ความไม่สมเหตุสมผลของแนวต่างโลก

[Rumia]

ที่เป็นยุคกลางเพราะเทคโนโลยีมันไม่สูงเกินไปไม่ต่ำเกินไปครับ     ลองนึกภาพต่างโลกเป็นยุคจูราสสิคดูสิครับว่าเราๆท่านๆจะมีปัญญาทำอะไรได้เพราะไม่มีเทคโนโลยีอะไรเลย  พอไปในโลกอนาคตนี่ยิ่งแล้วใหญ่แทนที่จะไปโชว์เทพงานนี้ไม่เป็นหนูทดลองก็ไปโชว์ความโง่แทนซะมากกว่า

ในความเป็นจริงแฟนตาซียุคกลางมันเทคโนโลยี่สูงกว่าปัจจุบันไปไกลต่างหากครับ ปัจจุบันเราสามารถบินไปอีกซีกโลกด้วยเวลาหลายสิบชัวโมงแต่แฟนตาซีมันไปได้ในเสี้ยววินะครับ และยุคกลางกับแฟนตาซียุคกลางมันต่างกันคนละเรื่องโลกจริงในยุคกลางอาวุธที่ดีที่สุดคือธนู แถมมันไม่แม่นถ้าไกลมากๆแต่แฟนตาซียุคกลาง วิชาเวทมนต์มันคนละเรื่องต่อเป็นแบบกากๆคุณยังต้องสู้กับสัตว์ประหลาด ที่มีเกราะระดับรถถังอย่างอ็อกอย่างมังกรนะครับ เอาง่ายๆวิชาต่อสู้มันต้องระดับเหนือมนุษย์มากถึงสู้กับตัวประหลาดพวกนี้ได้ และวิชาต่อสู้และเวทมนต์มันต้องระดับ เดียวกับรถถังและเครื่องบินรบแล้วถึงสู้ไหว ไม่มีทางที่คนในยุคกลางจะสู้กับตัวที่จับต้นไม้เหวี่ยงไปมาเป็นอาวุธได้หรอกครับ ดังนั้นระดับยุคกลางกับแฟนตาซียุคกลางนะมันคนละเรื่องกัน แต่สุดท้ายมันก็เป็นแค่เรื่องแต่งครับการไช้เซตติ้งและแนวคิดยุคกลาง มันง่ายในการนำเสนอนักเขียนจึงไช้เรื่อยมาแม้มันไม่สมจริงแม้แต่นิดเดียวก็ตาม

[samuison]

[quote/]

ท่านพิมพ์ชื่อยูจิโร่มา ผมเลยนึกถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีคราวนี้เลย
ถ้าแทรมป์ได้กลับมาเป็นอีกรอบคงจะฮาพิลึก (เลือกตั้งรอบก่อนแทรมป์โดนยูจิโร่อัดน่วมไปแล้ว)

อย่างนั้นล่ะครับ หากมีคนที่แข็งแกร่งเนหือสามัญสำนึกของโลกจะเป็นอย่างไร?
No game Nolife ก็บอกว่าที่ต้องมาเล่นเกมส์กันเพราะเทพแห่งเกมส์ตั้งใจให้เล่นเกมส์นั่นล่ะหากมีตัวตนที่แข็งแกร่งคอยออกกฎอยู่คนอื่นๆจะทำอะไรได้?

[quote/]
ในความเป็นจริงแฟนตาซียุคกลางมันเทคโนโลยี่สูงกว่าปัจจุบันไปไกลต่างหากครับ ปัจจุบันเราสามารถบินไปอีกซีกโลกด้วยเวลาหลายสิบชัวโมงแต่แฟนตาซีมันไปได้ในเสี้ยววินะครับ และยุคกลางกับแฟนตาซียุคกลางมันต่างกันคนละเรื่องโลกจริงในยุคกลางอาวุธที่ดีที่สุดคือธนู แถมมันไม่แม่นถ้าไกลมากๆแต่แฟนตาซียุคกลาง วิชาเวทมนต์มันคนละเรื่องต่อเป็นแบบกากๆคุณยังต้องสู้กับสัตว์ประหลาด ที่มีเกราะระดับรถถังอย่างอ็อกอย่างมังกรนะครับ เอาง่ายๆวิชาต่อสู้มันต้องระดับเหนือมนุษย์มากถึงสู้กับตัวประหลาดพวกนี้ได้ และวิชาต่อสู้และเวทมนต์มันต้องระดับ เดียวกับรถถังและเครื่องบินรบแล้วถึงสู้ไหว ไม่มีทางที่คนในยุคกลางจะสู้กับตัวที่จับต้นไม้เหวี่ยงไปมาเป็นอาวุธได้หรอกครับ ดังนั้นระดับยุคกลางกับแฟนตาซียุคกลางนะมันคนละเรื่องกัน แต่สุดท้ายมันก็เป็นแค่เรื่องแต่งครับการไช้เซตติ้งและแนวคิดยุคกลาง มันง่ายในการนำเสนอนักเขียนจึงไช้เรื่อยมาแม้มันไม่สมจริงแม้แต่นิดเดียวก็ตาม

เรื่อง Magi กับจักรวาลซินแบดน่าสนใจดีที่เอาเวทย์เทเลพอร์ตมาสุ้กับอาณาจักรของซินแบดในการค้าขายหรือพัฒนาประเทศต่างๆ
ว่าการมีเวทย์ช่วยในเรื่องของการต่อรองอำนาจต่างๆได้มาก

อย่าไปคิดมาก อะไรที่ไม่ต้องการก็กำจัดทิ้ง


มุมมองยุคกลางที่เรามองคือสมดุลของพลัง


แต่ลองดูประเทศที่ทำสงครามโดยกำลังสนับสนุนจากพันธมิตรมาตลอดจนทหารเวลเต็มกันเพียบสิ


เผลอๆไม่มีผู้กล้าก็ยังทำสงครามกับประเทศอื่นๆพร้อมกันได้หมด


แต่ผู้กล้ามันอาจจะเทพเกินจนควบคุมยากเกินไป
เกิดวันนึงไม่พอใจการบริหารราชวงศ์
เลยเปลี่ยนมาล้มราชวงศ์ทำไง


โดยปรกติ น้อยที่จะเป็นเรื่องแนวๆ เสร็จศึกฆ่าขุนพล แล้วตัวเองไม่มีพลังพอปกป้องประเทศ


แต่ก็มีบางเรื่องที่คำนวนพลาด แต่มันก็อยู่ในระดับไม่ชัดเจน
เช่น พลัง 2 อาณาจักรไม่ห่างกันมาก
ตอนมีผู้กล้าคือเหนือกว่า พอผู้กล้าหาย ช่องโหว่เลยเกิด


ซึ่งก็จะโดนอุดได้ในเวลาซักพัก ซึ่งมักจะเกิดในประเทศที่มีตัวตนใกล้เคียงกับผู้กล้าเยอะอยู่


