[quote/]
รู้สึกสาวๆพวกนั้นก็จะละม้ายคล้ายฮินาตะด้วยนะนั้น แต่เอาจริงๆภาคมูฟวี่ต้องถือว่าเป็นโลกคู่ขนาน ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในภาคหลักละนะ
(ยกเว้นอันสุดท้ายที่เป็นส่งท้ายตำนานรักนารุโตะกับอินาตะ และเรื่องของโบรุโตะ)
นั่นล่ะครับ ผมมองว่าหากเอาภาคมูฟวี่มารวม ไทม์ไลน์ของเรื่องจะยุ่งเหยิงมาก เพราะมีคาถาย้อนเวลาได้อีกต่างหาก ผมว่านั่นมันอันตรายกว่าคาถาคืนชีพอีกนะนั่น
ไม่รู้เหมือนกันว่าภาคโบรุโตะจะเล่นมุกเจาะเวลาหาอดีตแบบที่ดราก้อนบอลหรือแฮร์รี่ พอตเตอร์เล่นหรือเปล่า
ถ้ายกตัวอย่างง่ายๆก็เหมือนกับ แรกเริ่มคือเด็กใหม่พึ่งจบมหาลัยเข้าทำงานใหม่ไฟแรง ที่มีทั้งความฝันและความหวัง แต่พอเราฝ่าฟันอุปสรรคนานาประการจนวันนึงได้กลายเป็นผู้บริหาร กลับต้องใช้แรงกายแรงสมองและเวลาไปกับการทำงานเพื่อสังคม เพื่อนชุมชน เพื่อพนักงานที่หลายร้อยชีวิต จนรู้สึกว่า มีคือสิ่งที่ตรหวังไว้จริงหรือ ประมาณนั้นล่ะมั้ง
นีั่นล่ะครับ การมีความฝันก็เรื่องหนึ่งแต่พอตนเองมาทำเองก็อีกเรื่องหนึ่ง
แต่ที่นารุโตะทำมาก็นับว่าประสบความสำเร็จที่ต้องการหมดนะครับ ทั้งการเปลี่ยนกฎของตระกูลฮิวงะ สันติสุขของโลกนินจา
มีคนวิจารณ์ในเว็บtumblr เหมือนกันว่าทำไมต้องเอางานเอกสารมาให้นารุโตะลำบาก กระทั่งการสั่งซื้อตรานินจาก็ยังต้องผ่านตานารุโตะ ของแค่นั้นไปผ่านพวกเลขาก้ได้มั้ง
ถ้าเอาแบบการเมืองสไตล์หวงอี้ที่ผมเคยอ่านมา
เขียนประมาณว่า จิ๋นซีฮ่องเต้ตรวจเอกสรวันละสามร้อยฉบับเป็นฮ่องเต้ที่ขยัน จูหยวนจางก็ตรวจเอกสารเพียบเหมือนกัน
อัตราส่วนงานสามารถทำให้งานเบาลงได้ แต่นั่นเท่ากับว่าต้องเป็นการปล่อยอำนาจให้กับขุนนางให้มีอำนาจขึ้นมาด้วย ทำให้จูหยวนจางหรือจิ๋นซีที่ไม่ชอบแบ่งอำนาจต้องเหนื่อยกับงานเอกสารมากกว่าฮ่องเต้อื่น
เคสนี้ถ้ามองแบบดารืกหน่อยก็อาจจะมองได้ว่านารุโตะรวบการตัดสินใจทั้งหมดไว้ที่ตนเองก็ได้ครับ เพราะทางเทคนิค หมู่บ้านนินจานั้นควรจะเป็นเหมือนค่ายทหารมากกว่าเพราะกุมอำนาจกองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกเอาไว้