กลับเข้าเรื่องยูเครนแป๊บ วันนี้ดูช่องอะไรก็ไม่รู้ล่ะเขาบอกว่าประเทศยูเครน Power Balance ไม่เป็น ผู้นำบางคนไม่โปรรัสเซียก็โปรตะวันตก ซึ่งเอาจริงๆในจุดนี้ถือว่าไทยทำได้ดีกว่านะครับ เพราะล่าสุดเจอเขมรมายั่วหลายครั้งไทยก็ไม่ตกหลุมพราง ซึ่งถ้าไทยทำพลาดเขมรน่าจะไปฟ้องพ่อของมันซึ่งนั่นก็คือฝรั่งเศสแน่นอน
จริงๆ ใช้คำว่า Power Balance มันก็ไม่ถูกครับ
คำว่า Power Balance แปลว่า การคานอำนาจและตรวจสอบ
ซึ่งปกติเรื่องนี้จะพูดถึงเกี่ยวกับ การคานอำนาจระหว่างฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติและตุลาการ ที่มีกลไกคานอำนาจแบบงูกินหาง
ถ้าเป็นเชิงการทูต ควรใช้ว่า Political Neutality แปลว่า การเป็นกลางทางการทูต มากกว่าครับ
แต่การเป็นกลางทางการทูตเนี่ย เราต้องไม่อยู่ในสถานะเป็น Vassal หรือ Puppet State นะครับ พูดง่ายๆ คือ ไม่เป็นลูกไล่ใคร
ยกตัวอย่าง
ประเทศ A กับ C มีท่าทีเป็นศัตรูกันและมีเพื่อนบ้านเป็นประเทศของเรา คือ B
ความเป็นกลางทางการทูต หมายความว่า เรามี Power ใกล้เคียงหรือไม่ได้ด้อยกว่าจนเป็นอยู่ในสถานะเป็นลูกไล่ให้ A และ C
A กับ C ไม่กล้าประกาศสงครามกับ B
A กับ C จะทำอะไร ยังต้องเกรงใจเราที่เป็น B อยู่ แล้ว B อย่างเราก็ไม่เข้าข้างไม่ว่าจะเป็น A หรือ C อันนี้เรียกว่าเป็นกลางครับ
พูดง่ายๆ ก็คือ A กับ C ไม่อยู่ในสถานะที่สามารถบีบเราได้
ซึ่งผมมองว่าถ้าอิงจากนิยาม ไทยไม่น่าจะใช่นะครับ จากที่ผ่านมาแค่จีนส่งเจ้าหน้าที่ที่ไม่ใช่ตัว Top เข้ามา อย่างหลิวจงอี้
รัฐไทยแทบจะทำตามซ้ายหันขวาหันเช่นนี้ อันนี้ไม่เรียกว่าเป็นกลางครับ อันนี้เรียกว่า ลูกไล่ หรือ Vassal ครับ
วิธีพิสูจน์ว่าเป็นกลาง คือ ถ้าอีกฝ่ายบีบมา เราสามารถต้านแรงบีบอีกฝ่ายได้โดยไม่ต้องทำตาม
.......................
ถ้านึกไม่ออก ให้นึกถึงประเทศ Orb ในกันดั้ม Seed ก็ได้ครับ ที่ถูกบีบจากฝ่ายโลก แต่ Orb ก็ไม่ยอมทำตาม
ถูกฝ่าย Zaft บีบ Orb ก็ไม่ทำตาม อันนี้แหละคือ จำกัดความเรื่องความเป็นกลางทางการทูตได้อย่างถูกต้องที่สุด
ถ้าพูดถึงประเทศที่เป็นกลางทางการทูตได้
- สวิตเซอร์แลนด์ ชัดสุดก็สงครามโลกครั้งที่ 2 ฮิตเลอร์มีแผนยึดสวิตเซอร์แลนด์ แต่ก็ไม่กล้า
- สิงคโปร์ มาเลเคยพยายามบีบสิงคโปร์ แต่สิงคโปร์ก็ไม่ได้ยอมต่อมาเลเซีย