แหล่งนิยายแปล แหล่งนิยาย นิยายแปล นิยายแต่ง มังงะ การ์ตูน อนิเมะ นายท่าน เว็บไซต์นายท่าน กระทู้สไลม์ สไลม์ยอดรัก

ผู้เขียน หัวข้อ: จดหมาย โคโรน่า-มนุษย์ แปลโดยหมาก&คิม  (อ่าน 296 ครั้ง)

ออฟไลน์ Taw

  • หัวหน้าฝูงหมีใหญ่
  • *****
  • กระทู้: 1,352
  • ถูกใจแล้ว: 584 ครั้ง
  • ความนิยม: +47/-605
https://web.facebook.com/thestrategistTH/photos/a.2268033296778558/2533041963611022/?type=3&theater
https://pantip.com/topic/39776568

เรื่องก็ประมาณว่าหมากปริญกับคิมเบอรี่ ดาราดังแห่งวงการบันเทิงแปลบทความของฝรั่งบทความหนึ่งมา ประมาณว่า...

"โลกกระซิบบอกคุณ ร้องขอความช่วยเหลือด้วยวิธีน้ำท่วม ไฟป่า พายุ มรสุม สัตว์ทะเลหงายท้อง น้ำแข็งละลาย คนก็ไม่ฟังว่าโลกนี้คนสร้างผลเสียไหนมั่ง คนสนใจแต่เรื่องสงครามแก่งแย่ง ไอโฟนมากกว่าสิ่งที่โลกกำลังบอก แต่ฉัน(โคโรน่า)เกิดมาให้โลกหยุด ให้ทุกคนหยุดฟัง ทำให้ไม่สบาย ตัวร้อน มีไข้เหมือนที่กำลังทำกับโลก สิ่งที่ชั้นทำส่งผลให้หลายเมืองดีขึ้น แม่น้ำใส มีโลมาเพราะกิจกรรมของคนหยุดลง ชั้นไม่ได้ลงโทษแต่จะมาปลุกให้ตื่นนะยะ"

ตัวอย่างความคิดเห็น

Facebook

"มองในมุมโลก ผมก็เห็นด้วยกับเค้านะครับ เพราะมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์จริงๆว่าพอมนุษย์หยุดกิจกรรมลง ธรรมชาติก็เริ่มฟื้นฟูทันที ฝุ่นก็หายวับ เพียงแต่พอมองในมุมมนุษย์แนวคิดนี้มันไม่มีประโยชน์อะไร นอกจากถ้ากลับมาปกติจะทำให้เราตระหนักธรรมชาติขึ้น แต่คงยาก เพราะต้องรีบฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างหนัก"

"อันนี้ผมก็เห็นด้วยส่วนหนึ่งกับไม่เห็นด้วยส่วนหนึ่ง"
เห็นด้วย
-คนเราทุกคนไม่ได้พยายามจะทำลายโลก​ จนเรียกได้ว่า​ เราคือมะเร็งที่กัดกินโลก
-สิ่งที่คนสร้าง​ บางอย่างก็เป็นสิ่งที่ตอบสนองความต้องการของคนและช่วยโลกพร้อมๆกัน​ เช่น​ พลังงานแสงอาทิตย์, พลังงานลม, พลังงานน้ำ
ไม่เห็นด้วย
-โควิด​ เหมือนการรักษาตัวเองของธรรมชาติ​ เพราะผลจากการกักตัวเอง​และเดินทางน้อยลง ทำให้สภาพแวดล้อมดีขึ้น​ จนอาจมองได้ว่าถ้าคนทำกิจกรรมน้อยลง​ อาจทำให้สภาพแวดล้อมดีขึ้น

"มองดีๆ มันเหมือนการเห็นแก่ตัวแบบนึงมากกว่า คือตัวเองโอเคกับสถานการณ์ไง โอเคตรงนี้ไม่ใช่รู้สึกโอเคนะ แต่หมายถึง ถ้ามันเกิดปัญหา ปัญหามันเกิดขึ้นกับคนอื่นไง เลยกล้าปากดีว่าคนนั้นคนนี้เป็นปัญหา หรือกล้าพูดว่า ไวรัสมันเป็นพระเอก ส้นตีนถ้ามันติดมันกล้าพูดงี้มั้ยวะ ไอ้พวกแบบนี้ ไม่เคยเห็นคิดกำจัดตัวเองไปด้วยเลยวะ หรือมึงไม่ใช่มนุษย์?"

