การแก้ปัญหาสาธารณภัยของประเทศไทย

[Black7nos]

ผมจะไม่มาโทษใครนะครับ เพียงแต่จะมาแชร์ความคิด เสนอวิธีแก้ไขและการจัดการเกี่ยวกับสาธารณภัย เช่น น้ำท่วม ไฟป่า แผ่นดินไหว สึนามิ พายุ ฯลฯ
ผมคิดว่ามันมี 2 Solution และ ผมมองว่ามันควรแก้ที่การวางระบบมากกว่าวิธีการแก้ที่ปลายเหตุครับ
1.แบบอำนาจรวมศูนย์ - ตั้งกระทรวงใหม่สำหรับจัดการสาธารณภัยโดยตรง
ยกตัวอย่าง "กระทรวงป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย"
โดยกระทรวงนี้แบ่งการทำงานเป็น 2 ส่วนหลัก 2 กรม
1.1 กรมป้องกันฯ (ก่อนเกิดภัยพิบัติ) ประกอบด้วยฝ่ายวิชาการและนักกฎหมาย
- ศึกษาและเสนอกฎหมายเพื่อป้องกันสาธารณภัยต่างๆ เช่น อัพเดตข้อกำหนดและกฎหมายอาคารต้านแผ่นดินไหว อัพเดตข้อกำหนดและกฎหมายการป้องกันน้ำท่วม
- มีส่วนร่วมในฐานะกรรมการที่ปรึกษา+พิจารณาและควบคุมโครงการของรัฐที่เกี่ยวกับสิ่งก่อสร้างป้องกันสาธารณภัยต่างๆ
- จัดหลักสูตรอบรมการปฏิบัติ+อพยพประชาชนเมื่อประสบภัยพิบัติ
- เก็บรวมรวม+คาดการณ์ภัยพิบัติต่างๆ
- ประกาศภัยพิบัติ+สาธารณภัย

1.2 กรมบรรเทาฯ (หลังเกิดภัยพิบัติ) ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ภาคสนาม
- เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยโดยแบ่งตามความเชี่ยวชาญ เช่น ไฟป่า น้ำท่วม แผ่นดินไหว ฯลฯ (อย่าใช้อาสาสมัคร เพราะ อาสาสมัครจะขาดความเชี่ยวชาญและไม่รู้เรื่อง Safety แต่ละงาน)
- ก่อสร้าง+จัดการดูแลศูนย์พักพิงฉุกเฉิน ได้ในทันที

2.แบบกระจายอำนาจ - ให้อำนาจกับผู้ว่าแต่ละจังหวัดท้องถิ่นมีงบประมาณและอำนาจจัดการเองมากขึ้น โดยไม่ต้องรองบและคำสั่งจากส่วนกลาง
แต่ละจังหวัด มีเจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยโดยเฉพาะ

คิดว่า Solution ไหน เหมาะกับประเทศไทยมากกว่ากัน?

• Tweet

[KAGUYA]

ผมว่าแบบ1น่าจะมีประสิทธิภาพที่สุดแต่ก็มีความเสี่ยงขึ้นอยู่กับโครงสร้างการบริหารและบุคลากร ควรจะมีการทำงานร่วมกับกรมอุตุฯกับกระทรวงทรัพยากรแบบกำหนดเป็นกฎเลยด้วยเพื่อที่จะได้รวบรวมและอัพเดทข้อมูลทั้งสภาพอากาศ,ภูมิศาสตร์,ธรณีวิทยาและด้านอื่นๆ
ส่วนแบบ2นี่ ผมเห็นภาพเลยว่ามีกินกันแน่ๆแถมตรวจสอบยากด้วยเพราะมันกระจัดกระจายเกินไป

[samuison]

เราไม่ค่อยมีแม่งาน




หรือไม่ได้จริงจังกับเรื่องนี้นัก




ต้องใช้งานทหาร ทั้งที่เรามีหน่วยงานอยู่แล้ว




อาจจะเพราะหน่วยงานโดยตรบคนน้อยกว่าและอุปกรณ์ด้อยกว่าทหาร

[KAGUYA]

