เรื่องหนี้ที่เกิดจากวิกฤติต้มยำกุ้งมี 2 ก้อนครับ
1.ส่วนของ IMF ที่กู้มาพยุงเงินบาท
2.ส่วนของหนี้เสียที่เกิดจากการให้เสรีแก่เอกชนกู้เงินต่างประเทศเนื่องจากสมัยก่อนดอกเบี้ยเงินกู้ธนาคารต่างประเทศนั้นต่ำกว่าธนาคารไทยมาก
ลงรายละเอียดกันหน่อยครับ
1.หนี้ส่วนแรกคือ IMF เราใช้หนี้หมดในยุคของรัฐบาลทักษิณ สมัยรัฐบาลชวน 2 ได้ทำการคืนเงินต้นของ IMF คิดเป็นแค่ 2% ของเงินต้นที่กู้ IMF เท่านั้น ส่วนรัฐบาลทักษิณได้คืนเงินต้นของ IMF คิดเป็น 98% ของเงินต้นทั้งหมดของ iMF สิ่งที่ประชาธิปัตย์ทำคือเบิกใช้แค่ 14,200 M.USD จากยอดเต็มวงเงินกู้ 17,200 M.USD ความดีความชอบของพรรคประชาธิปัตย์คือเลือกที่ไม่เบิกเงินกู้เต็มวงเงิน ทำให้ลดภาระดอกเบี้ยลงต่างหากครับ พรรคประชาธิปัตย์แค่ช่วยประหยัดภาระดอกเบี้ย แต่ไม่ได้ใช้หนี้ IMF คนที่ชดใช้หนี้ IMF คือ รัฐบาลทักษิณครับ
และอีกเรื่องหนึ่งที่คนมักเข้าใจผิดกันคือรัฐบาลทักษิณ Re-finance ด้วยการกู้ธนาคาร ADB มาโปะหนี้ IMF แทน ซึ่งอันนี้ไม่จริงนะครับ
เนื่องจากเงื่อนไขสำคัญในการจะขอเงินกู้ธนาคาร ADB ธนาคาร ADB ได้มีนโยบายชัดเจนว่าจะปล่อยเงินกู้แก่รัฐบาลที่มีโครงการพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐาน(Infrastructure)เท่านั้นแก่ประเทศที่เป็นสมาชิก และห้ามปล่อยเงินกู้เพื่อนำเงินไปชดใช้หนี้อีกทอดต่อหนึ่งได้
ดังนั้นการกู้เงิน ADB เพื่อโปะหนี้ IMF จึงเป็นเรื่องเท็จ เนื่องจากเป็นกฎเหล็กของธนาคาร ADB ว่าทำไม่ได้และไม่ให้ทำ
รัฐบาลทักษิณเอาเงินจากไหนไปใช้หนี้ IMF เงินส่วนหนี้รัฐบาลทักษิณเอามาจาก "ทุนสำรองระหว่างประเทศ"
2.ส่วนหนี้ส่วนที่สองปัจจุบันยังเป็นหนี้เสียสาธารณะที่คงค้างมาจนถึงปัจจุบัน(ก้อนนี้จำนวนมหาศาลกว่าก้อน IMF มาก) เกิดจากน้ำมือเอกชนไปกู้ต่างประเทศในช่วงที่เปิดเสรีเงินกู้
ซึ่งในสมัยนั้นแทนที่เอกชนจะกู้เงินไปลงทุนทำให้เกิดผลผลิตจริงๆ กลับกันเอกชนหลายรายกลับนำเงินกู้เหล่านี้ไปเล่นเก็งกำไร ไม่ว่าจะเป็นที่ดินหรือหุ้นในยุคที่เศรษฐกิจกำลังเฟื่องฟู และยิ่งไปกว่านั้นไม่ได้เก็งกำไรแค่สิ่งที่จับต้องได้อย่างที่ดินและหุ้นเพียงอย่างเดียว แต่เก็งกำไรไปถึงสัญญาซื้อขาย เอกสารซื้อขายก็ถูกนำเอาไปเก็งกำไรกันอย่างหนัก โดยตอนนั้นยังไม่มีกฎหมายบังคับห้ามเอกชนกู้เงินจากต่างชาติเสรีเหมือนปัจจุบัน ผลของการเก็งกำไรไม่ว่าจะเป็นที่ดินหรือหุ้น มันจะเป็นแบบ Zero Sum Game คือ มีคนได้และก็มีคนเสีย
ผลปรากฎว่างานเลี้ยงก็ต้องมีวันเลิกลา เมื่อปัญหามันอยู่ตรงที่การกู้เงินก็ต้องมีกำหนดเวลาการชำระคืนหนี้แก่ธนาคารต่างประเทศที่กู้เงินมา ปัญหาคือคนที่เล่นเก็งกำไรแต่เจ๊ง จะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายคืนหนี้ธนาคารต่างประเทศ นั่นก็เดือดร้อนถึงรัฐบาลชวลิตที่ต้องมารับเผือกร้อนในเรื่องนี้ แต่รัฐบาลชวลิตก็พลาดทำให้เรื่องมันแย่ไปกว่าเดิมคือการประกาศให้เกือบทุกธุรกิจที่กู้เงินต่างประเทศมาอยู่ในสภาวะหนี้เสีย
