Praetorian Guard ชนวนจุดเริ่มต้นของการถดถอยของจักรวรรดิ์โรมัน

[Black7nos]

นานๆทีมาพูดถึงเรื่องประวัติศาสตร์กันซักหน่อย วันนี้ผมขอพูดถึง Praetorian Guard(แพรโทเรี่ยน การ์ด) ซึ่งก็คือราชองครักษ์ของจักรพรรดิ์โรมัน
ผมขอให้เครดิตภาพ Art และข้อมูลจากเพจ Defnet History



ถ้าเราจะพูดถึงกองทัพที่เกรียงไกรที่สุดในยุคหนึ่งของประวัติศาสตร์ มันคงหนีไม่พ้นกองทัพโรมันเป็นแน่แท้ และระบบกองทัพของโรมันเองก็ยังตกทอดมาจนถึงทุกวัน โดยเฉพาะการแบ่งหน่วยรบตั้งแต่หน่วยย่อยระดับหมู่(Contubernium) กองร้อย(Centuria) หมวด(Cohort) ไปจนถึงกองพัน(Legion) แม้แต่สัญลักษณ์บั้งของจ่าเองก็มาจากสัญลักษณ์รูปหอกของเทพ Mars ดังนั้นกองทัพปัจจุบันในโลกนั้นมีรูปแบบอ้างอิงมาจากกองทัพโรมันไม่ว่าจะเป็นของชาติไหนก็ตาม

เอาละเกริ่นมาพอแล้ว ทีนี้ผมอยากจะกล่าวถึงทหารประเภทหนึ่ง คือ Praetorian Guard หรือ Palatina Guard เดิมทีพวกเขานั้นเป็นทหารที่มีหน้าที่คุ้มกันเต้นท์ของแม่ทัพ(Legatus) หรือบุคคลสำคัญทางการเมืองของโรมัน และภายหลังเมื่อโรมันเปลี่ยนจากระบอบ Republic(สาธารณรัฐ) เป็น Empire(จักรวรรดิ) กลุ่ม Praetorian Guard ก็ได้ยกระดับตัวเองขึ้นมาเป็นทหารที่มีหน้าที่คุ้มกันจักรพรรดิ์ พูดง่ายๆก็คือราชองครักษ์นี่แหละ ทำให้พวกเขาได้รับการขยายบทบาทมากขึ้น

เครื่องแบบของ Praetorian Guard จะเป็นเกราะที่ทาสีดำ และผ้าคลุมสีม่วง Tyrian เช่นเดียวกับสีของจักรพรรดิ์

แต่ภายหลังศตวรรษที่ 1 จักรพรรดิของโรมันได้ให้อำนาจพวกทหาร Praetorian Guard ในการเข้ามาเล่นการเมืองทั้งในวัง+สภา ผลคือในที่สุด Praetorian Guard ก็สามารถมีอำนาจในการบงการถึงขั้นโหนอำนาจตัวจักรพรรดิ์ แม้กระทั่งแต่งตั้งหรือถอดถอนจักรพรรดิของโรมันได้ และไม่มีหน่วยหรือองค์กรใดสามารถตรวจสอบได้ ทำให้หน่วยนี้ภายหลังถูกมองว่าฉ้อฉลมากที่สุดของโรมันและเป็นหนึ่งสาเหตุให้พบกับโรมันเริ่มเสื่อมถอย

และนอกจากนี้เพื่ออำนาจและผลประโยชน์ Praetorian Guard ยังกระทำการลอบสังหารจักรพรรดิโรมันเพื่อหาคนใหม่ที่ให้ผลประโยชน์ที่ดีกว่านั่งบังลังก์แทน จนเกิดวิกฤติศตวรรษที่ 2 ที่จักรพรรดิ์โรมันมักอายุอยู่ไม่ยืด เฉลี่ยดำรงตำแหน่งไม่เกิน 4 ปี ก็มักมีอันเป็นไปจนถึงศตวรรษที่ 3


ตัวอย่างรายชื่อจักรพรรดิ์โรมันผู้โชคร้ายถูก Praetorian Guard ลอบสังหาร(จริงๆมีมากกว่านี้ครับ เยอะด้วย)
- Galba 68-69
- Vitelius 69
- Pertinax 193
- Caracalla 211-217
- Elagabalus 218-222
- Balbinus 238
- Pupienus 238
- Aurelian 270-275
- Marcus Aurelius Probus 276-282

สรุปข้อคิด
ผมต้องการแสดงให้เห็นถึงความผิดพลาดหนึ่งของระบบโรมัน จริงๆอยู่ที่ระบบของโรมันนั้นก้าวหน้าและล้ำสมัยกว่าชาติพันธุ์อื่นๆในยุคเดียวกัน แต่ทว่าโรมันก็มีระบบที่ผิดพลาดคือการทำให้ทหารเข้ามาเล่นการเมือง โดยเฉพาะทหารรักษาพระองค์อย่าง Praetorian Guard ผลคือจุดเสื่อมถอยของอาณาจักรไปจนถึงการล่มสลาย

