คุณได้อ่านบทความจากด้านมืดของอลิสจังซะแล้วล่ะเจ้าค่ะ
ปี 2563 อลิสจังไม่ได้ไปเที่ยวและไม่ได้ไปงานหนังสือ เพราะคนพวกนั้น
อลิสจังไม่รู้ว่าตัวเองจะอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับโควิดแล้วจะทุบโต๊ะหรือต่อยกำแพง หรือคึกจนนอนไม่หลับอีกซักกี่ครั้ง
ทั้งๆ ที่เมื่อเดือนมกราปีที่แล้วอลิสจังคิดทางแก้ที่อลิสจังคิดว่าง่าย แต่รัฐไม่ยอมทำ ซึ่งมันทำให้เรื่องที่ควรง่ายกลายเป็นเรื่องยากล่ะเจ้าค่ะ
ไม่ว่าจะสละเงินเดือนหรือเงินได้ทั้งหมดไป มันก็ไม่อาจเทียบได้กับการสละคนกลุ่มนี้ทิ้งไป
มันเป็นคนกลุ่มน้อยมากๆ ที่ทำให้คนกลุ่มใหญ่เดือดร้อน
อย่างที่อลิสจังเคยบอกไปนั่นแหละเจ้าค่ะ ก่อนจะมีการแพร่ระบาดนอกจีน อลิสจังพยายามบอกให้ผู้นำทั่วโลก สละพลเมืองในจีนของตัวเอง ด้วยการไม่รับกลับมาจนกว่าจะฉีดวัคซีนในประเทศนั้นๆ จนเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ทั้งสองฝั่งแล้วค่อยรับกลับมา
เมื่อไม่ฟัง เมื่อเกิดการแพร่ระบาดนอกจีน ที่อลิสจังต้องการสั่งนั่นก็คือผู้นำไทย ที่เป็นประเทศที่อลิสจังอาศัยอยู่ในปัจจุบันนี่แหละเจ้าคะ ด้วยการที่ในวันที่ 11 มกราคม 2563 บล็อคน่านฟ้าและด่านชายแดนให้หมด
คนที่อยู่ต่างแดน ไม่ว่าจะไปมีครอบครัวอยู่ต่างแดน หรือแค่เดินทางไปพักผ่อนสองสามวัน ถ้าในวันที่ 11 มกราคม 2563 ไม่ได้เหยียบแผ่นดินไทย ก็จะต้องอยู่ในดินแดนนั้นต่อไปอีกซักประมาณสองปี นี่คือการเสียสละพลเมืองของตัวเอง
ให้ผจญโควิดไปซักสองปี ให้แพทย์ในต่างแดนรับผิดชอบพวกเขาถ้าเป็นผู้ติดเชื้อ เรียกร้องให้ต่อวีซ่าพวกเขาต่อไปเรื่อยๆ
ใช่ พวกเขาอยู่ในที่ๆ ไม่ปลอดภัย แต่ถ้าไปรับเขากลับเข้ามา ก็จะไม่มีที่ปลอดภัยสำหรับใครทั้งสิ้นแม้แต่พลเมืองที่ไม่ได้ไปต่างประเทศ ทำลายเสรีภาพของคนภายในประเทศ ทำให้แผ่นดินของพระองค์เปื้อนโควิด
เพราะงั้นสละพลเมืองพวกนี้ ปล่อยไปเพื่อยื้อเวลาที่จะให้ไทยมียอดผู้ติดเชื้อเป็น 0
ไม่ต้องถามถึง State Quarantine ที่กันเชื้อเข้าชุมชนไปได้หลายเดือน เพราะคิดเหรอว่าถ้าไม่ล็อคดาวน์แล้วจะได้รับความร่วมมือจากโรงแรมและชุมชนรอบๆ โรงแรม
แบบนี้ดีไหมล่ะ ไม่ต้องหางานให้แพทย์ไทยเลย หมอพยาบาลไทยงานไม่เข้าเลย สบาย อสม.ก็ไม่เสี่ยงภัย ด่านหน้าก็คงมีแต่ ตชด. นู่นแหละที่จะช่วยกันเขมรพม่าเข้าไทย
