เว็บติดตามสถานการณ์ในยูเครนแบบ Live Map

[sariora123]

,ไม่รู้ว่าจริงขนาดไกน


 แต่มีข่าวว่าจะเกณแม้แต่ผู้หญิง(ไม่ยืนยัน)

[PeanutButter]

อัพเดตข่าวสงครามยูเครน วันที่ 218 ของสงคราม Part 1 (การรั่วไหลของท่อก๊าซ “นอร์ดสตรีม” ในทะเลบอลติค Part 1)

1.1 ต่อเนื่องกับข่าวการเกิดระเบิดขึ้น 2 ครั้งใต้ทะเลบอลติค ใกล้กับเกาะบอร์นโฮล์ม (Bornholm) ประเทศเดนมาร์ค ส่งผลให้เกิดก๊าซรั่วไหลทั้งหมด 3 จุดในท่อส่งก๊าซ “นอร์ดสตรีมวัน” (Nord Stream 1) และ “นอร์ดสตรีมทู” (Nord Stream 2) ระหว่างรัสเซียและเยอรมนี ส่งผลให้เกิดก๊าซรั่วไหลทั้งหมด 3 จุด ในระดับความลึกประมาณ 70 ม. ล่าสุดกองเรือยามฝั่งสวีเดนได้ค้นพบจุดรั่วไหลจุดที่สี่แล้ว ทำให้ตอนนี้มีรายงานการค้นพบจุดรั่วไหลของก๊าซทั้งหมด 4 จุด ในจำนวนนี้ 2 จุดที่เกิดการรั่วไหลของก๊าซเกิดขึ้นบนท่อก๊าซ “นอร์ดสตรีมวัน” และจุดรั่วไหลของก๊าซอีก 2 จุดมาจากท่อก๊าซ “นอร์ดสตรีมทู” โดยทุกจุดต่างอยู่ในพื้นที่น่านน้ำสากลทั้งสิ้น นอกจากนี้รองศาสตราจารย์ บยอร์น ลันด์ (Björn Lund) นักแผ่นดินไหววิทยาผู้ค้นพบการระเบิดของท่อก๊าซในทะเลบอลติคผ่านการตรวจจับคลื่นใต้น้ำ ยังกล่าวด้วยว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการระเบิดขึ้นทั้งหมด 3 ครั้งในเหตุการณ์ท่อก๊าซรั่วไหลครั้งนี้ โดยมีความเป็นไปได้ที่การระเบิดครั้งที่ 3 นั้นจะเกิดในเวลาไล่เลี่ยกันกับการระเบิดครั้งที่ 2 ซึ่งทำให้การตรวจจับทำได้ยากกว่าการระเบิด 2 ครั้งแรกที่มีระยะเวลาห่างกันประมาณ 5 ชั่วโมง

ภาพประกอบ 1 จุดรั่วไหลของก๊าซทั้ง 3 จุด เนื่องจากจุดที่สี่นั้นพึ่งถูกค้นพบทำให้แผนที่นั้นยังไม่ได้รับการอัพเดต แต่จากรายงานพบว่าจุดรั่วไหลจุดที่สี่นั้นอยู่ตรงบริเวณท่อก๊าซ “นอร์ดสตรีมทู” ใกล้กับ จุดรั่วไหล 2 จุดของท่อก๊าซ “นอร์ดสตรีมวัน” หรือประเมินง่ายๆ ว่าจุดที่สี่น่าจะอยู่บริเวณขวาบนของแผนที่ ทั้งนี้ จะเห็นว่าทุกจุดที่เกิดการรั่วไหลนั้นต่างอยู่นอกอาณาเขตทางทะเลของประเทศสมาชิกนาโต้ทั้งสิ้น

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

ภาพประกอบ 2 รองศาสตราจารย์ บยอร์น ลันด์ (Björn Lund) ผู้ค้นพบการเกิดระเบิดใต้ที่นำไปสู่การรั่วไหลของก๊าซในทะเลบอลติคครั้งนี้

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

แม้ว่าท่อก๊าซ “นอร์ดสตรีม” ทั้งสองจะไม่ได้อยู่ในระหว่างการใช้งานเนื่องจากเยอรมนีและรัสเซียต่างยุติการใช้งานท่อดังกล่าวเพื่อตอบโต้อีกฝ่ายกรณีสงครามในยูเครน ทำให้ผลกระทบทางเศรษฐกิจต่อทั้งสองประเทศนั้นมีเพียงเล็กน้อย แต่ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมนั้นดูจะหนักหนามากทีเดียว โดยการประเมินเบื้องต้นของนักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมพบว่า เหตุการณ์นี้อาจทำให้เกิดการรั่วไหลของก๊าซมีเทน (Methane Gas) ก๊าซซึ่งมีคุณสมบัติในการดูดซับความร้อนสูงและเป็นหนึ่งในตัวการหลักของภาวะอากาศเปลี่ยนแปลงบนโลก ออกสู่ชั้นบรรยากาศมากกว่าเหตุการณ์ก๊าซรั่วในบ่อน้ำมันอลิโซ แคนยอน (Aliso Canyon Gas Leak) ในประเทศสหรัฐเมื่อปี 2015 ประมาณ 2 - 5 เท่า โดยในเหตุการณ์ก๊าซรั่วที่อลิโซ แคนยอนนั้น ประมาณการว่ามีก๊าซมีเทนรั่วไหลออกสู่ชั้นบรรยากาศประมาณ 97,100 ตัน นั่นหมายความว่าในกรณีที่เลวร้ายที่สุด ก๊าซรั่วไหลในทะเลบอลติคครั้งนี้อาจทำให้ก๊าซมีเทนจำนวนเกือบ 500,000 ตันออกสู่ชั้นบรรยากาศ ซึ่งแน่นอนว่าจะส่งผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับโลกอย่างแน่นอน

อีกประการหนึ่ง การรั่วไหลของก๊าซยังส่งผลให้ระดับความหนาแน่นของน้ำทะเลลดน้อยลง ซึ่งสร้างความเสี่ยงให้เรือที่แล่นผ่านไปมานั้นสามารถจมน้ำได้โดยง่าย อีกทั้งยังสุ่มเสี่ยงจะทำให้เกิดเพลิงลุกไหม้ขึ้นกลางทะเลที่เต็มไปด้วยก๊าซ ทำให้รัฐบาลเดนมาร์คประกาศพื้นที่หวงห้ามทางทะเลขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุอันตรายขึ้นกับเรือสินค้าที่แล่นผ่านไปมาในทะเลบอลติค

ทั้งนี้ นายคริสตอฟเฟอร์ เบิตต์ซอว (Kristoffer Böttzauw) อธิบดีกรมพลังงานเดนมาร์ค ประมาณการว่าจนถึงตอนนี้ปริมาณของก๊าซในท่อส่งก๊าซ “นอร์ดสตรีม” ทั้งสองได้รั่วไหลออกมาจำนวนมากกว่าครึ่งหนึ่งของก๊าซภายในท่อทั้งหมดแล้ว และคาดว่าการรั่วไหลทั้งหมดจะหยุดลงภายในวันอาทิตย์นี้

