แหล่งนิยายแปล แหล่งนิยาย นิยายแปล นิยายแต่ง มังงะ การ์ตูน อนิเมะ นายท่าน เว็บไซต์นายท่าน กระทู้สไลม์ สไลม์ยอดรัก

ผู้เขียน หัวข้อ: เทคนิคการสอนแนวนี้ท่านว่าจะได้ผลมากมั้ยครับ  (อ่าน 754 ครั้ง)

ออฟไลน์ Taw

  • หัวหน้าฝูงหมีใหญ่
  • *****
  • กระทู้: 1,352
  • ถูกใจแล้ว: 584 ครั้ง
  • ความนิยม: +47/-605
จู่ๆผมก็มีไอเดียสร้างตัวละครครูครับ เหตุการณ์ช่วงปลายยุค90 ที่เทคนิคการสอนปั้นเด็กเก่งได้ คือครูสอนภาษาอังกฤษคนหนึ่งที่สอนนักเรียนด้วยวิธีคือให้มองสิ่งรอบตัวแล้วพูดเป็นภาษาอังกฤษ บางวันก็พาเดินไปตามรอบโรงเรียนแล้วชี้ว่าสิ่งนั้นภาษาอังกฤษเรียกว่าอะไร สิ่งนี้อ่านเป็นภาษาอังกฤษยังไง และมีการให้แต่ละคนคัดลอกป้ายต่างๆที่เป็นภาษาไทยล้วนแล้วให้แปลเป็นภาษาอังกฤษมาส่ง

ถ้าเป็นคาบเรียนพิเศษของครู บางวันครูก็จะพาเด็กๆไปเดินตลาดแล้วจำลองว่าที่นี่เป็นต่างประเทศ ให้ทุกคนพูดภาษาอังกฤษในการซื้อขนม(เป็นร้านซึ่งเป็นธุรกิจพี่น้องของครู ซึ่งมีนโยบายนักเรียนเก็บ 1/3 ของราคาจริง) แล้วครูก็จะทำหน้าที่เป็นล่ามให้ ถ้าพูดผ่านก็ได้ ถ้าไม่ผ่านก็เปิดดิกหาคำมาเรียบเรียงให้ผ่าน

แบบนี้จะช่วยปั้นเด็กเก่งได้มากน้อยแค่ไหนครับ
 

ออฟไลน์ Black7nos

  • ผู้สนับสนุนเซนนิคุงY3
  • ยอดขุนพลหมี
  • *****
  • กระทู้: 5,020
  • ถูกใจแล้ว: 3584 ครั้ง
  • ความนิยม: +215/-301
Re: เทคนิคการสอนแนวนี้ท่านว่าจะได้ผลมากมั้ยครับ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: พฤษภาคม 22, 2021, 08:17:15 AM »
จู่ๆผมก็มีไอเดียสร้างตัวละครครูครับ เหตุการณ์ช่วงปลายยุค90 ที่เทคนิคการสอนปั้นเด็กเก่งได้ คือครูสอนภาษาอังกฤษคนหนึ่งที่สอนนักเรียนด้วยวิธีคือให้มองสิ่งรอบตัวแล้วพูดเป็นภาษาอังกฤษ บางวันก็พาเดินไปตามรอบโรงเรียนแล้วชี้ว่าสิ่งนั้นภาษาอังกฤษเรียกว่าอะไร สิ่งนี้อ่านเป็นภาษาอังกฤษยังไง และมีการให้แต่ละคนคัดลอกป้ายต่างๆที่เป็นภาษาไทยล้วนแล้วให้แปลเป็นภาษาอังกฤษมาส่ง

ถ้าเป็นคาบเรียนพิเศษของครู บางวันครูก็จะพาเด็กๆไปเดินตลาดแล้วจำลองว่าที่นี่เป็นต่างประเทศ ให้ทุกคนพูดภาษาอังกฤษในการซื้อขนม(เป็นร้านซึ่งเป็นธุรกิจพี่น้องของครู ซึ่งมีนโยบายนักเรียนเก็บ 1/3 ของราคาจริง) แล้วครูก็จะทำหน้าที่เป็นล่ามให้ ถ้าพูดผ่านก็ได้ ถ้าไม่ผ่านก็เปิดดิกหาคำมาเรียบเรียงให้ผ่าน

