อย่างแรกนะครับแฮรี่ไม่ได้เรียนทุกอย่างด้วยตัวเองทุกอย่างมีสอนในรร.ทุกเวทที่แฮรี่ไช้มีคนสอนเสมอมันไม่เคยแม้แต่คิดที่จะเรียนด้วยตัวเองสักครัง สิ่งเดียวที่เรื่องแฮรี่มันขาดไปในรร.คือความปลอดภัยครับรร.ห่านี่โคตรอันตรายไม่ต้องพูดอีเว้นต่างๆที่แฮรี่เจอเพราะบอส แต่รัวรร.มีต้นหวดฟาดรถบินเละ สวนรร.มีสัตว์อันตรายอย่างแมงมุมกินคน ในสระตกไปมีปีศาจทะเลกินคน คือความปลอดภัยอยู่ตรงไหนครับ แถมคนนอกเข้าออกสบายการไช้เวทของภูตก็ตรวจสอบไม่ได้ ถ้าผมเป็นตัวร้ายในเรื่องนะรร.ห่านี่ถูกระเบิดตังแต่วันเเรกๆแล้ว
หมายถึงวิชาก็ไปขวนขวายเอาเองน่ะครับ
เพราะวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดห่วยแตกมาก
แฮร์รี่ต้องไปเรียนคาถา เอ็กเป็กโตเอาเอง
ตอนปีท้ายๆ ดัมเบิ้ลดอร์ก็ไม่ได้สอนวิชาต่อสู้อะไรให้ แค่สั่งงานให้ทำเกี่ยวกับข้อมูลของโวลเดอมอร์
ที่แฮร์รี่เก่งเพราะ school of hardknock อย่างที่ผมว่าล่ะครับ
คือไปเสกคาถา เสี่ยงตายเอาจริงๆในสถานการณ์จริงๆ
พอรอดมา่ได้เลยเก่งกว่าทุกคนในรุ่นเดียวกันอย่างเห็นได้ชัดก็ตั้งแต่ปีสี่
ดัมเบิ้ลดอร์ไม่ได้ช่วยอะไรแม้แต่น้อย นอกจากใบ้แบบซับซ้อน
นิยายมันก็เรื่องแต่งเอามันส์เข้าว่า
แต่เรื่องจริง ชีวิตคนทำงาน
ระหว่างคนที่ชื้ทางให้แล้วเดินเองได้ กับคนที่ต้องจูงจมูกถึงจะเดิน แค่นี้ก็น่าจะรู้แล้วว่าใครเรียนรู้ได้มากกว่ากัน
คนที่จะได้รับการสนับสนุนคือคนที่แค่ชี้ทางก็เดินเองได้ ส่วนคนที่ต้องจูงจมูกถึงจะทำงานได้ ก็คือคนที่จะถูกดองไว้ตรงนั้น
เพราะนิยายคือความบันเทิง แต่ชีวิตคือการเรียนรู้ มันจึงเหมือนบ้างไม่เหมือนบ้าง เป็นไปตามความสะใจของคนแต่ง
ใช่ครับเอามันส์เข้าว่า แต่ผมมองว่า ทั้งเจเคและแคลมป์เห็นตรงกันแบบแปลกๆน่ะครับ
หากสารถพาตามตรง
ผมมองว่าทั้งแคลมป์หรือเจเค เป็นครูที่ดีไม่ได้หรอก
ยูจิโร่ยังเป็นครูที่ดีกว่า
มีการแสดงตัวอย่าง อธิบายเทคนิค และบอกกล่าวเป้าหมายชัดเจนว่าคาดหวังอะไรจากบากิในการที่ให้เอาเลือดราดตนเองในถ้ำค้างคาวหรือโดดหน้าผา
การปล่อยให้คนตรัสรู้ด้วยตนเองน่ะ มันคือจุดที่เกิดให้เกิดความไม่พอใจมาหลายครั้งแล้วครับ
เป็นเรื่องที่การบริหารสมัยใหม่ต้องเน้นย้ำว่า ต้องมีเป้าหมายให้ชัดเจนว่าจะคาดหวังอะไรระหว่างพนักงานกับผู้จัดการ
ผมมองว่า
แคลมป์กับเจเคดันคิดเหมือนกัน
เทียบกันแล้วผู้เฒ่าเต่้า ในการสอนโกคูก็ยังมีการฝึกสอนเป็นตารางเวลามากกว่า
