[quote/]
ใช่ครับ แต่ละสำนักจริงๆก็คือมาเฟียดีๆนี่แหละ เป็นผู้มีอิทธิพลบริเวณย่านนั้นแหละครับ
ตามหลักการอำนาจเกิดจาก 3 สิ่ง
1.กำลังคน - กองทัพ, กลุ่มมาเฟีย, ขุนนางฝ่ายบู๊
2.กำลังทรัพย์ - นายทุนที่สามารถผูกขาดสินค้า
3.ปัญญา - บัณฑิต, ขุนนางสายบุ๋น
มันมีนิยายจีนเรื่องหนึ่งผมจำไม่ได้ แต่เรื่องมันจะโทนดาร์กๆหน่อย ตีแผ่สำนักต่างๆ
- แต่ละสำนักมีรายได้มาจากการเก็บค่าคุ้มครองคนในท้องที่ หรือไม่ก็มาจากธุรกิจผูกขาดในพื้นที่ที่ตัวเองอยู่ เช่น โรงไม้ โรงหิน โรงเตี๊ยม ไม่ก็ทำธุรกิจคุ้มครองขนส่งสินค้าจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง
- แต่ละสำนักมีการเก็บเงินค่าเรียนวิชาฝีมือ
- ตลกร้ายกว่านั้นคือบุตรชายของเจ้าสำนักนั้น ไม่ได้ฝึกวิชาที่สำนักตัวเอง แต่ตัวเจ้าสำนักใช้เงินส่งเสียให้ลูกชายตัวเองไปเรียนวิชาจากสำนักชื่อดังกว่า เช่น เส้าหลิน บู๊ตึ้ง ฯลฯ ซึ่งเป็นสำนักระดับ Top เหมือนอารมณ์ส่งลูกไปเรียนโรงเรียนเอกชนแพงๆส่งไปเรียนเมืองนอก ไม่ให้เรียนที่โรงเรียนที่ตัวเองเปิดสอน เป็นอะไรที่ย้อนแย้งมาก อารมณ์เหมือนพ่อเป็นอธิการมหาลัยฯXXXBAX แต่พยายามยัดเงินส่งลูกเรียนม.จุฬาฯ อะไรประมาณนี้
เสียดายคนแต่งเขียนไม่จบ ผมชอบเรื่องนี้มากด้วย
ผมว่ามาเฟียบู๊ลิ้มหรือเปล่าครับ?
อุนสุยอันเคยเขียนแนว เฮ้งเซี่ยวเจี๊ยะที่พยายามถามหอลมพิรุณโปรยก่อนว่าหอนั้นมีรายได้มาจากทางไหน
และก็มีตึกหกหุนครึ่งที่เป็นคู่แข่งกันมีการหามาแบบทางดำมากกว่า
ว่าไปแล้วผมว่าเรือ่งมาเฟียบู๊ลิ้มพยายามล้อเลียนแนวตกเขาได้คัมภีร์ว่ามีคนที่เก่งกาจได้คัมภีร์แต่งงานกับสตรีชั้นสูงได้แต่อยู่ได้ไม่นานว่างั้น
ทั้งที่ผมว่าเอ็งโม้เรื่องวรยุทธกันมาขนาดนั้น มาให้ตายง่อยๆคนก็ใช้พวกมากตีกันหมดแล้วน่ะสิ
ตระกูลใหญ่ ๆ หรือพวกเชื้อพระวงศ์ ปกติ ก็จะมีการแนะนำตัว กันอยู่แล้ว ครับ เพราะงั้น พวกคุณหนู คุณชาย ตระกูลที่มีอิทธิพล ปกติ ก็จะรู้จักกันหมด โอกาส บังเอิญ เหยียบตรีน กันเลยน้อย
สมดุลย์อำนาจ ของตระกูล มันไม่ได้อยู่ที่ข้อตกลงครับ มันอยู่ที่ ความแข็งแกร่ง ของกำลังรบ ถ้าสมดุลย์ยังอยู่ดี แสดงว่า กำลังของแต่ละตระกูล มีพอ ๆ กัน ถ้ารบแตกหัก คือพังทั้งคู่
