กลับมาที่เกร็ดประวัติความรู้ของต้าฉิน ที่ไม่มีใครคิดผมเลยต้องคิดเองอีกแล้ว ฮา
ช่วยกันแก้ไขตรงไหนก็บอกกันได้นะครับ ฮา
ช่วงนี้นึกถึงการวิจารณืเรือ่ง สตาร์เทรก สหพันธ์ดวงดาว Star Trek United Federation of planet
ประมาณว่าที่เราเห็นกัปตันเคิร์ก กัปตันพิคาร์ด กัปตันยานลำใหญ่ๆ flagship เรือธงของสหพันธ์เป็นคนดีเสียสละกันหมด ก็เพราะนั่นคือการคัดสรรคนที่มีนิสัย ลักษณะที่จะถูกโปรโมทให้เป็นตัวแทนของสหพันธ์ดวงดาว
หรือดวงดาวอื่นเช่น คลิงออนที่นับถือยอดนักรบ ก็เพราะคนพวกนั้นมาจากตระกูลใหญ่ที่ศักดิ์ศรีสำคัญกว่าเงินตรา
จะสื่อว่าคนที่อยู่ในตำแหน่งที่เราเห็นในเรื่องคือคนที่เชื่อเช่นนั้นจริงๆ แต่พวกตำแหน่งต่ำๆอาจมองอีกอย่างหนึ่ง
ต่อไปนี้คือการบันทึกของฉินหมิงซื่อที่ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์พันอักษร ที่ต้องอวยและแถสนับสนุนเรื่องการปกครองของราชสำนัก อาจจะไม่ตรงกับความจริงนัก
เล่นมุกแนวว่าเปิดโอกาสให้คนเขียนคนอื่น บรรยายรายละเอียดที่ไม่ตรงกับฉินหมิงซื่อได้ครับ ออกแนวเกมส์กระดานของฝั่งตะวันตก ที่กฎของเกมส์ถือเป็นหนังสือที่เขียนมาในจักรวาลนั้น ซึ่งมีอคติ ไม่ตรงกับความจริงได้
"...จักรวรรดิต้าฉิน จักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกนี่คือความจริงที่ไม่มีใครอาจโต้แย้ง ประชากรนับร้อยหมื่นร้อยหมื่น ถนนปูลาดด้วยทองคำในเมืองหลวง สกุณา พฤกษาพันธุ์หายากจากทุกแห่งหนสามารถพบได้ในเมืองหลวงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในพิภพนี้
เมืองหลวงปกครองด้วยฮ่องเต้ที่ยิ่งใหญ่ของเรา และเชื้อสายราชวงศ์
แต่แน่นอนคงไม่อาจปกครองประชากรนับร้อยหมื่นร้อยหมื่นได้ หากขาดซึ่งเหล่าขุนนางและคณะเน่ยเก๋อผู้ประคับประคองต้าฉินให้ปกครองด้วยความสงบและสันติ
นอกจากรา่ชวงศ์สี่ตระกูลใหญ่ก็ช่วยในการบริหารราชกิจย์และมีอิทธิพลและกระทำตนให้เป็นแบบอย่างสมกับเป็นขุนนาง
ตระกูลใหญ่หวัง ท่านหวังอ้าวคุมกรมพิธีการ
ตระกูลใหญ่หลี่ ท่านหลี่เอียนควบคุมการคลัง
ตระกูลใหญ่อี้เหวิน ท่านอวี้เหวินเจาคุมกลาโหม
ตระกูลใหญ่ตู้ME๋ ท่านตู้ME๋หมิงคุมตุลาการคณะเน่ยเก๋อทำงานอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย เพื่อผดุงแผ่นดินให้พบกับความสงบสันติ บรรเทาความเดือดร้อนของราษฎร
แม้งานการจะมาก แต่ราษฎรก็สามารถร้องเรียนได้มาตามสิบสามเส้นทาง ที่สามารถฟ้องร้องความผิดหรือแจ้งความเดือดร้อนได้ทุกอย่างที่ราษฎรต้องการ
ขุนนางฝ่ายฟ้องร้องสามารถฟ้องร้องได้ทุกผู้คนโดยขุนนางผู้นั้นไม่มีความผิดนั่นคือระบบของต้าฉิน ที่ขุนนางทำตนให้เป็นแบบอย่างเปรียบดั่งบิดาของราษฎร
ฮ่องเต้มีอำนาจไร้จำกัด ขุนนางมีอำนาจอย่างจำกัด
นโยบายที่กระทบต่อการเปลี่ยนแปลงของแผ่นดินต้องผ่านคณะเน่ยเก๋อ ของสภาขุนนาง
หากให้บอกกล่าวจึงจะถือว่าเป็นบัณฑิตที่ต้องวิพากษ์จุดอ่อน ข้อบกพร่องของรัฐตามหน้าที่ของบัณฑิต ผู้เยาว์หมิงซื่อก็ขออาจเอื้อมวิจารณ์การปกครองของต้าฉินเพื่อไม่ให้ตนเองต้องครหา
ต้าฉินนั้นยิ่งใหญ่เกินไป ไม่มีใครต้านทานได้ทั้งสี่ทิศ แต่ดุจดั่งกระบวนท่าที่แข็งแกร่งจะถูกจู่โจมด้วยความอ่อนหยุ่นให้ทำร้ายตนเองตามเคล็ดวิชาที่กล้าแขช็งเกินไปมักถูกหักโค่น
ต้าฉินออกกระบวนท่าที่เปิดเผยสะท้านฟ้าแต่ปัญหาจะเกิดจากภายในด้วยการประสานที่ไม่ทันท่วงที
