[quote/]
โครงการภาครัฐหลายอย่างใช้แง่ธุรกิจอ้างอิงไม่ได้ครับ
โครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานต่อให้ไม่ทำกำไร แต่ของมันต้องมี ไฟฟ้า, ประปา, ถนนหนทาง ต่อให้เป็นหมู่บ้านชาวป่าชาวเขาห่างไกลมีไม่ถึง 20 ครัวเรือน ตัดถนนแล้วไม่คุ้มค่าเงินก็ตาม
ความสามารถในการผลิตอาหารเอง ถ้าคิดแค่ตัวเลขความคุ้มค่าญึ่ปุ่นควรเลิกทำเกษตรแล้วนำเข้าทั้งหมดครับ งบอุดหนุนเกษตรกรของรัฐบาลญี่ปุ่นนี่เข้าข่ายต้ำน้ำพริกละลายแม่น้ำมาก แต่ถ้าวันใดหาซื้อข้างนอกไม่ได้อดตายเอาไหม สรุปของมันต้องมี
งบกลาโหมคือสิ่งสิ้นเปลืองของทุกประเทศ แต่ถ้าวันหนึ่งถูกข้าศึกบุกแล้วไม่มีอาวุธตกเป็นเมืองขึ้นง่าย ๆ เอาไหม สุดท้ายของมันต้องมีอย่างเลี่ยงไม่ได้ ต่อให้เป็นประเทศที่รักสงบและเป็นกลางที่สุดในโลกก็ตาม ดูสวิสเป็นตัวอย่างได้
โครงการอย่างดิจิตอลวอลเล็ต, คนละครึ่ง, คาสิโน อันนี้พูดเรื่ิองกำไรขาดทุนได้เพราะมันเป็นโครงการลงทุนเพื่อหาเงินโดยตรง
โครงการอย่างการสร้างตึก,ซื้อตึกของหน่วยงานราชการ อันนี้สมควรโดนวิจารณ์แน่นอน เพราะไม่ใช่โครงการที่มีความจำเป็นต้องลงทุน และ/หรือ มีทางเลือกที่ประหยัดต้นทุนมากกว่า อันนี้คำนวณความคุ้มค่าไปเลยครับไม่มีใครว่ามีแต่คนสนับสนุน
ขอบอกเลยนะผมไม่คัดค้านแนวทางประหยัดตังค์ ใช้เงินให้คุ้มค่าที่สุด ถ้าสมมติสมาชิกกระทู้นี้เป็นสภา ผมโหวตให้คุณนั่งเก้าอี้กระทรวงการคลังแน่นอนครับ รัฐบาลในฝันมันควรจะเป็นคนเก่งแต่ละด้านนั่งในเก้าอี้แต่ละกะทรวงและพยายามสู้เพื่อนโยบายของกระทรวงตัวเองอย่างถึงที่สุด ถึงจะขัดแย้งกับกระทรวงอื่น ๆ โดยมีนายกเป็นคนกลางที่จะสรุปผล หาจุดสมประโยชน์ที่ลงตัวรอบด้านมากที่สุด
กระทรงการคลังสู้เพื่อเสถียรภาพการเงิน
กระทรวงสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมสู้เพื่อรักษาสภาแวดล้อมและสุขภาพของผู้คน
กระทรวงการศึกษาสู้เพื่อโอกาสทางการศึกษาของทุกคน
กระทรวงกีฬาสู้เพื่อสานฝันคนไทยไปโอลิมปิก, บอลโลก
กระทรวงพาณิชย์สู้เพื่อให้ธุรกิจคนไทยไปได้
กระทรวงวิทย์ฯสู้เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีและวิทยาการ
กระทรวงกลาโหมสู้เพื่อความมั่นคงและปลอดภัย
เป้าหมายของกะทรวงแต่ละกะทรวงบางทีก็ไปด้วยกัน แต่บางทีก็ขัดแย้งกัน (อย่างกระทรวงการคลังมักขัดกับกลาโหมเป็นเรื่องปกติของทุกประเทศ) สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับวิสัยทัศน์ของผู้นำว่าเรียงลำดับความสำคัญและเป้าหมายประเทศยังไง และบางทีเป้าหมายก็เปลี่ยนแปลงได้ตามสถานการณ์ อย่างเวลาสงบสุขก็อาจจำกัดงบของกลาโหมไว้เพื่อเอาเงินไปใช้พัฒนาด้านอื่น แต่ยามมีภัยก็อาจลดงบกระทรวงอื่นโยกให้กลาโหม