เช่น ผู้กล้าเวล 99 บรรดาเพื่อนก็ 90+
แถมแม่ทัพต่างๆก็ 80+ แนวๆนี้ ไม่เก็บผู้กล้าไว้ก็ได้


แถมบางทีผู้กล้าไม่ได้เป็นลูกน้องราชวงศ์
การจะบริหารอะไรก็ต้องมองหน้าผู้กล้า


เช่น ผู้กล้านั้นรักประชาชนรักสงบ แต่ราชวงศ์อยากครองโลกใจแทบขาด
ถ้าเปิดสงครามต่อ ผู้กล้ากลายเป็นหนามแน่นอน
ก็ต้องหาทางจัดการ


หรือเป็นคู่แข่งความรักกับองค์ชาย หรือนู่นนี่นั่น


ถ้าผู้กล้าเวล 99 ในโลกที่คนส่วนใหญ่เวลไม่ถึง 40
อันนี้คงไม่กล้าทำอะไรผู้กล้าตรงๆ

ไร้สาระครับเพระาการห่างกันแค่ 1 เลเวลนั้นคือความแตกต่างกันระหว่างสวรรค์และพิภพเราต้องอย่าลืมเรื่องนี้
ว่าเลเวล 98 มากันเป็นกองทัพก็ไม่สามารถสู้เลเวล 99 คนเดียวได้ว่างั้น นั่นคือกฎเกณฑ์ของจักรวาลหากคุณไม่ใช่พระเอกกลับชาติมาเกิดและเป็นแค่ราชวงส์กับขุนพลของอาณาจักรธรรมดาไม่สามารถโจมตีข้ามเลเวลได้ ฮา

อันที่จริงผมคิดว่าแนวคิดปัจจุบันลืมเลือนความดหดร้ายของโลกปราณยุทธข้อนี้ไปเพระาพยายามแถในเรื่องทุนนิยมและตรีะกูลใหญ่มากขึ้น
จนลืมหลักการพื้นฐานในแนวปราณยุธเรื่องกำปั้นใครใหญ่คนนั้นแข็งแกร่งกว่าไป
แน่นอนเราอาจจะแก้ตัวว่าพระเอกอิเซไคญี่ปุ่นไม่ใช่คนบ้าแบบพระเอกอิเซไคจีน

[deaddy]

[quote/]
อย่างนั้นล่ะครับ หากมีคนที่แข็งแกร่งเนหือสามัญสำนึกของโลกจะเป็นอย่างไร?
No game Nolife ก็บอกว่าที่ต้องมาเล่นเกมส์กันเพราะเทพแห่งเกมส์ตั้งใจให้เล่นเกมส์นั่นล่ะหากมีตัวตนที่แข็งแกร่งคอยออกกฎอยู่คนอื่นๆจะทำอะไรได้?
[quote/]
เรื่อง Magi กับจักรวาลซินแบดน่าสนใจดีที่เอาเวทย์เทเลพอร์ตมาสุ้กับอาณาจักรของซินแบดในการค้าขายหรือพัฒนาประเทศต่างๆ
ว่าการมีเวทย์ช่วยในเรื่องของการต่อรองอำนาจต่างๆได้มาก
[quote/]
ไร้สาระครับเพระาการห่างกันแค่ 1 เลเวลนั้นคือความแตกต่างกันระหว่างสวรรค์และพิภพเราต้องอย่าลืมเรื่องนี้
ว่าเลเวล 98 มากันเป็นกองทัพก็ไม่สามารถสู้เลเวล 99 คนเดียวได้ว่างั้น นั่นคือกฎเกณฑ์ของจักรวาลหากคุณไม่ใช่พระเอกกลับชาติมาเกิดและเป็นแค่ราชวงส์กับขุนพลของอาณาจักรธรรมดาไม่สามารถโจมตีข้ามเลเวลได้ ฮา

อันที่จริงผมคิดว่าแนวคิดปัจจุบันลืมเลือนความดหดร้ายของโลกปราณยุทธข้อนี้ไปเพระาพยายามแถในเรื่องทุนนิยมและตรีะกูลใหญ่มากขึ้น
จนลืมหลักการพื้นฐานในแนวปราณยุธเรื่องกำปั้นใครใหญ่คนนั้นแข็งแกร่งกว่าไป
แน่นอนเราอาจจะแก้ตัวว่าพระเอกอิเซไคญี่ปุ่นไม่ใช่คนบ้าแบบพระเอกอิเซไคจีน

บังเอิญที่ แนวยุคกลางมันไม่ใช่ปราณยุทธ


ถ้าวัดกันจริงๆ ค่าพลังเท่าๆกัน พวกปราณยุทธที่เวลสูงๆ
เก่งกว่าพวกเก็บเวลมหาศาลเลย


ถามว่าทำไม พลังของเก็บเวลคือสกิล สเตตัส
ส่วนปราณยุทธ จะเป็นหนึ่งเดียวกับพลังปราณสวรรค์และโลก
กล่าวคือ พวกเก็บเวลคือรถยนต์ที่มีระบบ ai ช่วยขับ
น้ำมันหมดแบตหมดก็จบ
ส่วนปราณยุทธมันคือเครื่องบิน ที่ใช้ปีกร่อนไปบนสวรรค์
ต่อให้เครื่องดับมันก็ยังร่อนไปข้างหน้าต่อได้


แต่ถ้าควบคุมพลาด พลังก็ทำร้ายนักบินได้บ่อยๆ
ตกร่องอากาศประจำ

[DDAvatar]

ถ้าเซ็ตติ้ง D&D มาตราฐาน เวทย์มนต์นี่ใช้ไดแค่วันละไม่กี่ครั้งเอง
ต้องห่างกันต้องระดับสิบเลเวล ถึงจะเริ่มตีไม่เข้า ซึ่งตัวตนระดับนั้น
ก็ได้เป็นแม่ทัพแล้ว

ส่วนแนวปราณยุทธถ้าคุณเป็นตัวเอก ประเดียวก็ ตบข้ามขั้นได้เอง

จริงๆ มันก็แล้วแต่เซ็ตติ้งแหละว่าคนเขียนจะเอาแบบไหน

[Black7nos]

[quote/]


บังเอิญที่ แนวยุคกลางมันไม่ใช่ปราณยุทธ


ถ้าวัดกันจริงๆ ค่าพลังเท่าๆกัน พวกปราณยุทธที่เวลสูงๆ
เก่งกว่าพวกเก็บเวลมหาศาลเลย


ถามว่าทำไม พลังของเก็บเวลคือสกิล สเตตัส
ส่วนปราณยุทธ จะเป็นหนึ่งเดียวกับพลังปราณสวรรค์และโลก
กล่าวคือ พวกเก็บเวลคือรถยนต์ที่มีระบบ ai ช่วยขับ
น้ำมันหมดแบตหมดก็จบ
ส่วนปราณยุทธมันคือเครื่องบิน ที่ใช้ปีกร่อนไปบนสวรรค์
ต่อให้เครื่องดับมันก็ยังร่อนไปข้างหน้าต่อได้


