบันการศึกษาของภาครัฐนั้น "ยกระดับประชาชน" ไม่พอหรือ ?

หากสภาบันการศึกษาไม่ดำเนินการเพื่อการกุศลแล้ว การศึกนั้นก็เป็นธุรกิจ และธุรกิจต้องการผลกำไร...
ใครคือลูกค้า ? อะไรคือผลิตภัณฑ์ของธุรกิจการศึกษา ?
ลูกค้านั้นย่อมเป็นคนที่จ่ายเงินซึ่งก็คือผู้ปกครอง ส่วนผลิตภัณฑ์นั้นก็คือการฝึกเด็กให้เหมาะสมกับตำแหน่งงานที่ต้องการทักษะความรู้ระดับต่างๆ

ทว่าเมื่อไม่มีใครยอมรับว่า "การศึกษาคือการยกระดับคุณภาพลูกจ้าง" แล้วความบิดเบี้ยวจึงได้บังเกิดขึ้น
หลักสูตรการสอนที่ไม่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน
หลักสูตรล้าสมัยที่ตามการเปลี่ยนแปลงของตลาดงานไม่ทัน
หลักสูตรผลาญเงิน ออกมาเพื่อตามใจเด็กที่ผู้ปกครองตามใจ(ไม่ว่าจะเพราะโอ๋ เพราะบ้านมีกิจการ หรือเพราะเชื่อว่าลูกจะทำเงินได้จากความรู้นี้)

เด็กเองก็ไปเรียนอย่างไร้จุดหมาย ไปโรงเรียนเพื่อหาเพื่อนซะเยอะ
พอเรียนไประดับสูงขึ้นก็เลือกเรียนหลักสูตรตามความฝัน หลักสูตรเรียนง่ายจบง่าย
สุดท้ายจบมาแล้วหางานไม่ได้เป็นจำนวนมาก

ทว่าเด็กจบมานั้นไม่ได้จบออกมาตัวปล่าวกันซะทั้งหมด มีจำนวนไม่น้อยที่จบมาพร้อมกับหนี้ก้อนโตที่ชื่อว่าหนี้เพื่อการศึกษา
การศึกษาที่ไม่ได้ช่วยให้เด็กนั้นหาเงินมาใช้หนี้ได้และปริมาณหนี้ที่เด็กนั้นไม่เคยแลดูมาก่อน ซึ่งเปรียบได้กับคนรูดบัตรเครดิตที่ไม่เคยเช็คยอดจนเต็มวงเงิน
ตื่นจากความฝันสวยหรูที่เหล่าผู้ใหญ่กรอกหูว่าเรียนจบแล้วมีงานทำมีเงินใช้ มาพบความจริงที่นอกจากไม่มีงานแล้วยังมีหนี้ก้อนโตอีก

ซึ่งหนี้เพื่อการศึกษานี้นั้นโตขึ้นในเด็กแต่ละรุ่นโดยไม่มีใครทักท้วงเนื่องด้วย
1. นักเรียนและผู้ปกครองไม่เคยสนยอดหนี้ที่ก่อ แถมยังเชื่ออย่างสนิทใจว่ายังไงก็มีเงินใช้หนี้ได้สบายๆ จากงานตอนเรียนจบ
2. ภาครัฐก็ไม่แคร์ เพราะยังไงเงินนี้ก็ได้คืน ไม่ทางใด ก็ทางหนึ่ง แถมยังเป็นเงินภาษีไม่ใช่เงินของเหล่าผู้เสนอและดำเนินนโยบาย
3. สถาบันการศึกษา เมื่อคนออกเงินไม่แคร์ คนจ่ายก็ไม่แคร์ แล้วตัวสถาบันเองจะแคร์ทำไม ขึ้นราคาไปยังไงก็จ่ายกันได้ จ่ายไม่ได้ก็ไปกู้สิ
เขามีกองทุนชื่อสวยๆ ว่า "กองทุนเพื่อช่วยเหลือผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ลดความเหลื่อมล้ำในการศึกษา" "กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา" อยู่