สำหรับสาเหตุของการระเบิดใต้ทะเลนั้น ณ ตอนนี้ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายต่างชี้เป้าไปที่การก่อวินาศกรรมมากกว่าอุบัติเหตุหรือภัยธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นนางเมตเต เฟรเดอริกเซน (Mette Frederiksen) นายกรัฐมนตรีเดนมาร์ค, นางมักดาเลียนา อันเดอช็อน (Magdalena Andersson) นายกรัฐมนตรีสวีเดน, นางเออร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน (Ursula von de Leyen) ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป, นายเจค ซัลลิแวน (Jake Sullivan) ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ กระทั่งนายดมีตรี เปสคอฟ (Dmitry Peskov) โฆษกประจำสำนักประธานาธิบดีรัสเซีย

นอกจากนี้นายอูลริค ลิสเซค (Ulrich Lissek) โฆษกบริษัท “นอร์ดสตรีมทู” (Nord Stream 2 AG) ได้ให้คำยืนยันว่าการจัดวางท่อก๊าซของบริษัทนั้นถูกออกแบบมาเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดอุบัติเหตุจากเรือสินค้าหรือเรืออื่นๆ ที่แล่นไปมาในทะเลอยู่แล้ว ทำให้การเกิดอุบัติเหตุรั่วไหลของก๊าซขึ้นพร้อมกันหลายจุดในคราวเดียวนั้นเป็นไปได้ยากมาก อีกทั้งรองศาสตราจารย์ลันด์ ผู้ค้นพบการระเบิดของท่อก๊าซในทะเลบอลติคผ่านการตรวจจับคลื่นใต้น้ำ ยังให้ความเห็นว่าจากการตรวจจับด้วยคลื่นเสียง การระเบิดเกิดขึ้น “ในน้ำ” ไม่ใช่พื้นทะเลซึ่งเป็นที่ตั้งของท่อก๊าซ

อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่นิรนามคนหนึ่งให้การสัมภาษณ์กับสำนักข่าว “ซีเอ็นเอ็น” (CNN) ว่าการสืบสวนถึงสาเหตุที่แท้จริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นจะต้องรอจนถึงวันอาทิตย์นี้เป็นอย่างน้อย หรือหากสภาพแวดล้อมไม่เป็นใจ เช่นปริมาณก๊าซที่รั่วไหลในทะเลนั้นมีปริมาณเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ ก็อาจจะต้องรอไปอีก 2 สัปดาห์จนกว่าจะสามารถเริ่มต้นการสืบสวนอย่างเป็นทางการได้

[PeanutButter]

อัพเดตข่าวสงครามยูเครน วันที่ 218 ของสงคราม Part 2 (การรั่วไหลของท่อก๊าซ “นอร์ดสตรีม” ในทะเลบอลติค Part 2)

1.2 แน่นอนว่าแม้ชาติในยุโรปจะไม่เอ่ยปากอย่างชัดเจน แต่ท่าทีที่แสดงนั้นค่อนข้างชัดว่าพวกเขาชี้เป้าไปที่รัสเซียว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ โดยนายมิไคโล โพโดลิยัค (Mykhailo Podolyak) ที่ปรึกษาประธานาธิบดียูเครน และนายมาแตอุช มอราวีแยตสกี (Mateusz Morawiecki) นายกรัฐมนตรีโปแลนด์ ต่างออกมากล่าวโดยทันทีว่าการกระทำครั้งนี้น่าจะเป็นฝีมือของรัสเซีย ขณะที่นายมอร์เต็น เบิร์ดสกอฟ (Morten Bødskov) รมว.กลาโหมเดนมาร์ค ได้ทำการเข้าประชุมหารือด่วนกับนายเยนส์ สต็อลเตินบาร์ก (Jens Stoltenberg) เลขาธิการองค์การนาโต้เพื่อหารือเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว ขณะที่สหภาพยุโรปเองก็ได้เตรียมการคว่ำบาตรรัสเซียรอบใหม่เพื่อตอบโต้กับการที่รัสเซีย “ทำให้สถานการณ์การรุกรานยูเครนบานปลายขึ้นสู่จุดใหม่” (Russia has escalated the invasion of Ukraine to a new level) ขณะที่นายโยนาส กาห์ สตอร์ (Jonas Gahr Støre) นายกรัฐมนตรีนอร์เวย์ ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้ส่งออกก๊าซธรรมชาติรายใหญ่ที่สุดให้แก่สหภาพยุโรป ได้ประกาศว่ากองทัพนอร์เวย์จะเริ่มการตรวจสอบเฝ้าระวังพื้นที่แท่นขุดเจาะน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติของตนในทะเลเหนือ และในฐานะชาติสมาชิกนาโต้ นายกาห์ สตอร์ยืนยันว่าการก่อวินาศกรรมใดๆ ต่อโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของนอร์เวย์จะเท่ากับการโจมตีชาติสมาชิกนาโต้ทั้งหมด
 
ทางด้านเจ้าหน้าที่นิรนามของหน่วยข่าวกรองสหราชอาณาจักออกมาให้ความเห็นกับสำนักข่าว “เดอะไทมส์” (The Times) และ “สกายนิวส์” (Sky News) ว่าคำอธิบายที่เป็นไปได้มากที่สุดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คือทางรัสเซียใช้โดรนใต้น้ำติดตั้งวัตถุระเบิดไว้กับตัว แล้วจึงทำการจุดชนวนระเบิด ข้อดีคือโดรนใต้น้ำนั้นมีขนาดเล็ก สามารถอยู่ใต้น้ำได้นานเป็นเดือน ทำให้การตรวจจับทำได้ยากมากและรัสเซียสามารถวางแผนเตรียมการล่วงหน้าได้นานนับเดือน สอดคล้องกับความเห็นของผู้เชี่ยวชาญด้านการทหาร ว่ารัสเซียอาจใช้โดรนใต้น้ำติดตั้งวัตถุระเบิด หรือหน่วยปฏิบัติการพิเศษใต้น้ำลักลอบเขข้าไปติดตั้งชนวนระเบิดบริเวณท่อก๊าซได้

ภาพประกอบ 3 แสดงให้เห็นขนาดของโดรนใต้น้ำของรัสเซียรุ่น “โพไซดอน” (Poseidon) หรือ “แคนยอน” (Kanyon) (ลำด้านบน) ตามรหัสเรียกขานของนาโต้ ซึ่งสามารถบรรจุหัวรบนิวเคลียร์ได้ โดยเมื่อหลายเดือนก่อน สื่อโทรทัศน์ของรัสเซียนำเรื่องโดรนดังกล่าวมาใช้เล่นข่าวข่มขู่ประเทศในยุโรปให้ยกเลิกการสนับสนุนยูเครน

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

ทั้งนี้ เมื่อประมาณ 2 สัปดาห์ก่อน เจ้าหน้าที่ข่าวกรองและบุคคลในรัฐบาลสหรัฐกับสหภาพยุโรปได้ออกมาแสดงความกังวลว่า ปธน.ปูตินของรัสเซียนั้นอาจพยายามหาวิธีการสร้างสถานการณ์ใหม่ๆ เพื่อปั่นราคาพลังงานให้สูงขึ้น ซึ่งจะทำให้ค่าใช้จ่ายสำหรับพลเมืองยุโรปในฤดูหนาวนี้เพิ่มสู.ขึ้นตาม และเพิ่มความเสี่ยงจะทำให้เกิดสถานการณ์วุ่นวายขึ้นในยุโรปได้

