
"ความสามารถในการรับมือคำด่าทอของประชาชนควรเป็นหนึ่งในกลไกการประกันคุณภาพของภาครัฐ"
นักวิจัยในอิสราเอลเก็บข้อมูลการร้องเรียนเนื้อหารายการโทรทัศน์จากประชาชนว่าสามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้มากน้อยแค่ไหน พบว่ามีรายการแค่ 6 รายการจาก 817 รายการ มีการเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปธรรม คือ ปรับผังรายการ ปรับเนื้อหาที่ถูกวิจารณ์ หรือยกเลิกรายการ (ไม่นับการถูกเตือนจากหน่วยงานกำกับดูแล)
แต่ที่น่าสนใจคือเมื่อพิจารณาเนื้อหาและรูปแบบการ “ด่า” ของรายการเหล่านี้ มันมีลักษณะคล้ายกัน 3 ประการคือ
1 - มีเหยื่อด้านอัตลักษณ์ทางสังคม (sensitive identity) ที่คนส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่าต้องได้รับการปกป้อง เช่นการปกป้องผู้เยาว์
2 - มีเสียงด่ามาอย่างรุนแรงมากมายจากหลายกลุ่ม (diversified quantity) แต่จำนวนที่มากอย่างเดียวก็ไม่ช่วย ถ้าเป็นเรื่องไร้สาระ
3 - ต้องด่าในที่สาธารณะด้วย (noisy publicity) การยื่นคำร้องที่สถาบันอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีการกดดัน ต้องขยายผล กรณีการลากรายการไปด่าในที่สาธารณะ จะทำให้ผู้ผลิตรายการตกเป็นจำเลยสังคม เป็นผู้ประพฤติตัวผิดจริยธรรมสื่อ และนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลง
ภาครัฐจะรับมือการด่าได้อย่างมีคุณภาพ ต้องไม่มองประชาชนเป็นผู้บริโภคที่มุ่งเน้นความพึงพอใจ แต่ต้องยึดหลักนิติธรรม (rule of law) และหลักกระบวนการที่ถูกต้องตามกฎหมาย (due process)
อ้างอิง
Stop griping, start complaining: how public discontent can trigger a change in broadcast entertainment content
https://journals.sagepub.com/.../10.1177/0163443715594032https://www.facebook.com/daddyreadsresearch/photos/a.103455148423772/178955337540419/