เราไม่ค่อยมีแม่งาน




หรือไม่ได้จริงจังกับเรื่องนี้นัก




ต้องใช้งานทหาร ทั้งที่เรามีหน่วยงานอยู่แล้ว




อาจจะเพราะหน่วยงานโดยตรบคนน้อยกว่าและอุปกรณ์ด้อยกว่าทหาร

มันเป็นสันดานของนักการเมืองและข้าราชการส่วนใหญ่ของบ้านเราครับ ที่ไม่มีวิสัยทัศน์คาดถึงปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นและวางแผนป้องกันรับมือต้องรอปัญหาเกิดเป็นเรื่องใหญ่ก่อนถึงจะเริ่มร้อนอาสถ์ อย่างเรื่องน้ำท่วมนี่ท่วมทุกปีได้ทำอะไรแบบจริงๆจังบ้างรึเปล่าล่ะ หรืออย่างปัญหาที่ชาวเขมรที่หนองจาน รัฐบาลเราควรวางแผนรับมือไว้ล่วงหน้าเผื่อกรณีสงครามยืดเยื้อด้วยตั้งแต่ตอนรับผู้ลี้ภัยมาแล้ว แต่รัฐบาลก็ปล่อยปละละเลยมาเป็นสิบๆปีจนเกิดเรื่องนะแหละ

[gundam666]

มันก็ต้องจัดการได้ทันทีโดยไม่ต้องรอส่วนกลาง  จริงๆ แค่แม่งกันโบนัสประจำปีให้จ่ายไม่เกิน 2 เท่าของปีงบประมาณส่วนเงินเศษ ก็ให้หน่วยงาน ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยประจำเขตนั้นๆ  เท่านี้ก็มีเงินเหลือๆล่ะ

[wanit000]

มันคือวิธีเเก้ปลายเหตุชัดๆ สาเหตุก้อรู้ๆกันอยู่ว่าเกิดจากการเผาป่า + คนยุคใหม่ไม่ปลูกต้นไม้กัน มันเลยเกิดเหตุการ์ณแบบนี้ขึ้น

[GoGoGuren]

จริง ๆ ประเทศไทยใช้วิธีแบบ 2 อยู่ครับ โดยแต่ละจังหวัดจะมีงบประมาณสำรองจ่ายสำหรับกรณีที่เกิดเหตุภัยพิบัติอยู่จำนวนหนึ่ง
ถ้าไม่เข้าเงื่อนไขของงบประมาณนั้นก็จะเบิกมาใช้ไม่ได้ แต่ถ้าเข้าเงื่อนไขหน่วยงานท้องถิ่นที่เกิดเหตุภัยพิบัติต้องทำหนังสือวิเคราะห์ความเสียหาย
เพื่อขออนุมัติเบิกงบส่วนนี้ไปยังผู้ว่าก่อนอีกมันก็เลยช้า ถ้ากรณีที่เกิดเบิกงบตัวนี้หมดก็ต้องส่งเรื่องเข้าส่วนกลางเพื่อขอเพิ่มได้ แต่ไม่รู้จะนานแค่ไหนและจะได้เท่าไรอีก
มันก็เลยเกิดเป็นปัญหาตามที่เป็นข่าวบ่อย ๆ อย่างที่ได้เงินช่วยเหลือล่าช้าเอย กว่าจะซ่อมแซมพื้นที่เอย และปัญหาอีกต่าง ๆ นานา

[sechan]

ความห่วยของจิตสำนึกและการหวงอำนาจแต่ไร้ซึ่งกำลัง หน่วยงานซ่ำซ้อนจำนวนมากมีหน่วยงานเยอะเกิน  ไร้ซึ่งจุดยืนในการบริหาร  มีหมดทุกอย่างเพื่อใบ้งบแต่อำนาจสั่งการและการตัดสินใจทำต้องรอส่วนกลาง   แม่งโคตร ปญอ พอส่วนกลางหรือคนมีอำนาจไม่สั่งแม่งเป็นง่อย ดูหาดใหญ่ได้  ผู้ว่า กับนายอำเภอไม่อยู่หน้างานเป็นง่อยไปหมด นายกลงไปง่อยก็ยังแดก เพราะเจ้าหน้าที่ไม่รู้ว่าต้องทำอะไร ไร้สำนึกในจุดยืนของตนรอแต่ผู้ใหญ่สั่ง

[Black7nos]

เราไม่ค่อยมีแม่งาน




หรือไม่ได้จริงจังกับเรื่องนี้นัก




ต้องใช้งานทหาร ทั้งที่เรามีหน่วยงานอยู่แล้ว




อาจจะเพราะหน่วยงานโดยตรบคนน้อยกว่าและอุปกรณ์ด้อยกว่าทหาร

ผมมองว่าการใช้ทหารทำงานนอกเหนือภารกิจหลัก อย่าง MOOTW มันก็ทำได้ครับ
แต่มันก็ต้องยอมรับความจริงตรงๆว่า ทหารไม่ได้ถูกฝึกมาเพื่อกู้ภัย บรรเทาสาธารณภัยโดยตรง
หน้าที่หลักทหารคือการซ้อมรบ