อย่างไรก็ดี ในขณะที่ชาติยุโรปค่อนข้างจะแสดงท่าทีชัดเจนว่ารัสเซียนั้นเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ รัฐบาลสหรัฐนั้นยังคงสงวนท่าทีกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่จากความเห็นของเจ้าหน้าที่นิรนามต่อ “ซีเอ็นเอ็น” รัสเซียยังคงเป็นผู้ต้องสงสัยเบอร์หนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รัฐบาลรัสเซียได้ทำการยื่นญัตติของเหตุการณ์ก๊าซรั่วในทะเลบอลติคเข้าสู่ที่ประชุมของสหประชาชาติแล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่นิรนามให้ความเห็นว่าเป็นการกระทำที่รวดเร็วมากเสมือนว่ามีการเตรียมการมาแล้ว

อีกเหตุการณ์หนึ่งที่ยิ่งเพิ่มความน่าสงสัยว่ารัสเซียจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ก๊าซรั่วในครั้งนี้ คือเมื่อวันพุธที่ผ่านมา บริษัท “แกสพรอม” (PJSC Gazprom) รัฐวิสาหกิจด้านกิจการน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติของรัสเซีย ได้ออกแถลงการณ์ว่าบริษัทจะไม่จ่ายค่าธรรมเนียมตามสัญญาให้แก่บริษัท “นาฟโตแกส” (Naftogaz of Ukraine) บริษัทร่วมทุนระหว่างรัฐบาลและเอกชนยูเครนในการพัฒนาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ รวมถึงข่มขู่ว่าทางการรัสเซียอาจทำการยุติการจ่ายก๊าซให้แก่ประเทศอื่นๆ ในยุโรผ่านท่อส่งก๊าซของยูเครนด้วย

เท้าความก่อนว่าเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา “นาฟโตแกส” ได้ยื่นเรื่องฟ้องร้องต่อศาลอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ (International Court of Arbitration) เรียกร้องให้ “แกสพรอม” ทำการชำระค่าธรรมเนียมในการใช้งานท่อส่งก๊าซภายในยูเครนเพื่อส่งออกก๊าซไปยังประเทศอื่นๆ ในยุโรป ซึ่งทาง “แกสพรอม” ได้ออกแถลงการณ์ตอบโต้เมื่อวันที่ 28 ก.ย. ที่ผ่านมา ว่าทาง “นาฟโตแกส” ล้มเหลวในการปฏิบัติตามสัญญา ทำให้ “แกสพรอม” ไม่สามารถทำการจ่ายก๊าซผ่านสถานีบางจุดได้ “แกสพรอม” จึงมีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธการชำระค่าธรรมเนียมให้แก่ “นาฟโตแกส” พร้อมกันนั้น “แกสพรอม” ยังกล่าวว่าถ้าหาก “นาฟโตแกส” ไม่ทำการยกฟ้องคดี รัฐบาลรัสเซียอาจเข้าแทรกแซงโดยการประกาศคว่ำบาตร “นาฟโตแกส” ซึ่งจะทำให้ทาง “แกสพรอม” ไม่สามารถดำเนินการจ่ายก๊าซให้แก่ประเทศต่างๆ ในยุโรปผ่านท่อส่งก๊าซในยูเครนได้

ภาพประกอบ 4 ท่อก๊าซระหว่างรัสเซียและยุโรป

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

[PeanutButter]

อัพเดตข่าวสงครามยูเครน วันที่ 218 ของสงคราม Part 3 (การรั่วไหลของท่อก๊าซ “นอร์ดสตรีม” ในทะเลบอลติค Part 3)

1.3 ทางด้านรัสเซีย ผู้ต้องสงสัยเบอร์หนึ่งว่าเป็นผู้ก่อวินาศกรรมครั้งนี้ ก็ไม่ได้อยู่เฉยนิ่งนอนใจ โดยรัฐบาลรัสเซียได้ยื่นเรื่องให้เปิดการประชุมด่วนภายในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (United Nations Security Council) พร้อมกันนั้นยังได้กล่าวว่าสหรัฐนั้นคือผู้ต้องสงสัยเบอร์หนึ่งของเหตุการณ์นี้ โดยอ้างอิงจากคำกล่าวเตือนของ ปธน.ไบเดนเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ หรือไม่กี่สัปดาห์ก่อนเกิดสงครามในยูเครน ความว่า “หากรัสเซียทำการรุกรานยูเครน ด้วยการยกทหารและรถถังเคลื่อนพลข้ามชายแดนแล้วละก็ มันจะไม่มีท่อก๊าซ “นอร์ดสตรีมทู” อีกต่อไป เราจะทำให้มันจบ” (If Russia invades, that means tanks or troops crossing the border of Ukraine, again, then there will be - there will be no longer a Nord Stream 2. We will bring an end to it.) และเมื่อนักข่าวถาม ปธน.ไบเดน ต่อว่าเขาหมายว่าอย่างไร ปธน.ไบเดนได้ตอบกลับทันทีว่า “ผมให้สัญญาเลยว่าเราสามารถทำมันได้” (I promise you, we'll be able to do it.)

นอกจากนี้ รัฐบาลรัสเซียยังอ้างอีกว่ามีการตรวจจับเฮลิคอปเตอร์ทางทะเลรุ่น MH-60R Strike Hawk ของกองทัพเรือสหรัฐบินวนเวียนอยู่ในทะเลบอลติคเป็นระยะเวลากว่า 9 ชั่วโมง ห่างจากเกาะบอร์นโฮล์มประมาณ 250 กม. ในวันเดียวกับที่เกิดการรั่วไหลของก๊าซขึ้น เฮลิคอปเตอร์รุ่นดังกล่าวมีความสามารถเชิงอเนกประสงค์ สามารถใช้งานได้หลากหลายภารกิจ ซึ่งรวมถึงการโจมตีเรือผิวน้ำและเรือดำน้ำ ฉะนั้นในทางทฤษฎี ฮ. “สไตรค์ฮอร์ค” สามารถทำการโจมตีท่อส่งก๊าซใต้ทะเลได้

ภาพประกอบ 5 ฮ. “สไตรค์ฮอร์ค” ของกองทัพเรือสหรัฐสังกัดฝูงบินเฮลิคอปเตอร์โจมตีทางทะเลที่ 35 (Helicopter Maritime Strike Squadron 35) ขณะทำการฝึกซ้อมยิงอาวุธปล่อยนำวิถี AGM-114M Hellfire สำหรับโจมตีเรือผิวน้ำ ภาพถ่ายเมื่อวันที่ 5 เม.ย. 2016