แบบนี้จะช่วยปั้นเด็กเก่งได้มากน้อยแค่ไหนครับ


การเรียนภาษาอังกฤษที่ดีที่สุดคือการให้หัดลองพูดผิดถูกกับประสบการณ์จริง ในสถานการณ์เจอชาวต่างชาติจริงๆ


อย่างชาวบ้านที่อาศัยอยู่แหล่งท่องเที่ยวหรือคนพื้นเพเดิมที่อยู่อาศัยแหล่งท่องเที่ยว เช่น เกาพีพี กระบี่ ภูเก็ต ฯลฯ


หลายคนพูดภาษาอังกฤษได้นะครับ แม้จะเขียนไม่ได้ อาจจะพูดคล่องกว่าผมอีก นั่นก็เพราะภาษาอังกฤษของเขาได้ใช้อยู่เป็นประจำเมื่อนักท่องเที่ยวต่างชาติมีปฏิสัมพันธ์พูดคุยด้วย


พวกเขารู้ว่าพวกเขาสามารถหาเงินต่างชาติ เช่น เป็นไกด์พาเที่ยว จัดทัวร์ไดร์หมึกจับปลา จัดทัวร์ใต้น้ำดูปะการัง เพื่อที่จะทำให้เขาเอาตัวรอดได้ เขาก็ต้องเลียนรู้พูดภาษาอังกฤษ


เหมือนกับเราเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ ฟิสิกต์ เคมี ชีววิทยา รวมถึงคณิตศาสตร์ แต่ทำไมเราเรียนและเราลืม เพราะเราไม่ได้เรียนกันอย่างเข้าใจโดยเกิดจาก Experience ของตัวเอง


มีเด็กไม่กี่คนนะครับที่มีโอกาสเรียนวิทยาศาสตร์แบบที่ได้ทดลองจริงตามที่หนังสือเรียนเขียน
ผู้กล้าอาณาจักรกุหลาบ https://goshujin.tk/index.php/topic,15078.0.html
ึคุณพ่อผมถูกเอาเงินจ้างฟาดหัว ผมเลยต้องมาเป็นนักมวยไทยที่ต่างแดน https://goshujin.tk/index.php?topic=32172.msg796105#msg796105
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: Taw, Wannabe

ออฟไลน์ Taw

  • หัวหน้าฝูงหมีใหญ่
  • *****
  • กระทู้: 1,352
  • ถูกใจแล้ว: 584 ครั้ง
  • ความนิยม: +47/-605
Re: เทคนิคการสอนแนวนี้ท่านว่าจะได้ผลมากมั้ยครับ
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: พฤษภาคม 22, 2021, 10:46:54 AM »
[quote/]


การเรียนภาษาอังกฤษที่ดีที่สุดคือการให้หัดลองพูดผิดถูกกับประสบการณ์จริง ในสถานการณ์เจอชาวต่างชาติจริงๆ


อย่างชาวบ้านที่อาศัยอยู่แหล่งท่องเที่ยวหรือคนพื้นเพเดิมที่อยู่อาศัยแหล่งท่องเที่ยว เช่น เกาพีพี กระบี่ ภูเก็ต ฯลฯ


หลายคนพูดภาษาอังกฤษได้นะครับ แม้จะเขียนไม่ได้ อาจจะพูดคล่องกว่าผมอีก นั่นก็เพราะภาษาอังกฤษของเขาได้ใช้อยู่เป็นประจำเมื่อนักท่องเที่ยวต่างชาติมีปฏิสัมพันธ์พูดคุยด้วย


