แหล่งนิยายแปล แหล่งนิยาย นิยายแปล นิยายแต่ง มังงะ การ์ตูน อนิเมะ นายท่าน เว็บไซต์นายท่าน กระทู้สไลม์ สไลม์ยอดรัก

ผู้เขียน หัวข้อ: บทเรียนราคาแพง การตลาดแบบ woke  (อ่าน 470 ครั้ง)

ออฟไลน์ moneyisgod

  • เครื่องปั้มแห่งห้องรับแขก
  • แม่ทัพหมีอาวุโส
  • ****
  • กระทู้: 4,977
  • ถูกใจแล้ว: 2994 ครั้ง
  • ความนิยม: +320/-1
บทเรียนราคาแพง การตลาดแบบ woke
« เมื่อ: สิงหาคม 25, 2024, 06:53:24 PM »


เบียร์ยี่ห้อ “บัดไวเซอร์ (Budweiser)” เคยเป็นเบียร์ที่ขายดีเป็นอันดับ 1 ในสหรัฐมาตลอด 20 ปีต่อเนื่อง จนเคยมีฉายาว่า ราชาแห่งเบียร์ จนกระทั่งในปี 2566 บัดไวเซอร์ได้สร้างความผิดพลาดด้านการตลาดอย่างร้ายแรง ในการเปลี่ยนภาพลักษณ์ของแบรนด์ ที่มีภาพลักษณ์เบียร์ของผู้ชาย ให้กลายเป็นเบียร์ของคนข้ามเพศ เป็นราชาแห่งโว้คเบียร์ (King of Woke Beer)

ทำให้เกิดกระแสต่อต้านจากฐานลูกค้าเดิม จนยอดขายของบัดไวเซอร์ตกลงอย่างมาก ถูกเบียร์ยี่ห้อ “โมเดโล่ (Modelo)” จากเม็กซิโกแย่งตำแหน่งเบียร์ที่ขายดีเป็นอันดับ 1 ในสหรัฐแทน

ความผิดพลาดของบัดไวเซอร์เริ่มต้นจากการว่าจ้าง อลิสสา ไฮเนอร์ไชด์ (Alissa Heinerscheid) มาเป็นรองประธานบริษัทด้านการตลาดในปลายปี 2565 และอลิสสามองว่า ภาพลักษณ์ของแบรนด์เบียร์บัดไลท์ (Bud Light) นั้นมีความเป็นผู้ชายสูงและไม่มีอารมณ์ขันเลย

เธอจึงปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้เป็นเบียร์ของทุกคน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ๆ โดยในเดือนมีนาคม 2566 เธอได้ว่าจ้างให้ดีแลนด์ มัลเวย์นี (Dylan Mulvaney) อินฟลูเอ็นเซอร์หญิงข้ามเพศมาโปรโมทเบียร์บัดไลท์ให้ ซึ่งดีแลนด์ได้โปรโมทว่าบัดนั้นเป็นเบียร์ของคนข้ามเพศ เป็นราชาแห่งโว้คเบียร์ (King of Woke Beer)

การโปรโมทดังกล่าวได้ทำลายภาพลักษณ์เดิมของบัดไวเซอร์ ซึ่งเป็นเบียร์ของผู้ชายมาดแมน ที่นิยมจิบเบียร์ไปพร้อม ๆ กับการเชียร์กีฬา จิบเบียร์หลังเลิกงาน หรือนั่งดื่มล้อมวงคุยกันที่ปาร์ตี้หลังบ้านอย่างยับเยิน จนทำให้เกิดกระแสต่อต้านอย่างหนักจากฐานลูกค้าของบัดไวเซอร์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ชายแท้ ๆ

แฟนคลับของบัดไวเซอร์ทุกสาขาอาชีพ โดยเฉพาะนักร้องนักดนตรี ต่างออกมาประกาศแบนสินค้าของบัดไวเซอร์และประกาศจะไม่ร่วมงานด้วย และเพียง 2 สัปดาห์หลังจากที่ดีแลนด์เผยแพร่โพสต์ดังกล่าว ยอดขายของบัดไวเซอร์ตกลงทันที 17%