รัฐบาลไม่ยอมทำ แถมยังพูดอีกว่าถ้าติดมากๆ ก็แค่ล็อคดาวน์
แล้วอลิสจังรังเกียจคำพูดนี้
-มันเป็นเหตุสุดวิสัย
-ไม่คิดว่ามันจะแรงขนาดนี้
-เราทำดีที่สุดแล้ว
มันเป็นคำพูดของคนโง่ที่ไม่เคยคิดเผื่อสถานการณ์ข้างหน้าเลยล่ะเจ้าค่ะ
แค่เอาเชื้อให้ห่างจากประเทศทำไม่ได้เลยเหรอ
แค่สละพลเมืองในต่างแดนที่เป็นคนส่วนน้อยทำไม่ได้เหรอเจ้าคะ
รับมาให้อลิสจังอดเดินห้างทำไมเหรอเจ้าคะ
รับคนที่อาจจะติดเชื้อจากอิตาลี ฝรั่งเศสในตอนนั้นไม่กลัวไทยเป็นเหมือนอิตาลีเหรอ
คนพวกนั้นน่ะ ถ้าอยู่อิตาลีไม่ไหวก็แค่ Go Isekai เท่านั้นเอง
ตอนนั้นอลิสจังมองดูยอดผู้ติดเชื้อในต่างประเทศเห็น 3000-4000 รู้สึกว่าคงอยู่ไม่ไหวแน่ๆ
พอไทยเจอเลข 9000 เข้าไปก็คิดว่าต้องอยู่ให้ไหวสิ
ถ้าให้พวกเขาอยู่แต่ในบ้านที่อิตาลีพวกเขาก็คงไม่ติดหรอกล่ะเจ้าค่ะ
รัฐบาลน่ะ ไม่รู้จักคำว่าการยื้อช่วงเวลาแห่งความสุขของอลิสจังบ้างเลย
ปล่อยคนไทยในต่างแดนทิ้งไป เพื่อให้ยอดผู้ติดเชื้อในไทยเป็น 0 ประเทศจะได้ไม่ล็อคดาวน์ อลิสจังจะได้ไปดูสินค้าอนิเมะในงานหนังสือปี 2563 ได้
ส่วนคนไทยในต่างแดนจะ Go Isekai เท่าไหร่ช่างมันไปก่อนล่ะเจ้าค่ะ
อลิสจังน่ะ อยากไปหาน้องลิงแถวสำเพ็งด้วยล่ะเจ้าค่ะ

อลิสจังน่ะ ไปไหนไม่ได้มาตั้งแต่ปี 2561 แล้ว ถ้าในช่วงเดือนเมษา 63 อลิสจังได้ไปเที่ยวโดยไม่ต้องกลัวเรื่องโควิด มันก็น่าจะทำให้อลิสจังคลายเครียดได้ดีกว่านี้แท้ๆ
ส่วนพวกแรงงานพม่าน่ะ ถ้าไม่ล็อคดาวน์ประเทศแล้วพวกมันทำงานปกติ + ปิดด่านชายแดนแล้วพวกมันไม่ได้กลับ มันก็กลับไปเอาเชื้อกลับมาแพร่ระบาดรอบ 2-4 ไม่ได้
นี่แหละคือข้อดีของการสละชีวิตของคนไทยในต่างแดนล่ะเจ้าค่ะ ไม่สิ ถ้าอยู่บ้านดีๆ ถึงอยู่ในอิตาลี อเมริกา บราซิล มันไม่ติดหรอกล่ะเจ้าค่ะ ทนให้ได้ 2 ปี เมืองไทยฉีดวัคซีนครบแล้วค่อยรับกลับมา
นี่แหละคือความสุขของอลิสจังที่รัฐบาลทำลาย รัฐบาลเอาเวลาที่หายไปของอลิสจังกลับคืนมาได้ไหม
อลิสจังน่ะ ชอบเดินห้างนะเจ้าคะ ชอบไปหา LN ตามร้านหนังสือล่ะเจ้าค่ะ อยู่ได้ทั้งวันเลย
รู้ไหมว่าอลิสจังเสียใจขนาดไหนตอนที่ร้านหนังสือปิดเพราะล็อคดาวน์น่ะ
ถ้าปล่อยคนพวกนั้นทิ้งไปคงไม่เป็นแบบนี้ใช่ไหมเจ้าคะ