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

ความคิดเห็นส่วนตัวเล็กน้อย

แม้ว่าคำเตือนของ ปธน.ไบเดนจะฟังเหมือนการข่มขู่ว่าจะทำลายท่อก๊าซ “นอร์ดสตรีมทู” แต่การโจมตีพันธมิตรด้วยกันเองนั้นนับการกระทำสิ้นคิดอย่างมาก อีกทั้งยังเสี่ยงจะผลักดันให้เยอรมนีเข้าหารัสเซียมากขึ้น มากกว่าจะทำให้เยอรมนียุติความสัมพันธ์กับรัสเซีย สิ่งที่มีความเป็นไปได้มากกว่าคือข้อตกลงลับระหว่างรัฐบาลสหรัฐกับเยอรมนี ว่าถ้ารัสเซียทำการรุกรานยูเครนตามที่สหรัฐเตือนไว้เมื่อไหร่ รัฐบาลเยอรมนีจะยุติโครงการ “นอร์ดสตรีมทู” ในทันที และนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อรัฐบาลรัสเซียประกาศเริ่ม “ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร” ในยูเครน ทันทีที่รัสเซียประกาศออกมา รัฐบาลเยอรมนีได้ประกาศยุติการดำเนินงานโครงการ “นอร์ดสตรีมทู” กับรัสเซียโดยทันทีทันควัน โดยไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย เสมือนว่ารัฐบาลเยอรมนีได้รับรู้อยู่ก่อนแล้วว่ามีความเป็นไปได้ที่รัสเซียจะรุกรานยูเครนจริง และจนถึงทุกวันนี้ รัฐบาลเยอรมนีก็ไม่เคยแสดงท่าทีใดๆ ให้เห็นว่าพวกเขาจะกลับไปรื้อฟื้นโครงการ “นอร์ดสตรีมทู” กับรัสเซียอีก จึงไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่สหรัฐจะต้องลอบทำลายท่อส่งก๊าซ “นอร์ดสตรีม” ตามที่รัสเซียกล่าวอ้างแต่อย่างใด

และประเด็นเรื่อง ฮ. “สไตรค์ฮอร์ค” ที่รัสเซียอ้างว่าอาจเป็นตัวการโจมตีท่อส่งก๊าซนั้น ก็สามารถอธิบายได้ว่า ฮ.ดังกล่าวกำลังอยู่ในระหว่างการเฝ้าระวังและติดตามความเคลื่อนไหวของเรือฝ่ายรัสเซียภายในทะเลบอลติค เพราะ “สไตรค์ฮอร์ค” นั้นมีความสามารถแบบอเนกประสงค์ สามารถใช้เพื่อสอดแนมเป้าหมายทางทะเลได้ อีกทั้งหากสหรัฐใช้ “สไตรค์ฮอร์ค” ลำดังกล่าวเพื่อโจมตีท่อก๊าซจริง ก็ไม่สมควรจะทำการบินเป็นระยะเวลานานถึง 9 ชั่วโมงให้สามารถถูกตรวจจับได้ง่าย ไม่ต้องพูดถึงว่าการใช้เฮลิคอปเตอร์เพื่อโจมตีเป้าหมายทางทะเลนั้นสามารถถูกตรวจจับได้ง่ายมาก ฉะนั้นข้ออ้างว่าสหรัฐนั้นต้องการจัดฉากเพื่อใส่ร้ายรัสเซีย หรือปิดกั้นโอกาสไม่ให้เยอรมนีกลับไปคืนดีกับรัสเซียจึงไม่สมเหตุสมผลและขัดแย้งกับข้อมูลแวดล้อมที่เผยแพร่ออกมาอย่างมาก

เพิ่มเติมอีกนิดหนึ่งสำหรับมุมความคิดเห็นส่วนตัว

ผมค่อนข้างเชื่อว่าผู้อยู่เบื้องหลังเหตุวินาศกรรมท่อส่งก๊าซ “นอร์ดสตรีม” ในทะเลบอลติคคือรัสเซีย (ในกรณีที่พิสูจน์แล้วว่าเป็นการก่อวินาศกรรมจริง) ด้วยเหตุผลหลัก 2 ประการ

1) Intimidation - การข่มขู่ ผมเคยกล่าวไปแล้วในโพสต์ข่าวเมื่อวานนี้ ว่าการระเบิดครั้งนี้เกิดขึ้นภายในวันเดียวกับการทำพิธีเปิดใช้งานท่อส่งก๊าซ “บอลติคไปป์” (Baltic Pipe) ระหว่างนอร์เวย์-เดนมาร์ค-โปแลนด์ แถมยังเกิดขึ้นใกล้กับที่ตั้งของจุดวางท่อก๊าซ “บอลติคไปป์” ด้วย รัสเซียอาจต้องการส่งคำเตือนไปยังยุโรปว่า “วันนี้ระเบิดแค่นอร์ดสตรีม พรุ่งนี้อาจเป็นที่ไหนก็ได้” อาศัยความกลัวเรื่องการขาดแคลนก๊าซในช่วงฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึงของยุโรป บีบให้รัฐบาลในยุโรปยกเลิกการคว่ำบาตรรัสเซีย

2) Market Manipulation - การปลุกปั่นตลาด รัสเซียอาจพยายามสร้างเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับก๊าซธรรมชาติในยุโรป เช่นเรื่องการระเบิดของท่อก๊าซ “นอร์ดสตรีม” ในครั้งนี้ หรือการออกมาขู่ว่าจะยกเลิกการจ่ายก๊าซผ่านท่อส่งก๊าซในยูเครนไปยังยุโรป สร้างกระแสปลุกปั่นตลาดพลังงานให้มีราคาผันผวน ซึ่งจะทำให้ราคาค่าไฟฟ้าและค่าก๊าซของประชาชนยุโรปในช่วงฤดูหนาวยิ่งพุ่งสูงขึ้น เพื่อบีบให้รัฐบาลในยุโรปยกเลิกการคว่ำบาตรรัสเซีย หรืออย่างน้อยที่สุดก็ทำให้ยุโรปปั่นป่วนวุ่นวายจนไม่สามารถยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือยูเครนได้



ที่มา:

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

[wanit000]

ท่อน้ำมันแตกนี้ รัสเชียเสียหายบานเลยนะ เพราะหลังจบสงคราม ยังไงก้อได้กลับมาชื้อขายกันต่อ นี้รัสเชียต้องไปเสียเวลาซ่อมอีก

[sariora123]

ท่อน้ำมันแตกนี้ รัสเชียเสียหายบานเลยนะ เพราะหลังจบสงคราม ยังไงก้อได้กลับมาชื้อขายกันต่อ นี้รัสเชียต้องไปเสียเวลาซ่อมอีก

นโยบายระยะยาว มาแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะฝด  ลด การใช้ำน้ำมัน


ผมยัฝมองเลยว่าไอ้ที่บุกยูเครน หลักๆ คือต้องการแต้มต่อรองเพิ่มมากกว่าพลังงานที่รัสเซียขายเป็นหลัก

[sechan]

ตอนแรกระเบิด นอร์ตสตรีม คิดว่าเรื่องท่อก๊าซแต่ตอนนี้ผมว่าจริงๆคือสกัดเรือดำน้ำนิวเคลียร์สหรัฐมากกว่า  เพราะ จังหวะเดียวกันคือ ประกาศสี่แคว้น เป็นของรัสเซียแล้วขยับหัวรบนิวเคลียร์ประชิดชายแดนใหม่ของรัสเซีย  กันไม่ให้มะกันมันเอานิวเคลียร์มาแสตนบายในทะเลดำ  ต่อให้จะเข้ามาทุกชาติจะบอกตำแหน่งเรือดำน้ำสหรัฐระหว่างผ่านเส้นทางนี้ได้  ถ้าเรือดำน้ำสหรัฐผ่านก็โวยวายให้เรือหยุด อ้างว่าเป็นคนมาทำลายท่อได้อีก  ในเชิงยุทธศาสตร์  รัสเซียจะได้ประโยชน์จากการมีปัญหาท่อรั่วมากที่สุด  เพราะถ้าคุณเป็นสหรัฐ คุณจะกล้าส่งเรือมีหัวรบนิวเคลียร์ไปในพื้นที่ๆ คุณหาคนวางระเบิดท่อก๊าซ ต่อเนื่องไม่ได้  แปลว่ามีศัตรูซ่อนในพื้นที่  การส่งเรือไปตอนนี้ก็เจอพันธมิตรบอกตำแหน่งอีก  ถ้าช่างความเสี่ยงเจอสหรัฐเอาเรือมาขู่กับการซ่อมท่อที่ส่งไปก็ไม่เต็มที่เพราะยังติดคว่ำบาตร ก็เอาท่อมาเป็นอาวุธดีกว่า  ถ้าอีกฝ่ายเอานิวเคลียร์มาโชว์ขู่ข้าง ก็มีแนวโน้มที่ชาวบ้านจะไม่ยอมให้ย้ายอาวุธนิวเคลียร์มาที่ชายแดน