และในเดือนพฤษภาคมปีนั้น โมเดโล่ขึ้นมาแย่งตำแหน่งเบียร์ที่ขายดีที่สุดในสหรัฐ หยุดตำนานอันดับ 1 ตลอด 20 ปีของบัดไวเซอร์ลง

ถึงแม้ว่าประธานบริษัทจะพยายามออกมาแก้ไขสถานการณ์ด้วยการกล่าวว่า “เราอยากทำให้บัดเป็นเบียร์ของทุกคน” แต่สถานการณ์ของบัดไวเซอร์ไม่ได้ดีขึ้นเลย

ซ้ำร้าย แบรด์ยังคงพยายามผลักดันแนวคิดโว้คต่อไป โดยในช่วงกลางปี 2565 ซึ่งกระแสการต่อต้านยังคงระอุอยู่ ด้วยการออกสินค้าเวอร์ชั่นพิเศษ มีการตีพิมพ์ภาพของดีแลนด์ลงบนกระป๋องเบียร์ เนื่องในโอกาสที่ดีแลนด์เปลี่ยนเพศมาเป็นผู้หญิงครบหนึ่งปี

ทำให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์เบียร์สำหรับผู้ชายมาดเข้มถูกฉีกทิ้งเสียยับเยิน กลายมาเป็นเบียร์สำหรับชาวโว้ค ผู้หญิงข้ามเพศไปทันที และนั่นทำให้ในเดือนกันยายน 2565 ยอดขายของบัดไวเซอร์ตกลง 27% เมื่อเทียบกับยอดขายในปีก่อนหน้า

-- บทเรียนที่เจ็บปวดด้านการตลาด --

กรณีศึกษาข้างต้นนี้ เป็นเรื่องของการตลาด ซึ่งเป็นวิชาว่าด้วยการทำความเข้าใจในพฤติกรรมของผู้คนที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้า และถึงแม้ว่าแนวความคิดเรื่องความหลากหลายทางเพศจะเป็นที่ยอมรับในสังคมไปแล้ว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะนำความหลากหลายเข้ามาใช้ในการปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ของแบรนด์ได้ดีเสมอไป

ผู้ชายแท้ ๆ หลายคนให้การยอมรับในตัวกลุ่ม LGBTQ+ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาอยากจะเปลี่ยนเพศไปเป็น LGBTQ+ และการเปลี่ยนภาพลักษณ์ของแบรนด์บัดไวเซอร์ จากเบียร์สำหรับผู้ชาย ให้กลายเป็นเบียร์สำหรับผู้หญิงข้ามเพศนั้น ได้ทำให้ผู้บริโภคที่เป็นผู้ชายแท้ ๆ รู้สึกเหมือนได้กลายเป็นผู้หญิงข้ามเพศ หากตนเองดื่มบัดไวเซอร์ลงไป

สร้างความรู้สึกเหมือนว่าตนเองกำลังถูกยัดเยียดให้เป็นในสิ่งที่ตนเองไม่ได้เป็น จนทำให้เกิดความคิดต่อต้าน และหันไปดื่มเบียร์ยี่ห้อที่มีภาพลักษณ์ว่าใช่ในสิ่งทีตนเองเป็นแทน

นักการตลาดควรจึงระวังในภาพลักษณ์ของแบรนด์ตัวเองอย่างมาก ในประเทศไทย เคยมีดาราหญิงผู้มีชื่อเสียงระดับประเทศของไทยท่านหนึ่ง พึงพอใจในรถยนต์รุ่นหนึ่งจากค่ายรถญี่ปุ่นอย่างมาก จึงเดินทางไปเสนอตัวเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้รถรุ่นดังกล่าวให้ โดยไม่คิดค่าตัว ทั้ง ๆ ที่ค่าตัวของเธอในเวลานั้น อยู่ที่หลักสิบล้านบาท