แต่ถ้าควบคุมพลาด พลังก็ทำร้ายนักบินได้บ่อยๆ
ตกร่องอากาศประจำ

ยุคจอมยุทธ จริงๆมันก็คือยุคกลางนะ แค่เป็นยุคกลางเอเชีย

[samuison]

[quote/]


บังเอิญที่ แนวยุคกลางมันไม่ใช่ปราณยุทธ


ถ้าวัดกันจริงๆ ค่าพลังเท่าๆกัน พวกปราณยุทธที่เวลสูงๆ
เก่งกว่าพวกเก็บเวลมหาศาลเลย


ถามว่าทำไม พลังของเก็บเวลคือสกิล สเตตัส
ส่วนปราณยุทธ จะเป็นหนึ่งเดียวกับพลังปราณสวรรค์และโลก
กล่าวคือ พวกเก็บเวลคือรถยนต์ที่มีระบบ ai ช่วยขับ
น้ำมันหมดแบตหมดก็จบ
ส่วนปราณยุทธมันคือเครื่องบิน ที่ใช้ปีกร่อนไปบนสวรรค์
ต่อให้เครื่องดับมันก็ยังร่อนไปข้างหน้าต่อได้


แต่ถ้าควบคุมพลาด พลังก็ทำร้ายนักบินได้บ่อยๆ
ตกร่องอากาศประจำ

ฮธิบายแบบจอมยุทธตลาดล่างที่วรยุทธไมท่สูงนักก้ได้ครับว่าแค่ความได้เปรียบนิดเดียวในระวห่างยอดฝีมือจะส่งผลต่อการแพ้ชนะ
ว่าความต่างระหว่าง 99 กับ 98 คนที่ผ่านแร็กมามันก้รุ้ว่าต้องอาศัยเวลาที่นานกว่ากันพอสมควรในระดับนั้น
ตีความวว่าค่าประสบการณ์คือประสบการรืการต่อสู้ก็ได้ครับ
ว่าคน 99 คือคนที่ผ่านการต่อสู้มามากกว่า 98 ไปอีกขั้น

[deaddy]

[quote/]
ฮธิบายแบบจอมยุทธตลาดล่างที่วรยุทธไมท่สูงนักก้ได้ครับว่าแค่ความได้เปรียบนิดเดียวในระวห่างยอดฝีมือจะส่งผลต่อการแพ้ชนะ
ว่าความต่างระหว่าง 99 กับ 98 คนที่ผ่านแร็กมามันก้รุ้ว่าต้องอาศัยเวลาที่นานกว่ากันพอสมควรในระดับนั้น
ตีความวว่าค่าประสบการณ์คือประสบการรืการต่อสู้ก็ได้ครับ
ว่าคน 99 คือคนที่ผ่านการต่อสู้มามากกว่า 98 ไปอีกขั้น

แนวเทพเซียนอายุมันยืน ถึงจะเวลเท่ากัน
แต่ระยะเวลาในการอัพสกิลมันเยอะมากพอจะเรียนตั้งแต่ต้นจนเชี่ยวชาญเป็นสิบๆสาขา เผลอๆคนรุ่นเดียวยังไม่อัพขั้นเลย


ในขณะที่แนวเก็บเวล ส่วนใหญ่เวลาชีวิตจำกัด
ถ้าไม่เรียนผ่านระบบยังไงก็ไม่ทัน

[thepingman]

เรื่องที่ช่วงนี้ฮิตที่ว่า เสร็จศึกฆ่าขุนพลน่ะ ในชีวิตจริงน่ะมีหนักกว่านี้อีกครับ ทั้งๆ ที่ฝ่ายตัวเองกำลังโดนศัตรูถล่มจนต้องล่าถอยทุกสมรภูมิ โดยมีแค่ขุนพลยอดฝีมือกับกองทัพของเขากองเดียวและทหารชาวนายันข้าศึกไว้เท่านั้นที่พระราชาและเหล่าขุนนางชั้นสูงยังรอดอยู่ไม่โดนผู้รุกรานจับฆ่าและประเทศล่มสลายแท้ๆ พวกพระราชากับขุนนางมันยังจะพยายามหาทางฆ่าขุนพลคนนั้นในระหว่างที่สงครามยังดำเนินอยู่เลยครับ ข้อหาเก่งเกินหน้าเกินตาพระราชากับขุนนางชั้นสูง

แผนของพวกนั้นสำเร็จแค่ครึ่งเดียว ได้ลดตำแหน่งขุนพลคนนั้นไปเป็นทหารกี้ๆ แล้วโยกกองทัพของขุนพลคนนั้นให้ขุนนางชั้นสูงคนนึงคุม ขุนนางที่ว่าพากองทัพไป Suicide Lemming ใส่ข้าศึกตายหมดเรียบ (กองทัพของขุนนางนะ ไม่ใช่กองทัพศัตรู  ) พระราชาเลยต้องไปเรียกขุนพลที่ว่ากลับมารับตำแหน่งกู้สถานการณ์ ซึ่งตรงนี้มันก็ไปเข้าข่ายพล๊อตยอดฮิตของ Light Novel เรื่องพระเอกโลกสวยอีก เพราะขุนพลคนนั้นรับหน้าที่ยกทัพไปสู้เพื่อพวกพระราชากับขุนนาง ทั้งๆ ที่คนอ่านอย่างเราๆ ด่ายับแล้วว่าหนีไปประเทศอื่นแล้วปล่อยให้เจ้าพวกพระราชาหัวนกนี่มันตายๆ ไปเหอะ

แต่นี่ไม่ใช่นิยาย นี่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงประวัติศาสตร์จริง โดยขุนพลที่ว่าก็แม่ทัพลี ซุนชิน แห่งราชนาวีโชซอนครับ

ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าพล๊อตนิยายที่เราๆ ท่านๆ เห็นๆ กันน่ะ มันก็อิงมาจากเหตุการณ์จริงแล้วเพิ่มแฟนตาซีเข้าไปเท่านั้นแหละครับ

[Black7nos]

เรื่องที่ช่วงนี้ฮิตที่ว่า เสร็จศึกฆ่าขุนพลน่ะ ในชีวิตจริงน่ะมีหนักกว่านี้อีกครับ ทั้งๆ ที่ฝ่ายตัวเองกำลังโดนศัตรูถล่มจนต้องล่าถอยทุกสมรภูมิ โดยมีแค่ขุนพลยอดฝีมือกับกองทัพของเขากองเดียวและทหารชาวนายันข้าศึกไว้เท่านั้นที่พระราชาและเหล่าขุนนางชั้นสูงยังรอดอยู่ไม่โดนผู้รุกรานจับฆ่าและประเทศล่มสลายแท้ๆ พวกพระราชากับขุนนางมันยังจะพยายามหาทางฆ่าขุนพลคนนั้นในระหว่างที่สงครามยังดำเนินอยู่เลยครับ ข้อหาเก่งเกินหน้าเกินตาพระราชากับขุนนางชั้นสูง

