ต่อไปนี้คือการวิเคราะห์แบบมโน
ดูเหมือนว่าสำหรับพระเจ้า การเติบโตของมนุษย์ = บาป
ถ้าอิงตามตำนานศาสนาคริสต์ "บาปครั้งแรกสุด" ของมนุษย์ก็คือการกินผลไม้ต้องห้ามที่ทำให้มนุษย์มี "ปัญญา"
เหมือนพระเจ้าต้องการให้มนุษย์เป็นเด็กอ่อนตาใสไปตลอดกาล ราวกับเป็นพ่อแม่ที่ไม่ยอมให้ลูกโตบินพ้นจากอ้อมอก
ในตอนล่าสุดนี่ลูซิเฟอร์เคลมสาวกได้เยอะมาก ทำชั่วแบบไหนก็ยัดเข้าสู่บาปแห่งอัตตาได้หมด
ไม่ว่าจะเป็นผู้พิพากษาที่บอกว่าเมื่ออยู่ในศาล ตัวเองก็ไม่ต่างอะไรกับพระเจ้า หรือแม้แต่สาวๆที่แต่งตัวเซ็กซี่ล่อหนุ่มๆ ก็แปลว่ามีความ "หยิ่งทะนง" ในเสน่ห์ของตน
ตอนนี้จะเห็นว่าลูซิเฟอร์เคลมทุกคนล้วนมีบาปแห่งอัตตา ซึ่งผมจะให้เหตุผลประกอบว่าทำไม
ว่ากันว่าเด็กทารกช่วงแรกสุด ยังไม่สามารถแยกแยะตัวเองและสิ่งแวดล้อมออกจากกันได้
เมื่อตัวเองหิว โลกทั้งใบก็หิว เมื่อตัวเองร้องไห้ โลกทั้งใบก็ร้องไห้
จนกระทั่งเมื่อเติบโตขึ้นพอรู้ความบ้าง จึงสามารถแยกแยะระหว่าง "ตัวเรา" และ "สิ่่งอื่น" ซึ่งก็แปลว่า "มีอัตตา" เกิดขึ้นแล้ว
เรารู้แล้วว่าเมื่อผู้อื่นมีความสุข ไม่ได้แปลว่าเราจะมีความสุขด้วย เราจึงอิจฉาเขา
เรารู้แล้วว่าเมื่อเรามั่งมี ไม่ได้แปลว่าคนอื่นจะมั่งมีด้วย เราจึงยิ่งโลภ
เรารู้แล้วว่าการทำให้ผู้อื่นเป็นทุกข์ ไม่ได้แปลว่าเราจะทุกข์ไปด้วย เราจึงพร้อมทำให้ผู้อื่นเป็นทุกข์เพื่อสนองความปรารถนาของเรา
"อัตตา" คือบาปแรกสุดที่ติดตัวมนุษย์ทุกคน และนำพามาซึ่งบาปอื่นๆ ตามมา
"อัตตา" มาพร้อมกับ "การเติบโต" ของมนุษย์ สิ่งที่เรียนรู้แรกสุดของมนุษย์ทุกคนคือการมีอยู่ของคำว่า
เรา และ
เขา เรารู้จักความหมายของสองคำนี้ ก่อนที่เราจะเรียนรู้จักคำจริงๆ เสียอีก
และถ้า
"อัตตาเป็นบาป" นั่นแปลว่าพระเจ้ามอง
"การเติบโตของมนุษย์ " เป็นบาป เพราะไม่มีใครที่จะเติบโตโดยไร้อัตตาได้