พวกเขารู้ว่าพวกเขาสามารถหาเงินต่างชาติ เช่น เป็นไกด์พาเที่ยว จัดทัวร์ไดร์หมึกจับปลา จัดทัวร์ใต้น้ำดูปะการัง เพื่อที่จะทำให้เขาเอาตัวรอดได้ เขาก็ต้องเลียนรู้พูดภาษาอังกฤษ


เหมือนกับเราเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ ฟิสิกต์ เคมี ชีววิทยา รวมถึงคณิตศาสตร์ แต่ทำไมเราเรียนและเราลืม เพราะเราไม่ได้เรียนกันอย่างเข้าใจโดยเกิดจาก Experience ของตัวเอง


มีเด็กไม่กี่คนนะครับที่มีโอกาสเรียนวิทยาศาสตร์แบบที่ได้ทดลองจริงตามที่หนังสือเรียนเขียน

กรณีฟิสิกข์ เคมี คณิต หลักๆเพราะดูมีความไกลตัวมั้งครับ กรณีถ้าไม่ได้เรียนหมอหรือไปต่อด้านเคมีภัณฑ์นี่แทบไม่ค่อยจำเป็น สมัยที่ผมเรียน ครูบางคนไม่เคยพานักเรียนทดลองเลยด้วย คือสอนตามตำราไม่ก็เปิด VDO ให้ดูอย่างเดียว

ส่วนคณิตศาสตร์ส่วนมากหลักๆคนส่วนมากก็ว่า + - x ÷ เป็นก็เอาตัวรอดได้แล้ว (สมัยนี้อาจต้องมีสูตรคิด% เพิ่มมาอีก) ว่าไปก็นึกถึงหนังสือพีทาโกรัส ที่เขาว่ามี 7 เล่ม แต่โดนเผาเกือบหมดเหลือเล่มเดียว หลายคนก็คิดกันไปว่าดีแล้วที่เหลือเล่มเดียว ไม่งั้นมึนกว่านี้แน่ๆ แต่ถ้าคิดอีกแง่ 6 เล่มที่เหลืออาจจะมีสูตรที่ง่ายกว่าเล่มปัจจุบันก็ได้ ถ้ายังอยู่การเรียนพีทาโกรัสอาจไม่ยากเท่าทุกวันนี้
 

ออฟไลน์ Black7nos

  • ผู้สนับสนุนเซนนิคุงY3
  • ยอดขุนพลหมี
  • *****
  • กระทู้: 5,020
  • ถูกใจแล้ว: 3584 ครั้ง
  • ความนิยม: +215/-301
Re: เทคนิคการสอนแนวนี้ท่านว่าจะได้ผลมากมั้ยครับ
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: พฤษภาคม 22, 2021, 01:50:28 PM »
[quote/]

กรณีฟิสิกข์ เคมี คณิต หลักๆเพราะดูมีความไกลตัวมั้งครับ กรณีถ้าไม่ได้เรียนหมอหรือไปต่อด้านเคมีภัณฑ์นี่แทบไม่ค่อยจำเป็น สมัยที่ผมเรียน ครูบางคนไม่เคยพานักเรียนทดลองเลยด้วย คือสอนตามตำราไม่ก็เปิด VDO ให้ดูอย่างเดียว

ส่วนคณิตศาสตร์ส่วนมากหลักๆคนส่วนมากก็ว่า + - x ÷ เป็นก็เอาตัวรอดได้แล้ว (สมัยนี้อาจต้องมีสูตรคิด% เพิ่มมาอีก) ว่าไปก็นึกถึงหนังสือพีทาโกรัส ที่เขาว่ามี 7 เล่ม แต่โดนเผาเกือบหมดเหลือเล่มเดียว หลายคนก็คิดกันไปว่าดีแล้วที่เหลือเล่มเดียว ไม่งั้นมึนกว่านี้แน่ๆ แต่ถ้าคิดอีกแง่ 6 เล่มที่เหลืออาจจะมีสูตรที่ง่ายกว่าเล่มปัจจุบันก็ได้ ถ้ายังอยู่การเรียนพีทาโกรัสอาจไม่ยากเท่าทุกวันนี้