"ตัวอย่างของคนที่ไม่มี Empathy พอตัวเองสบาย ตัวเองอยู่ได้ ก็เหมารวมว่าคนอื่นควรจะอยู่ได้ ความคิดที่อันตรายคือคิดว่าคนเราสมควรตาย สมควรถูกล้างบาง ซึ่งคำถามคือ คนที่ติดเชื้อ คนที่ตาย คนที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ เกิดจากการสุ่มแบบธรรมชาติ หรือเกิดจากการเอาตัวรอดจากความมั่งมีในระบบทุนนิยมตอนนี้?"

จาก Pantip

"บางเรื่องคิดได้แต่อย่าเอาออกมาพูด หรือเล่า ธรรมชาติอาจจะคัดสรรค์ แต่ไม่ได้จะสรรค์คนดีน่ะ แต่คัดสรรค์คนที่กำลังรักษา หรือมีเงินนั้นแหละครับ เขาบอกถ้ามีเงิน หนีไปอยู่ในป่าก็คงรอด เพราะไม่รู้จะติดจากใคร"

"ชีวิตเค้าตอนนี้ไง..ได้หยุดพักจากที่ต้องทำงานหนัก มีเวลาอยู่กับคนที่รักยาวๆ มีเวลามองวิว มองฟ้า มีอาหารอร่อยๆเต็มโต๊ะส่งให้ถึงบ้าน แสนจะเป็นสุข จึงโพสต์ถึง covid แบบโลกสวย โดยลืมนึกไปว่าในเวลาเดียวกันนี้ คนมากมายบนโลกที่กำลังเป็นทุกข์ มีญาติพี่น้องเสียชีวิตจากโรคนี้ บางคนต้องโดนกักตัวไม่มีโอกาสแม้แต่จะกอดคนที่ตัวรัก บางคนไม่ติดโรคแต่ต้องตกงานไม่มีเงินมาประทังชีวิต ต้องรอข้าวกล่องบริจาคไปวันๆ หมอพยาบาลที่แสนจะเหน็ดเหนื่อยเคร่งเครียด กังวลทั้งกับตัวเองและคนใกล้ชิดที่ไม่รู้จะติดโรคจากผู้ป่วยเข้าวันไหน เป็นคนสาธารณะโพสต์อะไรคิดเยอะๆหน่อย ตัวเองอาจจะกำลังมีความสุข แต่คนจำนวนมากอาจจะกำลังเป็นทุกข์จากสาเหตุเดียวกัน เค้าอ่านแล้วแสลงใจ"

"เหมือนบอกว่าสึนามิเกิดมาเพื่อปรับสมดุลอ่ะค่ะ  คนที่ตายก็สมควรแล้วเพื่อทำให้โลกสะอาดน่าอยู่ขึ้น เมคเซนส์มั้ยล่ะ เอ้อก็ไม่ คนที่สูญเสียคนที่รักต้องมาฟังขยะแบบนี้เหรอคะ คุณหมอคุณพยาบาลและคนทำงานสาธารณสุขที่เสี่ยงชีวิต ที่ติดโรค นี่คือเขาสมควรแล้วเหรอคะ คนที่ทำร้ายโลกมากที่สุดไม่ใช่คนที่ตายเลยนะคะ ถ้าธรรมชาติเอาคืนจริง ทำไมเด็กทารกถึงตาย ทำไมเด็กห้าขวบถึงตาย ทำไมคนจน ๆ ที่ไม่ได้contribute ให้ภาวะโลกร้อน,มลพิษ,ปัญหาขยะ เท่าคนชนชั้นกลาง-สูง ถึงต้องตาย? เข้าใจว่าเป็นอุปมาอุปไมย แต่มันเป็นอะไรที่ไร้ค่ามากค่ะ การromanticise สิ่งที่ทำให้คนสูญเสียและเจ็บปวด คุณอาจจะบอกว่าไม่เจตนาบลา ๆ ไม่ได้หมายถึงแบบนั้นบลา ๆ นั่นก็แค่แสดงว่าคุณเป็นคนที่ใช้สมองคิดน้อย หรือมองเพื่อนมนุษย์หลาย ๆ คนต่ำกว่าตัวเองมาก ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็ไม่ได้ปฏิบัติตัวให้น่ายกย่อง เป็นนักปกป้องธรรมชาติเลยแท้ ๆ ทั้งที่มีโอกาสเลือกวิธีใช้ชีวิตให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่าคนอื่นที่ไม่มีprivilegeเท่าคุณเสียอีก ขอให้คิดได้ไว ๆ เป็นกำลังใจให้"