มีการฝึกต่อสู้ ให้ไปส่งนม อธิบายเคล็ดวิชาคลื่นเต่าและสอนการอ่านหนังสือฯลฯ
ไม่ใช่มามุกแบบแคลมป์หรือเจเคน่ะครับ
[quote/] ถ้าเป็นผมจะวางยาพิษใส่อาหารครับ รับรองว่าตายเกลี้ยง
ส่วนเรื่องการที่อาจารย์ให้เด็กเรียนรู้ด้วยตัวเองนี่ขอบอกว่าใช้ไม่ได้ครับ ถ้าเป็นแบบนี้จะมีอาจารย์ไว้เพื่ออะไร? จริงอยู่ว่าในนิยายแฮรี่นี่มันรอดมาได้ก็เป็นเพราะบทของคนเขียนต่างหาก. ความเป็นจริงนี่ตายไปแล้วครับ
แฮร์รี่มันมีฮีลลิ่งแฟ็กเตอร์ครับ ฟันหักไปถ้าไม่ใช่การโจมตีด้วยคาถาจะหายภายในไม่ถึงนาที ฮา
แต่ยาพิษคงจะวางยากเพราะอย(ู่ในการดูแลของพวกเอลฟ์ในห้องครัว
ยกเว้นจะวางยาทั้งครัวนั่นล่ะ
ถ้าตอบในมุมผม ผมว่าที่ดัมเบิลดอร์ทำกับแฮรี่ก็โหดไปนะครับ 555+
คือแกวางแผนให้แฮรี่เป็นคนจบเรื่องกับโวลเดอร์มอร์ แต่แกแทบไม่ทิ้งคำใบ้อะไรสักอย่างให้แฮรี่เลย นี่ถ้าแฮรี่ไม่ได้ใช้พลังตัวเอก + ดวง นี่ โวลเดอร์มอร์ได้ครองโลกพ่อมดไปแล้วละครับ ส่วนแฮรี่ก็คงกลายเป็นปุ๋ยไปแล้วนั่นละ
ใช่ครับ เป็นเรื่องที่ผมไม่ค่อยพ่อใจตัวละครแนว"อาจารย์ผู้ลึกลับ" ที่เจเคหรือแคลมป์พยายามจะเขียนในเรื่องน่ะครับ
ผมถึงบอกว่า ผู้เฒ่าเต่ากับยูจิโร่ยังเป็นอาจารย์ที่ชัดเจนกว่า มีเป้าหมายชัดเจนและอธิบายทางเทคนิคให้ศิษย์เข้าใจได้ง่ายกว่า
ไม่รู้ทำไมเจเคหรือแคลมป์เอาตัวละครทำให้เข้าใจยากๆขึ้นมาก็ไม่ืรู้
เข้าใจว่าในลักษณะการแต่งเรื่อง อาจารย์ที่ดูเข้าใจยาก ทำให้ดูลึกลับ มีพลังอำนาจมากจนคนในเรื่องทำความเข้าใจไม่ได้
แต่พอมาพิจารณาตามเนื้อผ้า พวกนี้ไม่ใช่อาจารย์ที่ดีเลยสักคนเดียว
ถ้าสอนมันทุกอย่างทุกระเบียบนิ้ว เด็กมันก็เป็นง่อยล่ะครับ ไม่ต้องใช้หัว ไม่ต้องลองทำอะไรด้วยตัวเองเลย
อย่างผมสอนหลานชายวาดการ์ตูน ผมก็สอนแค่เทคนิคลอกแบบ หลังจากนั้นปล่อยเลย ผ่านไปสองปีวาดเก่งเองทันใด
ยกเว้นบางเรื่องที่ เสี่ยงถึงชีวิตนั่นแหล่ะคือสิ่งที่คนเป็นครูควรสอนเด็กทุกอย่าง
* gaiar33 ส่วนจะเข้าหัวมั้ยมันก็ เรื่องใครเรืองมัน
ผมไปเจอแนวความคิดในเรื่องทหารอย่างหนึ่งมาครับคือ
การฝึกทหาร มาตรการความปลอดภัยและยุทธวิธีต่างๆนั้น ไม่ใช่สอนให้คนที่ถูกฝึกเป็นคนฉลาด
แต่คือมาตรการที่แม้แต่คนที่ถูกฝึกเป็นคนปัญยาทึบ(มาตรฐานประมาณ IQ90ในการเข้าทหารอเมริกัน) ก็สามารถวางแผนยุทธวิธีที่มีความผิดพลาดน้อยที่สุดได้การฝึกมันคือการกำจัด"ความไม่เอาไหน" ออกไปแม้แต่จะในคนที่ปัญยาทึบก็ตาม