แผนของพวกนั้นสำเร็จแค่ครึ่งเดียว ได้ลดตำแหน่งขุนพลคนนั้นไปเป็นทหารกี้ๆ แล้วโยกกองทัพของขุนพลคนนั้นให้ขุนนางชั้นสูงคนนึงคุม ขุนนางที่ว่าพากองทัพไป Suicide Lemming ใส่ข้าศึกตายหมดเรียบ (กองทัพของขุนนางนะ ไม่ใช่กองทัพศัตรู  ) พระราชาเลยต้องไปเรียกขุนพลที่ว่ากลับมารับตำแหน่งกู้สถานการณ์ ซึ่งตรงนี้มันก็ไปเข้าข่ายพล๊อตยอดฮิตของ Light Novel เรื่องพระเอกโลกสวยอีก เพราะขุนพลคนนั้นรับหน้าที่ยกทัพไปสู้เพื่อพวกพระราชากับขุนนาง ทั้งๆ ที่คนอ่านอย่างเราๆ ด่ายับแล้วว่าหนีไปประเทศอื่นแล้วปล่อยให้เจ้าพวกพระราชาหัวนกนี่มันตายๆ ไปเหอะ

แต่นี่ไม่ใช่นิยาย นี่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงประวัติศาสตร์จริง โดยขุนพลที่ว่าก็แม่ทัพลี ซุนชิน แห่งราชนาวีโชซอนครับ

ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าพล๊อตนิยายที่เราๆ ท่านๆ เห็นๆ กันน่ะ มันก็อิงมาจากเหตุการณ์จริงแล้วเพิ่มแฟนตาซีเข้าไปเท่านั้นแหละครับ

พล็อตนี้มันคุ้นๆ เหมือนพระเจ้าอุทุมพร(ขุนหลวงหาวัด)หรือเปล่าครับเนี่ย
แต่อันที่จริงกรณีเคสพระเจ้าเอกทัศน์ก็ไม่ใช่กษัตริย์ที่แย่นะ ของจริงคือค่อนข้างเก่งเลย ต้านทัพพม่าได้ 14 เดือน
ขนาดพม่ายังชื่นชมและเปรียบเทียบว่าอยุธยาตอนนั้นเหมือนเมืองคนบิน(เมืองที่แทบไม่มีวันตีแตก)
แต่ตอนนั้นพม่าอยู่ในช่วงพีค ใครก็เอาไม่อยู่ จีนยังแพ้เละเทะเลย

[Rumia]

[quote/]


พล็อตนี้มันคุ้นๆ เหมือนพระเจ้าอุทุมพร(ขุนหลวงหาวัด)หรือเปล่าครับเนี่ย
แต่อันที่จริงกรณีเคสพระเจ้าเอกทัศน์ก็ไม่ใช่กษัตริย์ที่แย่นะ ของจริงคือค่อนข้างเก่งเลย ต้านทัพพม่าได้ 14 เดือน
ขนาดพม่ายังชื่นชมและเปรียบเทียบว่าอยุธยาตอนนั้นเหมือนเมืองคนบิน(เมืองที่แทบไม่มีวันตีแตก)
แต่ตอนนั้นพม่าอยู่ในช่วงพีค ใครก็เอาไม่อยู่ จีนยังแพ้เละเทะเลย

อย่างว่าครับคนชนะเขียนประวัติศาจในความเป็นจริงพระเจ้าตากกับพวกเป็นแค่ทหารหนีทัพ ทิ้งหรืออาจฆ่าพระเจ้าเอกทัศชิงอำนาจว่าง่ายๆกบฏธรรมดาๆที่ฉวยโอกาศ ตอนถูกพม่าบุกนั้นแหละ

[Black7nos]

[quote/]
อย่างว่าครับคนชนะเขียนประวัติศาจในความเป็นจริงพระเจ้าตากกับพวกเป็นแค่ทหารหนีทัพ ทิ้งหรืออาจฆ่าพระเจ้าเอกทัศชิงอำนาจว่าง่ายๆกบฏธรรมดาๆที่ฉวยโอกาศ ตอนถูกพม่าบุกนั้นแหละ

อาจจะมองอย่างนั้นก็ได้ครับ แต่บริบททหารหนีทัพกับยุคศักดินา ผมว่ามันดูผิดฝาผิดตัวนะครับ
ถ้าเป็นระบบทหารยุคปัจจุบัน ใช่ครับ มันคือการหนีทัพแน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย


แต่บังเอิญว่าบริบทยุคพระเจ้ากรุงธนฯคือยุคศักดินา ความสัมพันธ์ระหว่างกษัตริย์กับขุนนางจะเป็นผู้ให้การคุ้มครองกับผู้ถูกคุ้มครอง ไม่ใช่ ประมุขแห่งรัฐกับราชการ คนละอย่างกัน
ระบบศักดินามันจะมองว่าถ้ากรณีผู้ให้การคุ้มครองไม่สามารถคุ้มครองได้ ผู้อยู่ในการคุ้มครองก็สามารถเปลี่ยนนายได้ หรือแม้แต่ไปตั้งตนเป็นผู้ให้การคุ้มครองอื่นเองก็ได้


ตัวอย่างที่เห็นชัดก็คือ พ่อของพระนเรศวรจากเดิมที่สวามิภักดิ์กับกษัตริย์อยุธยา(พระมหาจักรพรรดิ์หรือพระเจ้าช้างเผือก)ย้ายไปสวามิภักดิ์กับตะเบงชเวตี้
เหตุเพราะอยุธยาไม่ส่งกองทัพทหารมาช่วยปกป้องเมืองพิษณุโลก เมื่ออยุธยาปฏิเสธการคุ้มครอง ก็เท่ากับว่าพันธะ ระหว่างบ่าวกับนายได้ถูกตัดสะบั้นลง
ด้วยเหตุเช่นนี้ พ่อของพระนเรศวรจึงมีสิทธิเลือกที่จะสวามิภักดิ์ใครก็ได้


ทีนี้มาดูที่พระเจ้ากรุงธนบุรีบ้าง เขาไม่ได้หนีทัพตั้งแต่แรกๆตอนสงครามอยุธยา vs พม่า แต่หนีตอนท้ายๆแล้ว
หนีตอนที่กษัตริย์อยุธยากำลังจะแพ้และไม่มี Power ที่จะให้การคุ้มครองขุนนางในสังกัดได้อีกแล้ว(แน่ละโดนล้อมตั้ง 14 เดือน)
ก็เลยตัดสินใจออกไปตายดาบหน้าและออกไปเสี่ยงโชคตั้งตัว ดังนั้นถ้ามองในบริบทสมัยศักดินา ยังไงพระเจ้ากรุงธนบุรีก็จะไม่ผิด