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

แถม เครื่องแบบ Praetorian Guard จริง


Ref
https://www.facebook.com/DefnetHistory/photos/?ref=page_internal
https://www.history.com/news/8-things-you-may-not-know-about-the-praetorian-guard

• Tweet

[GoldDigger]

อ่านข้อความในรูปภาพแล้ว  ทำให้นึกถึงเหล่าขันทีของจีนแฮะ   


ประมาณว่า  ตอนแรกที่มีขันที  มันมีขึ้นเพื่อคอยรับใช้หรือดูแล  เหล่าผู้หญิงในวังหลัง
แต่ต่อมาในภาคหน้า  มันกลับกลายเปลี่ยนเป็นกลุ่มขุมกำลังที่มีอิทธิพลอย่างมาก  เพราะ
ขันทีนั้น  มีเส้นสายหรือสามารถให้ความดีความชอบกับเหล่าหญิงเหล่านั้น  อุ้มชูแล้วให้
ผลประโยชน์ต่างตอบแทนกันและกัน  จนพวกเธอได้มีลูกกับฮ่องเต้  ลูกได้เป็นฮ่องเต้


ขันทีของจีนจึงคล้ายๆเป็นผู้กุมอำนาจอยู่เบื้อหลัง  ฉ้อราษฏร์บังหลวง  แต่ตั้งข้าราชการได้
แต่งตั้งนายพลได้  ยุแหย่ยุแยงได้ 

[Black7nos]

อ่านข้อความในรูปภาพแล้ว  ทำให้นึกถึงเหล่าขันทีของจีนแฮะ   


ประมาณว่า  ตอนแรกที่มีขันที  มันมีขึ้นเพื่อคอยรับใช้หรือดูแล  เหล่าผู้หญิงในวังหลัง
แต่ต่อมาในภาคหน้า  มันกลับกลายเปลี่ยนเป็นกลุ่มขุมกำลังที่มีอิทธิพลอย่างมาก  เพราะ
ขันทีนั้น  มีเส้นสายหรือสามารถให้ความดีความชอบกับเหล่าหญิงเหล่านั้น  อุ้มชูแล้วให้
ผลประโยชน์ต่างตอบแทนกันและกัน  จนพวกเธอได้มีลูกกับฮ่องเต้  ลูกได้เป็นฮ่องเต้


ขันทีของจีนจึงคล้ายๆเป็นผู้กุมอำนาจอยู่เบื้อหลัง  ฉ้อราษฏร์บังหลวง  แต่ตั้งข้าราชการได้
แต่งตั้งนายพลได้  ยุแหย่ยุแยงได้ 

ยังไม่คล้ายขันทีซะทีเดียวครับ ขันทีมีอำนาจการบริหาร แต่ไม่มีอำนาจทางการทหาร ถ้าจะคล้ายจริงก็คือแม่ทัพโฮจิ๋นกับตอนตั๋งโต๊ะครองอำนาจ เดิมทีตั๋งโต๊ะเป็นเจ้าครองแคว้นเสเหลียงและมีกำลังทหาร(กองทัพตั๋งโต๊ะเป็นกองทัพเดียวที่เป็นทหารอาชีพครับ) และการที่ตั๋งโต๊ะมีอำนาจในการโหนพระราชโองการของฮ่องเต้มันก็เป็นจุดจบราชวงศ์ฮั่นเหมือนกับที่ Praetorian Guard โหนอำนาจจักรพรรดิโรมันครับ

อำนาจการทหารต้องแยกให้ขาดจากอำนาจทางการเมืองครับ ไม่งั้นก็จบแบบโรมัน

[pol]

ทั้งใช่และไม่ใช่ครับ ราชองครักษ์เป็นคนสังหารจักรพรรดิโรมันจริงๆแต่สาเหตุหลักๆเลยมาจากการที่โรมันก่อสงครามบ่อยเกินไป  เมื่อให้ทหารไปรบก็ต้องให้ผลประโยชน์กับทหาร เช่น ที่ดิน แรงงานทาส ทรัพย์สินอื่นๆ  มันเลยทำให้แม่ทัพของโรมันมีอำนาจมากเกินไปเพื่อที่จะปกป้องตัวเองจักรพรรดิจึงสร้างราชองครักษ์ขึ้นมา  แต่เขาก็ลืมนึกไปว่าคนพวกนี้ก็เป็นคนที่ต้องการผลประโยชน์เช่นกัน  ถ้าจะเปรียบเทียบกับจีนทหารราชองครักษ์ก็เหมือนกับขันทีที่คุมองค์รักษ์ในวังนั่นแหละครับ

[sariora123]