[deaddy]

อย่าคิดว่าไบเดนจะไม่ทำนะ คนที่กระทืบค่าเงิน eu
ทุกวันนี้คือเมกานะครับ


คือฝั่งอังกฤษ ยุโรป เห็นว่าขึ้นดอกเบี้ยตามเมกาแล้ว
แต่หยุดเงินเฝ้อไม่อยู่ ขนาดไทยยังค่าเงินอ่อนสุดในรอป 16 ปีได้เลยมั้ง


จะถือเงินยูโร รึปอนด์ทำไม ถือดอลล่าร์สิ
ดอกก็ดีแถมค่าเงินแข็งขึ้นอีก
ไม่ต้องกลัวขาดแคลนพลังงานด้วย


ยูโรระยะยาวไปมีแต่ค่าเงินจะอ่อน
ค่าครองชีพก็พุ่ง เพราะต้องนำเข้าเยอะมาก
แต่ภาคส่งออก เจอค่าไฟฟ้าแพง ต้นทุนก็พุ่ง
สินค้าเทคโนโลยีเหมือนๆเมกา แต่ราคาไม่น่าคบใครจะซื้อ
ตอนนี้คงเหลือแต่สินค้าไฮโซแล้วมั้ง
ที่ยุโรปยังจะขายได้

เห็นข่าวแล้วแบบว่า เมกา ดูดเงินไม่เกรงใจเพื่อนเล้ย

[pol]

Deaddy  อเมริกานี่เหลี่ยมทุกดอกแล้วบอกเพื่อนกัน 555

[sariora123]

ตอนนี้ ผมละชักสงสียแล้วว่า ปูติน พีแกยังมีวุฒธิภาวะ พอเป็นผู้นำได้เหรอ


ช่วงนี้เห็นเอานิ้เคลีย มาขู่ บ่อยชิบหาย


คือคนแบบนี่ยังควรให้เป็นผู้นำอีกเรอะ  เรื่องนี้ไม่ใช่ล้อนกันเล่นนะนี เรียกได้ว่าเรื่องใหญ่ด้วยซ๊ำ
อเมริกาไปรบติดหล่ม 20ปี แม่งยังไม่เอานุคมาขู่กันเลย

[DDAvatar]

เห็นมีคนวิเคราะห์ว่ายุโรปกำลังจะยอมยกธงขาวให้รัสเซียอเมริกาเลยต้องปิดทางรอดยุโรปก่อน
เลยระเบิดท่อก๊าซกันไว้ก่อนบีบให้ยุโรป ไม่มีทางถอย ให้ต้องถล่มรัสเซียให้สุด


ส่วนเรื่องนิวเคลียร์ ก็ มีหลายคนบอกว่า ปูตินตัดสินใจยิงแล้ว แค่ จะยิ่งเมื่อไหร่ ที่ขู่ๆ นี่คือ บอกว่าขู่หลายรอบแล้วไม่ฟังกันเอง

[samuison]

เฮอะๆ จะยิงกันจริงๆ อเมริกาคงยิ้มล่ะครับ




ผมมองแล้วว่าค่อนข้างชงตัวเหมือนกัน


ปิดเส้นทางทะเลดำ เพื่อป้องกันอเมริกายิงตนเอง


ทางเทคนิค โดยนโยบาย อเมริกาถอยให้รัสเซียไดั


แต่อังกฤษถอยไม่ได้ล่ะครับ


ใครอ่านทาเนียน่าจะรู้

[deaddy]

เห็นมีคนวิเคราะห์ว่ายุโรปกำลังจะยอมยกธงขาวให้รัสเซียอเมริกาเลยต้องปิดทางรอดยุโรปก่อน
เลยระเบิดท่อก๊าซกันไว้ก่อนบีบให้ยุโรป ไม่มีทางถอย ให้ต้องถล่มรัสเซียให้สุด


ส่วนเรื่องนิวเคลียร์ ก็ มีหลายคนบอกว่า ปูตินตัดสินใจยิงแล้ว แค่ จะยิ่งเมื่อไหร่ ที่ขู่ๆ นี่คือ บอกว่าขู่หลายรอบแล้วไม่ฟังกันเอง

เท่าที่ฟังคือ จะยิงนิวเคลียร์เพื่อปกป้องประเทศเท่านั้น เลยต้องผนวกพื้นที่ยูเครนเข้ามาเลย จะได้เข้าข่ายปกป้องอธิบไตยของประเทศ

[sariora123]

เห็นมีคนวิเคราะห์ว่ายุโรปกำลังจะยอมยกธงขาวให้รัสเซียอเมริกาเลยต้องปิดทางรอดยุโรปก่อน
เลยระเบิดท่อก๊าซกันไว้ก่อนบีบให้ยุโรป ไม่มีทางถอย ให้ต้องถล่มรัสเซียให้สุด


ส่วนเรื่องนิวเคลียร์ ก็ มีหลายคนบอกว่า ปูตินตัดสินใจยิงแล้ว แค่ จะยิ่งเมื่อไหร่ ที่ขู่ๆ นี่คือ บอกว่าขู่หลายรอบแล้วไม่ฟังกันเอง

วิเคราะห์ว่า จะยอมแพ้ มาตั้วหลายเดือน จน มั่วไปว่าจะไปยอมตอนหน้าหนาว เดียวคง ยอมแพ้เอา ปีหน้า2 ปี ข้างหน้า


รัสเซียทำตัวให้ไว้ใจไม่ได้ ตอนนี้ ถ้าหากให้เหตุผลเดียวกัน กับที่บุกยูเครน รัสเซีย ค่อยๆ ยึดได้หมด แม้แต่ประเทศในกลุ่ม นาโต้ เข่าไปปลดปล่อย บลาๆ


นโยบายตัดขาดกันระยะยาวมันถึงได้มีมาในกลุ่มยโรปไง


ทางเดียวที่ยุโรปพึงต้องการได้คือ พื้นที่กันชน หรือยูเครนนี่แหละ


ส่วนตัวผมมองว่ายูเึรนเตรียมตัวยุกครั้งใหญ่ แถวๆ เคอซอน


ส่วนตัว มองยังไง ตอนนี้รัสเซียมีสผู้ได้อย่างเดียวก็นุค ล่ะ อย่างอื่น หลุดลุยไปหมดล่ะ  แล้วถ้ารัสเซีย คิด เอานุค มาขูเพื่อยึดพื้นที่ประเทศอื่นแบบนี้ โดยที่คิดว่าคนอื่นไม่กล้าหือ




ผมบิกได้แค่ว่า งานนี้มีแต่ต้องยิงสวนเท่านั้น ้พราะแบบยี้แล้ว ไม่มีทางหยุดแค่ ยูเครน แน่ๆ