[pol]

อีกเรื่องหนึ่งก็คือ นักผจญภัย   ไม่มีผู้ปกครองคนไหนที่บ้าพอจะให้มีกองกำลังติดอาวุธที่ไม่ได้ขึ้นตรงกับตัวเองเดินถืออาวุธเดินสบายใจเฉิบในเขตปกครองหรอกครับ 

[deaddy]

แต่ก่อนเขาปกครองระบอบ เทวนิยมไม่ใช่เรอะ


จริงอยู่มีการย้ายข้างบ้าง แต่มันคนละอย่างกับการตั้งราชวงศ์เลยนะ


เช่น ย้ายจากเทพ 1 ไปอยู่กับ เทพ 2
แบบ 3 ก๊ก มันไม่ใช่ใครจะมาตั้งราชวงศ์ดื้อๆได้ง่ายๆ
เพราะคนไม่ยอมรับ อย่างโจรผ้าเหลืองสุดท้ายก็เป็นได้แค่โจร


ส่วนก๊กทั้ง 3 ตอนแรกๆก็ไม่ตั้ง จนมีคนตั้งราชวงศ์ใหม่ คนอื่นๆเลยทำตาม
เอาจริงๆ คือทิ้งช่วงนานมาก


เอาจริงๆยุคพระเจ้าตาก ปรกติถ้าเมือง 1 แตกเขาก็ย้ายไปรวมกับเมือง 2
ไปสวามิภักดิ์ เมืองที่รอด


แต่พระเจ้าตากหนีทัพ แล้วไปตีเมืองอื่นไปยึดเมืองแล้วขับไล่เจ้าลงหรือฆ่าทิ้งก็ว่าไป


เอาจริงๆสถานะคือโจรกบฏ เพราะไม่มีอะไรเลยนอกจากกองกำลังกับอาวุธ  


แต่ก็นะคนชนะเขียนประวัติศาสตร์

[deaddy]

อีกเรื่องหนึ่งก็คือ นักผจญภัย   ไม่มีผู้ปกครองคนไหนที่บ้าพอจะให้มีกองกำลังติดอาวุธที่ไม่ได้ขึ้นตรงกับตัวเองเดินถืออาวุธเดินสบายใจเฉิบในเขตปกครองหรอกครับ 

มันเป็นเฉพาะผู้อยู่อาศัยปรกติมากกว่า
นักพจญภัยเข้าข่ายทหารรับจ้างลงทะเบียน


ถ้าไม่ให้พกอาวุธ แล้วจะเอาไว้ไหน
มีหลายเรื่องที่ฝากอาวุธไว้แล้วหาย
ปัญหาเยอะ คนก็ไม่อยากเข้ามาอยู่


เพราะงั้นถ้าคิดว่าอันตราย เขาก็จะให้แยกไปอยู่เขตเมืองชั้นนอก
พอเข้าเขตชั้นในที่ต้องปลอดภัยค่อยปลดอาวุธ
คือใครอันตรายไม่ให้เข้า แต่ก็อยู่รอบนอกได้

[samuison]

[quote/]


บังเอิญที่ แนวยุคกลางมันไม่ใช่ปราณยุทธ


ถ้าวัดกันจริงๆ ค่าพลังเท่าๆกัน พวกปราณยุทธที่เวลสูงๆ
เก่งกว่าพวกเก็บเวลมหาศาลเลย


ถามว่าทำไม พลังของเก็บเวลคือสกิล สเตตัส
ส่วนปราณยุทธ จะเป็นหนึ่งเดียวกับพลังปราณสวรรค์และโลก
กล่าวคือ พวกเก็บเวลคือรถยนต์ที่มีระบบ ai ช่วยขับ
น้ำมันหมดแบตหมดก็จบ
ส่วนปราณยุทธมันคือเครื่องบิน ที่ใช้ปีกร่อนไปบนสวรรค์
ต่อให้เครื่องดับมันก็ยังร่อนไปข้างหน้าต่อได้


แต่ถ้าควบคุมพลาด พลังก็ทำร้ายนักบินได้บ่อยๆ
ตกร่องอากาศประจำ

คอืผมกำลังวิเคราะห์เปลี่ยนระบบเกมส์เป็นแนวคิดตามความเป็นจริงน่ะครับ
หากเคยผ่านเกมส์แร็กมาน่าจะพอจำได้ว่าค่าประสบการณ์ช่วงท้ายๆจะมากกว่าช่วงแรกๆหลายเท่ายิ่งช่วง 99 คือปราการด่านสุดท้ายที่ยาวไกที่สุดผมพยายามตีความค่าประสบการณ์ที่ว่าคือความแตกต่างล่ะครับว่าแค่ 1 เลเวล แต่ความต่างในด้านการต่อสู้นั้นต่างกันมากนัก
และแน่นอนคนที่เป็นระดับ 99 ได้ไม่ใช่คนที่มีแค่ค่าสถานะตามระบบอย่างเดียวแต่ต้องมีอะไรเนหือวก่าคนอื่นเอามากๆ

เรื่องที่ช่วงนี้ฮิตที่ว่า เสร็จศึกฆ่าขุนพลน่ะ ในชีวิตจริงน่ะมีหนักกว่านี้อีกครับ ทั้งๆ ที่ฝ่ายตัวเองกำลังโดนศัตรูถล่มจนต้องล่าถอยทุกสมรภูมิ โดยมีแค่ขุนพลยอดฝีมือกับกองทัพของเขากองเดียวและทหารชาวนายันข้าศึกไว้เท่านั้นที่พระราชาและเหล่าขุนนางชั้นสูงยังรอดอยู่ไม่โดนผู้รุกรานจับฆ่าและประเทศล่มสลายแท้ๆ พวกพระราชากับขุนนางมันยังจะพยายามหาทางฆ่าขุนพลคนนั้นในระหว่างที่สงครามยังดำเนินอยู่เลยครับ ข้อหาเก่งเกินหน้าเกินตาพระราชากับขุนนางชั้นสูง