กลายเป็นวงจรอุบาตที่เหล่าผู้เสียผลประโยชน์หลอกตัวเอง หลงเชื่อโฆษณาชวนเชื่อจากภาคต่างๆ
สุดท้ายต้องมานั่งใช้หนี้ก้อนโตที่ไม่สร้างรายได้อะไร แถมไม่ได้ใช้ไปไม่กี่ปีก็ลืมหมดแล้วที่เสียเงินเรียนกันมา
ส่วนผู้ได้ผลประโยชน์ ผลกำไรจากวงจรนี้นั้นก็เหล่าภาคส่วนที่โปรโมตว่า "การศึกษาคือการยกระดับประชาชน" นั่นแหละครับ
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: Black7nos, Liverbird

ออฟไลน์ nosta

  • แม่ทัพหมีชั้นสูง
  • ***
  • กระทู้: 2,522
  • ถูกใจแล้ว: 1151 ครั้ง
  • ความนิยม: +106/-145
Re: เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา โอกาศของใคร ?
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: สิงหาคม 16, 2022, 06:26:12 PM »
กองทุนเองนี่แหละที่ทำให้ค่าเทอมเอกชนแพงขึ้น เพราะคนกู้เงินมาเข้าเรียนแพงๆได้ง่าย เอกชนเลยขึ้นราคาได้ ยิ่งทำให้ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาเพิ่มขึ้นอีก
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: richter

ออฟไลน์ Reisan

  • หมีเต็มตัว
  • *
  • กระทู้: 95
  • ถูกใจแล้ว: 78 ครั้ง
  • ความนิยม: +4/-4
Re: เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา โอกาศของใคร ?
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: สิงหาคม 16, 2022, 07:33:23 PM »
กองทุนเองนี่แหละที่ทำให้ค่าเทอมเอกชนแพงขึ้น เพราะคนกู้เงินมาเข้าเรียนแพงๆได้ง่าย เอกชนเลยขึ้นราคาได้ ยิ่งทำให้ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาเพิ่มขึ้นอีก
กองทุนของไทยนี่คือกยศ. ซึ่งมหาลัยเอกชนแพงหรือไม่แพงนี่ไม่เกี่ยวเลย เพราะวงเงินต่อคนมีจำกัด ถ้าเกินต้องออกเอง แถมการที่จะขอทุนได้ทางครอบครัวนี่ต้องมีรายได้ไม่เกินที่กำหนดด้วย
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: richter

ออฟไลน์ Liverbird

  • หมีเต็มตัว
  • *
  • กระทู้: 43
  • ถูกใจแล้ว: 35 ครั้ง
  • ความนิยม: +0/-3
Re: เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา โอกาศของใคร ?
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: สิงหาคม 17, 2022, 12:12:03 AM »
อยากให้ประเทศไทยมีเทรนด์การทำบุญ  ด้วยการให้ทุนการศึกษากันเยอะๆ  ให้ฮิตจนเป็นธรรมดา
จะเป็นทุนให้เปล่า  ทุนมีเงื่อนไข  ก็ขอให้เทรนด์นี้ติดลมบน  ขอให้สนับสนุนไม่ดราม่ากล่าวหาว่า
เอาหน้า  อยากได้หน้า  มาโฆษณาโชว์
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: richter

