จริงๆ แผนที่โลกผืนดินกับทะเลเปลี่ยนอันนี้คือเรื่องจริงครับ แต่ที่ไม่จริง คือ เมืองหรือแผ่นดินมันไม่ได้จมใต้น้ำแบบตำนานแอตแลนติส
แต่แผ่นดินมันสูงขึ้นครับ
เอาจากของจริงกันเลยดีกว่า อย่างลพบุรีเมื่อก่อนมันคือภูมิศาสตร์ที่เป็นบริเวณหาดทรายติดทะเลครับ
เพราะว่าดินลพบุรีเวลาขุดขึ้นมาจะมีซากเปลือกหอยทะเลที่ฝังดินอยู่ ซึ่งซากเปลือกหอยเหล่านี้ถ้ามันทับถมนานๆมันจะละเอียดและกลายเป็นดินสอพองที่มีมากในลพบุรี
พูดถึงอารยธรรมที่หายไปใกล้ตัวเข้ามาหน่อย ก็คือ ศรีเทพฯ ที่พึ่งเป็นมรดกโลก
ศรีเทพเป็นเมืองที่อยู่บริเวณเพชรบูรณ์ซึ่งเป็นทางผ่านจากล้านนาลงสู่พื้นที่ภาคกลางของไทย
มันเป็นจุดบรรจบของหลายวัฒนธรรมทั้งมอญ ขอม อินเดีย และยังขุดค้นพบสินค้าที่มาจากจีนอีกด้วย
เมืองนี้มีลักษณะเป็นนครรัฐ มีอายุประมาณปีคริสศตวรรษที่ 6 ถึง 13
ผังเมืองมีการผสมของมอญ และขอม แต่น่าจะสร้างต่างปีกันห่างกันอยู่
ปัจจุบันยังไม่มีใครสรุปได้ว่าทำไมศรีเทพกลายเป็นเมืองร้าง และอารยธรรมและองค์ความรู้ของศรีเทพ มันก็หายไปหมดเลย ไม่แม้แต่อยู่ในนิทานหรือพงศาวดารที่เล่าปากต่อปากเสียด้วยซ้ำ
ทั้งที่เมืองนี้มีความสำคัญในฐานะ Hub ที่เป็นทางแยกไปทางอาณาจักรหริภุญชัย(มอญ) และขอม รวมถึงทวารวดี ละโว้ มันอยู่ในยุคเดียวกันนะ
.................
ปกติแล้วต่อให้เรื่องราวทางประวัติศาสตร์มันจะห่างจากปัจจุบันนานแค่ไหน แต่องค์ความรู้บางส่วนและความทรงจำมันจะถูกเล่าสืบต่อมาจากรุ่นสู่รุ่นอาจจะผิดเพี้ยนจากเดิม หรือเสริมแต่ง แต่ยังไงมันก็ต้องมี
ยกตัวอย่างเรื่องราวการก่อตั้งล้านนา ก็จะต้องมีเรื่องเล่าของ ปู่เจ้าลาวจก หรือ ลวจักราช ซึ่งเป็นผู้นำของชาวลัวะที่คาดว่าเป็นต้นเชื้อสายของพระเจ้ามังราย
เมื่อก่อนมันจะมีเรื่องเล่าว่า คนไทปลูกข้าวเก่ง ขณะที่คนของเผ่าลัวะจะเก่งงานโลหะ ดังนั้นสองเผ่าจึงทำ Deal กัน โดยคนไทจะซื้อเครื่องมือทำการเกษตรจากชาวลัวะ
ขณะที่ชาวลัวะก็จะซื้อข้าวจากคนไท เรียกว่าต่างคนต่างพึ่งพาอาศัยกัน ซึ่งคำว่า "จก" มันแปลว่า จอบ หรือเครื่องมือที่ใช้ขุดดินทำนา
แล้วปู่เจ้าลาวจก(จริงๆ คนไทสมัยก่อนบันทึกผิด จริงๆต้องบันทึกว่า ปู่เจ้าลัวะจก หรือ ลวจกราช ซึ่งมันควรแปลว่า กษัตริย์ชาวลัวะผู้มีจอบจำนวนมาก)
ซึ่งเป็นผู้นำชาวลัวะที่เป็นเจ้าของเครื่องมือจอบและเครื่องมือทำนาจำนวนมาก
เมื่อมีเครื่องมือมาก ก็เท่ากับว่ามีอำนาจมากเช่นกัน เพราะมีเครื่องมือมากก็ขายเครื่องมือให้คนไทเอาไปทำนาได้มาก
และได้มีการให้ลูกหลานตัวเองแต่งงานดองญาติกับคนไทภาคเหนือ ทำให้เกิดเป็นต้นสายของราชวงศ์มังรายขึ้นมา
ดังนั้นในพิธีการครองราชย์ของล้านนา มันจะมีการเชิญชาวลัวะมารับประทานอาหาร เพราะชาวไทล้านนาถือว่าต้องให้เกียรติชาวลัวะซึ่งเป็นคนที่อยู่มาก่อน
เหตุผลก็เพราะเป็นชาวลัวะเป็นเผ่าที่เคยทำ Deal ขายจอบขายเครื่องมือการเกษตรให้กับคนไททำมาหากินได้
จนทำให้คนไทสามารถผลิตอาหารจำนวนมาก จนทำให้ประชากรมากขึ้นจนขยายจากเผ่า กลายเป็นเมืองได้
...................