อ้างอิงได้หมดครับ ทุกโครงการจำเป็นต้องผ่าน Feastibility ก่อน ทุกประเทศ ทุกองค์กรไม่ว่ารัฐหรือเอกชนต้องทำ นี่คือ Basic ของ Basic เลยครับในการตัดสินใจทำโครงการ
การไม่ทำ Feastibility คือ ผิด ตั้งแต่ต้นเลยนะครับ
ยกตัวอย่างอย่างสร้างรถไฟฟ้าเนี่ย คุณคิดว่าเราได้อะไรมั้ย ในเมื่อพอมองคร่าวๆ เราก็ยังเสียพลังงานเหมือนเดิม เสียเวลาการเดินทางเหมือนเดิม
แต่ความจริงคือมันเป็นการเสียน้อยลงครับ
ผมยกตัวอย่างให้เห็นภาพ
Old : เมือง A ไปเมือง B ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง และ ประเทศไทยต้องนำเข้าน้ำมันเป็นพลังงานให้แก่รถยนต์ 1 ล้านลิตรต่อปีต่อรถที่เดินทางไป-กลับ เมือง A และ B
New : สร้างรถไฟฟ้าจากเมือง A ไป B ใช้เวลาเดินทางแค่ 30 นาที และประเทศไทยนำเข้าน้ำมันลดลง เหลือ 5 แสนลิตรต่อปี
คำถามเราจะคิดผลประโยชน์เป็นตัวเงินอย่างไร
1. Benefit from different cost of Time : ผลประโยชน์ของความแตกต่างด้านเวลา
แบบเก่าเสียเวลา 1 ชั่วโมง แบบใหม่เสียเวลา 30 นาที ดังนั้น Cost of time = 60 - 30 = 30 นาที
เวลาที่ได้กลับมา 30 นาที คือ ผลประโยชน์จาก Cost of Time ซึ่ง 30 นาทีสามารถแปลงเป็นมูลค่าเงินได้
ถ้า value of time = 100 บาท/ชั่วโมง (ตัวแปรนี้จริงๆต้องเอามาจากการเก็บสถิติ)
เวลาที่ประหยัด(ชั่วโมง/ปี) = 0.5 ชั่วโมง x N(คนหรือเที่ยว/ปี)
ค่าประโยชน์ทางเศรษฐกิจ = Value of time x N ชั่วโมง/ปี
เวลาที่ประหยัดรวมจะเท่ากับ 0.5 x N คน/ปี (สมมุติว่าปีหนึ่งมีคนจากเมือง A เดินทางไปเมือง B 1 ล้านคนต่อปี) = 0.5 x 1,000,000 คน/ปี = 500,000 ชั่วโมง
ค่าผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ = 500,000 x 100 = 50,000,000 บาท/ปี
2.Benefit from different cost of enegy
Old : นำเข้าน้ำมัน 1,000,000 ลิตรต่อปี
New : นำเข้าน้ำมัน 500,000 ลิตรต่อปี
Diff = 1,000,000 - 500,000 = 500,000 ลิตรต่อปี
สมมุติว่าค่าน้ำมันตกอยู่ที่ลิตรละ 30 บาท ก็จะได้เป็น 30 x 500,000 = 15,000,000 บาทต่อปี
ดังนั้นจับ (1) + (2) = 50,000,000 + 15,000,000 = 65,000,000 บาท/ต่อปี (เป็นบวก)
แค่นี้เราก็จะได้ผลประโยชน์หรือรายได้ตอบแทนกลับต่อปีกลับมาแล้ว แล้วเราก็ไปคำนวนค่าลงทุน มาทำ NPV
สมมุติว่า รถไฟฟ้าลงทุน 500 ล้านบาท ตั้งเป้าว่าคืนทุน 20 ปีคืนทุน ดอกเบี้ยเงินเฟ้อ 3%
ปีที่ 0 = -500 ล้านบาท (ค่าก่อสร้าง)
ปีที่ 1 = 65/(1.03)
1 ; n คือ ปีที่ = 1 ดังนั้นจะได้ 63.11 ล้านบาท
ปีที่ 2 = 65/(1.03)
2 = 61.27 ล้านบาท
.
.
.