"อ่านดูให้ถี่ถ้วน บทความก็เขียนเหมือนการเตือนตัวเองไม่ให้ประมาทไม่ให้ใช้ชีวิตแบบไม่ระมัดระวัง เพราะไม่รู้ว่าวันหน้าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ตอนนี้สติแตก คนล่าแม่มดมันเต็มไปหมด อะไรๆ ก็ดราม่าจนน่าปวดหัว หาคนด่าได้แล้วสนุก ทั้งๆ ที่จริงๆ เรื่องของโรคภัย ไม่ใช่ความผิดของใคร พิมพ์ไปแบบนี้ คอมเม้นต์ผมเองก็คงไม่แคล้วโดนดราม่าอีก จริงๆ จิตใจคนเรา มันก็แล้วแต่จะปรุงแต่งไปให้กลัวอะไร โรคภัยมันมี 108-1009 โรค อย่าง Rabies คนตายทั่วโลกทุกปีเฉลี่ยประมาณปีละ 60,000 คน
อัตราการตาย 100% แทบไม่เคยมีคนรอด มีรอดแบบปาฏิหารย์ไม่กี่เคส ยังหาคำตอบไม่ได้ว่ารอดได้ยังไง ในเมืองไทยในอดีต ตายปีละหลายร้อยก็มี จนในปีหลังๆ มานี้ถึงได้เหลือหลักสิบ แล้ววัคซีนก็ใช่ว่าได้ผลแน่นอน เคสล่าสุดไม่กี่วัน เด็กผู้หญิงโดนกัดบริเวณหน้า ไปพบหมอวันเดียวกันได้รับทั้ง RIG และวัคซีน ไปฉีดตามนัด ปรากฏว่ายังมีอาการและเพิ่งเสียชีวิตไม่นานนี้ แต่แปลกที่คนไทย ไม่เคยคิดจะกลัวโรคนี้ ทั้งที่ Death Rate ต่างกันหลายสิบเท่า ตายแน่ ตายชัวร์ ตายเยอะทุกปี
มันก็คงแล้วแต่คนเลือกจะกลัว หรือแล้วแต่จะประโคมให้กลัวอะไรกระมัง จริงๆ ทุกโรคมันก็น่ากลัวเหมือนกันหมด แต่ทำไมเรากลัวแค่บางโรค ตระหนกกับแค่บางโรคเหมือนกับโควิตระบาดแล้วเราจะเป็นโรคอื่นตายไม่ได้ซะยังงั้น"

ส่วนนี้มีส่วนเห็นด้วย และส่วนเห็นแย้ง เช่น...

"เห็นด้วยค่ะ ธรรมชาติคงจะทำให้ตระหนักแต่แค่อาการหนักก็พอ ไม่ต้องถึงกับตาย เผื่อเป็นึนรอบตัวเรา เพื่อน ญาติ คนรัก เ้ราคงทำใจไม่ได้ เอาจริงๆ เราว่าธรรมชาติกำลังสั่งสอน แต่ธรรมชาติคงไม่มีเวลามากพอจะคัดเลือก สั่งสอนเฉพาะคนเลวๆที่ทำให้โลกพัง พวกใช้กระเป๋าหนังสัตว์ พวกตัดไม้ พวกเผาป่า พวกฆ่าหมีฆ่าฉลาม คือธรรมชาติไม่ว่างพอจะคัดเลยคร่าชีวิตแบบเหมาไป"