เอาจริง ผมว่าหลายๆ คนที่สร้างระบบพวกนี้มามันลืมไปหรือเปล่าว่า

ถ้าวันนึงคนที่มีอำนาจคุมได้แค่ 1 อย่าง เขาก็คุมได้แค่ 1อย่างวนๆ อยู่กับวงการนั้นแหละ
แต่ถ้าเสือกให้คุมอำนาจได้ 2 อย่างเมื่อไร เท่ากับว่ามันมีอำนาจครบครันไปหมดแล้ว
ตอนนั้น มั่นใจได้ยังไงว่า มันจะไม่โลภ อยากได้มากกว่าเดิม

เมื่อมีอำนาจคุมทั้ง กำลัง และบริหาร แล้วมันจะจำเป็นต้องฟังคนอื่นอีกเหรอ 

ผมล่ะนึกถึงคำโบราณที่ว่าไว้

ฉลาดและขยัน ให้เป็นที่ปรึกษาจะได้ไม่ทำอะไรเกินหน้าเกินตา
ฉลาดแต่ขี้เกียจ ให้เป็นแม่ทัพ เสนาบดี จะได้ไม่ทำอะไรเกินคำสั่ง
โง่และขี้เกียจ ยังบังคับทำงานได้
แต่โง่และขยันไม่มีประโยชน์อะไร

คนที่คิดประโยคนี้ขึ้นมาเข้าใจลักษณะนิสัยการใช้งานคนดีพอตัวเลยนะ

[Black7nos]

ทั้งใช่และไม่ใช่ครับ ราชองครักษ์เป็นคนสังหารจักรพรรดิโรมันจริงๆแต่สาเหตุหลักๆเลยมาจากการที่โรมันก่อสงครามบ่อยเกินไป  เมื่อให้ทหารไปรบก็ต้องให้ผลประโยชน์กับทหาร เช่น ที่ดิน แรงงานทาส ทรัพย์สินอื่นๆ  มันเลยทำให้แม่ทัพของโรมันมีอำนาจมากเกินไปเพื่อที่จะปกป้องตัวเองจักรพรรดิจึงสร้างราชองครักษ์ขึ้นมา  แต่เขาก็ลืมนึกไปว่าคนพวกนี้ก็เป็นคนที่ต้องการผลประโยชน์เช่นกัน  ถ้าจะเปรียบเทียบกับจีนทหารราชองครักษ์ก็เหมือนกับขันทีที่คุมองค์รักษ์ในวังนั่นแหละครับ

สมัยก่อนโรมันมีข้อเสียอยู่ 2 ข้อ
ข้อแรก คือ ระบบ Praetorian Guard
ข้อสอง คือ ระบบที่กองทัพของโรมันไม่ได้มีกองทัพเดียว และไม่ได้ขึ้นตรงกับคนๆเดียว อย่างสมัยของจูเลียส ซีซาร์เองในยุคที่ 3 คนครองอำนาจอันได้แก่ ซีซาร์, แคสซัส และ ปอมเปย์ ทั้ง 3 คนก็ต่างมีกองทัพเป็นของตัวเอง
เช่น Julius Caesar ก็จะมีกองทัพ Legio I Germanica, Legio III Gaulica, Legio VI Ferrata, Legio X Equestris ฯลฯ


อย่างที่ผมเคยบอกว่า ประเทศหนึ่งจะมีกองทัพมากกว่าหนึ่งกองทัพไม่ได้ ผลก็คือเกิด Civil War ในประวัติของ Caesar เนื่องจาก Crassus ก็มีกองทัพของตัวอง Pompey ก็มีกองทัพของตัวเอง


แล้วสำคัญคือสมัยก่อน โรมันยังไม่แยกอำนาจบริหารออกจากอำนาจการทหาร ผลของมันก็คือ Pompey และ Crassus มีอำนาจทั้งในสภาและการทหาร ผลก็คือ Civil War ในท้ายที่สุด
เพราะการเอาทหารมาเกี่ยวพันกับผลประโยชน์ครับ


ดังนั้นระบบปกครองยุคใหม่คือมันจะต้องแยกการบริหารกับการทหารให้ขาดออกจากกันครับ
จริงๆผมเคยเสนอว่า ปัจจุบันอำนาจเสาหลักทั้ง 3 คือ บริหาร, นิติบัญญัติและตุลาการ อย่างที่เรารู้กัน คำถามคือการทหารควรอยู่กับอำนาจของฝ่ายไหน


ซึ่งผมคิดว่า ไม่ควรอยู่ในอำนาจบริหารเพราะมันจะอันตรายเกินไป เป็นแบบโรมันในอดีต อำนาจการทหารจริงๆควรอยู่ใต้สภาครับ เพราะการประกาศสงครามกับประเทศใดๆ หรือการใช้ทหารเพื่อเหตุใดๆควรผ่านสภาก่อนครับ ทหารเป็นพวกเดียวกับนายกฯหรือปธน.ผมมองว่าอันตรายเกินไปครับ

[Black7nos]

