(พูดคุย) นิยาย นายเเบงค์คู่คิดกู้พิษเศรษฐกิจต่างมิติ

[tangmokou]

เเค่หาคนคุยด้วยครับ
พอดีวันนี้ผมซื้อนิยาย    นายเเบงค์คู่คิดกู้พิษเศรษฐกิจต่างมิติ มาครับ 220 บาท ชั้งใจอยู่นาน
เเต่ก็ใด้อ่านมาก่อนหน้านั้นนานเเล้วครับ จาก โนเวลอับเดต
ค่อนข่างชอบที่เดียวจึงได้ตัดสินใจเปิดไลน์กับเรื่องนี้ดูปรากฎว่าถูกอกถูกใจมากครับ
จริงๆก็ชอบเเนวนี้ตั้งเเต่อ่านเรื่องมาโอยู
อยู่เเล้วเเต่มาโอยูมีจุดที่ทำให้ผมตามไม่ทันอยู่หลายจุดทำให้รู้สึกว่าเรื่องนั้นดูเข้าใจยากอยู่บ้าง
เเต่เรื่องนายเเบงค์อธิบายใด้เข้าใจง่ายกว่าจึงทำให้การอ่านค่อนข้างลื่นไหลอยู่มากทีเดียว
เรื่องนี้คุนเมดโดนผมมากครับทำให้สองสาวบนปกดูจืดไปเลยคือรัศมีนางเอกจับมากยิ่งท้ายเล่มผมฟินสุดๆไปเลยครับ
เลยอยากพูดคุยกับท่านที่อ่านเรื่องนี้ไปบ้างเเล้วว่ารู้สึกยังไงบ้างครับ

• Tweet

[tangmokou]

สุดยอดครับ เป็นนิยายที่คนทำธุรกิจควรหามาอ่านในเรื่องจะอธิบายเกี่ยวกับเรื่องต่างๆให้เข้าใจได้ง่าย
ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจที่ใกล้มาถึงทางตัน การเปลี่ยนการทำธุรกิจ.การกู้ยืม แล้วที่เด็ดที่สุดคือการเจรจา( แต่พระเอกทำแล้วเหมือนการล่อลวง ข่มขู่ แสดงละคร )ฮา เสียมากกว่า ชอบตรงที่ตอนคนขายผักที่สุด เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ใช้แค่ความพยายามมันไม่ได้ผล มันต้องมีการวางแผนด้วย ถ้าสนใจเรื่องธุรกิจผมแนะนำอย่างหนักให้ลองอ่านดู แล้วท่านจะได้อะไรดีๆกลับมา แต่ต้องค่อยๆทำความเข้าใจกับกับเนื้อหานะครับ

เรื่องนี้ดีอย่าง ผมชอบที่มีเวทย์มนน้อนมากครับไม่ได้เป็นส่วนสำคัญของเนื้อเรื่องเลยเหมือนนายเครื่องเทศกับหมาป่าครับ
เเต่เรื่องนายเครื่องเทศตอนดูอนิเมกว่าจะเข้าใจทั้งหมดเล่นเอาผมดูสี่รอบเเนะครับยังมีส่วนไม่เข้าใจอยู่บ้าง
เเต่ฉบับนิยายยังไม่เคยลองเเบบเเปลเเล้วผมจึงไม่รู้ว่างงต่างกันไหม จะไปอ่านอิ้งก็สกิลไม่ถึงตายตั่งเเต่ครึ่งเล่มเเล้ว
เรื่องนี้บอกเลยว่าผมอ่านยาวโดยไม่ต้องพื่งอาgoogleเลยครับ

[gundam666]

เมดคือนางเอก 

[Bravo]

ว่าจะสอยมานานละ
แต่ละคนรีวิวดีมาก

[LordOfNightmare]

เรื่องนี้อายาโนะเป็นนางเอก

[gundam666]

[quote/]เมดคนแรกสินะ

ช่ายแล้ววว

[samuison]

