[quote/]
ในส่วนของอนิเมะมันทำมานานครับแทบไม่มีเผางานเลยส่วนที่เร่งจริงๆคือเพลงครับ อนิเมเตอร์ยุคนั้นไฟแรงบวกงานไม่มากขนาดทุกวันนี้เรียกว่าผลิตงานได้ไวกว่า เรื่องมังงะแทบทุกเรื่องครับอีวาก็เช่นกันฝ่ายอนิเมเตอร์แทบจะ เขย่าคอคนแต่งเรื่องว่าส่งงานมาเร็วๆตรูไม่มีอะไรจะทำแล้วที่สำคัญคือสำหรับอีวาอันแรก ตอนแรกสุดมีแผนจะไห้01กลายเป็นเทวทูตคนสุดท้ายถึงขั้นเขียนออกมาไช้ในopแล้วแต่คนแต่งตอนท้าย ดันติสแตกเปรี่ยนไห้จบแบบอีหยังวะเอาเวลาที่ตูดูภาพนิ่งเกือบยี่สิบนาที่คืนมาแม่งเลวร้ายมาก
ตอนนั้นแกซึมเศร้าแดกครับ อย่าไปว่าแกเลย พวกโรคทางจิตเวชทุกชนิดมันส่งผลกับงานที่ทำอยู่แล้ว(เพราะงั้นการบอกว่าอย่าเอาซึมเศร้ามาปนกับงาน เป็นไปไม่ได้ เพราะถ้าอาการมันออกจนส่งผลกระทบกับงานถือว่าเป็นโรค แต่ในยุคนั้นเรื่องโรคพวกนี้มันไม่ได้ดูเป็นเรื่องปกติเท่ายุคนี้ และประเทศญี่ปุ่นแม่งก็บ้างานชิบหาย ความเครียดทวีคูณอยู่แล้ว) งานที่ออกมาก็อิหยังวะตามสภาพ ทั้ง 2 ตอนสุดท้าย ทั้ง the end จนตอนนั้นมีคนไปขู่ฆ่าจนแกจะฆ่าตัวตายให้ได้ ก็แย่จะตายละ ดีเมียแกคอยซัพจนแกมีแรงฮึดกลับมาทำ rebuild
ถ้ามองในเรื่องอีวา คือเชี่ยไรวะ สมควรโดนด่า แต่ถ้ามองในแง่คนที่ป่วย ผมคิดว่าแกพยายามถ่ายทอดอารมณ์คนซึมเศร้าแดกให้ออกมาเป็นภาพมากที่สุดให้ได้มั้ง(ผมไม่เคยเป็น เลยไม่รู้ แล้วแต่คนมั้ง บางคนก็ตีความเป็นหมอก บางคนตีความเป็นหลุม)
ซึ่งก็อีหรอบเดิม ซึมเศร้าแดกอีกตอนทำภาค 3.0 เลยต้องไปหาอย่างอื่นทำแทน ทั้งไปพากย์หนังมิยาซากิ ไปเล่นหนัง ไปดูเรื่องชินก๊อต จนค่อยๆมีแรงฮึดกลับมาทำภาคสุดท้ายให้มันจบๆไปจนได้
จากที่ดูสารคดีของอันโนะ ผมมองว่าในตอนนั้นแกคงมองว่าอีวาเป็นภาระไปแล้วแหละ ไม่อยากยุ่งอีกแล้ว แต่ในเมื่อค้างคาก็เลยกลับมาก็ได้วะ ทำเต็มที่ครั้งสุดท้าย พอจบจนหนังฉาย แกก็ช่างแม่งละ(แต่ไอ้ที่แถมมากับบลูเรย์ ที่มันมีตัวละครใหม่อีก ไม่รู้แกปั่นรึเปล่า 55)