แคลคูรัสครับ ที่โดนเผา ที่เราเรียนคือเล่มแรกของเซอร์ไอแซค นิวตัน


เราเรียนเราแค่จำหลักการครับ เข้าใจหลักการเดี๋ยวสูตรมันมาเองได้หรือเปิดแปปเดียวเราก็จำได้ แถมจำแล้วไม่ค่อยลืม


อย่างแคลคูรัส ผมเรียนแบบเข้าใจ ไม่ได้มานั่งจำสูตรนู่นนี่นั่น ผมใช้ความเข้าใจคือ Diff คือ ความชันของกราฟ ส่วน Integrate คือพื้นที่ใต้กราฟ แค่นี้แหละครับหลักการง่ายๆ


อย่าง Sin Cos Tan ผมไม่ทราบว่าโรงเรียนไทยทั่วไปได้เรียนถูกวิธีและเรียนที่มาจริงๆหรือเปล่าว่ามันมาจากวงกลม 1 หน่วย วิธีเข้าใจง่ายมากครับ


แกน X คือ Cos , แกน Y คือ Sin และ Tan คือ ความชันของกราฟ Y/X


อย่างเรื่องฝนเทียม หลักการมันก็หลักการเดียวกับการทำไอติมหวานเย็นนั่นแหละ ยิ่งสารละลายเข้มข้นทุก 1 โมแลล ขีดจำกัดอุณหภูมิจะเปลี่ยนไป 1 องศาเซลเซียส หรือ องศาเคลวิน


ต่างกันตรงแค่อันแรกคือขีดจำกัดจุดเดือด อันหลังคือขีดจำกัดจุดเยือกแข็ง


อาจารย์ผมไม่ได้สอนให้เปิดสูตรท่องสูตรแบบโรงเรียนอื่นนะ แต่สอนให้เข้าใจ Concept และหลักการที่แท้จริงของมันคืออะไร อะไรคือหัวใจของมัน


อย่างภาษาอังกฤษเองก็เหมือนกัน ภาษาอังกฤษจริงๆง่ายกว่าภาษาไทยมาก โครงสร้างทางภาษามันชัดเจนมาก


She is very(adv.) strong(adj.)woman(N.) หลักการมันก็ง่ายๆครับ Adv. ขยาย Adv. ขยาย Adj. ขยาย N. อยากเอาอะไรขยายก็เอาไว้อยู่หน้า


ส่วนคำศัพท์ ผมก็ไม่เคยจำศัพท์มากนะครับ เอาจริงๆผมแทบไม่อ่านภาษาอังกฤษด้วย แต่ตอนสอบ GAT PAT ผมได้คะแนนภาษาอังกฤษเกือบเต็ม มากกว่า Part เชื่อมโยง


ผมใช้ความเข้าใจรากศัพท์ และ Prefix กับ Suffix เช่น


คำว่า Image(N.) ถ้าคุณเติม -ine มันจะกลายเป็น imagine(V.) ผมเติม -y ผมจะได้เป็น Imaginary(Adj.) เติม -ly เป็น Imaginarily (Adv.)


 เติม -tion มันก็จะกลายเป็น Imagination(N.) หรืออย่างทำ Image เป็น verb ก็ได้แค่เติม-ate ด้านหลัง Imitate(V.) เติม -ion ก็กลายเป็น Imitation(N.)


ไม่พอใจผมเติม-al กลายเป็น Imitational(adj.) ผมเติม-ism(แนวคิด,ลัทธิ) กลายเป็น Imitationalism(N.)