เอาจริง ผมว่าหลายๆ คนที่สร้างระบบพวกนี้มามันลืมไปหรือเปล่าว่า

ถ้าวันนึงคนที่มีอำนาจคุมได้แค่ 1 อย่าง เขาก็คุมได้แค่ 1อย่างวนๆ อยู่กับวงการนั้นแหละ
แต่ถ้าเสือกให้คุมอำนาจได้ 2 อย่างเมื่อไร เท่ากับว่ามันมีอำนาจครบครันไปหมดแล้ว
ตอนนั้น มั่นใจได้ยังไงว่า มันจะไม่โลภ อยากได้มากกว่าเดิม

เมื่อมีอำนาจคุมทั้ง กำลัง และบริหาร แล้วมันจะจำเป็นต้องฟังคนอื่นอีกเหรอ 

ผมล่ะนึกถึงคำโบราณที่ว่าไว้

ฉลาดและขยัน ให้เป็นที่ปรึกษาจะได้ไม่ทำอะไรเกินหน้าเกินตา
ฉลาดแต่ขี้เกียจ ให้เป็นแม่ทัพ เสนาบดี จะได้ไม่ทำอะไรเกินคำสั่ง
โง่และขี้เกียจ ยังบังคับทำงานได้
แต่โง่และขยันไม่มีประโยชน์อะไร

คนที่คิดประโยคนี้ขึ้นมาเข้าใจลักษณะนิสัยการใช้งานคนดีพอตัวเลยนะ

จะพูดไงดีล่ะ สมัยก่อนคือเขายังไม่รู้ว่าถ้าคนมีอำนาจมากเกินไปจะทำให้เกิดภัยมหันต์ สมัยก่อนยกตัวอย่างเช่น โรมันเอย ราชวงศ์ฉินเอย ราชวงศ์หยวน(มองโกล)เอย หรือแม้แต่โอดะ-ฮิเดโยชิ ต่างก็คิดว่าความสงบสุขจะเกิดจากการรวบอำนาจให้อยู่ที่คนๆเดียว การกระจายอำนาจคือการทำให้เกิด Chaos คือ พวกเขาคิดว่าถ้าอำนาจรวมศูนย์ทุกคนจะฟังเขาผู้เดียวและก็จะปลอดภัย(มองว่าทุกคนคือหุ่นกระบอกหรือหุ่นยนต์) แต่กาลเวลาได้พิสูจน์ในเวลาต่อมาว่าพวกเขาคิดผิด การรวบอำนาจหรืออำนาจรวมศูนย์ท้ายสุดมันไม่ได้เกิดความสงบสุขที่แท้จริง มันเป็นแค่การทำให้เหมือนจะสงบเนื่องจากใช้ความกลัวครับ


ดังนั้นท้ายสุดมันก็ส่งต่อบทเรียนจนตกผลึกมาสู่ยุคของเราครับว่าวิธีที่จะสงบสุขที่แท้จริง มันคือการกึ่งกระจายอำนาจและกึ่งรวมอำนาจครับ


การบริหาร จะต้องกระจายอำนาจ เพราะ การสร้างสาธารณูปโภคจะเข้าถึงคนทุกคนและตอบโจทย์คนทุกคนไม่ว่าจะอยู่ในเมืองใหญ่ เมืองเล็กหรือชายขอบ
การทหาร จะต้องรวมอำนาจ เพราะกองทัพจะมีสองกองทัพขึ้นตรงกับคนละคนในประเทศเดียวกันไม่ได้ ไม่งั้นเกิด Civil War แน่ๆ กองทัพจะต้องมีแค่กองทัพเดียวครับ


พูดง่ายๆ ตอนนี้เท่าที่ปรากฎในโลกปัจจุบันระบบดีที่สุดก็คือระบบสาธารณรัฐแบบสหพันธรัฐ แต่มีกองทัพแค่กองทัพเดียวขึ้นตรงกับอำนาจเดียว เช่น Germany USA UK

[sariora123]

สมัยก่อนกระจายอำนาจยาก ครับ เพราะคนสมัยก่อนแม่งโง่ โง่จริง เลยอะไอ้พวกพวกโง่ๆ น่ะ


อย่าว่าแต่สมัยก่อนเลยสมัยนี้ก็ยังโง่อยู่ และรัฐไม่ปลื้มที่คนจะฉลาดมากขึ้น


ซึ่งเอาตามจริงแล้วอย่างประเทศพัฒนาแล้ว ที่มีเทคโนระดับสูง ๆ หลายประเทศเขาส่งเสริม หรือมีที่เว้นไว้ให้คนฉลาด อย่างน้อยก็เอามาใช้งานได้ 

[pol]

เอาจริงๆการคานอำนาจสมัยก่อนแม่มโคตรยากนะครับเพราะถ้าเราไม่ให้อำนาจแม่ทัพ ถามหน่อยว่าลิงที่ไหนจะมาเป็น?  เสี่ยงก็เสี่ยงสร้างโจทย์ก็เพียบแม่ทัพสมัยก่อนเลยมีกองกำลังทหารส่วนตัวที่เรียกว่าทหารคนสนิท  ถ้าตำแหน่งใหญ่พออาจจะมีได้ถึงหลายพันคนหรือเป็นหมื่น