กำลังมหาศาล แต่มิสามารถใช้สอดคล้องได้อย่างสอดประสาน
ปัญหาสำคัญคือการสื่อสารระหว่างภาคกลางกับส่วนท้องถิ่น ราชสำนักอยู่ไกลเกินไปทำให้ไม่อาจประสานได้ทันท่วงที
ดังปัญหาน้ำท่วมในดินแดนภาคใต้ กว่าราชสำนักตจะทราบคนก็เสียชีวิตนับแสน และอาจจะเป็นล้านหากแก้ไม่ทันท่วงที
แม้ราชสำนัีกจะให้อำนาจแก่เหล่าอ๋องและขุนนางบุ๋นทำหน้าที่บริหาร แต่การแก้ปัญหาบางอย่างต้องอาศัยทรัพยากรที่ต้องการจากส่วนกลาง
ต้าฉินของเรายิ่งใหญ่ คิดได้ข้าวร้อยหมื่นก็ได้ข้าวร้อยหมื่น ต้องการชุดเกราะร้อยหมื่นก็ได้ชุดเกราะร้อยหมื่น
แต่ชุดเกราะและข้าวนั้นหากได้สายไปหนึ่งวันก็ไม่อาจเท่ากับได้ข้าวเพียงหนึ่งหมื่นทันท่วงที
สิบสามเส้นทางรักษาการติดต่อระหว่า่งท้องถิ่นกับราชสำนัก ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ รักษาความตื่นตัวและมีการร้องเรียนตลอดเวลา
แต่การแก้ปัญหาที่ต้องอาศัยทรัพยากรจากเมืองหลวงควรจะต้องมีความคล่องตัวมากกว่านี้
แน่นอนว่าต้าฉินมีกฎว่าสามารถเปิดยุ้งฉางฉุกเฉินได้โดยไม่มีความผิด รายงานภายหลังได้
แต่ตามแนวทางของขุนนางขอให้ตนเองไม่ผิดไว้ก่อนก็จะปลอดภัยกว่าการเปิดยุ้งฉาง
อีกประเด็นคือสิ่งที่คณะเน่ยเก๋อจัดสรรเรื่องคณะแก้ปัญหาน้ำท่วม ก็เต็มไปด้วยการร้องเรียนการทุจริต ที่ทรัพย์สินไปไม่ถึงผู้เดือดร้อนและได้มีการลงโทษขุนนางผู้ทุจริตไป แต่ความเสียหายก็เกิดขึ้นแก่ราษฎรแล้ว...
...และปัญหาชายแดนที่ทหารที่เข้มแข้งคอยปกปักดินแดนต้าแิน แต่ทรัพยากรชุดเกราะ อาวุธไม่เพียงพอ หากเผ่าป่า่เถื่อนต่างๆได้รวบกำลังที่มากกว่าที่กองทหารประจำการจะคอยปกป้องชายแดนเอาไว้ได้
...ซึ่งกองทัพที่แม้สู้อย่างกล้าหาญก็มิอาจดำเนินการบุกได้หากปล่อยป้อมค่ายให้เปิดโล่ง
นี่เป็นสิ่งที่ทำให้เห็นเด่นชัดถึงหลักคุณธรรมของท่านปราชญ์เมธี ที่ทำให้ต้าฉินเรายึดหลักปกครองด้วยความสงบ มิต้องยกตัวอย่างอื่นไกล เรามองชนเผ่าป่าเถื่อนในทุ่งหญ้าทะเลทรายหรือข่านให้ท้องทุ่งที่ขาดหลักคุณธรรมกล่อมเกลาทำให้เข่นฆ่ากันไม่หยุดหย่อน
ต่างกับต้าฉินเราที่ยึดหลักปกครองด้วยความสงบตามแนวทางของท่านปราชญ์เมธี
หมิงซื่อเขื่อว่าหากเราอบรมกล่อมเกลาให้พวกป่าเถื่อนวางอาวุธ ให้พวกเขารู้จักแนวทางของปราชญ์เมธีก็ทำให้พวกม่านอี้อันป่าเถื่อนนั้นยอมสวามิภักดิ์ต่อต้าฉินยิ่งใหญ่ของเราได้
มันมีคำกล่าวว่ายาแก้ไขอาจทำอันตรายได้มากกว่าอาการป่วย ซึ่งจริงแท้แน่นอน หมิงซื่อเข้าใจดีว่าการเพิ่มกำลังทหารชายแดน นั้นต้องอาศัยเงินและการคลังที่มากกว่าเดิม
และการเพิ่มภาษีนั้นจะก่อความเดือดร้อนให้กับราษฎรทั่วแผ่นดินหากหวังเพิ่มกำลังทหารด้วยการเพิ่มภาษีก็อาจกลายเป็นการดื่มยาพิษดับกระหาย
-หน้าที่บัณฑิตต้องมีการสอบข้อเขียนวิจารณ์ราชสำนัก หรือการแก้ไขปัยหาต่างๆที่บัณฑิตต้องเดินทางไปที่ต่างๆในแผ่นดินเพื่อแก้ปัญหา
-เคล็ดลับคือต้องเขียนวิจารณ์แบบที่ไม่กระทบพระราชอำนาจของฮ่องเต้ โทษดินฟ้าอากาศ อะไรก็ได้ แต่อย่าโทษว่าฮ่องเต้ไม่ดี
-ฉินหมิงซื่อภายนอกคือนับถือสำนักหยู(คุณธรรม) ที่เป็นสายที่ขุนนางบุ๋นส่วนใหญ่นับถือ องค์ชายสามกับสี่ออกแนว ฝ่าเจี๋ย(กฎหมาย)ที่ต้องการเห็นผลรวดเร็วแน่นอน
-ฉินหมิงซื่อ อวยหลักการของจอมปราชญเมธี(ขงจื๊อ) อันเป็นแนวมาตรฐานมาก