[youtube/]
แบบร่ายๆยาวๆ มันก็จะดูขลังๆแบบนี้
[youtube/]
แบบใช้อุปกรณ์ "ช่วยยิง"
slayer oั่นเป้นคาถาระดับทำลายจักรวาลที่มีมิติพิเศษทีเ่ก้ฐรักษาคาถาต่างๆด้วยนี่ครับ?คือตาม Lore o่ะมันไม่ใช่เรื่องธรรมดานะ
แค่ปลดเซฟตี้ ก็แรงสามเท่าแล้วไงครับ
ก็งั้นล่ะครับ
แต่คนใช้อย่างพระเอกอิเซไคสามารถใช้ได้แบบไม่มีข้อเสียเลยน่ะครับผมพยายามหาทางแถว่า เพระาพระเอกอิเซไคมีพรสวรร๕ืในการควบคุมพลังเวทย์เนหือกว่าคนอื่นๆทำให้ไม่ได้รับผลเสียหากคนอื่นจะลองทำตามบ้าง
หลักการทั่วไป; เวทย์ = จินตนาการของกลุ่มคนสติเฟื่อง ที่เอาแต่ฝันและคิดแต่จะย่ำยีคนเลว (ในมุมของตน) รักสนุก ทุกข์ถนัด เติมเต็มความใคร่ให้ตัวเอง สารพัดรูปแบบ หารู้ไม่ว่าชีวิตจริงก็คือคนที่คอยหลอกตัวเองให้มีความสุข ทั้งที่ล้มเหลวไปเสียทุกอย่าง
ทฤษฎีจากเกม; เพราะนึกหรือท่องคาถาในหัว ใช้เวลานานกว่ามาก เมื่อต้องเจอกับการต่อสู้ระหว่างมนุษย์ หรือสัตว์ป่า ที่เคลื่อนไหวได้เร็วระดับ 1/2 วินาที หรือแม้แต่ยิงหน้าไม้เข้าหัว ขว้างหอกใส่ ถ้าเป็น Theme medieval สากล ดังนั้น วิธีร่ายเวทย์ดั้งเดิมไม่มีวงแหวน แค่เป็นการประดับให้ดูดีเท่านั้น
ณ ที่นี้ จอมเวทย์เก่งๆอย่างในเรื่อง Kumo Desu ga, Nani ka? ยังไม่สามรถเป็น Master 4 Elements ได้ เพราะความไม่เข้ากับคุณลักษณะเฉพาะ คาถาที่ Shiro ใช้เรียกว่าเวทย์ได้จริงนั้น มีไม่กี่อย่าง ส่วนใหญ่จะรับคุณลักษณะเฉพาะพันธุกรรมผ่านวิวัฒนาการ แล้วประยุกต์ให้เหมาะกับตนมากกว่า เขี้ยว ใยแมงมุม และพิษ
ทำให้กว่าจะเข้าถึงหลักการคิดเวทย์ได้เองคือต้อง G-Bomb เข้าไปจน LV UP เป็นเทพ ขณะที่ร่างปกติการใช้เวทย์มนต์มากไปจะทำให้ MP + SP ลดลงตามระยะเวลา อาจด้วยต้นเหตุเป็นอย่างนั้น การเรียนเวทย์จึงต้องมีคนสอนต่อไปทอดๆอย่าง Final Fantasy I และต้องยึดตามสายด้วยมากกว่า
อย่างไรก็ตาม Shining Soul series; ระบุแค่ว่าคาถาบางอย่างที่อาจจะมีต้นแบบจาก Diablo series คือความรู้ที่สาปสูญ จึงต้องตามเก็บหนังสือที่ถูกขโมยหรือถูกทิ้งจนลืมไปตามเวลาภายหลัง ทั้งหมดนี้ก็ยังปฏิเสธไม่ได้ว่าเวทย์ศาสตร์จะพัฒนาได้แค่ 1 แขนง / 1,000 ปีของโลกอารยธรรม ดังนั้นกว่าเวทย์ระดับ Apocalyptic จะกำเนิด คงตัองไปเจอกับสงครามอวกาศ + Mobile Suit ไปเสียก่อน