[Black7nos]

เอาจริงๆการคานอำนาจสมัยก่อนแม่มโคตรยากนะครับเพราะถ้าเราไม่ให้อำนาจแม่ทัพ ถามหน่อยว่าลิงที่ไหนจะมาเป็น?  เสี่ยงก็เสี่ยงสร้างโจทย์ก็เพียบแม่ทัพสมัยก่อนเลยมีกองกำลังทหารส่วนตัวที่เรียกว่าทหารคนสนิท  ถ้าตำแหน่งใหญ่พออาจจะมีได้ถึงหลายพันคนหรือเป็นหมื่น

สมัยก่อนมันก็มีความพยายามจะคานอำนาจกันนะ อย่างโรมันเองก็มีสภา Senate ที่คอยคานอำนาจระหว่างอภิสิทธิชน แต่ก็มาจบเห่หลังจากโรมันเปลี่ยนจาก Republic เป็น Empire
แต่นั่นแหละสมัยก่อนเขาไม่รู้เกี่ยวกับข้อเสียระยะยาวของการมีกองทัพหลายๆกองทัพขึ้นตรงกับหลายๆคนครับ ผลมันก็เลยจบอีหรอบนี้เกือบทุกอาณาจักรโบราณในโลก


แต่ภายหลังเริ่มมีนักคิด เช่น มองเตสกิเออร์ ฯลฯ ที่คิดว่าจะสร้างกลไกการคานอำนาจอย่างไรให้เป็นรูปธรรมและใช้ได้จริงเกิดขึ้นมา

[nosta]

สมัยโบราณ ผู้นำประเทศส่วนใหญ่มีแบ็คกราวด์ทางการทหารทั้งนั้นแหละครับ จะซีซาร์ เทรจัน ที่ว่าเป็นผู้นำที่ดีที่สุดก็ทหารเก่า ต่อให้สืบสายเลือดมาก็ต้องฝึกเป็นนายทหารทหาร บัญชาทหารอยู่ดี คนที่มาจากชนชั้นล่างชาวนาก็ต้องรบเพื่อไต่เต้าขึ้นมาก็ต้องเป็นทหารอยู่ดี เพราะสมัยโบราณมันต้องรบกันเรื่อย


ไอ้ที่ว่าทหารเล่นการเมืองในโรมันได้ก็มีตั้งกะสมัยเริ่มกรุงโรมแล้ว ไม่ได้พึ่งมามีตอนยุคเสื่อม แม่ทัพดังๆของโรมันที่จารึกในประวัติศาสตร์ก็เล่นการเมืองทั้งนั้น

[GoldDigger]

 

[Black7nos]

สมัยโบราณ ผู้นำประเทศส่วนใหญ่มีแบ็คกราวด์ทางการทหารทั้งนั้นแหละครับ จะซีซาร์ เทรจัน ที่ว่าเป็นผู้นำที่ดีที่สุดก็ทหารเก่า ต่อให้สืบสายเลือดมาก็ต้องฝึกเป็นนายทหารทหาร บัญชาทหารอยู่ดี คนที่มาจากชนชั้นล่างชาวนาก็ต้องรบเพื่อไต่เต้าขึ้นมาก็ต้องเป็นทหารอยู่ดี เพราะสมัยโบราณมันต้องรบกันเรื่อย


ไอ้ที่ว่าทหารเล่นการเมืองในโรมันได้ก็มีตั้งกะสมัยเริ่มกรุงโรมแล้ว ไม่ได้พึ่งมามีตอนยุคเสื่อม แม่ทัพดังๆของโรมันที่จารึกในประวัติศาสตร์ก็เล่นการเมืองทั้งนั้น

มีน่ะมันมีครับที่สมัยก่อนจะเป็นทั้งนักการทหารและนักปกครองในเวลาเดียวกัน ในสมัยที่ชนชาติส่วนใหญ่ยังเป็นชนเผ่าเล็กๆ
ส่วนโรมเอง อันที่จริงซีซาร์แยกบทบาทนักการทหารกับนักบริหารจากกันอย่างชัดเจนนะครับ