หรือ อเมริกาจะให้ยูเครนเช่า นืวเคลียร์

[DDAvatar]

ก็เดาไม่ถูกเหมือนกันครับว่าอเมริกาจะตอบโต้กลับด้วยอะไรเพราะไพ่ในมือ
ก็เหลือไม่มากจะ All Out War เพื่อยึดรัสเซียเลยก็เสี่ยงไป จะแบนรัสเซีย
จนเป็นเกาหลีเหนือก็ไม่น่าจะเกิดผลอะไร

ส่วนยุโรปไม่ได้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ถึงบอกว่ายกธงขาว ในทางปฎิบัติ
มันก็แค่สนับสนุนยูเครนน้อยลง แต่ปากก็คงด่ารัสเซียเหมือนเดิมแต่ซื้อ
แก๊สรัสเซียหนักขึ้น และขายของให้รัสเซียมากขึ้น ก็ปากว่าตาขยิบแบบนี้แหละ

ดู พฤติกรรม ยุโรป เทียบกับญี่ปุ่นก็ได้ โตโยต้า ทิ้งโรงงานให้ร้าง
ส่วน ยุโรป ยกโรงงานรถยนต์ให้รัสเซีย

[PeanutButter]

อัพเดตข่าวสงครามยูเครน วันที่ 219 ของสงคราม Part 1 (ความช่วยเหลือจากสหรัฐ Part 1)

1.1 ความช่วยเหลือของสหรัฐยังคงหลั่งไหลมาให้ยูเครนอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อวันที่ 28 ก.ย. ที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศชุดความช่วยเหลือด้านความมั่นคง (Security Assistance) ชุดใหม่ให้แก่ยูเครน รวมมูลค่าทั้งหมด 1,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (41,600 ล้านบาท) ซึ่งรัฐบาลสหรัฐจะนำไปใช้จ่ายเพื่อการสนับสนุนยูเครนผ่านโครงการความช่วยเหลือด้านความมั่นคงแก่ยูเครน หรือ USAI (Ukraine Security Assistance Initiative) โครงการให้ความช่วยเหลือแก่กองทัพยูเครนในระยะยาว โดยรัฐบาลสหรัฐจะนำงบประมาณในโครงการไปจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ก่อนทำการส่งมอบให้แก่ยูเครน

สำหรับรายละเอียดของชุดความช่วยเหลือทางทหารชุดนี้ประกอบไปด้วย

1.1.1 เครื่องยิงจรวดหลายลำกล้อง M142 HIMARS จำนวน 18 ระบบ พร้อมด้วยจรวดนำวิถีเพิ่มเติม (ปัจจุบันยูเครนมี HIMARS จำนวนทั้งหมด 16 ระบบ เท่ากับว่าในอนาคต ยูเครนจะมี HIMARS จำนวนมากถึง 34 ระบบ ในการใช้งาน ยังไม่นับรวมเครื่องยิงจรวดหลายลำกล้อง M270 MLRS จากสหราชอาณาจักร นอร์เวย์ และเยอรมนี ที่มีขีดความสามารถทัดเทียมกับ HIMARS ทั้งที่ส่งมอบแล้วและกำลังอยู่ในระหว่างการส่งมอบ อีกจำนวน 11 ระบบ)

ภาพประกอบ 1 เครื่องยิงจรวดหลายลำกล้อง “ไฮมาร์ส” (M142 HIMARS) ในงาน “การแสดงกลาโหมโลก” (World Defense Show) ณ กรุงริยาด (Riyadh) ซาอุดิอาระเบีย ระหว่างวันที่ 6 - 9 มี.ค. ที่ผ่านมา

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

1.1.2 รถฮัมวีหุ้มเกราะ (Armored HMMWV) จำนวน 150 คัน

ภาพประกอบ 2 รถเกราะฮัมวีรุ่น M1151 Enhanced Armament Carrier ที่สหรัฐส่งมอบให้ยูเครนจำนวน 20 คัน เมื่อเดือนมกราคม ปี 2021

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

1.1.3 ยานพาหนะทางยุทธวิธีสำหรับการลางจูงอาวุธยุทโธปกรณ์ จำนวน 150 คัน (คาดว่าจะเป็นรถบรรทุก/รถลากจูงปืนใหญ่ตระกูล FMTV ที่สหรัฐเคยมอบให้ยูเครนก่อนหน้านี้)

1.1.4 รถบรรทุกทหาร 40 คัน และรถพ่วงทหาร 80 คัน สำหรับการลำเลียงอาวุธยุทโธปกรณ์ขนาดใหญ่ (ก่อนหน้านี้มีหลักฐานการพบเห็นรถบรรทุกพ่วงรุ่น M984A4 HMMTV ของกองทัพบกสหรัฐถูกใช้งานโดยกองทัพยูเครน จึงเป็นไปได้ว่ารถบรรทุกและรถพ่วงที่สหรัฐจะทำการส่งมอบให้ยูเครนจะเป็นรถบรรทุกตระกูล HMMTV)

1.1.5 เรดาร์ 2 ระบบสำหรับอากาศยานไร้นักบิน (ไม่แน่ชัดนักว่าหมายถึงอะไร แต่เป็นไปได้ว่าจะหมายถึงเรดาร์สำหรับติดตั้งกับโดรนทางอากาศของยูเครน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการค้นหาเป้าหมายและการสอดแนมของกองทัพยูเครนให้มากขึ้น)

1.1.6 เรดาร์พหุภารกิจ (Multi-Mission Radar) จำนวน 20 ระบบ (คาดว่าจะหมายถึงเรดาร์ภาคพื้นดินที่มีความสามารถหลากหลายรูปแบบในตัว เช่นการตรวจจับเป้าหมายทางอากาศ (Air Surveillance) การค้นหาตำแหน่งของปืนใหญ่ศัตรูโดยการคำนวณจากวิถีกระสุน (Counterfire Target Acquisition) หรือการควบคุมการยิงของอาวุธชนิดต่างๆ (Fire Control) อีกจุดสำคัญคือเรดาร์พวกนี้ถูกออกแบบมาให้สามารถติดตั้งบนรถฮัมวีได้ ซึ่งมีหลากหลายบริษัทในสหรัฐที่ผลิตออกจำหน่าย เช่นเรดาร์พหุภารกิจรุ่น MMR ของบริษัท “เอสอาร์ซี” (SRC Inc.) หรือเรดาร์รุ่น “แฮมเมอร์” (HAMMR) ของบริษัท “นอร์ทธรอป กรัมแมน” (Northrop Grumman Corporation) เป็นต้น)

ภาพประกอบ 3 เรดาร์แบบ MMR ของบริษัท “เอสอาร์ซี” (SRC Inc.) ภาพจากเว็บไซต์ของบริษัท

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

ภาพประกอบ 4 เรดาร์แบบ “แฮมเมอร์” (HAMMR) ของบริษัท “นอร์ทธรอป กรัมแมน” (Northrop Grumman Corporation) ในการทดสอบ ณ ฐานทัพอากาศเอ็กลิน (Eglin Air Force Base) รัฐฟลอริดา สหรัฐ เดือนมีนาคม ปี 2020

