เรื่องเล่าดราม่าสะเทือนใจ(?)
- จุดเปลี่ยนของชีวิตที่ทำให้ผมหันมา Back Up นั้นมันเริ่มขึ้นในฤดูหนาวตอน ม.3
- วันอาทิตย์ ผมเคลียร์ Diablo II ระดับ Hell ได้เป็นคนแรกในกลุ่มเพื่อน
(Patch เก่าไม่มีระบบ Synergy นี่โคตรยากเลยนะเออ)- วันจันทร์ผมนัดกับเพื่อนๆในกลุ่ม ว่าวันศุกร์จะไปเที่ยวบ้านเพื่อน เพื่อเอา Necromancer จบ Hell ไปโชว์
- แต่แล้ววันพุธ HDD กลับพังซะงั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่เก็บมาตั้งแต่สมัยประถมนี่สูญเปล่าหมด ไม่ว่าจะเป็นเซฟเกมที่เคยเคลียร์, ผลงานมากมายที่เคยทำไว้
(RPG Maker, Map Warcraft สร้างเอง หรืออะไรทำนองนี้)- ก่อนหน้านี้เคยคิดว่า “อะไรที่เซฟไว้ Drive D ต่อให้คอมพังก็ยังอยู่” แต่นั่นเป็นความเชื่อที่ผิด เซฟไว้ Drive D ต่อให้คอมพังก็ยังอยู่นั่นคือกรณีที่ Windows พัง ถ้าเป็นกรณีที่ HDD พังนี่คือทุกอย่างไปหมด
(ก็เด็ก ม.3 สมัยยุคที่คอมพิวเตอร์ยังไม่เจริญเท่าปัจจุบันอ่ะนะ คิดได้แค่นี้)- พ่อไม่ยอมให้ซ่อม HDD โดยบอกว่าค่ากู้ข้อมูลแพงมาก
- ผมถึงกับซึมไปพักใหญ่
- จากนั้นก็นึกไปถึงภาพยนตร์ Harry Potter ที่โรงเรียนเคยพาไปดู ในภาพยนตร์นั้นมี “ลอร์ดโวลเดอมอร์” ผู้เป็นอมตะ ต่อให้ตายก็กลับมาได้เสมอตราบใดที่ฮอร์ครักซ์ยังอยู่
- ผมเริ่มนับถือ “ลอร์ดโวลเดอมอร์” เป็นไอดอลในด้านการ Back Up ไฟล์ แล้วก็เริ่มหันมา Back Up ไฟล์ลง CD ทุกเดือน
- ต่อมาเทคโนโลยีพัฒนาขึ้น เลยเปลี่ยนมา Back Up ไฟล์ที่เหมือนกันเป๊ะๆใส่ใน External HDD สองตัวแทน
- ต่อมาเทคโนโลยีพัฒนาขึ้นอีกและผมทำงานมีเงินแล้ว เลยเปลี่ยนมา Back Up ไฟล์ที่เหมือนกันเป๊ะๆใส่ใน External HDD หนึ่งตัวและ Cloud
- มาตอนนี้ พอมองย้อนกลับไป กลับรู้สึกว่าการที่ผมอารยธรรมล่มสลายในตอนนั้นถือเป็นเรื่องดี เพราะนับจากวันนั้นเป็นต้นมา ผมก็ไม่อารยธรรมล่มสลายอีกเลย ไม่ว่าคอมจะพังกี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็รักษาไฟล์สำคัญๆไว้ได้เสมอ... เพราะเสียไฟล์ที่ไม่สำคัญมากในวันนั้น แล้วเรียนรู้จากความผิดพลาด จึงสามารถปกป้องไฟล์ที่สำคัญกว่าในวันนี้ไว้ได้