คือ ถ้าปมเข้าใจไม่ผิด ธนาคาร อเมริกาเป็นแนว ธนาคารท้องถิ่น เป็นส่วนมาก ไม่ใช่แบบบ้านเรา ที่ไม่กี่เจ้ารวบ ทั้งประเทศ แบบบ้านเราล้มทีนึงคือชิบหาย
แต่ของ อเมริกา มันไม่ใช่
SVB ล้ม เพราะเงินสดมีไท่พอใช่ไหม จำไม่ผิด สินทรัพย์้ขามีเยอะ แต่เป็นธนางัติ คือยังอีกฟล่ยปีกว่าจะได้คืน แต่พอเจอคนเบิกเกินเงินสดในมือมากๆ เข้า ก็รับไม่ไหว
ถ้าให้สรุปคือราวๆงี้ครับ เมกามีกฏ เงินสด 10% ถ้าจำตัวเลขไม่ผิดนะ
คือธนาคารต้องสำรองเงินหมุนเวียนไว้จ่าย ถ้าไม่มีจ่าย ธนาคารจะโดนยึดโดย รบ. แล้วขายทรัพย์สินมาชดใช้ผู้ฝาก
ซึ่งปัญหาคือ ไอ้ตัวเลชรับรองมันไม่เกิน 2.5 แสน ต่อบัญชี แบบบ้านเราล้านนึง
แปลว่าอ้าว เงิน xxx ล้านของตรูล่ะ คนก็รีบถอนๆๆๆๆ จนธนาคารโดนยึดโดย รบ.
จบในกี่ ชม. ไม่แน่ใจ แต่น่าจะไม่กี่วัน คือ 2-3 วันมั้งถ้าจำไม่ผิด
พอข่าวแบ้งค์ล้มมาปุ๊ป คนทั้งประเทศสะดุ้ง ไล่แห่ถอนเงินออกทุกธนาคาร เพราะไม่มีใครกล้ามั่นใจว่าแบ้งค์ตัวอื่นจะไม่ล้มตาม
คือทุกคนแพนิค ถอนเงินมากอดไว้ก่อน
แต่ทีมงานลุงโจแกไว พอที่แรกล้มปุ๊ป แกรีบประกาศเลยว่าจะชดใช้เงินเต็มจำนวนทุกคน
ทำให้คนที่เริ่มแห่ไปถอนเงินธนาคารอื่น เลยหยุด
คือถ้าลุงแกไม่รีบประกาศ ธนาคารอื่นๆก็จะล้มตามเป็นโดมิโน่ทั้งหมด
เพราะ ทุกธนาคาร มีเงินสดแค่ 10% ของเงินฝาก ยังไงก็รับกระแสถอนไม่ได้
คือธนาคารแรกที่เกิดเรื่อง เขามีทรัพย์สินพอจ่ายทั้งหมดนั่นแหล่ะ แต่มันต้องใช้เวลา
เพราะบางอย่างไปตราสารหนี้ พันธบัตร กว่าจะถอนได้ก็ต้องรอ 5-10 ปี ไรงี้
มันเร็วมากจนหาเงินไม่ทัน พอโทรหาเพื่อน จะขายหุ้นเอาเงินมาหมุน แม่มคนรู้กันทั้งวงการ
ราคาหุ้นก็ดิ่งอีกกลายเป็นคนที่จะซื้อก็ชักมือกลับ รอสอยของถูกกว่าเดิม
สุดท้ายก็ล้มไปในไม่กี่วันเพราะตั้งตัวไม่ทัน
ที่ๆอื่นที่ยังไม่ล้มเพราะรายย่อยเยอะ ตัวถ่วงมันช่วยไว้
ต่างกับธนาคารที่ล้ม มันมีสัดส่วนคนรวยเยอะ เงินเลยออกไว
เพราะงั้นคราวนี้ที่ล้ม ไม่เกี่ยวกับเล็กใหญ่ แต่เกิดจากคนเสียความเชื่อมั่น
ถ้าไบเดน ไม่เข้ามาแทรกแซง แล้วปล่อยไปตามกฏ วงการธนาคาร เมกาอาจจะล้มเป็นโดมิโน่ใน 2 สัปดาห์ก็ได้