แต่บริษัทกลับปฏิเสธข้อเสนอของเธอไป ด้วยเหตุผลว่าภาพลักษณ์ของรถรุ่นดังกล่าวนั้น เป็นรถยนต์สำหรับผู้ชาย และเสนอให้เป็นพรีเซ็นเตอร์รถรุ่นอื่นที่เป็นรถยนต์สำหรับผู้หญิงแทน

-- ทางออกสำหรับแบรนด์ที่ต้องการโปรโมท LGBTQ+ --

เช่นกัน กรณีนี้ ไม่ได้หมายความว่าจะสร้างสินค้าสำหรับ LGBTQ+ ไม่ได้ เพียงแต่นักการตลาดต้องเข้าใจในลูกค้าของตนเองด้วยว่ามีความรู้สึกนึกคิดอย่างไร มีรสนิยม ความชอบแบบไหน เพื่อตอบสนองต่อควาต้องการของผู้บริโภคได้อย่างถูกต้อง

บัดไวเซอร์นั้น มีภาพลักษณ์ของผู้ชายมาตลอด 20 ปี จึงไม่แปลกที่ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชายแท้ ๆ แต่เมื่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ถูกเปลี่ยน ลูกค้าเดิมจึงมีความรู้สึกว่ากำลังถูกยัดเยียดในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเอง ออกมาต่อต้าน และหันไปหาคู่แข่งที่ใช่มากกว่าแทน

นอกจากนี้ แนวความคิดของอลิสสา รองประธานบริษัทด้านการตลาดนั้น ก็ค่อนข้างชัดเจนว่าเพียงต้องการเปลี่ยนภาพลักษณ์ของแบรนด์ไปเป็นสิ่งที่ตนเองต้องการ โดยไม่ได้คำนึงถึงความรู้สึกนึกคิดของลูกค้าเลย

ในอดีตโคลาโคล่า หรือโค้ก ได้ทำการเปลี่ยนรสชาติของโค้ก เนื่องจากเห็นว่ารสเดิมที่ขายมานานนั้นเก่าเกินไป ต้องการจะเปลี่ยนรสชาติใหม่ ๆ ออกสู่ตลาด และเปลี่ยนชื่อแบรนด์ไปเป็น นิวโค้ก (New Coke)

แต่นั้นกลับทำให้เกิดกระแสต่อต้านอย่างหนักในกลุ่มแฟนคลับของโค้ก ที่ยังคงรักในรสชาติแบบดั้งเดิม จนในที่สุดโค้กต้องยอมนำเอารสดั้งเดิมกลับมา จึงดับกระแสการต่อต้านดังกล่าวลงไปได้

ในเวลาต่อมา ท่ามกลางกระแสไม่เอาน้ำตาล เนื่องจากการตระหนักรู้ในปัญหาโรคเบาหวานที่มีมากขึ้นในสหรัฐ ทำให้โค้กพัฒนาสูตรแบบไม่มีน้ำตาลออกมาหลายสูตร ไม่ว่าจะเป็น โค้กซีโร่ (Coke Zero) และโค้กไลท์ (Coke Lite) ขึ้นเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าในตลาดที่เปลี่ยนไป

อีกทั้งพัฒนาสูตรให้มีความหลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโค้กราสเบอร์รี่ โค้กไลม์ และโค้กวนิลา เพื่อตอบสนองต่อรสนิยม และความต้องการของลูกค้าที่มีความหลากหลายมากขึ้นด้วย

ถึงแม้ว่าจะมองเจตนาของอลิสสาในแง่ดีว่า เธอเพียงต้องการขยายตลาด ขยายฐานลูกค้าจากกลุ่มชายแท้ ไปยังผู้บริโภคเพศอื่น แต่บัดไวเซอร์ไม่มีงานวิจัยทางการตลาดว่า ผู้บริโภคที่เป็นกลุ่ม LGBTQ+ นั้นมีรสนิยมในการดื่มเบียร์อย่างไร และไม่มีการพัฒนาสินค้าเพื่อการตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าที่เป็นกลุ่มเฉพาะ

หายนะทางการตลาดของบัดไวเซอร์ จึงถือเป็นบทเรียนที่ดีของนักการตลาด ไม่ให้ทำการตลาดแบบฉาบฉวย เพียงยัดเยียดสิ่งที่ตนเองคิดลงไป โดยไม่เข้าใจความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภคในตลาดของตน

#Woke #Budweiser #การตลาด
#TheStructure

https://www.facebook.com/photo/?fbid=514623211115474&set=a.170997628811369


 ??? ??? ??? ??? ??? ???
 

