[quote/]
ผมมองว่าเวทย์ตามแบบแผนปกติก็เหมือนรถยนต์ที่ มีเบาะนั่ง มีเบรค มีเข้มขัด มีถุงลม มีกระจกบังลม มีกันชน บลาๆ ฯลฯ
ส่วนแก่นแท้ของเวทย์เป็นเหมือนจรวดเชื้อเพลิงแข็ง คือมีแค่ปลอกกับเชื้อเพลิง
คนที่สร้างจรวดเชื้อเพลิงแข็งต้องคำนวณเองว่าปลอกหนาแค่ไหนยาวแค่ไหน ใส้เชื้อเพลิงมากแค่ไหน ใส่ตัวเร่ง(ตัวให้ออกซิเจน)มากแค่ไหน
และต้องออกแบบให้ตัวเร่งกับเชื้อเพลิงไม่ผสมกันเร็วมากจนเกินไป ว่าง่ายๆมันคือระเบิดที่ชะรอการระเบิดให้ช้าลง
คนที่ใช้เวทย์ตามแบบแผนก็เหมือนขับรถยนต์ในปัจจุบัน
คนที่ใช้แก่นของเวทย์มนต์เหมือนขี่จรวดเชื้อเพลิงแข็งนั่นเอง
ปล. อธิบายเพื่อคนอื่นๆ จรวดแบ่งเป็น2แบบหลักๆคือแบบเชื้อเพลิงเหลว กับแบบเชื้อเพลิงแข็ง
แบบเชื้อเพลิงเหลว คือมี2ถ้ง 1ถ้งเก็บเชื้อเพลิง อีก1ถังเก็บอ๊อกซิเจน(มักจะใช้ไนตรัสอ็อกไซด์)
แบบเชื้อเพลิงแข็ง คือมีแค่เปลือกไม่มีถัง มีแท่งเชื้อเพลิงสลับกับแท่งเร่งปฏิกริยา(สารแข็งที่ปล่อยอ๊อกวิเจนเมื่อโดนความร้อน) ตั่วอย่างง่ายก็คือดอกไม้ไฟ
มีบางคนใช้เชื้อเพลิงแข็งบรรจุไว้กับถังไนตรัสก็มี(เชื้อเพลิงแข็งแต่สารเร่งเหลว)
นั่นก้น่าจะดีครับใน warhammer .ห้แนวคิดคล้ายๆกัน
ว่าพวกสายดาร์ก ไม่สนกฎข้อห้ามนั้นทรงพลังมกากว่า แต่ร่างกายก็จะกลายเป็นมิวแตนท์มากกว่าเช่นกันเพระาโดนผลกระทบจากวาร์ป
ผมเรียกว่าเราอยู่ในสิ่งที่เรียกว่า การประกอบขึ้นใหม่ reconstruction
ของแนวคิดว่า
"พระเอกอิเซไคคิดเวทย์ใหม่ได้"ว่าคิดได้น่ะเก่งจริงไม่ใช่ปัยหาเพระาเรามีแนวคิดที่กว้างไกลกว่าในบางเรือ่งอย่างคณิตศาสตร์และโปรแกรมคอมพิวเตอร์
แต่ว่าที่ชาวบ้านต่างโลกใช้เวทืย์แบบเดิมนั้นก็เพระาความมั่นคงแน่นอนมากกว่าในการฝึกฝน
เหมือนกับวิชาฝ่ายธรรมะกับอธรรมนั่นล่ะครับ
ไปเจอแนวคิดว่าฝ่ายธรรมะที่บูชาการเดินลมปราณพื้นฐานนั้น เพระามันมีการฝึกมาเป้นร้อยพันครั้งหลายสิบปีว่าไ้ดมาตรฐานแล้วไม่ธาตุไฟแตกกลายเป้นคนพิการไป
พออยู่มานานๆเลยกลายเป็นกึ่งๆศาสนาธรรมเนียมความเชื่อไป
เพระาคนเราไม่กล้าเสี่ยงทดลองด้วยตนเองว่าคิดวิชาใหม่แล้วจะเกิดอะไรขึ้น
แต่นั่นล่ะ จะอ้างว่าพระเอกอิเซไคเก่งกว่าเพระามีคณิตศาสตร์ที่ก้าวหน้ามากกว่าคนยุคนั้นและความณุ้ทางวิทยาศาสตร์กับการเขียนโปรแกรมที่ก้าวหน้ามากกว่้าทำให้เวทย์ที่ผลืิิตออกมานั้นมีหลัการพื้นฐานที่แข็งแกร่งกว่าคนในต่างโลก