ผมไปเจอหลายคนเล่นมุกว่า เวทยืแบบเดียวกับการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ วงเวทย์คือโปรแกรมคอมก็อาจจะพอได้แต่ผมมองว่ามันต้องมีคนอย่างอาคีมีดีสอยู่ที่หากอธิบายสูตรให้คนอย่างอาคีมีดีสหรือไอแซคนิวตันฟัง พวกเขาก็เข้าใจ
ว่าหากไปตบกับเด็กเห่อหมอยของลูกขุนนางอาจจะได้ผลแต่มัน่าแปลกที่พวกจอมเวทย์แก่ๆ ไม่เอาสูตรต่างๆมาปรับปรุงเวทย์ตนเองน่ะครับ
เอิ่มผมว่ามันอยู่ที่คนเขียนจะวางไห้เป็นแบบไหนครับจะวางว่าถ้าร่ายจะแรงขึ้นหรือไม่ร่ายจะเร็วขึ้น มันแล้วแต่ว่าจะวางบทแบบไหนเลยครับการร่ายมีวงเวท มันจะดูขลังอลังการเหมาะกับการเล่าไห้ดูเท่ครับการไม่ต้องร่ายไม่มีวงเวท ทำไห้ดูสมเหตุผลว่าเวลาสู้สมจริงแต่นะครับมันคือแฟนตาซีครับจะทำแบบไหนมันแล้วแต่ความถนัดของคนเขียนครับ
คือผมไปเจอตอนรลเพย์มาพยายามจะเล่นมุกว่าคาถาที่ใช้สู้ได้คือ คาถาที่ใช้ได้ในการขยับมือทีเดียวหรือพริบตาเดียวน่ะครับ
ว่าหากต้องร่ายๆนานๆก็ไม่ทันกิน สู้กับวีรชนที่เคลื่อนไหวด้วยความเร็วเสียงอย่างแลนเซอร์ดดนหอกเสียบตายก่อนพอดี
ขึ้นกับว่าเวทมนตร์ใช้ได้ด้วยวิธีไหนล่ะมั้ง ตอนนี้ผมนึกออกสองแบบ
แบบที่ 1 เวทมนตร์มาจากพลัง ไม่จำเป็นเข้าใจว่ามันออกมาจากไหน ขอแค่มีพลังเวทก็ใช้ได้ทุกคน คอนเซปต์นี้ควรใช้การแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียม นั่นคือยิ่งมีความยากในการร่ายเท่าไหร่ก็ยิ่งแรงนั่นเอง เวทที่ไม่ต้องสร้างวงเวท(หรือพวกเวทไร้ร่าย)ยิงได้เร็วสุดแต่เบา เวทที่ใช้วงเวทเล็ก ๆ(หรือเวทคำร่ายยาว ๆ)จะเสียเวลาแต่จะแรงขึ้น ยิ่งมีการใช้วงเวทซับซ้อนก็ยิ่งเตรียมการนานขึ้น ทำให้แรงขึ้นไปอีก