ผมอยากจะเขียน เวอร์ชั่น ล้อเลียนเป็น "คนดำทำธุรกิจกู้โลกต่างมิติ"เหมือนกันครับ

ความจริงแล้วผมว่าทำให้ต่างมิติไม่ค่อยใช้เวทมนตร์นั้นผิดวัตถุประสงค์ไปหน่อยนะครับ

เงื่อนไขของสังคมต่างไป แนวทางของเศรษฐกิจก็ควรเปลี่ยนไปด้วย

เหมือนกับ เกมส์ออฟโทรน ที่ว่ากันว่าคือ "แนวการเมืองยุคกลางที่แกล้งว่าตนเองเป็นแฟนตาซี"

[ronphon]

^^^
Game of Throne
โลกเรายุคกลางของจริง ยังไม่เละเทะขนาดนั้นเลย
ต่อให้มองว่าอยู่ในช่วงแย่งชิงอำนาจ เพราะผู้กุมอำนาจเก่าเพิ่งล่มสลายใหม่ๆก็เถอะ

แต่ถ้ามองว่ามันจำเป็นต้องเร่งความเร็วเหตุการณ์เพื่อให้ทุกอย่างสามารถไปถึงจุดจบได้ภายในระยะเวลาไม่กี่ปี
มันก็OKอยู่

ประมาณ เหมือนเอาเหตุการณ์ที่ในระยะเวลา50ปีของยุคกลางโลกเรามาย่อให้เหลือ5ปี

[tangmokou]

ผมอยากจะเขียน เวอร์ชั่น ล้อเลียนเป็น "คนดำทำธุรกิจกู้โลกต่างมิติ"เหมือนกันครับ

ความจริงแล้วผมว่าทำให้ต่างมิติไม่ค่อยใช้เวทมนตร์นั้นผิดวัตถุประสงค์ไปหน่อยนะครับ

เงื่อนไขของสังคมต่างไป แนวทางของเศรษฐกิจก็ควรเปลี่ยนไปด้วย

เหมือนกับ เกมส์ออฟโทรน ที่ว่ากันว่าคือ "แนวการเมืองยุคกลางที่แกล้งว่าตนเองเป็นแฟนตาซี"

ในความเข้าใจของผมเเฟนตาซีไม่จำเป็นจะต้องมีเวทย์มนตร์เสมอไปครับผมว่า
สตาร์วอลก็เเฟนตาซีนา
ผมเองก็ไม่ได้ไม่ชอบเวทย์นะเเต่พอเห็นใช้กันง่ายจนรู้สึกว่าโกงมันทำให้เรื่องราวน่าเบื่อครับเเล้วการที่เรื่องราวในเรื่องสามารถใช้เเนวทางเศษฐกิจของเราไปใช้ได้ผมว่าจุดนี้มันมีข้อดีตรงที่เราอินได้ง่ายครับเพราะถ้าใช้เงื่อนไขต่างออกไปก็ต้องเเบ่งเนื้อหาในการอธิบายมากขึ้นในความคิดของผมคิดว่ามันค่อนข่างจะหนักไปไม่เหมาะจะเป็นไลท์โนเวลครับ
เเล้วการที่ไม่เห็นเวทย์มนตร์ออกมาบ่อยจนเกินไปมันทำให้เวทย์มนตร์ดูขลังลึกลับเเละยิ่งใหญ่ดีครับ

[samuison]

^^^
Game of Throne
โลกเรายุคกลางของจริง ยังไม่เละเทะขนาดนั้นเลย
ต่อให้มองว่าอยู่ในช่วงแย่งชิงอำนาจ เพราะผู้กุมอำนาจเก่าเพิ่งล่มสลายใหม่ๆก็เถอะ

แต่ถ้ามองว่ามันจำเป็นต้องเร่งความเร็วเหตุการณ์เพื่อให้ทุกอย่างสามารถไปถึงจุดจบได้ภายในระยะเวลาไม่กี่ปี
มันก็OKอยู่