อย่างครั้งแรกตอนรบเพื่อปราบกบฏ Gladiator สปาตาคัส ตอนนั้นซีซาร์มีบทบาทเป็นนักการทหาร
พอหลังจากจบสงครามปราบกบฏ Gladiator สปาตาคัส ซีซาร์ก็ร่วมมือกับแครสซัสกับปอมเปย์ ทำให้เขาได้เป็นคนกลางไกล่เกลี่ยผลประโยชน์ของ 2 อภิสิทธิชนด้วยตำแหน่ง กงศุล ตอนนั้นคือซีซาร์สลัดคราบนักการทหารทิ้งเหลือแค่นักการเมือง
พอหมดวาระกงศุลก็ถูกสภาส่งไปเป็นแม่ทัพทางตะวันตก ซีซาร์ก็เปลี่ยนจากนักการเมืองมาเป็นนักการทหารนำกองทัพปราบเผ่ากอลล์ ตอนนั้นกลับมาเป็นนักการทหารเต็มตัวไม่เหลือคราบนักการเมืองเลย จนปราบกอลล์และชาวโรมันมองซีซาร์เป็นฮีโร่เนื่องจากเผ่ากอลล์มักรุกรานและปล้นชาวโรมันเสมอๆ
และหลังจากทำสงครามกลางเมืองกับปอมเปย์ เมื่อจบสงครามกลางเมือง จูเลียส ซีซาร์ก็เปลี่ยนตัวเองเป็นตำแหน่ง Dictator และเปลี่ยนมาเป็นนักการเมืองฝ่ายบริหารเต็มตัว ไม่ใช่นักการทหารอีก
สุดท้ายก็จบชีวิตในฐานะนักการเมืองสายบริหาร


ถ้ามองซีซาร์เนี่ย ผมคิดว่าเขาแยกบทบาทฝ่ายบริหารกับฝ่ายการทหารได้ดีนะครับ เวลาเขาเป็นบทบาทไหนก็จะไม่แตะต้องอีกบทบาทหนึ่งเลย หรือพูดง่ายๆคือไม่ควบ 2 ตำแหน่งในเวลาเดียวกันครับ
โรมในยุคซีซาร์ปกครองจึงค่อนข้างก้าวหน้านะ ถึงแม้ซีซาร์จะดำรงตำแหน่งในฐานะ Dictator ก็ตาม ภายหลังก็ถูกลอบสังหารโดยแผนของบรูตัส บุตรบุญธรรม

ผมมองว่าในกรณีที่เป็นชนเผ่าขนาดเล็กการบริหารทุกเรื่องยังไม่ซับซ้อนผู้นำอาจจะยังพอควบตำแหน่งได้ แต่เมื่อไหร่ที่จากชนเผ่าเปลี่ยนเป็นอาณาจักร ผมมองว่าจะต้องแยกอำนาจการบริหารกับการทหารให้ชัดเจนครับ ไม่งั้นเละครับ

[pol]

ยากครับ ต่อให้ราชาไม่ได้เป็นทหารหรือเติบโตมาจากสายทหารก็ต้องมีทหารหนุนบรรลังค์อยู่ดี  เช่น คังซี นี่ฮองเฮาของแกเป็นหลานสาวของผู้นำกองธงนะครับ  ถ้าเอานิยายล่าสุด ราชาทาสโซมะ เห็นพี่แกพยายามแยกกองทัพออกจากการปกครองก็ยังต้องมีกองทัพหนุนเลยนะนั่น เมียหลวงทัพบกกับราชองครักษ์หนุน เมียเอลฟ์นี่ก็ทหารเอลฟ์หนุน  เมียนักร้องนี่ทหารเรือหนุน  ต่อให้เป็นอนาคตข้างหน้าเราไม่มีทางแยกทหารออกจากการเมืองได้หรอกท่าน

[Black7nos]

ยากครับ ต่อให้ราชาไม่ได้เป็นทหารหรือเติบโตมาจากสายทหารก็ต้องมีทหารหนุนบรรลังค์อยู่ดี  เช่น คังซี นี่ฮองเฮาของแกเป็นหลานสาวของผู้นำกองธงนะครับ  ถ้าเอานิยายล่าสุด ราชาทาสโซมะ เห็นพี่แกพยายามแยกกองทัพออกจากการปกครองก็ยังต้องมีกองทัพหนุนเลยนะนั่น เมียหลวงทัพบกกับราชองครักษ์หนุน เมียเอลฟ์นี่ก็ทหารเอลฟ์หนุน  เมียนักร้องนี่ทหารเรือหนุน  ต่อให้เป็นอนาคตข้างหน้าเราไม่มีทางแยกทหารออกจากการเมืองได้หรอกท่าน

ราชาโซมะปรับจากระบอบศักดินาสวามิภักดิ์เป็นระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ครับ ปรับจากหลายกองทัพขึ้นตรงกับหลายคนให้เหลือกองทัพเดียวขึ้นตรงกับคนๆเดียวก็คือโซมะ พูดง่ายๆ คือโซมะเป็นระบอบรวมศูนย์ครับ ยังไปไม่ถึงระบบสภาเลยครับ

[nosta]

[quote/]


มีน่ะมันมีครับที่สมัยก่อนจะเป็นทั้งนักการทหารและนักปกครองในเวลาเดียวกัน ในสมัยที่ชนชาติส่วนใหญ่ยังเป็นชนเผ่าเล็กๆ
ส่วนโรมเอง อันที่จริงซีซาร์แยกบทบาทนักการทหารกับนักบริหารจากกันอย่างชัดเจนนะครับ