ออฟไลน์ providence_gundam

  • แม่ทัพหมีอาวุโส
  • ****
  • กระทู้: 4,573
  • ถูกใจแล้ว: 2225 ครั้ง
  • ความนิยม: +228/-403
  • เพศ: ชาย
Re: บทเรียนราคาแพง การตลาดแบบ woke
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: สิงหาคม 25, 2024, 07:41:24 PM »
ปกติเวลาจะทำการตลาด มันก็น่าจะมีลูกค้ากลุ่มนั้นบ้าง


แต่พี่ไปลงกลุ่มที่คนละขั้วแบบนี้ มันก็เหมือนปิดไฟไล่เค้าแหละ


แล้วพี่ก็ลืมไปว่า woke แม่งไม่เคยสนับสนุนอะไรอยู่แล้ว ด่าอย่างเดียว ยกเว้น x ของชายแทร่อย่างอีลอน มัสค์
 

ออฟไลน์ KAGUYA

  • ผู้สนับสนุนเซนนิคุงY2
  • จอมพลหมีผู้เกรียงไกร
  • ****
  • กระทู้: 20,611
  • ถูกใจแล้ว: 6706 ครั้ง
  • ความนิยม: +563/-547
Re: บทเรียนราคาแพง การตลาดแบบ woke
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: สิงหาคม 25, 2024, 10:08:21 PM »
การตลาดที่เมินกลุ่มลูกค้าเดิมไปเลยแบบนี้ มันก็ชิหายนะสิ เปิดตลาดกับกลุ่มลูกค้าใหม่นะได้แต่ไม่ควรหักดิบแบบนี้
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: 15yearsold

ออฟไลน์ sariora123

  • จอมพลหมีชั้นกลาง
  • **
  • กระทู้: 11,790
  • ถูกใจแล้ว: 4883 ครั้ง
  • ความนิยม: +364/-441
Re: บทเรียนราคาแพง การตลาดแบบ woke
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: สิงหาคม 25, 2024, 10:15:55 PM »
ผ นึกถึง กระบอกน้ำเก็บอุณหภูมิยี้ห้อนึง จำผิดหรือเปล่าไม่แน่ใจ คือแบลนนี้ตีตลาด กลุ่มผู้ชาย สายเดินป่า
ท่องเที่ยว ลุยป่าลุยพง เลย ทำมาแบบเเนวเข้ม ถึกทน


หลังๆ มายอดขายไม่ค่อยดีจน เจ้าของ บ่นว่าจะปิดบริษัท
อินฟรูหญิงคนนึง ที่เป็นลูกค้าที่ใช้กรอบอกน้ำยี้ห้อนี้ ได้ยินเข้าก็เลยเสียดายว่า
ของก็ใช้ดีมาก แต่ดันขายไม่ดี เลย สั่งมา 5000 กระบอก เพื่อยืดอายุบริษัท


และเอาไปลองขายให้ FC ปรากฏว่า ดันขายหมด แถมคนซื้อส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง อีกด้วย

ปัญหาอย่างเดียวคือ มันไม่สวย ไม่มุ้งมิ้ง เท่านั้นแหละ
เลยกลายเป็นว่า เจ้าของบริษัท เลยได้แนวคิดมาปรับสินค้า ออกไลน์ใหม่ เปรี่ยนสี การออกแบบ  เพื่อขายให้กับ กลุ่มวัยรุ่น และผู้หญิง เพิ่มจากกลุ่มผู้ชาย