อันที่จริงแล้วมันมีธุรกิจที่กู้เงินต่างประเทศมาลงทุนสร้างผลผลิตจริงๆ ไม่ได้เก็งกำไรแบบฉาบฉวย แต่นั่นแหละความผิดพลาดของรัฐบาลชวลิตทำให้เรื่องราวมันแย่ลงไปกว่าเดิม เพราะทุกธุรกิจถูกเหมาหมดว่าเป็นหนี้เสีย นั่นจึงทำให้กิจการหลายกิจการในไทยถูกธนาคารต่างประเทศ Take Over จากการยึดธุรกิจ และตอนสุดท้ายจอร์จ โซรอสซึ่งก็เคยเตือนคนไทยก่อนหน้านี้เรื่องการกู้เงินต่างประเทศไปเก็งกำไรแบบฉาบฉวย ในเมื่อไม่เชื่อสิ่งที่เขาพูด จอร์จ โซรอสเลยทำการลงโทษให้ประเทศไทยได้รับบทเรียนอย่างสาสมด้วยการโจมตีค่าเงินจากการค้าค่าเงินจนประเทศไทยขาดสภาพคล่องเงินดอลลาห์ พอไม่มีเงินดอลลาห์พอก็ไม่มีเงินไปใช้หนี้ธนาคารต่างประเทศ ก็ฟองสบู่แตก หลายธุรกิจล้มละลาย(หลายคนโทษและเกลียดจอร์จ โซรอส แต่อันที่จริงจอร์จ โซรอสเขาเตือนไทยตั้งนานแล้วตั้งแต่กู้เงินต่างประเทศก่อนวิกฤติต้มยำกุ้งหลายปี)
(ถ้าใครเคยดูหนัง Big Short นั่นคล้ายกรณีเดียว ดร.ไมเคิล เบอร์รี่ที่เคยเตือนนักลงทุนอเมริกันที่ลงทุนในตลาดวอลสตรีทว่าจะเกิดฟองสบู่แตก เนื่องจากเขาเห็นว่าหลายบริษัทอเมริกาสมัยนั้นไม่ได้เปิดเผยงบบัญชีจริง หรือ ตกแต่งบัญชี และลงทุนเก็งกำไรฉาบฉวยกับที่ดินแบบเดียวกับที่ประเทศไทยเคยทำ ดร.ไมเคิล เบอร์รี่เลยลงโทษนักลงทุนเหล่านั้นด้วยการทำการ Short Selling หรือ การเก็งกำไรจากราคาขาลง และมันก็เป็นจริงตามที่ ดร.ไมเคิล เบอร์รี่ได้ Forecast เอาไว้ว่าหลายบริษัทตกแต่งบัญชี และก็ตู้มวอลสตรีทกลายเป็นโกโก้ครั้นช์ที่เรียกกันว่า "วิกฤติเบอร์เกอร์"
นั่นแหละครับดังนั้นหยุดโทษจอร์จ โซรอสกันได้แล้ว เพราะอันที่จริงเขาหวังดีเสียด้วยซ้ำที่ทำให้มันล้มก่อนที่มันจะลากยาวไปจนปัญหาต้มยำกุ้งมันจะพอกหางหมูใหญ่ขึ้นและล้มดังไปกว่านี้ ให้มันล้มเสียตอนนี้อาจจะดีกซะกว่า คนที่คุณควรจะโทษจริงๆ คือ เอกชนที่กู้เงินต่างประเทศเพื่อเก็บกำไรกันอย่างฉาบฉวย และสุดท้ายบางคนก็พยายามล้มบนฟูกให้รัฐช่วยแบกรับภาระหนี้สินของพวกเขา
หนึ่งในนั้นคือ สนธิ ลิ้มทองกุล นี่คือตัวการหลักที่ไปกู้เงินต่างประเทศมากมายเพื่อเก็งกำไรและเจ๊งเอง ผมก็ไม่รู้ว่าหลายคนไปเชื่อลมปากของเจ้าหมอนี่ไปได้อย่างไรว่าจะกู้ชาติได้ ในเมื่อเขาคือคนที่ละทิ้งความรับผิดชอบหนี้สินที่ไปกู้ต่างประเทศอย่างไร้ความรับผิดชอบมาให้รัฐบาลอุ้มเอาไว้

นี่แหละครับตัวการ หนึ่งในผู้ต้องหาคดีกรุงไทย + กู้เงินต่างประเทศและดันไม่มีปัญญาใช้หนี้เสียของตัวเอง
ผมถือว่าคนที่เชื่อลมปากของคนๆนี้ เป็นคนเชื่อคนง่ายและฉาบฉวย ไม่ศึกษาประวัติของเขาบ้างเสียเลยว่าเขามีที่มาจากอะไร ทำอะไรมาก่อน
ขอทิ้งท้ายให้คิดครับ "คุณคิดว่าจะเอาปิศาจมาขับไล่คนที่คิดว่าเป็นปิศาจ แล้วสุดท้ายคิดว่าจะได้เทวดาเหรอครับ?"