แบบที่ 2 เวทมนตร์มาจากจินตนาการ นั่นคือต้องมีความเข้าใจในตัวเวท กลไกการใช้เวทว่าออกมาจากไหน กรณีนี้วงเวทที่ซับซ้อนจะเป็นเหมือนพื้นฐานที่สุด เตรียมการยุ่งยากแต่เข้าใจง่ายที่สุด ใช้งานได้ง่ายที่สุดสำหรับมือใหม่ เหมือนการแก้สมการคณิตศาสตร์ ตอนเริ่มเรียนแค่จะบวกลบคูณหารเราก็ต้องทำทีละอย่าง แต่เมื่อชำนาญแล้วก็จะเริ่มรวบรัดทำหลายขั้นตอนพร้อมกันในใจได้ เช่นเดียวกับจอมเวทที่ชำนาญแล้วย่อมสามารถดัดแปลงวงเวทตามใจชอบได้ เช่นลบส่วนนี้ออกเพื่อยิงเร็วขึ้นแม้จะเบาลง หรือเพิ่มส่วนนี้เข้าไปทำให้ควบคุมยากแต่ยิงแรงขึ้น ซึ่งจอมเวทที่ยังไม่เก่งจะทำไม่ได้เพราะยังไม่เข้าใจกลไกเวทดีพอ ยังต้องใช่วงเวทที่ซับซ้อนเพราะเห็นภาพชัดเจนเข้าใจง่ายกว่า เหมือนที่เทียบกับรถ ช่างที่เก่งจะรู้ว่าถอดอะไรออกเพิ่มอะไรเข้ารถถึงเร็วขึ้น แม้จะเสียฟังก์ชั่นบางอย่างไปแต่ก็จะได้ฟังก์ชั่นที่ต้องการดีขึ้น ส่วนช่างที่ไม่เก่งทำไม่ได้เพราะไม่เข้าใจว่าถอดหรือเพิ่มอะไรจะส่งผลยังไงต่อรถบ้าง
ขอบคุณครับ ผมไเจอแนวคิดคล้าๆยกันประมาณว่าพระเอกแนวมีความทรงจำชาติก่อน
เจอคนประมาณเมอร์ลินบอกว่า วงเวทย์สมดุลย์เกินไป
ว่าหากเน้นพลังเวทย์ ปรับเป็น สามสิบเจ็ดสิบจะดีกว่า เมหาะกับเป้าหมายมากกว่า
แสดงความเทพของคนแก่อย่างเมอร์ลินว่า
ที่พวกเขาเก่งกาจเพระาเขาเข้าใจเวทย์มากกว่าคนธรรมดาและสามารถดัดแปลงได้ตามต้องการ
meta magic
ประมาณคาถาที่มีผลต่อคาถาเองอย่างโมมอนกะ maximum effiency อะไรเทือกนั้นน่ะครับ
หรือมุกแนวอิเซไคปัจจุบันมาแนวปราชญ์เทพว่างั้น
จนผมสงสัยว่าแล้วตกลงจอมเวทย์ดั้งเดิมมันไม่มีดีเลยเรอะ?
ขึ้นอยู่กับแนวคิดของเรื่องมากกว่า เช่นโจทย์ให้คำนวณพื้นที่สี่เหลี่ยมจตุรัส ด้านละ 10ซม.
คนนึงวาดวงกลม ครอบสี่เหลี่ยม จากนั้นคำนวณหาส่วนเกินเพื่อเอาไปลบกับพื้นที่ของวงกลม เพื่อให้เหลือพื้นที่ของสี่เหลี่ยมข้างใน
กับอีกคนเอากว้างคูณยาว คิดว่าใครจะคำนวณเสร็จเร็วกว่า
ผมคิดว่าเป็นเด็กเกรียนของโรงเรียนเวทย์อาจจะโดนกระทืบแล้วจบกันไป
แต่คนระดับเมอร์ลินของจักรวาลนั้นๆจะเอาสูตรของพระเอกอิเซไคไปปรับปรุงเวทย์ของตนเองได้น่ะครับ
แต่เราไม่ค่อยเห็นมีการดำเนินเรื่องไปอย่างนั้นเท่าไรผมแซวว่าแนวนี้ทำแบบแนวปราณยุทธอยู่คือคนมองว่าวงเวทย์คือเรื่องที่ต้องมี แบบประเพณีหรือวัฒนธรรมมากกว่าที่จะเป็นศาสตร์ที่ต้องศึกษาจริงจัง