แต่ศรีเทพ มันน่าประหลาดที่เรื่องราวมันหายไป จะเรื่องเล่าก็ดี นิทานก็ดี หรือ พงศาวดาร กลับไม่มีการเล่าสืบทอดต่อมา
เมืองใหญ่โตมโหฬารระดับนครรัฐ เป็น Hub อยู่ทางแยกการเดินทางไปอาณาจักรต่างๆ แต่กลับไม่มีอยู่ในความทรงจำของรุ่นสู่รุ่นเลย
มันเลยเป็นจุดที่น่าแปลก มันเหมือนกับอารยธรรมมันหายไปและขาดตอนไปดื้อๆเลย
จำไม่ผิดมีการกล่สวถึงหลักฐาทางธรณีวิทยานะครับ ว่า
ในอดี นิซีเเลน เคยใหญ่พอที่จะเป็นทวีป ตอนนี้เหลือแค่ที่เห็นในปัจจุบัน
เอาตามจริงนะครับไอ้เรื่องที่ไม่สามารถพิสูตรได้อย่างมนุษย์ต่างดาวเอาทิ้งไปก่อน ความจริงผมว่ายากครับที่อารยธรรมชันสูงจะหายไปหมดไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นอกจากตูมเดียวหายเรียบหมดไม่เหลือสักคนเพราะไม่ว่าจะรูปแบบไหนมันต้องมีหลักฐานเหลือรอดมาบ้างครับ ไม่ไช่มีแต่ภาพแกะหินผมยกตัวอย่างง่ายๆสมมุติตอนนี้โลกล่มสลาย ไม่ว่าจะเหตุอะไรก็ตามคิดว่าจะไม่เหลืออะไรรอดไปเลยเหรอครับ ขนาดหลายล้านปีก่อนไดโนเสาร์ยังเหลือซากนะมันเป็นไปไม่ได้ครับถ้าวิทยาการยุคเก่า เหนือยิ่งกว่ายุคนี้มันสูณหายไปนะอย่างแรกจำนวนประชากรมันต้องสูงมาก อย่างน้อยต้องมากกว่าหรือเทียบเท่ายุคปัจจุบันกระจายไปทัวโลกไม่มีเหตุผลที่ถ้าวิทยาการในอดีตถ้าสูงกว่าปัจจุบันจะมีแค่เมืองเดียว ดังนั้นวิทยาการมันยากที่จะสูณหายทังหมดครับถ้าจะหายมันก็จะมีล้างแต่ไม่มีทางเกิน50%แน่นอน การที่จะค้นพบอารยธรรมเก่ากว่าที่เราเคยรู้มีความเป็นไปได้ครับ แต่สิ่งที่เป็นไปได้มากที่สุดคืออารธรรมหยุดนิ่งครับ เช่นก่อนยุคหินเก่าคนเราก็มีวิทยาการแบบเดียวกับยุคหินเก่าอยู่แล้ว ในยุคหินเก่าอาจจะพัทนาขึ้นนิดหน่อยดังนั้นเมื่อเจอสิ่งที่เก่ากว่ามากๆแต่วิทยาการเทียบเท่ายุคหืนเก่าจึงมีความเป็นไปได้ ผมยกตัวอย่างจีนมีวิทยาการหยุดนิ่งมา4000ปีปัจจุบันชนบทเองยังมีเหมือนเมื่อ4000ปีก่อน มันมีการที่ต่อเวลาผ่านไปอย่างยาวนานแต่มนุษย์ก็ไม่ค้นพบสิ่งใหม่ๆ ซึ่งในอดีตมันเป็นแบบนี้มานานครับความจริงไอ้วิทยาการที่พัตนาไวนี่เอาจริงๆยังไม่ถึงพันปีด้วยซ้ำ ก่อนหน้านี้คือแทบจะหยุดนิ่งหรือพัตนาแบบช้าๆ
