อเมริกามันโรคจิตบวกตอแหลครับ สมมุติว่ามันตั้งเป้าไว้ที่ 100 แต่ใช้งานได้ 99 มันบอกว่าล้มเหลว เป็นจีนและรัสเซียนี่ตีปีกพั่บๆว่าประสบความสำเร็จไปแล้ว
ป.ล มีเรื่องตลกๆมาเล่าให้ฟังครับในเฟสมีออกข่าวเรื่องนักวิทยาศาสตร์ชาวจีนชื่อ เฉียน จีนขี้โม้ซะใหญ่โตบอกว่าเป็นนักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะเรื่องอวกาศสร้างจรวดในอเมริกาแต่อเมริกาไม่ให้ความสำคัญแล้วก็เนรเทศออกมา ถ้าเก่งระดับนั้นจริงๆนี่ไอ้กันไม่ปล่อยมาหรอกครับ
ก็ขึ้นกับว่า 100 นั่นมันคืออะไรนะ
อย่างมาตรฐานงานที่ทำคือ ผ่าน 100 แต่ต้องออกแบบ 200 นะ เป็นไปตามหลักเกณฑ์ด้านความปลอดภัย
คือ 100 คือพอดีเป๊ะ เจอนกมาเกาะก็คือพัง
ที่จะสื่อก็คือ ต้องดูด้วยว่าไอ้ 99 จาก 100 ที่ขาดไปคืออะไร
เช่น ดีทุกอย่าง เสียอย่างเดียวคือต้องนำเข้าวัตถุดิบสำคัญจากจีน หรือรัสเซีย
ดีทุกอย่าง แต่แพงจน ทุ่มทุนหลักแสนล้านเพื่อลดต้นทุนในสินค้าที่ไม่รู้จะขายออกไหม
ดีทุกอย่าง แต่เจอกฏหมายห้ามในส่วนสำคัญ
ดีทุกอย่างแต่......
คือประเทศเมกา เขาขึ้นชื่อเรื่องการหาเงินทุนตามความฝันอยู่ละ
อย่าง อเมซอน ก็ขอเงินลงทุนจากนักลงทุนตั้งแต่ยังทำเงินไม่ได้เลย
ถ้าใครดูรายการ shark tank จะรู้ว่าขนาดเด็กมัธยมทำสินค้าไปนำเสนอ
ยังมีนักลงทุนยอมจ่ายเลยถ้าไอเดียดี
เพราะงั้นผลิตภัณฑ์ อะไรก็ตามที่โดนเอาเข้ากรุดองเค็ม
ถึงจะสำเร็จไป 99 จาก 100 แต่ไอ้ 1 ที่ขาดไป
บางทีมันเป็นกำแพงที่โครตใหญ่เลย
ซึ่งกำแพงที่หลายธุรกิจจะเจอก็คือ ตอนเล็กๆทุกคนมองข้าม พอใหญ่โตพอก็เตรียมรับศึกรอบด้านได้เลย จะไปต่อก็เจอทั้งกฏหมาย ทั้งปัญหาเงินทุน ปัญหาคู่แข่ง
จนมีแนวทางทำธุรกิจแบบนึงของอเมริกาคือ ปั้นมาขาย
คือมองหาแนวทางใหม่ๆแล้วก็ปล่อยใช้ฟรีทำจนคนมาใช้บริการเยอะพอก็ขายทิ้งด้วยราคาสูงลิ่ว
อย่างล่าสุดก็ทวิตเตอร์ ก่อนหน้าก็เพียบไม่ว่าจะ youtube instagram
ถ้าจำไม่ผิด กูเกิ้ลก็เคยจะขาย ตั้งแต่เริ่มต้น
แต่ yahoo หรือเปล่าไม่แน่ใจนานละเป็นคู่แข่ง
กูเกิ้ลเลยขายไม่ออก
สุดท้ายก็อย่างที่รู้ๆกัน ผู้ก่อตั้งกูเกิ้ลเลยทำต่อเองแล้วหานักลงทุนได้
แล้วก็รวยแซงคู่แข่งหมดละ
แต่ถ้ามองบ้านเรา จะไม่ค่อยรู้หรอก เพราะส่วนใหญ่นิยมก็อปเอาดื้อๆเลยมากกว่า
เท่าที่นึกออกก็มี sanook คนทำขายทิ้งแล้วไปทำเวปใหม่
โออิชิ อิชิตัน ขายทิ้ง แล้วไปทำอย่างอื่นหลายปี
แล้วน่าจะหมดเวลาห้ามเป็นคู่แข่ง ก็กลับมาทำใหม่