ออฟไลน์ creymerty

  • หัวหน้าฝูงหมีเล็ก
  • ***
  • กระทู้: 370
  • ถูกใจแล้ว: 122 ครั้ง
  • ความนิยม: +13/-8
  • แค่เหนื่อย! กับบางสิ่่ง จึงมาหาที่พึ่งพิงทางใจ
Re: เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา โอกาศของใคร ?
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: สิงหาคม 17, 2022, 01:33:06 AM »
พูดตรงๆ แนวคิดการบริหารจัดการเงินทุนเงินกู้ของบรรดานักเรียน นักศึกษาที่ได้ทุนไป ที่เคยเจอแทบจะแค่ 1 ใน 10 เท่านั้นที่คิดได้ว่าเงินที่ได้นะ เขาให้มาเรียน  ไม่ใช่เงินออกแล้ว นั่งกินนั่งดื่มกันก่อน หลังจากนั้นเหลือเท่าไหร่ค่อยว่ากัน  พอจบไปก็หาย ไม่จ่าย พอใบทวงหนี้มาถึงบ้าน ถึงที่ทำงาน ก็มาคร่ำครวญ บางคนถึงกับลากผู้ปกครองมาหา ให้ช่วยค้ำประกันบ้าง ออกให้ก่อนบ้างละ กลัวจะเสียอนาคตการทำงาน จะบอกว่าครูมีหน้าที่หาทุนให้ แต่ไม่ได้มีหน้ามาจ่ายให้แทนนะ จนหลังๆต้องบอกนักศึกษาใหม่ ว่า ครูไม่หาทุนให้พวกเธอแล้วนะ เพราะพวกรุ่นพี่ๆเธอนะไร้ความรับผิดชอบกัน แต่จะสร้างโอกาศให้แทน อยากไปฝึกงานที่ไหนดีๆ บอกได้ แต่เขาจะเห็นความสามารถของเราแล้วให้โอกาศไหม อยู่ที่ตัวเองแล้ว ผมพูดแบบนี้แหละตอนเปิดเทอมใหม่ ซึ่งได้ผลพอประมาณ พวกรุ่นเก่าๆที่เหนียวหนี้กลับมาจ่ายกันหลายคน บางคนก็เป็นพ่อของนักศึกษาใหม่ด้วยซ้ำ คงจะพึ่งคิดได้มั้ง
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: richter

ออฟไลน์ pol

  • สาวกผู้สนับสนุนเซนนิคุง2Y
  • จอมทัพหมีชั้นสูง
  • ***
  • กระทู้: 17,728
  • ถูกใจแล้ว: 20766 ครั้ง
  • ความนิยม: +371/-7
  • เพศ: ชาย
  • นักอู้มือหนึ่ง
Re: เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา โอกาศของใคร ?
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: สิงหาคม 17, 2022, 08:12:44 AM »
กองทุนเพื่อการศึกษาเป็นสิ่งที่ดีครับ แต่สำหรับพวกเบี้ยวหนี้ก็ง่ายๆถ้ามีงานทำแล้วก็ให้รัฐติดต่อกับที่ทำงานของคนๆนั้นแล้วหักเงินเดือนในแต่ละเดือนมาใช้หนี้มันก็จบแล้วครับ
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: Black7nos, richter

ออฟไลน์ Black7nos

  • ผู้สนับสนุนเซนนิคุงY3
  • ยอดขุนพลหมี
  • *****
  • กระทู้: 5,110
  • ถูกใจแล้ว: 3654 ครั้ง
  • ความนิยม: +216/-312
Re: เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา โอกาศของใคร ?
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: สิงหาคม 17, 2022, 01:24:29 PM »
เป็นการวิเคราะห์มุมมองที่น่าสนใจดีครับ แน่นอนครับการศึกษามีผลต่อการได้งาน เพียงแต่อย่างที่บอกก็คือต่อให้การศึกษาน้อยก็มีโอกาสได้งานดีๆเหมือนกัน ถ้าเจอ Right Job จริงๆ
ดังนั้นยิ่งการศึกษาสูง มันก็จะมีตั๋วมากกว่าคนที่การศึกษาน้อย พูดง่ายๆ มันก็คือต้นทุนชีวิตแหละครับ


จริงๆประเด็นของเจ้าของโพสต์ ทางตะวันตกจะเห็นภาพชัด แต่ทางเอเชียจะเห็นภาพชัดกว่ามากๆ โดยเฉพาะจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ รวมทั้งไทย