แต่ถ้าตระกูลไหน หรือ สำนักไหน กำลังรบ หรือ อำนาจทางการเมือง ลดลง ไม่ถูกกลืน ก็จะถูกทำลาย แล้วสมดุลย์ก็จะพังลงเอง
ขอบคุณมากครับ
ผมไปเจอในโรลเพลย์แนวโลกเว๊ยนพูดจาคล้ายๆท่านครับประมาณกำหนดว่าแต่ละตระกูลเป้นทั้งพันธมิตรและคู่แข่งกันนั่นคือลักษณะของตระกูลใหย่ว่าพวกประมุข นายน้อยกินเหล้าร่วมกันได้ แต่กิจการรอบนอกก็ยังต้องไปชิงไหวชิงพริบกันเอาเอง
ดังนั้นหากตระกูลหนึ่งอ่อนแอลงจะอ่อนแอลงเรื่อยๆเพราะจะโดนตระกุลอื่นๆสะกดข่มในด้านกิจการร้านตค้าต่างๆ
[quote/]
อ่านแล้ว ผมเข้าใจว่าเรื่องที่ว่าคือมาเฟีย บู๊ลิ้ม นะครับแต่ 10 เล่มจบ อาจคนละเรื่องกัน แต่อ่านแล้วจิตตกไปพักใหญ่
เห็นนักวิจารณ์บอกว่าเป็นการเอาจริยวีรบุรุษมาปรับใช้ ส่วนตัวผมอ่าน จริยวีรบุรุษ แล้วยังรู้สึกดีกว่า
ผมมองว่า พระเอกเรือ่ง มาเฟียบู๊ลิ้ม จะเป็นอุดคติก็ไม่อุดมคติจะเรียลลิสต์ ก็ไม่เรียลลิสต์
อ่านๆ แล้วเลยรู้สึกขัดแย้งครับ และ มีคนวิจารณ์ ว่า เรื่องนี้ใคร ภักดีแบบไม่มีข้อแม้ได้ดีทุกคน
5 เล่ม แรก กับ 5 เล่มหลัง เหมือนคนละคนเขียน
ถ้าชอบแนวพระเอกตายหรือโดนทรมานให้ตามท่านอุนสุยอันครับฮา
ท่านอุนสุยอันเคยผ่านคุกมาอารมณ์การมองโลกจะกลายเป็นอีกแบบไม่ใช่อย่างกิมย้งหรือโกวเล้งที่เชื่อในมิตรภาพเอามากๆ
ว่าไปแล้วท่านวิเคราะห์น่าสนใจเรือ่งคนจงรักภักดีน่ะครับ
ผมไม่ค่อยพอใจที่ฆ่าสุดยอดนักฆ่ากันง่อยๆ
เล่าแป๊ะที่ดกวเล้งเอามาจากก็อดฟาเธออร์จะฆ่าสุดยอดนักฆ่าของเล่าแป๊ะต้องเอาระดับหัวหน้าหมู่ตจึกหลายคนมาช่วยกันรุมไม่ใช่เอาคนง่อยๆมาก็ฆ่าระดับนักฆ่ากันได้ง่ายๆ
พวกนี้มันจะรู้ว่าใครใหญ่กว่าใครมันจะไม่บวกคนที่ใหญ่กว่ามันครับ เพื่อนผมลุกนายทหาร อย่างกร่างไม่กลัวใครเจอลูกขาใหญ่ที่ใหญ่กว่านี่พอมีเรื่องมันต้องไปเซิร์ฟเหล้าให้เค้าขอขมานะครับ
มุกดั้งเดิมต้องเอาพานหรือข้าวของไปขอขมาลาโทษ
อย่างที่ว่าล่ะนั่นคือกติกาของสังคมบ้าบอแบบนี้
ทางเทคนิคหากอยู่ในระดับเดียวกันจะพอรู้กันว่าใครเป็นใคร
จำได้ว่าเคยมีข่าวดาราไปกระทืบลุกแม่ทัพภาค
ก็มีข่าวกันไปพักหนึ่งแต่ก็เงียบไปผมสงสัยว่าดาราคนนั้นน่าจะเป้นลุกน้องของคนที่ใหญ่กว่าแม่ทัพภาคนี่ล่ะครับระบบนครหลวง