ประมาณ เหมือนเอาเหตุการณ์ที่ในระยะเวลา50ปีของยุคกลางโลกเรามาย่อให้เหลือ5ปี

อย่าลืมมังกร ซอมบี้หิมะและเทพเจ้าครับ

เมื่อพิจารณาดูผมยังงง ว่าทำไมถึงยังมีคนนับถือเทพทั้งเจ็ดทั้งที่ไม่เคยแสดงปาฏิหาริย์เลย(ยกเว้นในเนื้อเรื่องเบื้องหลัง ที่กษัตริย์คนหนึ่ง ฉายา เบลอร์ผู้ได้รับการอวยพร ที่รอดจากพิษงูได้)
แต่เทพแห่งเพลิงนั้นแสดงปาฏิหาริย์กับเทพเก่าแก่แห่งแดนเหนือ มีพลังเหนือธรรมชาติ มองอนาคต เข้าฝัน และอื่นๆ

แค่เงื่อนไขว่ามีเทพเจ้าที่แสดงปาฏิหาริย์กันจะจะ ก็เอาสงครามกุหลาบมาเทียบไม่ได้แล้วครับ

[quote/]ในความเข้าใจของผมเเฟนตาซีไม่จำเป็นจะต้องมีเวทย์มนตร์เสมอไปครับผมว่า
สตาร์วอลก็เเฟนตาซีนา
ผมเองก็ไม่ได้ไม่ชอบเวทย์นะเเต่พอเห็นใช้กันง่ายจนรู้สึกว่าโกงมันทำให้เรื่องราวน่าเบื่อครับเเล้วการที่เรื่องราวในเรื่องสามารถใช้เเนวทางเศษฐกิจของเราไปใช้ได้ผมว่าจุดนี้มันมีข้อดีตรงที่เราอินได้ง่ายครับเพราะถ้าใช้เงื่อนไขต่างออกไปก็ต้องเเบ่งเนื้อหาในการอธิบายมากขึ้นในความคิดของผมคิดว่ามันค่อนข่างจะหนักไปไม่เหมาะจะเป็นไลท์โนเวลครับ
เเล้วการที่ไม่เห็นเวทย์มนตร์ออกมาบ่อยจนเกินไปมันทำให้เวทย์มนตร์ดูขลังลึกลับเเละยิ่งใหญ่ดีครับ

พอเข้าใจครับว่าต้องการทำให้ความรู้และวิทยาการของโลกฝั่งเราดูเก่งกาจ  และเวทมนตร์ถูกทำให้เป็นแบ็กกราวด์ที่ไม่ค่อยออกมา
อย่างที่ท่านว่าล่ะครับ ถ้าตั้งคำถามกับวิทยาการของโลกฝั่งเราเองคงทำให้เนื้อเรืองเครียดไป
ผมปกติไม่เชื่อเรื่องเวทมนตร์ แต่ถ้าผมไปอยู่ในเกมส์ออฟโทรน ผมจะจับทุกคนที่ไม่เชื่อในเทพแห่งไฟบูชายัญทันทีเลยครับ ได้รับพลังเวทย์ พร้อมกับกำจัดคนนับถือศาสนาอื่น วิน-วิน

นั่นคือเงื่อนไขและข้อเท็จจริงของโลกทีเปลี่ยนไป จะนับว่าทฤษฎีเดิมที่สร้างมาจากฐานข้อมูลที่ไม่ครบถ้วนนั้นยังใช้ได้ดีอยู่อีกหรือ?
Edit แก้ไขชื่อจาก บราน ผู้ไดรับพารอวยพรเป็น เบลอร์

[tangmokou]

จริงๆเเค่ตั้งกะทู้คุยเล่นๆเเต่ดันเป็นการคุยยาวพรึดตัวหนังสือเเน้นไปหมดซะงั้น
เเต่คนตอบน้อยจังเเฮะรึยังไม่ค่อยมีคนอ่านเรื่องนี้กันรึเปล่าหว่า