มันไม่ใช่เรื่องของการที่เด็กเป็นง่อยครับในเคสแฮร์รี่หรือซากุระนี้
มันเป็นเรื่องปล่อยไปให้เด็กจะตายเอากับพวกของแข็งในโลกเวทมนตร์
ความจริงไอ้การที่อจ.ไห้เรียนรู้ด้วยตัวเองมันก็ไม่ไช่ไม่สอนอะไรนะครับแต่ส่วนมากมักจะเป็นงานที่ต้องไช้ความชำนาณแต่คนเรียนต้องมีความรู้มาในระดับหนึ่งแล้ว เช่นเซพทำอาหารคนเรียนต้องทำอาหารเป็นมาก่อนไม่ไช่แค่ในระดับหนึ่งแต่ต้องทำเป็นมาก่อนถึงมาเรียนรู้ด้วยตัวเองกับอจ. เพื่อพัตนาฝีมือไปในระดับมือโปรหรือเอาง่ายๆคือการเรียนรู้ด้วยตัวเองจากอจ.คือการที่คนเรียนมีอาชีพในด้านนั้นๆอยู่แล้วมาขอเรียนกับอจ.ที่เก่งยิ่งกว่าเพื่อไห้ตัวเองเก่งขึ้นไปอีกขั้นจุดนี้อจ.จะไม่มาสอนตังแต่หนึ่งแต่จะทำไห้ดูหรือศึกษาร่วมกันผลที่ออกมาถ้าเป็นการทำอาหารรสชาติจะไม่เหมือนอจ.แต่จะได้รสชาติของตัวเองที่ดีกว่าเดิม การสอนแบบนี้มันเป็นการสอนมืออาชีพที่ทำทุกอย่างได้อยู่แล้วครับไม่ไช่สอนทุกอย่างกับกับตังแต่หนึ่งเพราะผู้เรียนไม่รู้อะไรเลยถ้าสอนแบบจูงมือไห้มืออาชีพผลคือของก็อปปี้แต่ถ้าสอนแบบเรียนรู้ด้วยตัวเองกับมืออาชีพผลคือได้อริจินอลของตัวเอง จุดมุ่งหมายของการสอนทังสองแบบมันต่างกันครับกลุ่มเป้าหมายของคนเรียนก็ต่างกัน
แนวความคิดเหมือนเป็นการสอนคนที่เป็นอยู่แล้วมากกว่าล่ะครับ
ดัมเบิ้ลดอร์ไม่ได้แนะนำทริกในการป้องกันตนเองต่อแฮร์รี่แม้แต่นิดเดียวคาถาเสกโล่ออกมาที่ใช้กับโวลเดอร์มอก็ไม่ได้สอนแม้แต่น้อย
ทั้งที่แฮร์รี่มันบ้าบอ แต่ป้องกันตัวเป้นวิชาเดียวที่ผมคิดว่าแฮร์รี่มีความเข้าใจดีพอแล้วที่ต้องการการสอนจากดัมเบิ้ลดอร์เป็นพิเศษ
คงไม่สามารถบอกได้ว่ามีเรื่องอื่นที่สำคัญกว่าการให้เด(็กที่ตนเองบอกว่าเป็นห่วงมีโอกาสรอดชีวิตมากขึ้นหรอกครับ
ดัมเบิ้ลดอร์ยังแถว่าห่วงแฮร์รี่มากกว่าคนอื่นๆอีกต่างหาก
ที่ผมต้องยกเคสแฮร์รี่มา เพราะวิชาป้องกันตัวมันห่วยแตกมากเพราะต้องเปลี่ยนคนสอนทุกปี
จุดนี้ดัมเบิ้ลดอร์ควรจะรู้ตัวมาลงมือสอนเองบ้าง
มันก็เป็นวิธีนึงแต่ไม่ควรให้ถึงขนาดเสี่ยงตาย ยกเว้นฝึกรบพิเศษ
เคสแฮร์นี่เป็นเรื่องที่อันตรายมาหาตนเอง
เคสซากุระเป็นเคสที่โคลว รู้อยู่แล้วว่าการ์ดจะหลุดออกมา...
อย่างว่าล่ะครับ มันคือการแสดงภาพพจน์"อาจารย์ที่ดูลึกลับทรงพลัง"ของคนเขียนที่พยายามจะสื่อให้คนอ่านดูแต่มันเป็นเรีื่องที่พอเราหยุดคิดสักนิดจะเริ่มคิดว่า "นัี่มันไม่ใช่ล่ะ อาจารย์ที่ดีไม่ควรทำอย่างนี้"
มันก็มองได้หลายมุมล่ะนะ...