แผนของพวกนั้นสำเร็จแค่ครึ่งเดียว ได้ลดตำแหน่งขุนพลคนนั้นไปเป็นทหารกี้ๆ แล้วโยกกองทัพของขุนพลคนนั้นให้ขุนนางชั้นสูงคนนึงคุม ขุนนางที่ว่าพากองทัพไป Suicide Lemming ใส่ข้าศึกตายหมดเรียบ (กองทัพของขุนนางนะ ไม่ใช่กองทัพศัตรู  ) พระราชาเลยต้องไปเรียกขุนพลที่ว่ากลับมารับตำแหน่งกู้สถานการณ์ ซึ่งตรงนี้มันก็ไปเข้าข่ายพล๊อตยอดฮิตของ Light Novel เรื่องพระเอกโลกสวยอีก เพราะขุนพลคนนั้นรับหน้าที่ยกทัพไปสู้เพื่อพวกพระราชากับขุนนาง ทั้งๆ ที่คนอ่านอย่างเราๆ ด่ายับแล้วว่าหนีไปประเทศอื่นแล้วปล่อยให้เจ้าพวกพระราชาหัวนกนี่มันตายๆ ไปเหอะ

แต่นี่ไม่ใช่นิยาย นี่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงประวัติศาสตร์จริง โดยขุนพลที่ว่าก็แม่ทัพลี ซุนชิน แห่งราชนาวีโชซอนครับ

ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าพล๊อตนิยายที่เราๆ ท่านๆ เห็นๆ กันน่ะ มันก็อิงมาจากเหตุการณ์จริงแล้วเพิ่มแฟนตาซีเข้าไปเท่านั้นแหละครับ

เรื่องนี้ผมแซวว่าคือสาเหตุที่เกาหลีมีเรื่องราวแนว ntr หักหลังกันบ่อยเพราะไว้ใจใครไม่ได้และยังยึดมั่นศักดินาข้าทาสหนักกว่าแผ่นดินหมิงอีกว่างั้น
ว่าจะมากจะน้อยทางราชวงศ์แผ่นดินใหญ่ยังพอเปิดโอกาสให้ชาวบ้านที่มีควสามสามารถครองตำแหน่งได้หากมีผลงาน
ทางเกาหลีนับกระดูกศักดิ์สิทธิ์อะไรสักอย่างนี่ล่ะหากกระดูกไม่ศักดิ์สิทธิ์ตระกูลไม่ดีไม่มีสิทธิเผยอ

[Black7nos]

แต่ก่อนเขาปกครองระบอบ เทวนิยมไม่ใช่เรอะ


จริงอยู่มีการย้ายข้างบ้าง แต่มันคนละอย่างกับการตั้งราชวงศ์เลยนะ


เช่น ย้ายจากเทพ 1 ไปอยู่กับ เทพ 2
แบบ 3 ก๊ก มันไม่ใช่ใครจะมาตั้งราชวงศ์ดื้อๆได้ง่ายๆ
เพราะคนไม่ยอมรับ อย่างโจรผ้าเหลืองสุดท้ายก็เป็นได้แค่โจร


ส่วนก๊กทั้ง 3 ตอนแรกๆก็ไม่ตั้ง จนมีคนตั้งราชวงศ์ใหม่ คนอื่นๆเลยทำตาม
เอาจริงๆ คือทิ้งช่วงนานมาก


เอาจริงๆยุคพระเจ้าตาก ปรกติถ้าเมือง 1 แตกเขาก็ย้ายไปรวมกับเมือง 2
ไปสวามิภักดิ์ เมืองที่รอด


แต่พระเจ้าตากหนีทัพ แล้วไปตีเมืองอื่นไปยึดเมืองแล้วขับไล่เจ้าลงหรือฆ่าทิ้งก็ว่าไป


เอาจริงๆสถานะคือโจรกบฏ เพราะไม่มีอะไรเลยนอกจากกองกำลังกับอาวุธ  


แต่ก็นะคนชนะเขียนประวัติศาสตร์

เทวนิยมไม่ใช่ระบบปกครองครับ เทวนิยม แปลว่า การเชื่อว่าเทพมีตัวตนจริงๆ ตรงข้ามกับ เอทิสท์ ที่แปลว่า ไม่เชื่อว่าเทพมีตัวตนจริง
ระบบปกครองที่เปรียบตัวเองเป็นเทพ คือ สมมุติเทพ ครับ


แต่ของไทยมันไม่ใช่สมมุติเทพแบบอียิปต์ ของไทยแค่เบียวตัวเองโดยตั้งชื่อตัวเองเป็นเทพเท่านั้นครับ
ไทยพึ่งจะมาสมมุติเทพแบบ Full จริงๆ คือ ยุค ร.4-ร.5 ครับ หลักฐานที่ชัดสุดคือ พระสยามเทวธิราช
ซึ่งจริงๆก็คือรูปปั้นของ ร.4 นั่นแหละ มันคือการสมมุติว่าตัวเองเป็นเทพจริงๆ


เนื่องจากยุค ร.4-ร.5 มันอยู่ในยุคกำลังเปลี่ยนผ่านจากระบอบศักดินา ไปสู่ ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชครับ
การที่จะเป็นสมบูรณาญาสิทธิราช หรือ กษัตริย์มีอำนาจเต็มแต่เพียงผู้เดียว ต้องคู่กับระบบสมมุติเทพครับ
เพื่อให้คนเชื่อว่ากษัตริย์มีความชอบธรรมมากพอเป็นกษัตริย์คนเดียวมีอำนาจเพียงหนึ่งเดียว
เพราะสมัยก่อน เชียงใหม่ก็มีกษัตริย์ นครศรีธรรมราชก็มีกษัตริย์ พิษณุโลกก็มีกษัตริย์ มีกษัตริย์เต็มไปหมดเลย
แต่เพื่อให้กลายเป็นสมบูรณาญาสิทธิราช จำเป็นต้องเหลือกษัตริย์กรุงเทพฯแต่เพียงผู้เดียว จึงต้องใช้สมมุติเทพแบบ Full

เหมือนอียิปต์ครับ ฟาโรห์ เป็นตำแหน่งที่มีแค่คนเดียว ไม่เหมือนกษัตริย์นะครับที่มีได้หลายคน
จริงๆ ที่ถูกมันต้องเรียกว่า จักรพรรดิ ครับ
จักรพรรดิ์ = ฟาโรห์ = ฮ่องเต้ แต่ไม่ใช่ กษัตริย์
กษัตริย์ = อ๋อง (เจ้าแคว้น)


เราไม่ใช่มีระบบสมมุติเทพแบบ Full มานานแล้วครับ แต่พึ่งมีครับไม่ถึงร้อยกว่าปีด้วยซ้ำ
ที่ผ่านมา เขาเรียกระบอบศักดินาครับ ไม่ใช่ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช
ความต่างคือ หลังยุคร.5 ไม่มีระบบบรรณาการอีกแล้วนะครับ ทางการส่งผู้สำเร็จราชการไปเก็บภาษีและบริหารตามนโยบายจากส่วนกลาง
ไม่มีกษัตริย์เจ้าเมืองต่างๆ เพราะยกเลิกไปหมดแล้ว เหลือเพียงกษัตริย์กรุงเทพฯเพียงคนเดียว

[Rumia]