เห็นมั้ยครับว่าผมแปลงศัพท์ไปมาได้เรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด ไม่มีวันจบวันสิ้นแล้วคุณลองไป Search ที่ผมผันศัพท์ไปมา ทุกคำที่ผมผันมีความหมายหมดเลยครับและใช้ได้จริง


เนี่ยแหละคือความหมายของคำว่าว่า "ไร้กระบวนท่าเหนือกว่ามีกระบวนท่า" เพราะผมไม่มานั่งจำศัพท์(กระบวนท่า)มากมายวุ่นวาย


แต่ผมใช้ความเข้าใจในหลักการ(ไร้กระบวนท่า) เมื่อเข้าใจหลักการ คุณก็สร้างศัพท์(กระบวนท่า)ขึ้นมาใหม่ได้เรื่อยๆไม่มีวันจบวันสิ้น



เอาจริงๆ ผมจำคำแค่ Image คำเดียวเองนะ แต่ผมใช้ความเข้าใจกับรู้หลักการ จาก 1 คำ มันกลายเป็นมากกว่า 10 คำ และมีวิธีใช้+ความหมายที่แตกต่างกัน


ตอนสอบ GAT PAT บางคำศัพท์ผมไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ผมไม่มีปัญหาครับ เพราะผมก็ดึงย้อนกลับไปหารากศัพท์และก็อ่านความหมายโดยรวม ผมก็รู้แล้วว่าศัพท์แปลกๆที่ไม่เคยเห็นหมายความว่าอะไร


ผมถึงมักจะบอกไงว่า ปัญหาของการศึกษาไทย มันเรียนแบบท่องจำ มันไม่ได้เรียนแบบเข้าใจหลักการ และมันใช้ได้กับทุกวิชา ไม่เว้นแม้แต่ภาษาไทย สังคม ประวัติศาสตร์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 22, 2021, 01:53:33 PM โดย Black7nos »
ผู้กล้าอาณาจักรกุหลาบ https://goshujin.tk/index.php/topic,15078.0.html
ึคุณพ่อผมถูกเอาเงินจ้างฟาดหัว ผมเลยต้องมาเป็นนักมวยไทยที่ต่างแดน https://goshujin.tk/index.php?topic=32172.msg796105#msg796105
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: Taw, Wannabe

ออฟไลน์ Taw

  • หัวหน้าฝูงหมีใหญ่
  • *****
  • กระทู้: 1,352
  • ถูกใจแล้ว: 584 ครั้ง
  • ความนิยม: +47/-605
Re: เทคนิคการสอนแนวนี้ท่านว่าจะได้ผลมากมั้ยครับ
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: พฤษภาคม 22, 2021, 04:45:22 PM »
[quote/]


แคลคูรัสครับ ที่โดนเผา ที่เราเรียนคือเล่มแรกของเซอร์ไอแซค นิวตัน


เราเรียนเราแค่จำหลักการครับ เข้าใจหลักการเดี๋ยวสูตรมันมาเองได้หรือเปิดแปปเดียวเราก็จำได้ แถมจำแล้วไม่ค่อยลืม


อย่างแคลคูรัส ผมเรียนแบบเข้าใจ ไม่ได้มานั่งจำสูตรนู่นนี่นั่น ผมใช้ความเข้าใจคือ Diff คือ ความชันของกราฟ ส่วน Integrate คือพื้นที่ใต้กราฟ แค่นี้แหละครับหลักการง่ายๆ


อย่าง Sin Cos Tan ผมไม่ทราบว่าโรงเรียนไทยทั่วไปได้เรียนถูกวิธีและเรียนที่มาจริงๆหรือเปล่าว่ามันมาจากวงกลม 1 หน่วย วิธีเข้าใจง่ายมากครับ


แกน X คือ Cos , แกน Y คือ Sin และ Tan คือ ความชันของกราฟ Y/X


อย่างเรื่องฝนเทียม หลักการมันก็หลักการเดียวกับการทำไอติมหวานเย็นนั่นแหละ ยิ่งสารละลายเข้มข้นทุก 1 โมแลล ขีดจำกัดอุณหภูมิจะเปลี่ยนไป 1 องศาเซลเซียส หรือ องศาเคลวิน