@Liverbird ส่วนตัวผมไม่เคยเห็นด้วยกับการทำบุญเท่าไหร่ครับ โดยเฉพาะสิ่งที่เป็นพื้นฐานของมนุษย์อย่างการศึกษา สาธารณสุข ฯลฯ
ผมคิดว่ามันมีคนรับผิดชอบหน้าที่นี้อยู่แล้วคือรัฐบาล ผู้ที่ได้รับอำนาจอันชอบธรรมให้มีอำนาจและความรับผิดชอบต่อหน้าที่ในการบริหารเงินงบประมาณในส่วนตรงนี้ซึ่งมาจากภาษีของพวกเราทุกคน
การบริจาคสิ่งที่ควรเป็นพื้นฐาน มันทำให้รัฐบาลเสียนิสัยครับ ทั้งที่ตัวเองมีหน้าที่แต่กลับไม่ทำ แต่ให้คนอื่นทำให้ อย่างนี้จะมีรัฐบาลทำไม
ผู้กล้าอาณาจักรกุหลาบ https://goshujin.tk/index.php/topic,15078.0.html
ึคุณพ่อผมถูกเอาเงินจ้างฟาดหัว ผมเลยต้องมาเป็นนักมวยไทยที่ต่างแดน https://goshujin.tk/index.php?topic=32172.msg796105#msg796105
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: richter

ออฟไลน์ Liverbird

  • หมีเต็มตัว
  • *
  • กระทู้: 43
  • ถูกใจแล้ว: 35 ครั้ง
  • ความนิยม: +0/-3
Re: เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา โอกาศของใคร ?
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: สิงหาคม 17, 2022, 04:45:47 PM »
เป็นการวิเคราะห์มุมมองที่น่าสนใจดีครับ แน่นอนครับการศึกษามีผลต่อการได้งาน เพียงแต่อย่างที่บอกก็คือต่อให้การศึกษาน้อยก็มีโอกาสได้งานดีๆเหมือนกัน ถ้าเจอ Right Job จริงๆ
ดังนั้นยิ่งการศึกษาสูง มันก็จะมีตั๋วมากกว่าคนที่การศึกษาน้อย พูดง่ายๆ มันก็คือต้นทุนชีวิตแหละครับ


จริงๆประเด็นของเจ้าของโพสต์ ทางตะวันตกจะเห็นภาพชัด แต่ทางเอเชียจะเห็นภาพชัดกว่ามากๆ โดยเฉพาะจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ รวมทั้งไทย


@Liverbird ส่วนตัวผมไม่เคยเห็นด้วยกับการทำบุญเท่าไหร่ครับ โดยเฉพาะสิ่งที่เป็นพื้นฐานของมนุษย์อย่างการศึกษา สาธารณสุข ฯลฯ
ผมคิดว่ามันมีคนรับผิดชอบหน้าที่นี้อยู่แล้วคือรัฐบาล ผู้ที่ได้รับอำนาจอันชอบธรรมให้มีอำนาจและความรับผิดชอบต่อหน้าที่ในการบริหารเงินงบประมาณในส่วนตรงนี้ซึ่งมาจากภาษีของพวกเราทุกคน
การบริจาคสิ่งที่ควรเป็นพื้นฐาน มันทำให้รัฐบาลเสียนิสัยครับ ทั้งที่ตัวเองมีหน้าที่แต่กลับไม่ทำ แต่ให้คนอื่นทำให้ อย่างนี้จะมีรัฐบาลทำไม