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

1.1.7 ระบบต่อต้านอากาศยานไร้นักบิน (Counter-UAV Systems) (ตามข่าวที่ออกมา ระบบต่อต้านโดรนที่สหรัฐจัดหาให้ยูเครนชุดนี้คืออุปกรณ์รบกวนสัญญาณโดรนรุ่นทหารราบพกพาได้ ชื่อว่า “ไททัน” (Titan C-UAS) จากบริษัท “บลูฮาโล” (Blue Halo) ของสหรัฐ จำนวนทั้งสิ้น 12 ระบบ)

ภาพประกอบ 5 อุปกรณ์รบกวนสัญญาณโดรนรุ่น “ไททัน” (Titan C-UAS) จากบริษัท “บลูฮาโล” (Blue Halo) ภาพจากเว็บไซต์ของบริษัท

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

1.1.8 อุปกรณ์สื่อสารเข้ารหัสสัญญาณ อุปกรณ์ตรวจจับ และกล้องติดปืน

1.1.9 ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด 

1.1.10 เกราะกันกระสุนและอุปกรณ์ภาคสนามอื่นๆ 

1.1.11 งบประมาณสำหรับการฝึกฝนบุคลากร การบำรุงรักษา และการซ่อมบำรุง 

ทั้งนี้ เนื่องจากการจัดหาอาวุธให้แก่ยูเครนครั้งนี้เป็นการจัดซื้อจัดจ้างผ่านโครงการ USAI หมายความว่าจะยังต้องใช้ระยะเวลานานหลายเดือนหรือหลายปี กว่าที่อาวุธเหล่านี้จะผลิตเสร็จสมบูรณ์ก่อนส่งมอบให้แก่ยูเครน แต่อย่างน้อยมันก็เป็นนิมิตหมายว่าสหรัฐนั้นจะให้การสนับสนุนยูเครนไปอีกหลายปี

หากนับรวมชุดความช่วยเหลือด้านความมั่นคงชุดล่าสุดด้วย จะทำให้นับตั้งแต่นายโจ ไบเดนขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2021 จนถึงปัจจุบัน สหรัฐได้ส่งมอบความช่วยเหลือทางทหารให้แก่ยูเครน รวมมูลค่าทั้งหมด 16,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (639,500 ล้านบาท) หรือถ้าหากนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ความขัดแย้งกรณีคาบสมุทรไครเมียและภูมิภาคดอนบาสขึ้นในปี 2014 มูลค่าความช่วยเหลือทางทหารที่สหรัฐมอบให้ยูเครนทั้งหมดจะเท่ากับ 19,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (719,000 ล้านบาท) หรือถ้าหากนับตั้งแต่เกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครนขึ้นเมื่อวันที่ 24 ก.พ. ที่ผ่านมา มูลค่าความช่วยเหลือทางทหารที่สหรัฐมอบให้ยูเครนทั้งหมดจะเท่ากับ 16,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (613,000 ล้านบาท)



ที่มา:

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

[PeanutButter]

อัพเดตข่าวสงครามยูเครน วันที่ 219 ของสงคราม Part 2 (ความช่วยเหลือจากสหรัฐ Part 2)

1.2 นอกจากชุดความช่วยเหลือทางทหารชุดใหม่ที่มุ่งเน้นไปที่การลงทุนระยะยาวสำหรับกองทัพยูเครนในอนาคตแล้ว ในอีกด้านหนึ่งเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ทางวุฒิสภาของสหรัฐได้มีมติรับรองร่าง “รัฐบัญญัติงบจัดสรรเพิ่มเติมแก่ยูเครนและงบจัดสรรเพิ่มเติมต่อเนื่อง ค.ศ.2023” (Continuing Appropriations and Ukraine Supplemental Appropriations Act, 2023) อย่างเป็นทางการด้วยเสียงสนับสนุน 75-25 เสียง ก่อนถึงเส้นตายการสิ้นสุดปีงบประมาณ 2022 ในวันศุกร์ที่ 30 ก.ย. นี้พอดิบพอดี นับเป็นงบประมาณสนับสนุนยูเครนชุดที่ 3 ของสหรัฐที่สภาคองเกรสลงมติอนุมัติในปีนี้ นับตั้งแต่เกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครนขึ้น

สำหรับร่างงบประมาณสนับสนุนยูเครนชุดที่ 3 นี้ จะประกอบไปด้วยงบประมาณสำหรับการสนับสนุนยูเครนทั้งหมด 12,350 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (466,800 ล้านบาท) โดยมีรายละเอียดประกอบไปด้วย

1.2.1 งบประมาณสำหรับการสนับสนุนทางทหารแก่ยูเครน จำนวน 7,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (283,570 ล้านบาท) แบ่งออกได้เป็น

1) งบประมาณสำหรับโครงการความช่วยเหลือด้านความมั่นคงแก่ยูเครน หรือ USAI (Ukraine Security Assistance Initiative) จำนวน 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (113,400 ล้านบาท)

2) งบประมาณสำหรับกองบัญชาการสหรัฐประจำยุโรปหรือ USEUCOM (United States European Command) จำนวน 2,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (105,860 ล้านบาท) ตลอดสงครามยูเครน USEUCOM ได้ให้ความช่วยเหลือแก่ยูเครนทั้งในด้านการจัดส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ การจัดส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม การฝึกฝนใช้งานอาวุธยุทโธปกรณ์ และการให้ข่าวกรองทางทหารแก่ยูเครนเป็นจำนวนมาก

3) งบประมาณสำหรับการจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์เพื่อทดแทนอาวุธในคลังสำรองกองทัพสหรัฐที่ได้ทำการส่งมอบให้แก่ยูเครน จำนวน 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (56,700 ล้านบาท)

4) งบประมาณสำหรับสำนักงานความมั่นคงนิวเคลียร์แห่งชาติ หรือ NNSA (National Nuclear Security Administration) ในการวางแผนป้องกันและตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับอาวุธนิวเคลียร์และรังสีในยูเครน จำนวน 35 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (1,320 ล้านบาท)

5) งบประมาณสำหรับจเรทหารในการตรวจสอบการใช้งบประมาณของรัฐภายใต้ร่างรัฐบัญญัติฉบับนี้ จำนวน 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (75 ล้านบาท)

1.2.2 งบประมาณสำหรับการสนับสนุนด้านเศรษฐกิจและมนุษยธรรมแก่ยูเครน จำนวน 4,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (170,000 ล้านบาท)

นอกจากนี้ งบประมาณอีกชุดหนึ่งที่ได้รับการอนุมัติแยกต่างหาก คืองบประมาณสำหรับอำนาจการเบิกถอนตามคำสั่งประธานาธิบดี หรือ PDA (Presidential Drawdown Authority) จำนวน 3,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (140,000 ล้านบาท) โดย PDA เป็นอำนาจพิเศษของประธานาธิบดีสหรัฐในการส่งมอบอาวุธยุทโธปกรณ์ที่มีประจำการในกองทัพสหรัฐให้แก่ชาติพันธมิตรเนื่องในสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยจำนวนของอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ประธานาธิบดีสามารถส่งมอบให้แก่ชาติพันธมิตร(เช่นยูเครน)ได้นั้นต้องอยู่ภายใต้กรอบงบประมาณที่กำหนด

