[quote/]
กรณีฟิสิกข์ เคมี คณิต หลักๆเพราะดูมีความไกลตัวมั้งครับ กรณีถ้าไม่ได้เรียนหมอหรือไปต่อด้านเคมีภัณฑ์นี่แทบไม่ค่อยจำเป็น สมัยที่ผมเรียน ครูบางคนไม่เคยพานักเรียนทดลองเลยด้วย คือสอนตามตำราไม่ก็เปิด VDO ให้ดูอย่างเดียว
ส่วนคณิตศาสตร์ส่วนมากหลักๆคนส่วนมากก็ว่า + - x ÷ เป็นก็เอาตัวรอดได้แล้ว (สมัยนี้อาจต้องมีสูตรคิด% เพิ่มมาอีก) ว่าไปก็นึกถึงหนังสือพีทาโกรัส ที่เขาว่ามี 7 เล่ม แต่โดนเผาเกือบหมดเหลือเล่มเดียว หลายคนก็คิดกันไปว่าดีแล้วที่เหลือเล่มเดียว ไม่งั้นมึนกว่านี้แน่ๆ แต่ถ้าคิดอีกแง่ 6 เล่มที่เหลืออาจจะมีสูตรที่ง่ายกว่าเล่มปัจจุบันก็ได้ ถ้ายังอยู่การเรียนพีทาโกรัสอาจไม่ยากเท่าทุกวันนี้
แคลคูรัสครับ ที่โดนเผา ที่เราเรียนคือเล่มแรกของเซอร์ไอแซค นิวตัน
เราเรียนเราแค่จำหลักการครับ เข้าใจหลักการเดี๋ยวสูตรมันมาเองได้หรือเปิดแปปเดียวเราก็จำได้ แถมจำแล้วไม่ค่อยลืม
อย่างแคลคูรัส ผมเรียนแบบเข้าใจ ไม่ได้มานั่งจำสูตรนู่นนี่นั่น ผมใช้ความเข้าใจคือ Diff คือ ความชันของกราฟ ส่วน Integrate คือพื้นที่ใต้กราฟ แค่นี้แหละครับหลักการง่ายๆ
อย่าง Sin Cos Tan ผมไม่ทราบว่าโรงเรียนไทยทั่วไปได้เรียนถูกวิธีและเรียนที่มาจริงๆหรือเปล่าว่ามันมาจากวงกลม 1 หน่วย วิธีเข้าใจง่ายมากครับ
แกน X คือ Cos , แกน Y คือ Sin และ Tan คือ ความชันของกราฟ Y/X
อย่างเรื่องฝนเทียม หลักการมันก็หลักการเดียวกับการทำไอติมหวานเย็นนั่นแหละ ยิ่งสารละลายเข้มข้นทุก 1 โมแลล ขีดจำกัดอุณหภูมิจะเปลี่ยนไป 1 องศาเซลเซียส หรือ องศาเคลวิน
ต่างกันตรงแค่อันแรกคือขีดจำกัดจุดเดือด อันหลังคือขีดจำกัดจุดเยือกแข็ง
อาจารย์ผมไม่ได้สอนให้เปิดสูตรท่องสูตรแบบโรงเรียนอื่นนะ แต่สอนให้เข้าใจ Concept และหลักการที่แท้จริงของมันคืออะไร อะไรคือหัวใจของมัน
อย่างภาษาอังกฤษเองก็เหมือนกัน ภาษาอังกฤษจริงๆง่ายกว่าภาษาไทยมาก โครงสร้างทางภาษามันชัดเจนมาก
She is
very(adv.) strong(adj.)woman(N.) หลักการมันก็ง่ายๆครับ Adv. ขยาย Adv. ขยาย Adj. ขยาย N. อยากเอาอะไรขยายก็เอาไว้อยู่หน้า
ส่วนคำศัพท์ ผมก็ไม่เคยจำศัพท์มากนะครับ เอาจริงๆผมแทบไม่อ่านภาษาอังกฤษด้วย แต่ตอนสอบ GAT PAT ผมได้คะแนนภาษาอังกฤษเกือบเต็ม มากกว่า Part เชื่อมโยง
ผมใช้ความเข้าใจรากศัพท์ และ Prefix กับ Suffix เช่น
คำว่า Image(N.) ถ้าคุณเติม -ine มันจะกลายเป็น imagine(V.) ผมเติม -y ผมจะได้เป็น Imaginary(Adj.) เติม -ly เป็น Imaginarily (Adv.)
เติม -tion มันก็จะกลายเป็น Imagination(N.) หรืออย่างทำ Image เป็น verb ก็ได้แค่เติม-ate ด้านหลัง Imitate(V.) เติม -ion ก็กลายเป็น Imitation(N.)
ไม่พอใจผมเติม-al กลายเป็น Imitational(adj.) ผมเติม-ism(แนวคิด,ลัทธิ) กลายเป็น Imitationalism(N.)
เห็นมั้ยครับว่าผมแปลงศัพท์ไปมาได้เรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด ไม่มีวันจบวันสิ้นแล้วคุณลองไป Search ที่ผมผันศัพท์ไปมา ทุกคำที่ผมผันมีความหมายหมดเลยครับและใช้ได้จริง
เนี่ยแหละคือความหมายของคำว่าว่า
"ไร้กระบวนท่าเหนือกว่ามีกระบวนท่า" เพราะผมไม่มานั่งจำศัพท์(กระบวนท่า)มากมายวุ่นวาย
แต่ผมใช้ความเข้าใจในหลักการ(ไร้กระบวนท่า) เมื่อเข้าใจหลักการ คุณก็สร้างศัพท์(กระบวนท่า)ขึ้นมาใหม่ได้เรื่อยๆไม่มีวันจบวันสิ้นเอาจริงๆ ผมจำคำแค่ Image คำเดียวเองนะ แต่ผมใช้ความเข้าใจกับรู้หลักการ จาก 1 คำ มันกลายเป็นมากกว่า 10 คำ และมีวิธีใช้+ความหมายที่แตกต่างกัน
ตอนสอบ GAT PAT บางคำศัพท์ผมไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ผมไม่มีปัญหาครับ เพราะผมก็ดึงย้อนกลับไปหารากศัพท์และก็อ่านความหมายโดยรวม ผมก็รู้แล้วว่าศัพท์แปลกๆที่ไม่เคยเห็นหมายความว่าอะไร
ผมถึงมักจะบอกไงว่า ปัญหาของการศึกษาไทย มันเรียนแบบท่องจำ มันไม่ได้เรียนแบบเข้าใจหลักการ และมันใช้ได้กับทุกวิชา ไม่เว้นแม้แต่ภาษาไทย สังคม ประวัติศาสตร์