เลยทำให้บริษัทรอดตายมาได้










ส่วนไอ้ด้านบน มันพังฐานลูกค้าเดิม ชิบหายว่ะ


คือ จะแตกไลน์ใหม่ เมิงก็ไม่ทำ   ยอดขายหดไป 27% ในปี เดียวนี่คือชิบหายมาก
เอาจริงๆ  CEO แม่งโง่ มากกว่า อนุญาติปผนการตลาด ห่ามๆ แบบนี้ ออกมาได้ไง




แบบสิงห์ที่เมื่อก่อนหนุน ทหาร เสือกออกตัวแรง กลายเป็นว่า ยอดขายฝั่งภาคเหนือ อีสาน ตกไป 50%ในเดือนเดียว หลังจากนั้นก็เงียบปากไปเยอะ


หรือการไปหาเรื่องผิดคน อย่าง CP ที่ให้ทุนหนุ่นติ่งคอมมี่ ไปด่า อเมรกา อิสราเอลออกสื่อชัดเจน
จนมีข่าวว่า พี่ยิว เตรียมตัว เข้ามาส่งเสริมพัฒนา ความสามารถเกษตกรไทย  ถ้าพี่ยิวมาจริง คือ ชิบหายยกแผง จน CP ถอยไปเงียบๆ เพราะ อิสราเอลแม่งกะเล่นเอาบริษัทเจ๊งเลยจริงๆ แถมไม่จบง่ายๆ อีกด้วย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 25, 2024, 10:19:09 PM โดย sariora123 »
 

ออฟไลน์ pol

  • สาวกผู้สนับสนุนเซนนิคุง2Y
  • จอมทัพหมีชั้นสูง
  • ***
  • กระทู้: 16,998
  • ถูกใจแล้ว: 19629 ครั้ง
  • ความนิยม: +360/-1
  • เพศ: ชาย
  • นักอู้มือหนึ่ง
Re: บทเรียนราคาแพง การตลาดแบบ woke
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: สิงหาคม 25, 2024, 10:21:52 PM »
ภาพลักษณ์นะใช้เงินมหาศาลและเวลาที่โคตรนานในการสร้างขึ้นมาครับ คนที่มีสมองจะไม่ลืมภาพลักษณ์ดั้งเดิมของตัวเองเด็ดขาด เต็มที่ก็จะเปิดบริษัทใหม่เพื่อขายสินค้าที่ขัดกับภาพลักษณ์เดิม  ???  ส่วนceo คนนี้ไม่บ้าก็โคตรโง่ ท่านลองนึกภาพใบมีดโกนยี่ห้อโคตรดังอยากขยายตลาดโดยเอาไปโกนขนจิมิดูสิครับว่าจะบรรลัยแค่ไหน?  :o
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: sariora123

ออฟไลน์ blakaros

  • ผู้สนับสนุนเซนนิคุงY3
  • จอมทัพหมีชั้นสูง
  • ***
  • กระทู้: 16,895
  • ถูกใจแล้ว: 6050 ครั้ง
  • ความนิยม: +263/-3
Re: บทเรียนราคาแพง การตลาดแบบ woke
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: สิงหาคม 25, 2024, 11:27:22 PM »
คือเสนอน่ะเสนอได้นะ   แต่ไอ้คนที่ให้ผ่านนี่คิดยังไงวะ   ไม่มีคนค้านเลยรึไงกัน   หรือเป็น woke พอกัน
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: sariora123

ออฟไลน์ gundam666

  • แม่ทัพหมีชั้นสูง
  • ***
  • กระทู้: 2,963
  • ถูกใจแล้ว: 832 ครั้ง
  • ความนิยม: +84/-83
Re: บทเรียนราคาแพง การตลาดแบบ woke
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: สิงหาคม 26, 2024, 06:48:16 AM »
มันมีภาพลักษณ์ว่าเป็นเบียร์สำหรับผู้ชายมาแต่ไหนแต่ไร พอเปลี่ยนภาพลักษณ์เป็น พวก LGBTQ+ หรือพวกทรานแล้ว ภาพลักษณ์ดั้งเดิมแล้ว ลูกค้าส่วนใหญ่ที่เป็นผู้ชายมันจะคิดยังไง  มันกลายเป็นเบียร์สำหรับ พวก LGBTQ+ ไปแล้ววว
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: 15yearsold