ปีที่ 20 = 65/(1.03)
20 = 35.99 ล้านบาท
ผลรวมทุกปี คือ NPV = (-500 + 63.11 + 61.27 + ... + 35.99) = 467.04 ล้านบาท(เป็นบวก)
ถ้าโครงการเป็นบวก ก็คือ ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่ได้รับมากกว่าเสีย และได้ประมาณ 467 ล้านบาท
ดังนั้นโครงการนี้ควรทำ
ทุกโครงการรัฐหรือเอกชนคิด Feastibility ได้หมดนะครับ และบังคับต้องคิดเป็นอันดับแรกด้วยครับ
.........................
กลับมามีที่ โครงการ "รั้วชายแดน ไทย - กัมพูชา"
Value ทางเศรษฐกิจ ของ เศรษกิจ, สังคม, ความมั่นคง คืออะไร และวัดเป็นตัวเลขได้เท่าไหร่ นี่คือคำถาม
ทุกเรื่องใส่เป็นตัวเลขได้หมดครับ ไม่มีข้อจำกัดใดๆ ไอ้ที่บอกว่าคิดเป็นตัวเลขไม่ได้ อันนี้คือข้ออ้างครับ เพราะผมแสดงให้ดูแล้วว่าแม้แต่รถไฟฟ้าก็ยังคำนวนได้
อย่างกรณีรถไฟฟ้า มันก็จะได้ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจคือ Cost of Time กับ Cost of Energy
ดังนั้นคำถามผมง่ายมาก โครงการ "รั้วชายแดนไทย-กัมพูชา" คุณได้ Cost of อะไรครับ? ตอบคำถามตรงนี้ให้ได้เสียก่อนเช่น สมมุติว่าคุณอ้างว่า "รั้วชายแดนไทย-กัมพูชา" ได้ประโยชน์คือ Cost of "ความมั่นคง"
ผมก็จะถามว่า
ระหว่าง Old กับ New คุณได้อะไรที่แตกต่างจากเดิม?
สมมุติ เช่น คุณลงทุนอาวุธน้อยลง เพราะ คุณมีกำแพงชายแดนป้องกันแทนการใช้อาวุธ เมื่อก่อนคุณซื้ออาวุธ+กระสุน 100 ล้านต่อปี พอมีกำแพง
คุณไม่จำเป็นต้องซื้อเยอะเท่าเดิม เหลือซื้ออาวุธ+กระสุนแค่ 50 ล้านบาทต่อปี (ยกตัวอย่างนะ)
อะไรประมาณนี้ คุณเชียร์โครงการนี้ คุณก็ต้องตอบคำถามเหล่านี้ให้ได้
อย่าใช้อารมณ์เป็นที่ตั้งในการตัดสินใจ แต่ให้ใช้ตรรกะและเหตุผลในการตัดสินใจ
คณิตศาสตร์คือตัวแทนของความเป็นเหตุเป็นผล ซึ่งเป็นตัวแทนในการตัดสินใจ
ยกตัวอย่างการจัดซื้อจัดหา Gripen แทน F16 เราก็ต้องมาเทียบกันระหว่าง Old(F16) vs New(Gripen) มีอะไรที่แตกต่างกัน
เช่น
- Cost of Energy เครื่องบิน Gripen ใช้เชื้อเพลิงน้อยกว่า F16 ทำให้จ่ายค่าการซ้อมรบแต่ละครั้งน้อยกว่า ทำให้เมื่อจำนวนเงินเท่ากัน Gripen ซ้อมรบได้มากกว่า
- Cost of Maintenance เครื่องบิน Gripen ไทยเราได้ Offset Policy ตั้งโรงงานผลิตอะไหล่ซ่อมบำรุงในประเทศได้ ทำให้การซ่อมบำรุง Gripen ถูกกว่า F16
- Cost of Combat เครื่องบิน Gripen vs F16 โดยลองเอามาสู้ใน Simulator โอกาสชนะคิดเป็นกี่ % แล้วเอา % ไปคูณกับค่าเครื่องบินรบ
สมมุติว่า Gripen vs F16 ผลการรบ Simulator คือ ร่วม 10 : 10 ทั้งคู่ คุณก็เอา 10 ลำเนี่ยไปคูณกับ Cost of เครื่องบินรบ คุณก็จะสามารถประเมินความเสียหายที่ฝ่ายเราหรือศัตรูได้รับ
ดังนั้น การที่บอกว่าคิดเป็นตัวเลขไม่ได้ อันนี้คือข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้นครับ ทุกอย่างคิดเป็นตัวเลขได้หมดครับ เพราะถ้าไม่คิดเป็นตัวเลข คุณจะวัดอะไรไม่ได้เลย