คือผมเข้าใจว่าแนวรักจีนโบราณ พิศวาสแห่งวังหลวงนั้นให้ความสำคัญกับกำลังภายในเกินไปอาจจะผิดเป้าหมายที่ต้องการสื่อของเรื่องได้
ว่าอาจจะสนใจกับการแย่งความรักและอำนาจทางการเมืองมากกว่า
แต่ผมว่านั่นคือการมองเรื่องราวแบบไม่รอบด้านหรือเพราะเหตุอะไรก็ไม่รู้
เอาแบบท่านหวงอี้
ที่ยังยอมรับความจริงของจักรวาลนั้น
ว่าพอมีข้อพิสูจน์แน่ชัดว่าการ"ทลายนภา" หลุดพ้นจากโลกมีอยู่จริงๆ
จอมคนในแผ่นดินที่ฆ่ากันตายเลือดนองแผ่นดิน ยังสามารถหยุดการกระทำทางการเมืองได้
เพราะเรื่องการหลุดพ้นจากโลกนั้นยิ่งใหญ่กว่าการชิงแผ่นดิน
แต่ท่าทางโรมานซ์จีนจะไม่คิดแบบนั้นน่ะครับ
ผมไปอ่านเจอประโยคหนึ่งอาจจะเขียนแบบผ่านๆ
"ท่านอัครเสนาบดีลาออกจากตำแหน่ง มุ่งอยู่กับการปรุงยา"
ก็เหมือนกับจะบรรยายว่า
เพราะพ่อที่เป็นอัครเสนาบดีทำอย่างนั้นทำให้นางเอกต้องเดือดร้อน
แต่สำหรับคนที่ผ่านแนวเอี้ยนเฟยของท่านหวงอี้มาจะรู้ว่า หากได้ยาจะทำให้ตนเองเป็นกึ่งเทพได้จริงๆนั้นคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม
คือผมไม่แน่ใจว่าแนวโรมานซ์ต้องการสื่ออะไรเหมือนกัน
หรือเราควรจะมองแบบกลางๆว่า
"การปรุงยาสำเร็จทำให้เราเป็นกึ่งเซียนได้ก็จริง แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะปรุงสำเร็จ"
ทำให้เรามองแบบกลางๆได้
ว่ามันมีทางได้ผลจริง แต่คนทั่วไปมองเป็นเรื่องไร้สาระ เพราะไม่เกี่ยวกับการแย่งชิงอำนาจในโลกมนุษย์ของพวกเขา
มีแต่พวกบ้าอัจฉริยะของยุทธภพเท่านั้น ที่จะโดนเกลี้ยกล่อมได้ด้วยการสำเร็จเป็นเซียน
คนธรรมดาจะแย่งชิงอำนาจกันไปและมองว่าการปรุงยาและสำเร็จเป็นเซียนนั้นไร้สาระหรือเปล่าครับ?

ผมนึกถึงนิยายจีนเรื่องหนึ่งแซวว่า
หากฮ่องเต้หนุ่ม มีร่างกายแข็งแรง บริหารบ้านเมืองอยู่เย็นเป็นสุข กองทัพเข้มแข็ง แต่อยู่ๆมาประกาศว่าจะไม่ยุ่งกับการบริหารราชการแผ่นดินอีกต่อไป
แต่จะกักตัวฝึกวิชาเพื่อสำเร็จเป็นเซียนแทน
แม้แต่เสนาบดีที่จงรักภักดีก็ทนเรื่องนั้นไม่ได้หรอก
แนวสมัยก่อนผมว่าค่อนข้างตอบได้ดีว่า
บ้านเมืองหรือวิชาฝีมือ
เลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง
เพราะการฝึกวิชาฝีมือต้องจดจ่อ หากยังมาห่วงแผ่นดิน
จะไม่สามารถบรรลุขั้นสุดยอดได้
แนวท่านหวงอี้ก็ประมาณว่า
"อยากประลองกับยอดฝีมือคนนี้ แต่ไม่สามารถเสี่ยงชีวิตได้เพราะต้องรักษาชีวิตไปกอบกู้บ้านเมือง"
ทุกท่านมองว่าอย่างไรบ้างครับ?
การอธิบายแบบท่านหวงอี้หรือนิยายสมัยก่อนถูกกว่าหรือเปล่า?
คือกำหนดว่าการสำเร็จเป็นเซียนมีจริง แต่คนที่สนใจคือคนที่ติสท์มากพอหรือตัวประหลาดของยุทธภพเท่านั้นที่จะใส่ใจ
ไม่แปลกที่โรมานซ์จีนโบราณจะมองว่าพวกตัวประหลาดเฒ่าคือคนบ้า
เพราะมันก็บ้าจริงๆ
แนวโรมานซ์จากมุมมองผู้หญิงไม่แปลกที่จะสนใจเรื่องราวของบ้านเมืองมากกว่าหากอะไรที่เลื่อนลอยอย่างการสำเร็จเป็นเซียน
หากเอาตาม Lore ของจักรวาล
การปรุงยาความยากอยู่ในระดับที่"ยากมาก"เท่านั้น
ไม่ใช่ระดับ"เป็นไปไม่ได้"
ท่านอัครเสนาบดี ตัวประหลาดเฒ่าของแผ่นดิน ทางเทคนิคพวกนี้ก็เก่งเกือบจะที่สุดในแผ่นดินแล้วล่ะ
ไม่แปลกที่พวกนี้จะเข้าใจว่าหากตนเองทำไม่ได้ก็ไม่มีคนอื่นทำได้แล้ว
ก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ
เพราะเรื่องทำนองนี้ คนที่ปรุงยามาทั้งชีวิตมักไม่ได้กินยา
แต่ไอ้หนุ่มดวงดีพระเอกที่มาจากไหนไม่รู้ต่างหาก ถึงได้ทานยาเข้าไปได้
ทุกท่านคิดว่าอย่างไรบ้างครับ?
ผมชอบท่านหวงอี้ที่ยังรักษา Lore ข้อมูลของจักรวาลไว้ว่ามีการทลายนภาจริงๆ
มีทั้งคนที่ล้มเลิกการต่อสู้ทางโลกเมื่อมีข้อพิสูจน์ว่าการทลายนภามีจริง
และมียอดคนที่ตัดสินใจไม่ฟังเรื่องพวกนี้เลย เพราะกลัวว่าตนเองจะอดกลั้นไม่ไหว
มีภาระทางบ้านเมืองให้ต้องแบกรับก่อน
อันที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แนวสมัยก่อนก็เขียนพวกนี้ไว้ค่อนข้างชัด
ว่าวิชาฝีมือกับการชิงแผ่นดิน ฝึกไปพร้อมกันไม่ได้หากต้องการให้ถึงระดับสุดยอดของยุทธภพ