ออฟไลน์ sechan

  • แม่ทัพหมีชั้นสูง
  • ***
  • กระทู้: 2,988
  • ถูกใจแล้ว: 1758 ครั้ง
  • ความนิยม: +147/-261
Re: บทเรียนราคาแพง การตลาดแบบ woke
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: สิงหาคม 26, 2024, 08:56:32 AM »
โว้คมันไปจับไฮโซตามงานเลี้ยง แล้วล้างสมองคนข้างบน  ข้างบนมันสั่งลูกน้องอย่างเดียวไม่ดูข้างล่างไม่สนข้างล่างทำงานอย่างไร ตัวเลขไม่ได้ก็แค่เปลี่ยน  แต่ไม่ทำตามโว้คโดนเชือดกลางงานเลี้ยง ด้วยความโว้คอ้างความดีความถูกต้องให้เสียหน้ากลางงาน จะสวนก็ไม่ได้เพราะพวกนี้มันล้างสมองไฮโซคนอื่น  อ้างคุณธรรมความดีรักโลก  แล้วไม่ทำตามพวกนี้จะกระพือกระแสต่อต้านทำลายธุรกิจตัวเองได้ ดู sweet baby inc ได้
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: as-hero

ออฟไลน์ Dhaos

  • นักปราชญ์แห่งเขาเซนนิคุมะ
  • หัวหน้าฝูงหมีใหญ่
  • *****
  • กระทู้: 1,575
  • ถูกใจแล้ว: 17253 ครั้ง
  • ความนิยม: +717/-51
  • เพศ: ชาย
  • ปีศาจที่แท้จริงนั้นอยู่ในจิตใจของมนุษย์เรานั่นแหละ
Re: บทเรียนราคาแพง การตลาดแบบ woke
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: สิงหาคม 26, 2024, 11:48:32 AM »
ขอนอกเรื่องยังไม่พูดเกี่ยวกับเนื้อหา
แต่คนที่เขียนบทความมานี้ช่วงเวลาแต่ละเหตุการณ์มันอันไหนเกิดก่อนเกิดหลังกันแน่?
ไล่ตามที่เขียนมา
- ว่าจ้างรองประธานด้านการตลาดตอนปลายปี 2565
- มีนา 2566 โปรโมทเบียร์
- พฤษภาปีนั้น โมเดโล่แซงอันดับเบียร์ขายดีที่สุดในสหรัฐ
- กลางปี 2565 ออกสินค้าเวอร์ชั่นพิเศษ ? ? ? ?
- กันยา 2565 ยอดขายตกลง 27% ? ? ? ?
 

ออฟไลน์ sariora123

  • จอมพลหมีชั้นกลาง
  • **
  • กระทู้: 11,790
  • ถูกใจแล้ว: 4883 ครั้ง
  • ความนิยม: +364/-441
Re: บทเรียนราคาแพง การตลาดแบบ woke
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: สิงหาคม 26, 2024, 11:49:57 AM »
โว้คมันไปจับไฮโซตามงานเลี้ยง แล้วล้างสมองคนข้างบน  ข้างบนมันสั่งลูกน้องอย่างเดียวไม่ดูข้างล่างไม่สนข้างล่างทำงานอย่างไร ตัวเลขไม่ได้ก็แค่เปลี่ยน  แต่ไม่ทำตามโว้คโดนเชือดกลางงานเลี้ยง ด้วยความโว้คอ้างความดีความถูกต้องให้เสียหน้ากลางงาน จะสวนก็ไม่ได้เพราะพวกนี้มันล้างสมองไฮโซคนอื่น  อ้างคุณธรรมความดีรักโลก  แล้วไม่ทำตามพวกนี้จะกระพือกระแสต่อต้านทำลายธุรกิจตัวเองได้ ดู sweet baby inc ได้