มันมีความเป็นไปได้ครับ
อย่างมนุษย์ยุคหินของที่กลงเหลืออยผุ่ ก็มีแค่ กระดูก กับเครื่อมือหิน เพราะมันย่อยสลายยาก ส่วนที่เป็นไม้หรืออื่นๆ คือย่อยสลายไปหมด
มีนักวิทย์ พูดกันไว้ว่า มนุษย์โบราณอาจมีสิ่งก่อสร้าง หลายประเภท แต่สุดท้ายที่เหลืออยู่คือ สิ่งก่อสร้างจากหิน
แถบเอเชียมีเครื่องมือโบราณที่ขุดค้นพบน้อยมากๆ
คาดการว่าเพราะแถบนึ้ใช้เครื่องมือทำจากไม้
มากกว่าหิน เลยไม่ค่อยหลงเหลือ
เอาตัวอย่างง่ายๆ วิทยาการที่หายไป อิยิปนึ่ก็ทันยุค ประวัติศาสตร์ แต่ปัจจุบันก็ยังหาวิธีที่ ชาวอิยิปโบราณใช้ขนหิน ไม่ได้เลย
เรื่องวิทยาการการตัดหิน เพิ่งจะมีขาวมาว่าค้นพบวิธีตัดหินของอิยิป
มายา แอชเ้ทค อินคา วิทยาการที่หายไปก็พอมีนะครับทั้งที่ น่าจัล่ม กันไปตอนยุคสำรวจทวีปใหม่ บางอย่างก็หายไปเลย
มีการวิเคราะห์ไว้ประมาณว่า อาจเะราะเปผ้นการผูกขาดทางด้านความรู้ของชนชั้นปกครอง พอชนชั้ยปกครองพัง ล่ม เลยหายกันไปหมด
สโตนเฮนจ์ หลายปีก่อน ก็เพิ่งจะคนพบวิธีสร้าง งงกันมานาน สุดท้ายก็คิดได้ว่าน่าจะสร้างยังไง
แบบที่เล่าไว้ก่อนหน้า สายวิทยาการปัจจุบัน
กับยุคโบราณ นั้นอาจแตกต่างกัน
บางทีคนโบราณอาจจะมีวิธีของตัวเองทึ่ใช่ได้ดีในแบบของเขา
แต่ในมุมมองคนยุคปัจจุบันที่ใช้เทคโนต่างสายกันกลับมองว่าเป็นเรื่องยาก
เช่นกระดาบ แบบปัจจุบัน ถ้าเอาบันทึกข้อความไว้
แล้วปล่อย ทิ้งไว้ในร่มที่สภาพ อากาศแบบปกติ หรือเอาไปวางไว้ในถ้ำ แบบคำภี กระดาษต้นกกของธิเบต หรือเนปาล
กระดาษยุคปัจจุบันอยู่ได้ไม่เกินหลายสิบปี ส่วรกระดาษต้นกก หลายร้อยปี ยันพันปียังเอามาตบๆ เคาะขี้นกออกได้
ปกติเา แต่ไม่ปกติเรา
หรือ ปูนโรมัน เทียบกับ ปูนปัจจุบัน ของโรมัน อยู่มาได้ ถึง2,000ปี แต่ปูนยุคปัจจุบัน ประเมินอายุ ไม่เกิน200-300ปี เท่านั้น
มีข่าวว่าพิ่งค้นพบสูตรปูนด้วยนะ