ต่างกันตรงแค่อันแรกคือขีดจำกัดจุดเดือด อันหลังคือขีดจำกัดจุดเยือกแข็ง


อาจารย์ผมไม่ได้สอนให้เปิดสูตรท่องสูตรแบบโรงเรียนอื่นนะ แต่สอนให้เข้าใจ Concept และหลักการที่แท้จริงของมันคืออะไร อะไรคือหัวใจของมัน


อย่างภาษาอังกฤษเองก็เหมือนกัน ภาษาอังกฤษจริงๆง่ายกว่าภาษาไทยมาก โครงสร้างทางภาษามันชัดเจนมาก


She is very(adv.) strong(adj.)woman(N.) หลักการมันก็ง่ายๆครับ Adv. ขยาย Adv. ขยาย Adj. ขยาย N. อยากเอาอะไรขยายก็เอาไว้อยู่หน้า


ส่วนคำศัพท์ ผมก็ไม่เคยจำศัพท์มากนะครับ เอาจริงๆผมแทบไม่อ่านภาษาอังกฤษด้วย แต่ตอนสอบ GAT PAT ผมได้คะแนนภาษาอังกฤษเกือบเต็ม มากกว่า Part เชื่อมโยง


ผมใช้ความเข้าใจรากศัพท์ และ Prefix กับ Suffix เช่น


คำว่า Image(N.) ถ้าคุณเติม -ine มันจะกลายเป็น imagine(V.) ผมเติม -y ผมจะได้เป็น Imaginary(Adj.) เติม -ly เป็น Imaginarily (Adv.)


 เติม -tion มันก็จะกลายเป็น Imagination(N.) หรืออย่างทำ Image เป็น verb ก็ได้แค่เติม-ate ด้านหลัง Imitate(V.) เติม -ion ก็กลายเป็น Imitation(N.)


ไม่พอใจผมเติม-al กลายเป็น Imitational(adj.) ผมเติม-ism(แนวคิด,ลัทธิ) กลายเป็น Imitationalism(N.)


เห็นมั้ยครับว่าผมแปลงศัพท์ไปมาได้เรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด ไม่มีวันจบวันสิ้นแล้วคุณลองไป Search ที่ผมผันศัพท์ไปมา ทุกคำที่ผมผันมีความหมายหมดเลยครับและใช้ได้จริง


เนี่ยแหละคือความหมายของคำว่าว่า "ไร้กระบวนท่าเหนือกว่ามีกระบวนท่า" เพราะผมไม่มานั่งจำศัพท์(กระบวนท่า)มากมายวุ่นวาย


แต่ผมใช้ความเข้าใจในหลักการ(ไร้กระบวนท่า) เมื่อเข้าใจหลักการ คุณก็สร้างศัพท์(กระบวนท่า)ขึ้นมาใหม่ได้เรื่อยๆไม่มีวันจบวันสิ้น



เอาจริงๆ ผมจำคำแค่ Image คำเดียวเองนะ แต่ผมใช้ความเข้าใจกับรู้หลักการ จาก 1 คำ มันกลายเป็นมากกว่า 10 คำ และมีวิธีใช้+ความหมายที่แตกต่างกัน


ตอนสอบ GAT PAT บางคำศัพท์ผมไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ผมไม่มีปัญหาครับ เพราะผมก็ดึงย้อนกลับไปหารากศัพท์และก็อ่านความหมายโดยรวม ผมก็รู้แล้วว่าศัพท์แปลกๆที่ไม่เคยเห็นหมายความว่าอะไร


ผมถึงมักจะบอกไงว่า ปัญหาของการศึกษาไทย มันเรียนแบบท่องจำ มันไม่ได้เรียนแบบเข้าใจหลักการ และมันใช้ได้กับทุกวิชา ไม่เว้นแม้แต่ภาษาไทย สังคม ประวัติศาสตร์ 