อย่างครั้งแรกตอนรบเพื่อปราบกบฏ Gladiator สปาตาคัส ตอนนั้นซีซาร์มีบทบาทเป็นนักการทหาร
พอหลังจากจบสงครามปราบกบฏ Gladiator สปาตาคัส ซีซาร์ก็ร่วมมือกับแครสซัสกับปอมเปย์ ทำให้เขาได้เป็นคนกลางไกล่เกลี่ยผลประโยชน์ของ 2 อภิสิทธิชนด้วยตำแหน่ง กงศุล ตอนนั้นคือซีซาร์สลัดคราบนักการทหารทิ้งเหลือแค่นักการเมือง
พอหมดวาระกงศุลก็ถูกสภาส่งไปเป็นแม่ทัพทางตะวันตก ซีซาร์ก็เปลี่ยนจากนักการเมืองมาเป็นนักการทหารนำกองทัพปราบเผ่ากอลล์ ตอนนั้นกลับมาเป็นนักการทหารเต็มตัวไม่เหลือคราบนักการเมืองเลย จนปราบกอลล์และชาวโรมันมองซีซาร์เป็นฮีโร่เนื่องจากเผ่ากอลล์มักรุกรานและปล้นชาวโรมันเสมอๆ
และหลังจากทำสงครามกลางเมืองกับปอมเปย์ เมื่อจบสงครามกลางเมือง จูเลียส ซีซาร์ก็เปลี่ยนตัวเองเป็นตำแหน่ง Dictator และเปลี่ยนมาเป็นนักการเมืองฝ่ายบริหารเต็มตัว ไม่ใช่นักการทหารอีก
สุดท้ายก็จบชีวิตในฐานะนักการเมืองสายบริหาร


ถ้ามองซีซาร์เนี่ย ผมคิดว่าเขาแยกบทบาทฝ่ายบริหารกับฝ่ายการทหารได้ดีนะครับ เวลาเขาเป็นบทบาทไหนก็จะไม่แตะต้องอีกบทบาทหนึ่งเลย หรือพูดง่ายๆคือไม่ควบ 2 ตำแหน่งในเวลาเดียวกันครับ
โรมในยุคซีซาร์ปกครองจึงค่อนข้างก้าวหน้านะ ถึงแม้ซีซาร์จะดำรงตำแหน่งในฐานะ Dictator ก็ตาม ภายหลังก็ถูกลอบสังหารโดยแผนของบรูตัส บุตรบุญธรรม


[youtube/]


ผมมองว่าในกรณีที่เป็นชนเผ่าขนาดเล็กการบริหารทุกเรื่องยังไม่ซับซ้อนผู้นำอาจจะยังพอควบตำแหน่งได้ แต่เมื่อไหร่ที่จากชนเผ่าเปลี่ยนเป็นอาณาจักร ผมมองว่าจะต้องแยกอำนาจการบริหารกับการทหารให้ชัดเจนครับ ไม่งั้นเละครับ

ซีซาร์แกยกทัพยึดสภาตั้งตนเป็นผู้นำเลยนะครับ

จักรพรรดิ์โรมมีหลายคนมากครับที่เป็นผู้นำทางการทหารเอง ไม่บัญชาแม่ทัพก็เป็นแม่ทัพเองยกทัพไปสู้เอง เทรจันที่เป็นจักรพรรดิ์ที่ดีที่สุดคนนึงของโรมก็นำทัพสู้เองหลายครั้งในศึกสำคัญครับ สมัยปลายๆซีซาร์ก็เป็นจักรวรรดิแล้วครับ

[Rumia]

ผมจะตอบง่ายๆนะครับสมัยนี้การแยกทหารการปกครองและกระจายอำนาจคือการไช้งานประเทศที่คุ้มค่าที่สุด เพราะแต่ละคนจะได้โฟกัสในเรื่องของตัวเองเหตุผลเพราะความรู้ปัจจุบันมันเยอะกว่าสมัยก่อนมากครับ แต่นะครับทังนี้มันอยู่ในเงื่อนไขที่ฝ่ายการเมืองสังทหารได้ครับถ้าไม่งันก็เละ
ส่วนอดีตยังไงฝ่ายปกครองก็ต้องกุมอำนาจทหารส่วนใหณ่ไว้ครับ ไม่งั้นก็โดนฝ่ายทหารมายึดอำนาจเอาง่ายๆ ในอดีตมีทหารหลายคนที่ยึดอำนาจขึ้นมาเป็นใหณ่เอาจริงๆปัจจุบันไทยก็ยึดอำนาจเพราะฝ่ายการเมืองสังทหารไม่ได้ และในอดีตไม่มีความจำเป็นต้องแยกการปกครองกับทหารเพราะเนื้องานไม่ได้เยอะและละเอียดแบบเดี่ยวนี้ เอาจริงๆฮ้องเต้ยังว่าราชการแค่ครึ่งวันเองเอาจริงทำงานแค่3-5วันต่อเดือนด้วยซ้ำ ถ้าไม่มีเหตุอะไรราชาในอดีตค่อนค่างว่างครับและพวกระดับสูงๆก็ว่างทำงานน้อยครับ