[Silberd]

ก็อยากคุยนะ แต่จนป่านนี้ผมยังหาซื้อไม่ได้ซักที แถวนนทบุรีหาซื้อไม่ได้เลย ไปงามวงวานหลายรอบแล้วด้วย

[kull]

ก็อยากคุยนะ แต่จนป่านนี้ผมยังหาซื้อไม่ได้ซักที แถวนนทบุรีหาซื้อไม่ได้เลย ไปงามวงวานหลายรอบแล้วด้วย

เหมือนกันเลยหาซื้ออ่านไม่ได้ 

[tangmokou]

ก็อยากคุยนะ แต่จนป่านนี้ผมยังหาซื้อไม่ได้ซักที แถวนนทบุรีหาซื้อไม่ได้เลย ไปงามวงวานหลายรอบแล้วด้วย 

ผมก็อยู่เเถวงามวงวานนะผมผซื้อที่เดอมอลร้านนายอินทร์

[ronphon]

[quote/]

อย่าลืมมังกร ซอมบี้หิมะและเทพเจ้าครับ

เมื่อพิจารณาดูผมยังงง ว่าทำไมถึงยังมีคนนับถือเทพทั้งเจ็ดทั้งที่ไม่เคยแสดงปาฏิหาริย์เลย(ยกเว้นในเนื้อเรื่องเบื้องหลัง ที่กษัตริย์คนหนึ่ง ฉายา เบลอร์ผู้ได้รับการอวยพร ที่รอดจากพิษงูได้)
แต่เทพแห่งเพลิงนั้นแสดงปาฏิหาริย์กับเทพเก่าแก่แห่งแดนเหนือ มีพลังเหนือธรรมชาติ มองอนาคต เข้าฝัน และอื่นๆ

แค่เงื่อนไขว่ามีเทพเจ้าที่แสดงปาฏิหาริย์กันจะจะ ก็เอาสงครามกุหลาบมาเทียบไม่ได้แล้วครับ
[quote/]

พอเข้าใจครับว่าต้องการทำให้ความรู้และวิทยาการของโลกฝั่งเราดูเก่งกาจ  และเวทมนตร์ถูกทำให้เป็นแบ็กกราวด์ที่ไม่ค่อยออกมา
อย่างที่ท่านว่าล่ะครับ ถ้าตั้งคำถามกับวิทยาการของโลกฝั่งเราเองคงทำให้เนื้อเรืองเครียดไป
ผมปกติไม่เชื่อเรื่องเวทมนตร์ แต่ถ้าผมไปอยู่ในเกมส์ออฟโทรน ผมจะจับทุกคนที่ไม่เชื่อในเทพแห่งไฟบูชายัญทันทีเลยครับ ได้รับพลังเวทย์ พร้อมกับกำจัดคนนับถือศาสนาอื่น วิน-วิน

นั่นคือเงื่อนไขและข้อเท็จจริงของโลกทีเปลี่ยนไป จะนับว่าทฤษฎีเดิมที่สร้างมาจากฐานข้อมูลที่ไม่ครบถ้วนนั้นยังใช้ได้ดีอยู่อีกหรือ?
Edit แก้ไขชื่อจาก บราน ผู้ไดรับพารอวยพรเป็น เบลอร์

ตราบใดที่มนุษย์ยังคงเป้นมนุษย์ โครงสร้างเชิงจิตวิทยา โครงสร้างสมอง ยังเหมือนเดิม
ผลเชิงพฤติกรรมของสังคมก็จะคล้ายๆเดิม


มันจะไม่ได้เหมือนเป๊ะ แต่เปรียบเทียบกันได้ ซึ่งผลจะออกมาคล้ายๆกัน
แค่ต้องหาจุดร่วมที่ใช้เปรียบเทียบ เช่น พลังอำนาจหรือเวทย์มนต์มันก็เป็นรูปแบบนึงของกำลังทหาร,อาวุธ
สิ่งมีค่าที่จำเป็นและเป็นที่ต้องการของสังคม วิธีการได้มาของสิ่งเหล่านั้น ฯลฯ