อ่อ เรื่องตำราจำผิดครับ :P

ไอเดียคุณน่าสนใจมาก วิธีของคุณคือการแปลงคำหลักๆ คือ adv adj N จนคำหลักเป็นความหมายใหม่ หรือความหมายต่างๆที่ใกล้เคียงหรือเชื่อมกันได้ เพราะเท่าที่ผม Serch มาเมื่อกี้ คำตั้งต้นคือ image(ภาพ) พอมาขยายดูคือ imagine(จินตนาการ) และimatate(เลียนแบบ) ซึ่งถ้าลองโยงดูดีๆ มันก็คือรากเดียวกันเลย แบบว่าภาพ (image) เลียนแบบ (imatate) สิ่งที่มีอยู่จริง และเสริมจินตนาการ (imagine) เข้าไปด้วย แสดงว่าเมื่อแปลงคำ ความหมายใหม่ก็คือสิ่งที่ยึดโยงกับคำนาม(N)ที่ใช้ตั้งต้น แบบนี้รึเปล่าครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 22, 2021, 04:46:55 PM โดย Taw »
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: Black7nos

ออฟไลน์ Black7nos

  • ผู้สนับสนุนเซนนิคุงY3
  • ยอดขุนพลหมี
  • *****
  • กระทู้: 5,020
  • ถูกใจแล้ว: 3584 ครั้ง
  • ความนิยม: +215/-301
Re: เทคนิคการสอนแนวนี้ท่านว่าจะได้ผลมากมั้ยครับ
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: พฤษภาคม 22, 2021, 05:03:47 PM »
[quote/]

อ่อ เรื่องตำราจำผิดครับ :P

ไอเดียคุณน่าสนใจมาก วิธีของคุณคือการแปลงคำหลักๆ คือ adv adj N จนคำหลักเป็นความหมายใหม่ หรือความหมายต่างๆที่ใกล้เคียงหรือเชื่อมกันได้ เพราะเท่าที่ผม Serch มาเมื่อกี้ คำตั้งต้นคือ image(ภาพ) พอมาขยายดูคือ imagine(จินตนาการ) และimatate(เลียนแบบ) ซึ่งถ้าลองโยงดูดีๆ มันก็คือรากเดียวกันเลย แบบว่าภาพ (image) เลียนแบบ (imatate) สิ่งที่มีอยู่จริง และเสริมจินตนาการ (imagine) เข้าไปด้วย แสดงว่าเมื่อแปลงคำ ความหมายใหม่ก็คือสิ่งที่ยึดโยงกับคำนาม(N)ที่ใช้ตั้งต้น แบบนี้รึเปล่าครับ


ใช่ครับ เมื่อคุณใช้ความเข้าใจในหลักการ ไม่ใช่การท่องจำคำศัพท์ คุณก็จะแปลงศัพท์ไปได้เรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด


ถ้าจะเรียนภาษาอังกฤษ มันไม่ใช่การท่องศัพท์ กับการเรียน Tense วนไปมา แต่มันคือการเข้าใจในรากศัพท์ของแต่ละตัว ก็จะผันแปรคำศัพท์ด้วยความเข้าใจ


เข้าใจโครงสร้างคุณก็จะแต่งประโยคได้ดั่งใจ ทุกวิชามันคือความเข้าใจ ไม่ใช่การท่องจำ ทุกๆอย่างมีหลักการ มีเหตุผลรองรับ ไม่ใช่ท่องจำกันไปอย่างไม่รู้ความหมาย ไม่รู้ที่มา ไม่เข้าใจหลักการ


อย่างนี้ขยันให้ตายก็ไม่มีประโยชน์ เพราะขยันผิดทิศทาง ขยันผิดวิธี ไม่มีทางประสบผลสำเร็จหรอกครับ


"ถ้าคุณท่องจำ คุณก็จะทำได้แค่ท่องจำ คุณจะเอาไปใช้ไม่ได้ เพราะคุณไม่เข้าใจ แต่เมื่อคุณใช้ความเข้าใจ คุณสามารถเปลี่ยนแปลงทุกๆสิ่งได้ดั่งใจนึกตามใจปรารถนา"
ผู้กล้าอาณาจักรกุหลาบ https://goshujin.tk/index.php/topic,15078.0.html
ึคุณพ่อผมถูกเอาเงินจ้างฟาดหัว ผมเลยต้องมาเป็นนักมวยไทยที่ต่างแดน https://goshujin.tk/index.php?topic=32172.msg796105#msg796105
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: Taw, Wannabe

