อาจจะเก็บไว้นานแล้ว ถึงเวลาเลยปล่อยรัวๆ ... แต่รัวถี่มาก มีเสียวว่าจะหยุดไปเคลียร์งานอีก....
เพราะเวลาในเรื่องมันเพิ่งจะผ่านมาไม่นาน แถมยังต้องยืดเนื้อหาในบทนี้ด้วยนี่นา.... ไม่รู้ว่าจะให้จบที่อีเวนท์ทำลายแก๊งค์กินรังไข่เลยหรือเปล่า
แต่เนื้อหาในตอนนี้ก็จั่วความดราม่ามาเลย .... เจ้าโชตะก็รู้อยู่แล้ว ทีนี้มันก็ต้องลุ้นแหละว่าจะรับมือยังไงกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต...
คิระระจังกับคุณป้า ฉลาดมากที่ไม่ไปยุ่งกับครอบครัวโชตะ ถ้าไปยุ่งละก็ยิ่งกว่าไปสู้กับองค์กรนักบุญอีก ยิ่งลูกเขยขอบครัวนี้เป็นปีศาจจูนิเบียวด้วย รับลองโดนถล่มเละ
เอาจริงๆ คือ ตัวตนมันยังเป็นปริศนาที่ท่านป้าฮารุกะยังไม่กล้าฟันธงร้อยเปอร์เซนต์นี่นา .... แต่ขอแค่ยืนยันว่าไม่ใช่ไส้ศึกแค่นั้นก็พอแล้ว
แล้วด้วยพลังขนาดนั้น ไม่รู้ว่าจะมีแอบไพ่ลับอะไรบ้าง ขืนสุ่มสี่สุ่มห้าไปยุ่งกับเจ้าโชตะและคนรอบตัวมัน เดี๋ยวจะวอดวายไปซะเปล่าๆ
แต่เนื้อหาล่าสุด มีข้อมูลเพิ่มขึ้นมาเป็นปมในเรื่องอีกแล้ว ... เป็นข้อมูลต่อเนื่องจากเมื่อตอนที่ประลองกับสึกิชิมะให้คนอ่านได้เพ้อต่อด้วย...
มาสรุปตอนที่ 137 ก่อนแล้วกัน.... เนื้อหาของตอนนี้ต่อเนื่องกับตอนที่ 136
เอาจริงๆ น่ะ ผมว่าเป็นใคร ใครก็ต้องสนใจเด็กห้อง E นั่นแหละ เพราะสามเดือนกว่าที่ผ่านมา จุดศูนย์กลางของความชิปหายทั้งหลายก็มีเด็กห้อง E อยู่ด้วยทั้งนั้น
เริ่มเบาๆ ตั้งแต่การประลองของคาริยะกับยูมะแล้ว แล้วยังมีการฉีกหน้ากันในเหตุการณ์การแข่งขันระหว่างห้องเรียนอีก ที่เด็กห้อง E รอดจากการเจอกับแรร์บอส
ตามด้วยการดวลครั้งล่าสุดที่เด็กห้อง E สองคนที่โคตรชิลกับการดวลเลย (ไม่นับที่สู้กับชายหน้ากากปริศนาน่ะ) ทั้งที่พวกแปดมังกรไม่มีปัญญาจะทำอะไร
แล้วไหนจะบุคคลปริศนาในห้อง E ที่อดีตประธานนักเรียนกับหัวหน้าชมรมวิจัยอาชีพโจรให้ความสนใจอีก
ยอมที่จะยืดหยุ่นเพื่อเข้าหาความจริงอย่างทาเทฮานะเรียกว่าไม่น่าแปลกใจเท่าไหร
แถมได้เห็นการต่อสู้ระดับนั้นเข้าไป นอกจากจะติดตาตรึงใจแล้ว ยังเหมือนโดนสวนหน้ามาว่าพวกตนเองมันก็แค่เพิ่งจะพ้นระดับเริ่มต้นมาเป็นระดับมือใหม่เท่านั้นเอง
ขยายความถึงเรื่องที่ทำไมคาโอรุถึงหลงใหลในการเป็นนักผจญภัยแล้วยึดติดกับวิชาที่ชายหน้ากากปริศนาใช้มากขนาดนั้น