[pol]

ผมจะตอบง่ายๆนะครับสมัยนี้การแยกทหารการปกครองและกระจายอำนาจคือการไช้งานประเทศที่คุ้มค่าที่สุด เพราะแต่ละคนจะได้โฟกัสในเรื่องของตัวเองเหตุผลเพราะความรู้ปัจจุบันมันเยอะกว่าสมัยก่อนมากครับ แต่นะครับทังนี้มันอยู่ในเงื่อนไขที่ฝ่ายการเมืองสังทหารได้ครับถ้าไม่งันก็เละ
ส่วนอดีตยังไงฝ่ายปกครองก็ต้องกุมอำนาจทหารส่วนใหณ่ไว้ครับ ไม่งั้นก็โดนฝ่ายทหารมายึดอำนาจเอาง่ายๆ ในอดีตมีทหารหลายคนที่ยึดอำนาจขึ้นมาเป็นใหณ่เอาจริงๆปัจจุบันไทยก็ยึดอำนาจเพราะฝ่ายการเมืองสังทหารไม่ได้ และในอดีตไม่มีความจำเป็นต้องแยกการปกครองกับทหารเพราะเนื้องานไม่ได้เยอะและละเอียดแบบเดี่ยวนี้ เอาจริงๆฮ้องเต้ยังว่าราชการแค่ครึ่งวันเองเอาจริงทำงานแค่3-5วันต่อเดือนด้วยซ้ำ ถ้าไม่มีเหตุอะไรราชาในอดีตค่อนค่างว่างครับและพวกระดับสูงๆก็ว่างทำงานน้อยครับ

  ตามนั้นเพราะเคยอ่านนิยายแล้วงงขุนนางบ้าอะไรวะลางานได้เป็นเดือนๆ  พอมาคิดแบบละเอียดงานมันน้อยกว่าขุนนางครับ งานนิดเดียวขุนนางมีเป็นโขลง

[sariora123]

อ่านข้อความในรูปภาพแล้ว  ทำให้นึกถึงเหล่าขันทีของจีนแฮะ   


ประมาณว่า  ตอนแรกที่มีขันที  มันมีขึ้นเพื่อคอยรับใช้หรือดูแล  เหล่าผู้หญิงในวังหลัง
แต่ต่อมาในภาคหน้า  มันกลับกลายเปลี่ยนเป็นกลุ่มขุมกำลังที่มีอิทธิพลอย่างมาก  เพราะ
ขันทีนั้น  มีเส้นสายหรือสามารถให้ความดีความชอบกับเหล่าหญิงเหล่านั้น  อุ้มชูแล้วให้
ผลประโยชน์ต่างตอบแทนกันและกัน  จนพวกเธอได้มีลูกกับฮ่องเต้  ลูกได้เป็นฮ่องเต้


ขันทีของจีนจึงคล้ายๆเป็นผู้กุมอำนาจอยู่เบื้อหลัง  ฉ้อราษฏร์บังหลวง  แต่ตั้งข้าราชการได้
แต่งตั้งนายพลได้  ยุแหย่ยุแยงได้ 

นึกถึงซูสีไทเฮา หรือเปล่าจำไม่ได้คือ ติดสินบน ขันทีทำให้จัดตารางให้ฮ่องเต้มาหาคุณเธอบ่อยๆ 

[name123]

ประเทศที่เจริญแล้ว  ในโลก  [ทุกๆประเทศ  ตัดการทหารกับการเมืองเบ้ดเสร็จเด็ดขาด]  แต่  จะทำยังไง
ก็อยู่ที่ประเทศนั้นๆค้นคิดวิธีกันเอาเอง  มีหลายแบบหลายอย่าง  ใครนึกออกช่วยอธิบายด้วย  ว่ามีประเทศ
ใดบ้าง  ที่การทหารนำหน้าการเมือง  จนกลายเป็นประเทศชั้นนำ  ^^


นึกถึงประโยคจีนหรืออะไรๆนี่แหละ  ที่องค์ฮ่องเต้คิดจะเลือกรัชทายาท  ว่าจะเอาใครดี  ประมาณว่า
ถ้าบ้านเมืองสงบ  ควรเลือกองค์ชายที่เก่งเศรษฐกิจ  ถ้าบ้านเมืองระส่ำระส่าย  ควรเลือกที่ถนัดทหาร
ราวๆนี้  จำไม่ค่อยได้ว่าอย่างไรแต่ราวๆนี้  ประมาณว่าเลือกหัวเรือขับเคลื่อนประเทศให้ถูกต้องถูกจุด