แต่ก่อนเขาปกครองระบอบ เทวนิยมไม่ใช่เรอะ


จริงอยู่มีการย้ายข้างบ้าง แต่มันคนละอย่างกับการตั้งราชวงศ์เลยนะ


เช่น ย้ายจากเทพ 1 ไปอยู่กับ เทพ 2
แบบ 3 ก๊ก มันไม่ใช่ใครจะมาตั้งราชวงศ์ดื้อๆได้ง่ายๆ
เพราะคนไม่ยอมรับ อย่างโจรผ้าเหลืองสุดท้ายก็เป็นได้แค่โจร


ส่วนก๊กทั้ง 3 ตอนแรกๆก็ไม่ตั้ง จนมีคนตั้งราชวงศ์ใหม่ คนอื่นๆเลยทำตาม
เอาจริงๆ คือทิ้งช่วงนานมาก


เอาจริงๆยุคพระเจ้าตาก ปรกติถ้าเมือง 1 แตกเขาก็ย้ายไปรวมกับเมือง 2
ไปสวามิภักดิ์ เมืองที่รอด


แต่พระเจ้าตากหนีทัพ แล้วไปตีเมืองอื่นไปยึดเมืองแล้วขับไล่เจ้าลงหรือฆ่าทิ้งก็ว่าไป


เอาจริงๆสถานะคือโจรกบฏ เพราะไม่มีอะไรเลยนอกจากกองกำลังกับอาวุธ  


แต่ก็นะคนชนะเขียนประวัติศาสตร์

ไช่ครับผมถึงมองว่าเป็นการหนีทัพมากกว่า การที่พระเจ้าตากมีทุนสร้างเมืองใหม่ตังตัว ผมมองยังไงมันก็ต้องปล้นราชวงค์เดิมแหงๆ มันต่างกับการย้ายค่ายมากนะครับ แต่อย่างว่าผู้ชนะเขียนประวัติศาจ อย่าที่ว่าครับช่วงนี้ไทยกับพม่าเขียนบันทึกต่างกันมาก ไทยบอกราชาเหลวแหลกไม่แม้แต่จะไห้ยิงปืนใหณ่จนต้องหนี ส่วนพม่าบอกไทยแข็งแกร่งมากตีไม่แตกแม้จะเพิ่มทัพมามากกว่าสิบเท่าก็ตีไม่แตก เรียกว่าไทยเขียนเทขึ้ไห้ราชาส่วนพม่าอวยไทยอวยระดับไทยแกร่งหนึ่งยันสิบได้

[deaddy]

[quote/]


เทวนิยมไม่ใช่ระบบปกครองครับ เทวนิยม แปลว่า การเชื่อว่าเทพมีตัวตนจริงๆ ตรงข้ามกับ เอทิสท์ ที่แปลว่า ไม่เชื่อว่าเทพมีตัวตนจริง
ระบบปกครองที่เปรียบตัวเองเป็นเทพ คือ สมมุติเทพ ครับ


แต่ของไทยมันไม่ใช่สมมุติเทพแบบอียิปต์ ของไทยแค่เบียวตัวเองโดยตั้งชื่อตัวเองเป็นเทพเท่านั้นครับ
ไทยพึ่งจะมาสมมุติเทพแบบ Full จริงๆ คือ ยุค ร.4-ร.5 ครับ หลักฐานที่ชัดสุดคือ พระสยามเทวธิราช
ซึ่งจริงๆก็คือรูปปั้นของ ร.4 นั่นแหละ มันคือการสมมุติว่าตัวเองเป็นเทพจริงๆ


เนื่องจากยุค ร.4-ร.5 มันอยู่ในยุคกำลังเปลี่ยนผ่านจากระบอบศักดินา ไปสู่ ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชครับ
การที่จะเป็นสมบูรณาญาสิทธิราช หรือ กษัตริย์มีอำนาจเต็มแต่เพียงผู้เดียว ต้องคู่กับระบบสมมุติเทพครับ
เพื่อให้คนเชื่อว่ากษัตริย์มีความชอบธรรมมากพอเป็นกษัตริย์คนเดียวมีอำนาจเพียงหนึ่งเดียว
เพราะสมัยก่อน เชียงใหม่ก็มีกษัตริย์ นครศรีธรรมราชก็มีกษัตริย์ พิษณุโลกก็มีกษัตริย์ มีกษัตริย์เต็มไปหมดเลย
แต่เพื่อให้กลายเป็นสมบูรณาญาสิทธิราช จำเป็นต้องเหลือกษัตริย์กรุงเทพฯแต่เพียงผู้เดียว จึงต้องใช้สมมุติเทพแบบ Full

เหมือนอียิปต์ครับ ฟาโรห์ เป็นตำแหน่งที่มีแค่คนเดียว ไม่เหมือนกษัตริย์นะครับที่มีได้หลายคน
จริงๆ ที่ถูกมันต้องเรียกว่า จักรพรรดิ ครับ
จักรพรรดิ์ = ฟาโรห์ = ฮ่องเต้ แต่ไม่ใช่ กษัตริย์
กษัตริย์ = อ๋อง (เจ้าแคว้น)


เราไม่ใช่มีระบบสมมุติเทพแบบ Full มานานแล้วครับ แต่พึ่งมีครับไม่ถึงร้อยกว่าปีด้วยซ้ำ
ที่ผ่านมา เขาเรียกระบอบศักดินาครับ ไม่ใช่ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช
ความต่างคือ หลังยุคร.5 ไม่มีระบบบรรณาการอีกแล้วนะครับ ทางการส่งผู้สำเร็จราชการไปเก็บภาษีและบริหารตามนโยบายจากส่วนกลาง
ไม่มีกษัตริย์เจ้าเมืองต่างๆ เพราะยกเลิกไปหมดแล้ว เหลือเพียงกษัตริย์กรุงเทพฯเพียงคนเดียว

อ้าวเทวนิยมมันมีตั้งแต่ยุคขอมไม่ใช่เรอะ


ถ้าจำไม่ผิดทั้ง พม่า ขอม เทวนิยมมาตลอดยาวๆ
มีเลิกใช้กันด้วยหรอ
จริงอยู่ช่วงสุโขทัยอาจจะเริ่มจากพ่อขุน


แต่พออยุธยา ก็ไม่เห็นมีกบฏที่ขึ้นมายึดอำนาจโดยไม่เอาเชื้อเจ้าขึ้นซักที หรือมี  


พอมาธนบุรีแค่นั้นแหล่ะ ที่เชื้อเจ้าก็มีอยู่แต่ไม่สน ไปยึดอำนาจแทน

[Black7nos]

[quote/]


อ้าวเทวนิยมมันมีตั้งแต่ยุคขอมไม่ใช่เรอะ


ถ้าจำไม่ผิดทั้ง พม่า ขอม เทวนิยมมาตลอดยาวๆ
มีเลิกใช้กันด้วยหรอ
จริงอยู่ช่วงสุโขทัยอาจจะเริ่มจากพ่อขุน