อย่างที่ท่านกล่าวถึงการสังเวยคนเพื่อเพิ่มพลัง มันก็จะเทียบได้กับ
การปล้นฆ่าเพื่อเอาทรัพยากรมาเพิ่มกำลังทหารของโลกเรา (อาจจะ+รูปแบบของการเป็นสงครามศาสนาไปด้วย)
วิธีตอบสนองของฐานอำนาจกลุ่มอื่นๆก็จะเป็นแบบเดียวกันกับโลกเรา


ในเรื่องพวกนั้นอาจจะมองว่า ถ้าใช้วิธีรุนแรง เพิ่มอำนาจตัวเองเร็วเกินไป
จนเป็นสงครามศาสนา ถ้าโดนรุมจะสู้ไม่ได้ เพราะอำนาจที่เพิ่มมาไม่ได้เพิ่มเร็วพอหรือไม่ทรงพลังพอ
(เพราะในทางกลับกัน ถ้าวิธีนั้นใช้ได้ พวกสาวกเทพไฟคง เป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในเรื่องไปแล้ว)


อย่างมังกร มันก็แค่เหมือนมีกำลังรบพิเศษเพิ่มมาส่วนนึง
ถ้าในยุคก่อนที่มีมังกรเป็นจำนวนมากมันก็อีกเรื่อง แต่เท่าที่ดู
มังกรเรื่องนี้ 3-4ตัว โดนคนซัก3-4กองร้อยรุมก็อาจจะจบเห่ได้ง่ายๆ




ปล.แต่ถ้าในเรื่องเป็นรูปแบบชีวิตที่มีระบบวิธีคิดต่างออกไป(ไม่ใช้แค่ระดับความต่างทางวัฒนธรรม)
นั่นแหละถึงจะต่างออกไป จากรูปแบบสังคมของโลกเราอย่างชัดเจน


ปล2.ส่วนเรื่องเทพ เทพในโลกเราก็ไม่แสดงพลังอะไร ศาสนาต่างๆก็ยังมีคนนับถือเยอะแยะ

[samuison]

ผมว่าธีมหลักของเรื่องอยู่ที่เศรษฐกิจครับ ส่วนเวทมนตร์มีไว้เป็นเหตุผลในการลากพระเอกข้ามมิติไปเฉยๆ  พอไม่เน้นเวทมนตร์มันทำให้คนอ่านอินได้ง่ายกว่า สมมติว่าถ้าปัญหาใหญ่ในการค้าคือโกดังเก็บสินค้าแต่ดันมีกระเป๋ามิติพระเอกก็เงิบนะสิ 

ถูกต้องครับผม การมีเวทย์มันทำให้ข้อคิดทางสังคมมันทะแม่งๆไปถ้าพิจารณาจากภาพรวมทั้งหมด

อย่างถ้ามีเทเลพอร์ต ขนส่งมวลชนคงเกิดยาก ต้องสร้างให้มีข้อจำกัดถึงจะทำให้คนโลกปัจจุบันพอทำความเข้าใจได้

[quote/]ผมก็อยู่เเถวงามวงวานนะผมผซื้อที่เดอมอลร้านนายอินทร์ 

ผมอ่านแค่เรื่องย่อน่ะครับ ว่าพระเอกทำธุรกิจแบบสัจนิยม ที่ของไม่มีคุณค่าจะตัดออก บังคับหนี้ ไล่ที่ชาวบ้าน ฯลฯ
ผมถึงอยากล้อเลียนว่า เป็น คนดำทำธุรกิจ ล่ะครับ สอนวิธีคด และสดทรัพย์สินของชาวบ้าน

[quote/]