"คุณเขียนของคุณเองนะ ว่าโรคภัยไม่ใช่ความผิดใคร แล้วลองไปย้อนอ่านบทความให้ดี บทความมันโทษว่ามนุษย์เป็นคนผิด แล้วลองคิดดูนะ บอกว่านี่เป็นคำเตือนจากธรรมชาติ เพราะมนุษย์ทำลายธรรมชาติโดยการเพิกเฉย คุณมั่นใจไหมว่า คนที่เสียชีวิตจากโควิด ทุกคนเป็นพวกทำลายธรรมชาติ คุณกล้ายืนยันไหมว่าทุกคนคือพวกที่ควรถูกธรรมชาติลงโทษ แล้วคุณรู้บ้างไหมกลุ่มนึงที่เสียชีวิตคือหมอ
แล้วเม้นท์ย่อย ข้างบนคืออะไร ธรรมชาติ ไม่ว่างพอเลยคร่าชีวิตแบบเหมาไป พูดอย่างนี้ไม่เห็นชีวิตคนอื่นมีค่าเลยใช่ไหม แต่ครอบครัวตัวเองไม่ให้เอาไป เป็นคำพูดที่เห็นแก่ตัวอย่างที่สุด พูดมาได้ยังไง ถามจริง"
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 06, 2020, 11:15:43 PM โดย Taw »
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: nosta

ออฟไลน์ Sasageyo

  • หัวหน้าฝูงหมีเล็ก
  • ***
  • กระทู้: 387
  • ถูกใจแล้ว: 340 ครั้ง
  • ความนิยม: +19/-24
Re: จดหมาย โคโรน่า-มนุษย์ แปลโดยหมาก&คิม
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: เมษายน 06, 2020, 11:25:16 PM »
เห็นด้วยว่ามนุษย์ทำร้ายโลก  ทำลายธรรมชาติมากเกินไป  แต่ไม่เห็นด้วยกับคอมเมนต์หรือความคิดเห็น
ในเนื้อหา  ว่าโรคระบาดที่เกิดขึ้นทุกยุคทุกสมัย  มีความตั้งใจที่จะฟื้นคืนธรรมชาติ

เนื้อหาที่ในส่วนของจับแพะชนแกะบ้าง  ในเนื้อหานั้น  ไม่ต่างอะไรกับความคิดของกลุ่มที่โทษว่า
ภัยภิบัติต่างๆ  โยงเข้ากับศาสนา  ทั้งจากโยงผลของอิทธิฤทธิ์กรรมเก่า  อิทธิฤทธิ์วันสิ้นโลก 
อิทธิฤทธิ์จากพระเจ้า 

สำหรับในเคสโควิด  ต่อให้ทั่วโลกคนไม่รังแกธรรมชาติ  มันก็ระบาดอยู่ดี  ไม่เกี่ยวโยงทำลายโลกเลย
เพราะโรคระบาดในครั้งนี้  มันแพร่หนักกว่าโบราณเพราะคมนาคมสะดวก  สมัยก่อนพอมีโรคระบาด
ก็ทิ้งเมือง  ทำลายหมู่บ้าน  หรือเดินทางแพร่เชื้อไม่ได้กว้างด้วยเครื่องบิน  เราจะเห็นโบราณสถานต่างๆ
มากมาย  ที่ขุดค้นพบเนื่องจากการทิ้งเมืองด้วยสาเหตุมากมาย  สาเหตุหลักอันนึงคือมีโรคระบาด

แต่ดีใจนะที่หลายๆความคิดเห็นในตัวอย่าง  ที่ไม่เสพย์อย่างเดียวแล้วไร้การวิเคราะห์  แต่ก็คงมีบ้างแหละ
ที่ศรัทธาในอะไรบางอย่างบังตา  เชื่อมโยงความเชื่อ
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: Taw

 

Tags:
แหล่งนิยายแปล แหล่งนิยาย นิยายแปล นิยายแต่ง มังงะ การ์ตูน อนิเมะ นายท่าน เว็บไซต์นายท่าน กระทู้สไลม์ สไลม์ยอดรัก