แต่พออยุธยา ก็ไม่เห็นมีกบฏที่ขึ้นมายึดอำนาจโดยไม่เอาเชื้อเจ้าขึ้นซักที หรือมี  


พอมาธนบุรีแค่นั้นแหล่ะ ที่เชื้อเจ้าก็มีอยู่แต่ไม่สน ไปยึดอำนาจแทน

ขอม น่ะใช่ครับเป็น Empire แต่ทั้งอยุธยาเป็น Kingdom
ขอมก่อนที่จะเสื่อมอำนาจ ขอมไม่ได้ใช้ระบอบศักดินานะครับ แต่เป็นระบอบจักรวรรดิ
คุณ Deaddy ลองไป Seach ในภาษาอังกฤษก็ได้ครับ เวลาเขาเรียก Khmer เขาไม่ได้ใช้คำว่า Kingdom = อาณาจักรนะ
แต่เขาใช้คำว่า Empire= จักรวรรดิ์ ขณะที่อยุธยา เขาจะใช้คำว่า Kingdom


Kingdom กับ Empire นี่ไม่เหมือนกันนะครับ มันไม่ใช่เรื่องอาณาเขตนะครับ แต่มันหมายถึง ระบบการปกครองที่ไม่เหมือนกัน


ส่วน "เทวนิยม" ใช้ภาษาอังกฤษว่า "Theism" อะไรก็ตามที่มี Suffix ลงท้ายได้วย -ism มันแปลว่า ความเชื่อ หรือ ลัทธิ หรือ ศาสนา
เช่น Buddism ก็จะแปลว่า ศาสนา + พุทธ หรือ Racism มาจากคำว่า Race(เผ่าพันธุ์) + Ism(ลัทธิความเชื่อ) = ผู้ที่เชื่อหรือนิยมการเหยียดเผ่าพันธุ์
Royalism มาจากคำว่า Royal(ราชวงศ์) + Ism(ลัทธิความเชื่อ) = ผู้นิยมราชวงศ์
สังเกตว่ามันจะเกี่ยวกับเฉพาะศาสนาหรือความเชื่อ ไม่ใช่เกี่ยวกับระบบการปกครองโดยตรง


ส่วนคำว่า "สมมุติเทพ" ภาษาอังกฤษใช้คำว่า Divine Rights of Kings แปลว่า สิทธิชอบธรรมสวรรค์ของราชา
ซึ่งมันเป็นคำเดียวกับ Mandate of Heaven ที่แปลว่า อาณัติแห่งสวรรค์ ของจีน ซึ่งจีนใช้ระบบฮ่องเต้ หรือ Emperor
บางที่เขาจะใช้คำว่า God Kings หรือ God Emperors เช่น เปอร์เซีย หรือ อียิปต์
สังเกตมั้ยว่า ระบอบการปกครองจะต้องเป็นแบบ Empire เท่านั้นนะครับ มันจะเป็นระบอบอื่นไม่ได้

อย่างพุทธศาสนา เขาจะมองว่าเป็น อเทวนิยม คือ ไม่เชื่อว่าพระเจ้ามีอยู่จริง
อย่างศาสนาคริสต์ เขาจะมองว่าเป็น เทวนิยม คือ เชื่อว่าพระเจ้ามีอยู่จริง


อย่างอียิปต์ในอดีต เขาใช้คำว่า Empire, ขอม ในอดีตก็ใช้คำว่า Empire, จีนในอดีต ก็เป็น Empire
การปกครองแบบ Empire มันจะมาคู่กับระบบสมมุติเทพครับ มันเป็นของคู่กัน เพื่อที่จะทำให้คนเชื่อว่ากษัตริย์มีเพียงคนเดียวและมีอำนาจสูงสุดแค่คนเดียว


แต่ Kingdom มันแตกต่างครับ มันมีกษัตริย์หลายคน มีเจ้าแคว้นหลายคน เชียงใหม่ก็มีกษัตริย์ นครศรีธรรมราชก็มีกษัตริย์
แล้วมันต้องใช้ระบบบรรณาการ ดังนั้นมันจึงคู่กับระบบ Feudal หรือ ระบบปกครองแบบศักดินา

[samuison]

[quote/]
ไช่ครับผมถึงมองว่าเป็นการหนีทัพมากกว่า การที่พระเจ้าตากมีทุนสร้างเมืองใหม่ตังตัว ผมมองยังไงมันก็ต้องปล้นราชวงค์เดิมแหงๆ มันต่างกับการย้ายค่ายมากนะครับ แต่อย่างว่าผู้ชนะเขียนประวัติศาจ อย่าที่ว่าครับช่วงนี้ไทยกับพม่าเขียนบันทึกต่างกันมาก ไทยบอกราชาเหลวแหลกไม่แม้แต่จะไห้ยิงปืนใหณ่จนต้องหนี ส่วนพม่าบอกไทยแข็งแกร่งมากตีไม่แตกแม้จะเพิ่มทัพมามากกว่าสิบเท่าก็ตีไม่แตก เรียกว่าไทยเขียนเทขึ้ไห้ราชาส่วนพม่าอวยไทยอวยระดับไทยแกร่งหนึ่งยันสิบได้

อันที่จริงผมว่าการทูตของอยุทธยาเ่กงมากนะครับ
จักรพรรดิเฉียนหลงซื้อข้าวไปจำนวนมากจากทางอยุทธยาและมองว่าเราคือลูกน้อง
ตอนพระเจ้าตา่กจะตั้งราชวงศ์ใหม่เฉียนหลงโมโหมากพยายามจะผลักดันให้เอาเชื้อสาเยดิมขึ้นมา
ตอนหลังสถานการรืผ่านไปนานถึงค่อยๆเปลี่ยนใจ
...
อย่างเรื่องประวัติศาสตร์ผมมองในแง่นี้
ว่าต่อให้อยากเขียนว่าฝ่ายตรงข้ามมชั่วแค่ไหน เราก็ไม่อยากเขียนให้คนอ่านคิดว่าเรานั้นกาก
ดังนั้นฝ่ายตรงข้ามของเราต้องทั้งชั่วร้ายแต่ก็เก่งกาจในเวลาเดียวกัน
เราที่เป็นฝ่ายชนะถึงจะดูเก่ง
อย่างเคสเซี่ยงหวี่ฌ้อป้าอ๋อง

ก็บอกว่าแม้แต่ซือหม่าเชียนคนแต่งประวัติศาสตร์ฮั่นยังยกให้เป็นคนที่เก่งที่สุด
แม้กระทั่งเล่าปังก็ยอมรับว่าเซี่ยงหวี่ต่อสู้เก่งที่สุด ไม่มีใครกังขาในข้อนี้มาตลอดประวัติศาสตร์ชาติจีนแม้จะเป็นศัตรูก็ตาม