ผมมองว่าเราควรจะหาเจ้าหน้าที่ที่ถูกฝึกมาเพื่อกู้ภัย บรรเทาสาธารณภัยแบบตรงสาย เชี่ยวชาญ เข้าใจทฤษฎีและปฏิบัติอย่างถูกต้อง
และผมก็มองว่าการใช้อาสาสมัคร มันก็จะเกิดปัญหาคือใจได้ แต่ skill มันไม่ได้ ไม่เข้าใจหลัก safety ซึ่งมันจะอันตรายต่อตัวเขาเองและผู้อื่น

ผมมองว่ารัฐไม่ควรผลักภาระการป้องกันภัยและบรรเทาภัยให้แก่ทหารหรืออาสาสมัครนะครับ

ส่วนการลดการซ้ำซ้อนหน่วยงาน ผมมองว่าย้ายกรมอุตุฯ กับ กรมทรัพย์ฯน้ำ ไปอยู่ใต้กระทรวงใหม่ "กระทรวงป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย" ทั้งหมดไปเลย
อยู่กับฝ่ายวิชาการ หรือ กรมบรรเทา

[humandroy]

ME้ภัยมันเป็นงานของตำรวจดับเพลิงไม่ใช่เหรอ 
แต่บ้านเรา มีดับเพลิงไม่พอมั้ง

[sechan]

กู้ภัยมันเป็นงานของตำรวจดับเพลิงไม่ใช่เหรอ 
แต่บ้านเรา มีดับเพลิงไม่พอมั้ง

ME้ภัย90%บ้านเราเป็นมูลนิธิครับ  งานใหญ่จริงไม่มีทั้งอุปกรณ์และกำลังพล  โครงสร้างบ้านเราใช้บริการพวกนี้เป็นหลักพอถึงงานหนักเกินก็ใช้ทหาร  แต่อุปกรณ์ไม่มีสำหรับกู้ภัย เฉพาะทางไม่มีงบ  ME้ภัยขนาดใหญ่ต้องดัดแปลงเอาหรือไปยืมเอกชน… ไม่มีผู้ชำนาญการเฉพาะ  ให้นักดับเพลิงฝ่าน้ำไปกู้ภัยหรือกู้ตึกถล่ม… มันตลกไหมโครงสร้างพื้นฐานของประเทศต้องใช้เอกชนเป็นหลัก

[GoGoGuren]

กู้ภัยมันเป็นงานของตำรวจดับเพลิงไม่ใช่เหรอ 
แต่บ้านเรา มีดับเพลิงไม่พอมั้ง

หน้าที่ดับเพลิงบ้านเราตกเป็นของหน่วยงานท้องถิ่นอย่าง อบต. หรือเทศบาลครับ ซึ่งขาดคน อุปกรณ์และความรู้ในการปฏิบัติจริงอย่างมาก

[wanit000]

[quote/] หน้าที่ดับเพลิงบ้านเราตกเป็นของหน่วยงานท้องถิ่นอย่าง อบต. หรือเทศบาลครับ ซึ่งขาดคน อุปกรณ์และความรู้ในการปฏิบัติจริงอย่างมาก

มันไม่ได้ขาดคนหรอก แต่คนที่เค้าอยากเป็นจริงๆ ไม่สามารถเข้าไปทำงานได้ต่างหากละ ปัญหาจริงๆคือการกีกกันคนนอก กับขาดอุปกรณ์

[GoGoGuren]

[quote/] มันไม่ได้ขาดคนหรอก แต่คนที่เค้าอยากเป็นจริงๆ ไม่สามารถเข้าไปทำงานได้ต่างหากละ ปัญหาจริงๆคือการกีกกันคนนอก กับขาดอุปกรณ์

ใช่ครับคนนอกเข้ายากมาก ถ้าไม่มีคนฝากเข้าก็เข้าไม่ได้ ขนาดมีการโอนย้ายจากข้าราชการพลเรือนไปท้องถิ่น หรือเปิดสอบข้าราชการท้องถิ่นใหม่หรือสอบเลื่อนตำแหน่ง
ยังเข้าไม่ได้ถ้านายกส่วนท้องถิ่นไม่รับมันเลยเป็นปัญหาที่ตำแหน่งข้าราชการท้องถิ่นว่างเยอะมาก ทั้งทีมีคนอยากโอนย้ายกลับบ้านหรือสอบได้ขึ้นบัญชีไว้ตั้งเยอะ
และเป็นปัญหาที่ข้าราชการน้อยกว่าพนักงานจ้างเกือบสองถึงสี่เท่าแล้วแต่ละที่อีก