ดูเมะแล้วไม่ดูมูฟวี่ต่อจะค้างแบบมึนๆงงๆ. ช่างร้ายกาจยิ่งนัก
นี่คือแผนการที่จะทำให้คนติดตามเสฟติดลงแดงยังไงละ
[quote/]
ตามมาจนจบแล้วไม่ตามมูฟวี่คงเป็นไปไม่ได้...
เจ้าน่ะติดกับไปแล้วยังไงละ
ทฤษฎี วิทยาศาสตร์ไม่แน่น น่ะ แต่ทำไม แมวชโลดิงเกอร์ มันแปลก ๆ ทฤษฎีนี้ ใช้อธิบายเรื่องเกี่ยวกับความแปลผันไม่แน่นอน ความเป็นไปได้ก็จริงแต่ จุดสำคัญที่สุดน่าจะอยู่ตรงที่
การ "สังเกตนั้นมีผลต่อ ผลลัพที่จะได้ออกมา" ซึ่งแต่เดิมเชื่อกันว่าทุกอย่างในจักรวาลนี้จะดำเนินไปตามวิธีของมันไม่ว่าจะมีคนสังเกตหรือไม่มีก็ตาม แต่ แมวของชโลดิงเกอร์ นั้นอธิบาย
ได้ว่าการสังเกตทำให้ผลลัพคลาดเคลื่อนได้ อย่างที่ทฤษฎีว่า การนำแมวใสเข้าใปในกล่อง ที่มีแก๊ซพิษที่จะปล่อยออกมาถ้า ธาตุกัมตรังษีสลาย และธาตุที่ว่ามีค่าการสลายตัวที่ไม่แน่นอน
ถ้าแมวยังไม่ตาย ค่าคือ 1 ตายคือ 0 ในกรณีปิดกล่องไว้มองไม่เห็น ค่าคือ 0.5 ถ้าเราเปิดกล่องก็จะเห็นค่าที่แน่นอน แต่ถ้าปิดกล่องไว้ค่าที่ได้มันก็จะต่างกับตอนเปิด ที่เขาจะสื่อคือการ
สังเกตมีผลกระทบต่อการทดลอง
หลักการแมวของชโรติงเกอร์จริงๆใช้อธิบายถึงโลกคู่ขนานครับ ใส่แมวลงในกล่อง ใส่แก็สพิษและตัวทำให้แก๊สพิษฟุ้งลงไป แล้วปิดกล่องเอาไว้ในช่วงจังหวะนี้
คือเรากำลังอยู่ในทางแยกโลกคู่ขนานของโลกที่แมวตายและแมวมีชีวิตอยู่ เมื่อเราเปิดกล่องเราจะไปโลกคู่ขนานหนึ่งในสองโลกนี้ทันที และเมื่อไปโลกหนึ่งแล้ว
ก็จะไม่มีทางไปอีกโลกหนึ่งได้แต่ริโอะใช้เรื่องนี้อธิบายอาการวัยรุ่นของไม โดยมีพื้นฐานมาจาก "การมีตัวตนนั้นเกิดขึ้นได้เพราะมีอะไรซักอย่างเฝ้าสังเกตุสิ่งนัั้น" ซึ่ง
เป็นพื้นฐานอาการวัยรุ่นของทุกคนเลย เพราะมีอะไรบ้างอย่างเฝ้าสังเกตุอยู่จึงทำให้เกิดการตอบสนองพิเศษเกิดขึ้นกับเด็กวัยรุ่นคนนั้น โดยแมวของชโรติงเกอร์นั้น
ไม่ได้ถูกใช้อธิบายอย่างตรงตัวกับอาการของไมแต่ใช้เปรียบเทียบสภาพของไม ที่เป็นดั่งแมวที่อยู่ในกล่อง(กลายเป็นบันนี่เกิลด์ของชโรติงเกอร์แทน) ซึ่งแมวในกล่องนั้น
อยู่ในสภาพที่ไม่อาจเฝ้าสังเกตุได้จนกว่าจะเปิดกล่องออกมา นั้นคือเราไม่สามารถรับรู้แมวที่อยู่ในกล่องได้ว่า ดี(แมวรอด)หรือร้าย(แมวตาย) ดังนั้นเราไม่สามารถรับรู้ตัวตน
ของแมวในกล่องนั้นได้เลยเมื่อเราไม่ได้สังเกตุการมีอยู่ของแมวมันก็ไม่มีตัวตนและนั้นคือสภาพของไม ที่เกิดความคิดว่าไม่อยากให้ใครมารับรู้เรื่องของตนจากวงการดาราอีกแล้ว
เป็นเหมือนแมวในกล่องที่ไม่เปิดกล่องจนเราลืมไปว่าเคยมีแมวอยู่บนโลกของเราไป(ลืมไปว่าไมเคยอยุ่ในวงการดารานัน้เอง) ไม่ว่าในกล่องจะดีหรือร้ายยังไงก็ต้องเปิดมันออกมา
ก่อนแมวถึงจะมีตัวตนนั้นคือทางแก้ อาการของไมที่จะต้องทำให้ทุกคนรับรู้ตัวตนของเธอในกล่องต้องเปิดกล่องแล้วเอาเธอออกมา ซาคุตะเลยทำให้ทุกคนรับรู้ตัวตนของไม
ในฐานะแฟนของตัวเค้าเองทำให้ไม ได้รับการสังเกตุการณ์และมีตัวตนอีกครั้งผ่านการมีอยู่ของซาคุตะ ก่อนจะทำให้ตัวเองมีตัวตนต่อไปด้วยการกลับเข้าวงการไปอีกครั้ง
เพราะเอาจริงๆแล้วเรื่องนี้ไม่มีใครใช้หลัการวิทยาศาสตร์เปรียบเทียบถูกตรงๆ ไม่ว่าจะเป็นปีศาจของลาปราสที่จริงๆจะต้องเป้นเห็นความเป็นไปได้ทุกอย่างของจักรวาล
ไม่ใช่การฝันเห็นความเป็นไปได้ทีละอย่างเกิดขึ้นมาแบบนี้ แค่ใช้ส่วนที่ว่ากำลังมองเห็นอนาคตแบบปีศาจของลาปราชเท่านั้น ดอปเปิ้ลแกงเกองของริโอะก็ใช้แค่การแยกตัวตน
ที่เกิดจากความคิดขัดแย้งสองอย่างในใจออกมา เพราะจริงๆดอปเปิ้ลแกงเกอร์ไม่ใช่มีตัวตนสองตัวตน แต่เป็นเอ็กโตพลาสซึ่มที่แยกตัวออกมาจากร่างต้นเป็นพลังงานชีวิต
ที่รั่วไหลออกไปส่งผลให้ร่างกายสูญเสียพลังชีวิตแล้วตายลง(แต่ทางในทางปีศาจมันคือปีศาจที่จะปลอมเป็นมนุษย์แล้วฆ่ามนุษย์คนนั้นเพื่อแทนตนลงไป) หรือการเทเลพอร์ท
ที่เอามาแค่การทำลายตัวตนในจุดเก่าแล้วสร้างตัวตนขึ้นมาอีกทีในจุดใหม่ ที่จริงๆมันหมายถึงการเคลื่อนย้ายตัวตนข้ามมิติจากจุดหนึ่งไปที่อีกจุดหนึ่งมากกว่า(ส่วนของคาเอเดะ
ผมยังไม่รุ้ว่าใช้หลักการอะไรเทียบของโชโกะก็ด้วย)