ตามมุมมองของเราแล้ว การที่เราไปขอวิชาจากอาจารย์ในสมัยก่อนนั้น การที่เขาจะไม่สอนอะไรมากมายก็เป็นเรื่องปกติ เพราะเขาไม่ได้อยากจะสอนตั้งแต่แรกแล้ว
การเรียนในสมัยนี้ไม่ใช่เรื่องของการส่งวิชาความรู้อย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของการนำทางด้วย ไม่ใช่การส่งความรู้จากยอดฝีมือที่สนใจจะพัฒนาตัวเองแต่อย่างเดียว
เหมือนแต่ก่อน แต่เป็นการถ่ายทอดความรู้จากคนที่รับหน้าที่ในการนำทางและให้ความรู้โดยเฉพาะ เป็นระบบที่มุ่งหวังให้ผู้เรียนได้ความรู้ไปใช้ก่อนที่จะเดินทางพลาด
ไปเหมือนที่คนสมัยก่อนเดินมาเองคนเดียว เพราะอย่างนั้นการสอนแบบปล่อยให้คนเรียนหาความรู้เองทั้งหมดนั้นก็คงจะไม่เข้ากับยุคนี้เสียเท่าไหร่
ไม่ได้หมายความว่าอาจารย์ควรจะ 'ชี้นำ' หรือคอยจูงมือลูกศิษย์อยู่ตลอด จะว่ายังไงดีล่ะ? สอนหรือให้คำแนะนำพอที่จะให้เห็นทางไปต่อได้ นั่นล่ะคือขั้นต่ำที่ควรจะทำ
จริงๆการปล่อยให้คลำทางเองนั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดร้ายแรงเท่าไหร่นัก แต่ถ้าอย่างนั้นมันก็จะหมายความว่าความสำเร็จที่เกิดขึ้นทั้งหมดมาจากตัวศิษย์เองทั้งหมดจริงๆ
อาจารย์ไม่ได้เป็นส่วนสำคัญอะไรเลย เพราะอย่างนั้นการรักษาจุดสมดุลระหว่างการนำทางและการปล่อยให้เรียนรู้เองนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญมากๆในการที่ตัวคนสอนจะ
สามารถเรียกตัวเองว่าเป็น 'อาจารย์' และยินดีรับรางวัลจาก 'ผลงาน' ของตัวเองได้อย่างภาคภูมิ
ที่เราพยายามจะบอกอาจจะดูเปรียบเทียบกับในนิยายลำบากไปหน่อยก็จริง แต่อย่างน้อยนี่ก็เป็นหลักการที่เรายึดถือเอาไว้ล่ะนะ
ก็ใช่ครับ แนวคิดสมัยนใหม่เป็นการที่ให้นักเรียนค้นคว้าด้วยตนเองก็จริง
แต่อาจารย์ก็ควรจะอยู่ข้างๆเพื่ออธิบายว่าควรจะค้นคว้าอยบ่างไรสร้างแนวคิดการค้นคว้าหาความรู้และปัญหาที่อาจเกิดขึ้นระหว่างทางแนะแนวทางต่างๆแบบเดียวกับหน้าที่ที่อ.แนะแนวในห้องเรียนควรจะทำแต่ไม่ค่อยได้ทำนั่นล่ะครับ
ตรามความหมายของท่านที่ว่ามา ยูจิโร่และผุ้เฒ่าเต่าก็เป็นอาจารยืที่เข้ากับความหมายของท่านและแนวคิดปัจจุบันมากกว่าดัมเบิ้ลดอร์หรือโคลวรี๊ดล่ะครับ
แนวความคิดของโรงเรียนและการสอนปัจจุบัน มีไว้เพื่อสามารถทำใ้สอนเด็กจำนวนมากๆได้และมีแหล่งค้นคว้าสมบูรณ์พร้อมากกว่า
สถานการณ์ที่เสี่ยงอันตรายถึงชีวิตควรจะมีการสอนตั้งแต่พื้นฐานหรือใกล้ชิดมากกว่านั้นร
ผมไปเจอมุกในเควสต์ที่ผมเคยอ่าน
ทำสัญญากับปีศาจให้สาอนเวทมนตร์ให้
ปีศาจเป็นอาจารย์สอนแบบอนุรักษ์นิยม ที่เริ่มสอนตั้งแต่พื้นฐานของการร่ายคาถาและอธิบายตั้งแต่รากฐานเลยว่าทำไมคาถานี้ถึงเป็นอย่างนี้ มีความเป็นมาเป็นไปอย่างไร