ทั้งนี้ มีเรื่องน่าสนใจว่าในปัจจุบัน รัฐบาลสสหรัฐยังมีงบประมาณเหลือใช้ในส่วนของ PDA อีกจำนวน 2,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (79,400 ล้านบาท) ซึ่งงบดังกล่าวจากงบประมาณสนับสนุนยูเครนชุดที่ 2 ที่ผ่านการอนุมัติจากสภาคองเกรสเมื่อเดือนพฤษภาคม โดยรัฐบาลสหรัฐได้ทำการโยกย้ายงบประมาณที่เหลืออยู่นี้ ไปรวมเป็นส่วนหนึ่งของงบ PDA ชุดใหม่ที่พึ่งผ่านการอนุมัติจากสภาคองเกรส เพื่อเป็นการประหยัดงบประมาณโดยรวมของรัฐบาล เท่ากับว่ารัฐบาลสหรัฐได้รับงบประมาณ PDA ชุดใหม่จริงๆ เพียง 1,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (60,500 ล้านบาท) เท่านั้น แต่ทางวุฒิสภานำโดยพรรครีพับลิกัน (Republican Party) ต้องการอนุมัติงบประมาณสำหรับ PDA ชุดใหม่แยกต่างหากจากงบประมาณ PDA ชุดเก่าที่ยังหลงเหลืออยู่ ซึ่งจะทำให้งบประมาณ PDA เพิ่มขึ้นเป็น 5,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (220,000 ล้านบาท) แทน แต่สุดท้ายพรรครีพับลิกันก็ยินยอมต่อฝ่ายรัฐบาล เพื่อให้สามารถทำการอนุมัติเงินสนับสนุนแก่ยูเครนได้ก่อนหมดปีงบประมาณ

(ถ้าไม่เข้าใจ สรุปง่ายๆ ว่ารัฐบาลสหรัฐต้องการประหยัดงบประมาณเลยโยกเอางบประมาณของเก่าที่เหลืออยู่มาใช้ใหม่ ขณะที่พรรครีพับลิกันฝ่ายค้านต้องการให้นำงบเก่าและงบใหม่มารวมกัน เพื่อที่จะได้มีงบสนับสนุนยูเครนเยอะๆ สุดท้ายฝ่ายรัฐบาลชนะไป)

ก่อนหน้านี้ในเดือนมีนาคม หลังจากที่รัสเซียได้ทำการรุกรานยูเครน สภาคองเกรสของสหรัฐได้ลงมติรับรองงบประมาณสนับสนุนยูเครนชุดที่ 1 คือ “รัฐบัญญัติงบจัดสรรเพิ่มเติมแก่ยูเครน ค.ศ.2022” (Ukraine Supplemental Appropriations Act, 2022) โดยในครั้งนั้นได้ทำการจัดสรรงบประมาณให้รัฐบาลสหรัฐจำนวนทั้งสิ้น 13,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (514,000 ล้านบาท) ต่อมาในเดือนพฤษภาคม เมื่องบประมาณชุดแรกใกล้จะหมดลง ทางสภาคองเกรสจึงได้ลงมติรับรองงบประมาณสนับสนุนยูเครนชุดที่ 2 ในชื่อว่า “รัฐบัญญัติงบจัดสรรเพิ่มเติมแก่ยูเครน ค.ศ.2022 ฉบับเพิ่มเติม” (Additional Ukraine Supplemental Appropriations Act, 2022) พร้อมด้วยงบประมาณสนับสนุนยูเครนจำนวนมหาศาลถึง 40,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (1.5 ล้านล้านบาท) ให้แก่รัฐบาลสหรัฐ

ที่ผ่านมา งบประมาณในโครงการจัดสรรอาวุธ การสนับสนุนด้านมนุษยธรรมและเศรษฐกิจ และชุดความช่วยเหลือทางทหารต่างๆ ที่สหรัฐมอบให้แก่ยูเครน ล้วนอาศัยงบประมาณที่รัฐบาลสหรัฐได้รับจาก “รัฐบัญญัติงบจัดสรรเพิ่มเติมแก่ยูเครน” ทั้งสิ้น

ทั้งนี้ ยังต้องรอให้ทางสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติรับรองร่างงบประมาณสนับสนุนยูเครนชุดที่ 3 ฉบับใหม่นี้เสียก่อน จากนั้นจึงต้องให้ประธานาธิบดีเซ็นรับรอง จึงจะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ



ป.ล. ก่อนหน้านี้ผมเคยเขียนข่าวเดียวกันไปว่าสภาคองเกรสอนุมัติงบประมาณทั้งหมด 11,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (443,280 ล้านบาท) เนื่องจากตอนนั้นผมเข้าใจผิดไปว่าสภาคองเกรสอนุมัติงบประมาณแล้ว ต้องขออภัยในความผิดพลาด มา ณ ที่นี้ด้วย



ที่มา:

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

[CVH911]

ฟังไอ้ปูตินพูดสด ๆ(ยูทูปเบอร์ชาวรัสเซียแปลเป็นอังกฤษให้ฟัง)


แม่งโคตรจะตัวตลกเลย แต่ดันเป็นตัวตลกที่มีนิวเคลียร์

[sariora123]

ผมถึงได้คิดว่าตอนนี้ พี่แกไม่ควรเป็นผู้นำล่ะ


ผมเคยบ่นๆ ไปแล้วนะว่า ปู่โจ แกสายเหยี่ยว แกมามาเมื่อไร ระวังสงครามเข้าไว้
บทจะเล่นหนักปู่แกตบทิ่มเลยแหละ


และที่น่าปวดหัวที่สุดคือหากปู่โจ ลงจากตำแหน่ง ไม่ว่าจะเพราะแก่เกินทำงานไม่ไหว
หรืออะไรก็ตาม ไอ้หมายเลข2ที่จะขึ้นมารักษาการแทน
คือฝั่งสายรีพับด่าแม่งไว้เยอะเลยว่า
 เป็นพวก SJW ตัวแม่ เลยแหละ
ให้มันมาล่ะก็ชิบหายของแท้ยิ่งกว่าปู่โจแกซะอีก


เห็นข่าว แล้วเคยคิดเล่นๆ อย๋ไม่นึกว่าแม่งจะเล่นกันจริง

ว่า หากรัสเซียสอย4แคว้นออกไปเมื่อไร  อาจจะเล่นคำเลี่ยง บาลีเอาว่า
ยูเครนไม่มีสงคราม เพราะไอ้พื้นที่สงครามโดนสอยไปอยู่กับรัสเซียล่ะ
เท่ากับว่าสามรถรับยูเครนเข้านาโต้ได้   

หรือยูเครนได้ เนโต้ เมมเบอร์การันตี   คือ
ก็เหมือนเข้าเนโต้นั่นแหละแต่ สมาชิกประเทศไหนลงนามร่วมด้วย
ก็ถือว่าจะมาช่วยถ้ามีสงคราม ไม่ได้ลงไว้ก็ไม่ต้องมา

สรุปเล่นกันแรงล่ะงานนี้

[samuison]

บอกแล้วว่าทรัมป์ใจดีกว่าเยอะ


ทางเทคนิค คิสซิงเจอร์ก็เตือนไว้เรื่องการเผชิญหน้ากับรัสเซียและจีน


นี่ไม่ใบ่สถานการณ์ที่สายการเมืองวางแผนปิดล้อมรัสเซียต้องการเห็น


อย่างว่าล่ะ ไบเด้นก็บอกว่าแค่บางส่วนนั้นโอเค การไปยึดทั้งประเทศนั้นเปลี่ยนสมดุลย์โลกมากเกินไป