ตราบใดที่มนุษย์ยังคงเป้นมนุษย์ โครงสร้างเชิงจิตวิทยา โครงสร้างสมอง ยังเหมือนเดิม
ผลเชิงพฤติกรรมของสังคมก็จะคล้ายๆเดิม


มันจะไม่ได้เหมือนเป๊ะ แต่เปรียบเทียบกันได้ ซึ่งผลจะออกมาคล้ายๆกัน
แค่ต้องหาจุดร่วมที่ใช้เปรียบเทียบ เช่น พลังอำนาจหรือเวทย์มนต์มันก็เป็นรูปแบบนึงของกำลังทหาร,อาวุธ
สิ่งมีค่าที่จำเป็นและเป็นที่ต้องการของสังคม วิธีการได้มาของสิ่งเหล่านั้น ฯลฯ


อย่างที่ท่านกล่าวถึงการสังเวยคนเพื่อเพิ่มพลัง มันก็จะเทียบได้กับ
การปล้นฆ่าเพื่อเอาทรัพยากรมาเพิ่มกำลังทหารของโลกเรา (อาจจะ+รูปแบบของการเป็นสงครามศาสนาไปด้วย)
วิธีตอบสนองของฐานอำนาจกลุ่มอื่นๆก็จะเป็นแบบเดียวกันกับโลกเรา


ในเรื่องพวกนั้นอาจจะมองว่า ถ้าใช้วิธีรุนแรง เพิ่มอำนาจตัวเองเร็วเกินไป
จนเป็นสงครามศาสนา ถ้าโดนรุมจะสู้ไม่ได้ เพราะอำนาจที่เพิ่มมาไม่ได้เพิ่มเร็วพอหรือไม่ทรงพลังพอ
(เพราะในทางกลับกัน ถ้าวิธีนั้นใช้ได้ พวกสาวกเทพไฟคง เป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในเรื่องไปแล้ว)


อย่างมังกร มันก็แค่เหมือนมีกำลังรบพิเศษเพิ่มมาส่วนนึง
ถ้าในยุคก่อนที่มีมังกรเป็นจำนวนมากมันก็อีกเรื่อง แต่เท่าที่ดู
มังกรเรื่องนี้ 3-4ตัว โดนคนซัก3-4กองร้อยรุมก็อาจจะจบเห่ได้ง่ายๆ




ปล.แต่ถ้าในเรื่องเป็นรูปแบบชีวิตที่มีระบบวิธีคิดต่างออกไป(ไม่ใช้แค่ระดับความต่างทางวัฒนธรรม)
นั่นแหละถึงจะต่างออกไป จากรูปแบบสังคมของโลกเราอย่างชัดเจน


ปล2.ส่วนเรื่องเทพ เทพในโลกเราก็ไม่แสดงพลังอะไร ศาสนาต่างๆก็ยังมีคนนับถือเยอะแยะ 

เห็นด้วยครับผมว่ามนุษย์สันดานดิบพื้นฐานยังคงเดิม
ตามเนื้อเรื่องเบื้องหลัง เทพอื่นก็พอมีพลังอำนาจครับ และเทพไฟ เห็นแบบนั้นแต่นิยมการเผยแพร่ศาสนาในหมู่ชาวบ้านนะครับ ไม่มีการบังคับให้นับถือ

มังกร เทคโนโลยีพื้นฐานในเรื่องทำอะไรไม่ได้ครับ ถ้าไม่ได้าด้วยมังกรด้วยกัน อาณาจักร ที่คล้ายโรมันในจักรวาลนั้นโดนทำลายไปทั้งที่มีเทคโนโลยีทางทหารสูงมาก ที่สู้ได้คือเมืองที่มีสัตว์ประหลาดฮาร์ปี้ครับ ที่เราเห็นพวก son of harpies แต่ฮาร์ปี้ตัวจริงตายไปหมดแล้ว

เรื่องศาสนาของโลกเราไม่ขอวิจารณ์ครับผม