ผมไปเจอนิยายตะวันตกเล่นมกุว่าพวกพ่อมดในโลกนั้นศึกษามาเป้นร้อยๆปี เก่งกาจในด้านการใช้การป้องกันด้านเวทย์และอุกรณ์ต่างๆหรือพิธีกรรมแต่ปัญหาคือ ต้องเตรียมการเป้นระยเวลายาวนาน ทำพิธีกรรมหลายคนบูชายัญชีวิตลูกศิษย์อะไรสารพัด
จึงจะไ้ดความเก่งกาจเป็นที่หนึ่งในแผ่นดินก่อนที่จะจะเอพระเอกที่ใช้ความรุ้ด้านวิทยาศาสตร์กับเวทย์ได้เก่งกว่า
เรียกว่านักเขียตะวันตกก็ใช้มุกคล้ายๆกับเราครับ แต่เน้นความดหดร้ายของเวทย์มากกว่า ตามสไตล์ตำนานรอร์ส บ้านขนมปัง ที่มีแม่มดที่จะจับคนมาบูชายัญเพื่อเอาพลังชีวิตมาสร้างร่างที่สวยงามของตนเอง
ตำนานโบราณ สกาฮะหรือไอริชจริงๆผมว่าก็เถื่อนไม่แพ้ตำนานของไทยเราเลยล่ะครับ
อย่างที่บอกครับคำว่าเวทมนต์มันไม่มีขีดจำกัดเพราะมันแทนคำว่าอะไรก็ได้ ดังนั้นขีดจำกัดมันอยู่ที่ตัวเรื่องจะนำเสนอเวทอย่างไร และไอ้ขีดจำกัดอย่างส้นเท้าของอคิลิสมันไช้ไม่ได้ครับเพราะถ้าแม่มันโยนลงแม่น้ำสติสแล้วอุ้มขึ้นมา เท่ากับร่างทังร่างของอคิลิสฟันแทงไม่เข้าครับและแม้ร่างมันจะทนทุกอย่างและไม่มีจุดอ่อนที่ข้อเท้า อคิลิสก็ยังตายได้ครับเพราะเบสมันแค่มนุษย์ครับแค่รมควันไส่ก็ตายแล้วพิษทังหลายมันก็กันไม่ได้ เวทในหลายๆเรื่องเช่นนิยายกรีกไม่ไช่ขีดจำกัดครับเพราะมันไม่มีขีดจำกัดแต่เป็นการ เอาเวทอีกอย่างไปฆ่าหรือทำลายกันเช่นคำสาบอารักเน่หรือเมดูซ่าวีธีทำลายก็แค่เอาคนที่มีเวทเหนือกว่า อย่างฮาเดสไปตบสังเกตุดูดีๆนะครับตำนานกรีกไม่มีเวทไหนชนะเวทของฮาเดสได้เลย เพราะฮาเดสเก่งที่สุดในเรื่องถ้าจะบอกว่ามีขีดจำกัดจริง มันก็มีแค่ระดับชั้นของเวทเทพแต่ละคนแค่นั้นเวทของเทพที่ต่ำชั้นกว่า จะชนะเทพที่มีลำดับสูงกว่าไม่ได้เลยแต่ขีดจำกัดในการไช้ไม่มีแต่ความเก่งของตัวละครมันเรียก ว่าขีดจำกัดของเวทไม่ได้มัง
[quote/]
ไม่เหมือนครับเพราะเวทจะไช้อธิบายสิ่งที่ไม่มีอยู่จริงอย่างไงก็ได้คนตังกฏคือคนแต่งครับ จะแต่งไห้มีลำดับขั้นตอนหรือจะไม่มีเลยก็ได้
ใช่้ครับ ตามหลักการของพรที่พระพรหมให้ พระนารายณ์ไปปราบ
มีบางเคสที่พระศิวะเปิดตาที่สามเพื่อฆ่า เรียกว่าสูงสุดในจักรวาลแล้วจะมีเทพแห่งความตายคอยเก็บกวาดขั้นสุดท้ายหากทางอื่นไม่ได้ผล
.งที่ผมว่าขีดจำกัดของเวทย์ หมายถึงขีดจำกัดในการดำเนินเรือ่งน่ะครับ
อย่างลอร์ดออฟเดอะริงอธิบายไว้ค่อนข้างดีแล้วว่าทำไมพวกเทพๆไม่ออกมา
เพระาครั้งสุดท้ายที่ออกมา แผนที่โลกเปลี่ยนเลยว่างั้น
ว่าเราสร้สางพ่อมดที่เก่งกาจได้ก็ต้องสร้างสถานการร์ที่ทำให้พวกพระเอกนางเอกยังมีความสำคัญอยู่น่ะครับ