ออฟไลน์ Wannabe

  • หัวหน้าฝูงหมีเล็ก
  • ***
  • กระทู้: 262
  • ถูกใจแล้ว: 131 ครั้ง
  • ความนิยม: +4/-13
Re: เทคนิคการสอนแนวนี้ท่านว่าจะได้ผลมากมั้ยครับ
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: พฤษภาคม 22, 2021, 11:59:58 PM »
จู่ๆผมก็มีไอเดียสร้างตัวละครครูครับ เหตุการณ์ช่วงปลายยุค90 ที่เทคนิคการสอนปั้นเด็กเก่งได้ คือครูสอนภาษาอังกฤษคนหนึ่งที่สอนนักเรียนด้วยวิธีคือให้มองสิ่งรอบตัวแล้วพูดเป็นภาษาอังกฤษ บางวันก็พาเดินไปตามรอบโรงเรียนแล้วชี้ว่าสิ่งนั้นภาษาอังกฤษเรียกว่าอะไร สิ่งนี้อ่านเป็นภาษาอังกฤษยังไง และมีการให้แต่ละคนคัดลอกป้ายต่างๆที่เป็นภาษาไทยล้วนแล้วให้แปลเป็นภาษาอังกฤษมาส่ง

ถ้าเป็นคาบเรียนพิเศษของครู บางวันครูก็จะพาเด็กๆไปเดินตลาดแล้วจำลองว่าที่นี่เป็นต่างประเทศ ให้ทุกคนพูดภาษาอังกฤษในการซื้อขนม(เป็นร้านซึ่งเป็นธุรกิจพี่น้องของครู ซึ่งมีนโยบายนักเรียนเก็บ 1/3 ของราคาจริง) แล้วครูก็จะทำหน้าที่เป็นล่ามให้ ถ้าพูดผ่านก็ได้ ถ้าไม่ผ่านก็เปิดดิกหาคำมาเรียบเรียงให้ผ่าน

แบบนี้จะช่วยปั้นเด็กเก่งได้มากน้อยแค่ไหนครับ

ก็ดีนิ(อันนี้คือโรงเรียนอนุบาลใช่มั๊ย  ที่สอนเด็กๆด้วยพื้นฐานไปก่อน  สอนให้เด็กกล้าเข้าหาครู)
หลังจากนั้นก็ทำแบบโรงเรียนเอกชนนานาชาติ  (สถานศึกษารัฐบางที่ก็ทำ)  โดยให้นักเรียนก
นักศึกษาพูดคุยภาษาอังกฤษหรือภาษาที่สาม  ตลอดเวลาในช่วงที่อยู่ในสถานศึกษา   แนวนี้หน่ะ
โรงเรียนเอกชนนานาชาติเขาใช้กัน  เพื่อปลูกฝังให้พูดเป็นธรรมชาติมากที่สุด


อาจสงสัยว่า  แล้วเด็กที่พึ่งเข้าเรียนหล่ะ  กลุ่มเด็กที่เข้าเรียนกลางคันเอย  กลุ่มที่ยังไม่ค่อยพูดเอย
เหล่าๆแบบนี้เขาจะมีห้องพิเศษให้  เพื่อปรับพื้นฐาน  เด็กบางคนพูดอังกฤษแม้กระทั่งตอนอยู่ที่บ้าน
จนทำให้พ่อแม่ปวดหัวเพราะคุยอังกฤษกับลูกไม่เก่งเท่า  ฮา  (รวมถึงภาษาที่สามด้วย)
 

 

Tags:
แหล่งนิยายแปล แหล่งนิยาย นิยายแปล นิยายแต่ง มังงะ การ์ตูน อนิเมะ นายท่าน เว็บไซต์นายท่าน กระทู้สไลม์ สไลม์ยอดรัก