เคยไปตั้งกล่ม  ศีลธรรมทางด้านการโฆษณา


ผลคือ หลังกูเกิล แพ้คดีผูกขาด รู้สึกว่า
ถ้าใช้แนวทางการตัดสินคดีของกูเกิล


ถ้า X ฟ้องยังไงก็ชนะ   อีลอนเลยประกาศว่าจะฟ้องกลุ่มดัวกล่าว 2 กลุ่ม
แม่งยุบกลุ่มเลย  และดูท่าจะไม่จบ เพราะ ตาอีลอนน่าจะ ไปไล่ฟ้อง สมาชิก กลุ่ม ที่เป็น กลุ่มบริษัท
มี ยูนิลิเวอร์    และอีกหลายบริษัท ข้อหา ผูกขาดตลาด โฆษณา




เละครับ ;D


และดูจาก การที่ อีลอน ทำาท่านุน ทรัมป์ ถ้า
ทรัมป์มา จริงๆ คงมีการกวาดล้างWoke กันยกใหญ่ แน่ๆ
 

ออฟไลน์ Rumia

  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 8,433
  • ถูกใจแล้ว: 4070 ครั้ง
  • ความนิยม: +341/-403
Re: บทเรียนราคาแพง การตลาดแบบ woke
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: สิงหาคม 26, 2024, 01:44:56 PM »
ผมบอกตามตรงพวกโวปมันไม่คิดทการตลาดครับมะนไม้สนกำไรด้วยซ้ำ พวกแม่งขอแค่เป่าหูไอพีดังๆได้ด้วยสโลแกนโลกสวยความเท่าเทียม ซึ่งไม่มีจริงทุกคนรู้ดีว่าเกย์มี%น้อยแค่ไหนในโลกและคนพิวสีซึ่งเรียกตัวเองว่าเป็นคนกลุ่มน้อย แล้วจะหามูลค่าอะไรกับคนจำนวนน้อยเหล่านั้น ซึ่งถ้ามีสมองควรเจาะกลุ่มเป้าหมายอื่นซึ่งใหณ่กว่ามีกำลังซื้อมากกว่าดีกว่า ผมบอกตามตรงแค่กลุ่มแม่บ้านยังมีเยอะกว่าพวกนั้นไม่รู้กี่ร้อยเท่า ไม่ผิดถ้าจะทำการตลาดกลุ่มเกย์และคนดำแต่โง่มากถ้าจะทิ้งกลุ่มอื่นๆที่ทำมาก่อนหน้านี้

ออฟไลน์ gundam666

  • แม่ทัพหมีชั้นสูง
  • ***
  • กระทู้: 2,963
  • ถูกใจแล้ว: 832 ครั้ง
  • ความนิยม: +84/-83
Re: บทเรียนราคาแพง การตลาดแบบ woke
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: สิงหาคม 26, 2024, 08:38:17 PM »
จะว่าไป ทางบริษัท ได้ไล่มันออกล่ะยัง ???
 

ออฟไลน์ saengdaed

  • หัวหน้าฝูงหมีใหญ่
  • *****
  • กระทู้: 1,657
  • ถูกใจแล้ว: 580 ครั้ง
  • ความนิยม: +76/-119
Re: บทเรียนราคาแพง การตลาดแบบ woke
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: สิงหาคม 27, 2024, 07:44:19 PM »
WOKE เคยสนเรื่องแบบกันเหรอครับต้องการแค่สนอง need เท่านั้นเองส่วนใครจะล่มจม มันก็ไม่เกี่ยวกัน
 

 

Tags:
แหล่งนิยายแปล แหล่งนิยาย นิยายแปล นิยายแต่ง มังงะ การ์ตูน อนิเมะ นายท่าน เว็บไซต์นายท่าน กระทู้สไลม์ สไลม์ยอดรัก