มันก็คล้ายๆการตั้งกองทุนหรือองค์กรหรือมูลนิธิของฝรั่งนั่นแหละ  ส่วนเหตุผลมันก็หลากหลาย
บ้างก็เพื่ออุดรอยรั่วภาครัฐ  บ้างก็อยากทำในแนวทางที่ต่างจากรัฐ  บ้างก็อยากทำในสิ่งที่รัฐไม่ใส่ใจ
หรือไม่ก็มีเหตุผลว่า  เงินฉันหามาได้ฉันก็อยากบริหารเองไม่อยากให้รัฐนำไปบริหาร  ซึ่งรัฐก็อนุโลม
ในรูปแบบตั้งมูลนิธิองค์กรการกุศล  ในไทยเราคนจีนก็นิยมตั้งเหมือนกัน  เพื่อวัตถุประสงค์ดูแล
ลูกหลานคนแซ่เดียวกัน  จะว่าเป็นการเลี่ยงภาษีก็ไม่ใช่เพราะรัฐก็ต้องการให้เราทำแบบนั้น 



หลายสิ่งหลายอย่าง  ถ้าเราเห็นว่ารัฐทำไม่ถูกใจเราสักเท่าไร  เราเป็นผู้มีความคิดเห็นต่าง  ต่างจาก
ภาครัฐหรือคนส่วนใหญ่  เราก็ลงมือทำด้วยตัวเองซะเลย  ถ้าเรามีกำลังทุนทรัพย์อ่ะนะ  หรือไม่
บางคนก็  การทำอย่างเช่นให้ทุนการศึกษา  ทำนุบำรุงศาสนาสร้างวัดหรือโรงพยาบาล  บางทีพวกเขา
คงอยากให้เหลือตัวตนในโลกนี้บ้าง  เหลือให้ระลึก  เพราะกลัวว่าจะตายอย่างโดดเดี่ยวหล่ะมั้ง



บางที  ไม่ต้องรอให้รัฐทำในสิ่งที่เราถูกใจหรอก  เพราะบางอย่างที่เราถูกใจ  หาใช่คนส่วนใหญ่ถูกใจ
ถ้ามีทุนทรัพย์ไม่เดือดร้อนใคร  ก็ทำสังคมให้เป็นไปอย่างที่เราต้องการบ้างก็ได้  เพราะถือว่าเรามีพลัง
อย่างคนรวยตะวันตก  ฝรั่งเขาเห็นหรืออยากให้ตรงจุดไหนได้รับความสำคัญ  เขาก็นำเงินไปช่วยจุดนั้น
เช่น  บางคนให้ความสำคัญกับโรคบางโรค  ก็บริจาคทุ่มเทให้การวิจัยรักษาโรคนั้น(คีอาร์นูรีฟ) หรือ
ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม  ให้ความสำคัญกับศาสนา  ให้ความสำคัญกับการอ่านออกเขียนได้
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: richter

ออฟไลน์ Alice13th

  • หัวหน้าฝูงหมีกลาง
  • ****
  • กระทู้: 678
  • ถูกใจแล้ว: 450 ครั้ง
  • ความนิยม: +21/-24
Re: เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา โอกาศของใคร ?
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: สิงหาคม 17, 2022, 08:56:53 PM »
เรื่องแปลกแต่เป็นความจริงพวกที่จบ ปวช ปวส เงินเดือนน้อยกว่าพวกที่จบ ป.ตรีแต่ว่าพวกนี้ส่วนใหญ่จะเป็นแรงงานที่มีคุณภาพดีกว่าพวกที่จบ ป.ตรีมาแถมพวกนี้บางส่วนสามารถพร้อมทำงานได้เลยไม่ต้องฝึกสอนให้ยุ่งยากไม่ต้องเสี่ยงดวงว่าจะได้พนักงานที่ทำอะไรไม่เป็นเลยซึ่งจะเจอมากในพวกที่จบ ป.ตรีมา
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: pol, richter, Zytrose และมีอีก 0 หมีที่ถูกใจสิ่งนี้

 

Tags:
แหล่งนิยายแปล แหล่งนิยาย นิยายแปล นิยายแต่ง มังงะ การ์ตูน อนิเมะ นายท่าน เว็บไซต์นายท่าน กระทู้สไลม์ สไลม์ยอดรัก