เว็บติดตามสถานการณ์ในยูเครนแบบ Live Map

[sariora123]

นึกถึงหนังสยองขวัญบางเรื่อง ที่ต้นทุนถูก เพราะไม่มีตังจ้างคนประกอบฉาก แต่กลายเป็นว่า คนไม่มี วังเวง กลับดูยิ่งสยอง เข้าไปกว่าเดิม




จริงๆ ที่ถล่มจีนคือ จีนมันแย่ง บริษัทจากอเมริกาไปเพียบ ครับ
ยัคไบเด้น มานิ่มๆ แต่เล่นหนักกว่า
ให้เลือกไปเลยว่า จะอยู่กับอเมริกา หรือจะย้ายไปเป็นบริษัท ประเทศอื่น
เด็ดขาดให้เลือกข้าง กันไปเลย เจอไม้นี้เลยหง่ยเงิบกันเพียบ


 

[PeanutButter]

อัพเดตข่าวสงครามยูเครน วันที่ 194 ของสงคราม

1. หลังจากที่บริษัท “แกสพรอม” (PJSC Gazprom) รัฐวิสาหกิจด้านกิจการน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติของรัสเซีย ได้ออกประกาศเมื่อวันที่ 3 ก.ย. ที่ผ่านมา ว่าทางบริษัทจำต้องเลื่อนการจ่ายก๊าซผ่านโครงข่ายท่อส่งก๊าซ “นอร์ดสตรีมวัน” (Nord Stream 1) ให้แก่เยอรมนีโดยไม่มีกำหนด โดยอ้างว่ามีสาเหตุมาจากน้ำมันรั่วไหลภายในสถานีส่งก๊าซในรัสเซีย ทำให้ตอนนี้ประเทศต่างๆ ในยุโรปเกิดความกังวลว่าการทำสงครามเศรษฐกิจของรัสเซียในครั้งนี้ จะทำให้ราคาก๊าซธรรมชาติในตลาดยุโรปพุ่งสูงขึ้นจนเกินรับไหว ทำให้รัฐบาลในหลายประเทศเริ่มออกมาตรการเพื่อช่วยเหลือประชาชนและบริษัทเอกชนต่างๆ ภายในประเทศของตนแล้ว

ทางด้านเยอรมนีได้ประกาศวงเงินช่วยเหลือทางเศรษฐกิจชุดใหญ่ มูลค่ากว่า 65,000 ล้านยูโร (2,360,000 ล้านบาท) เพื่อพยุงราคาค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้นจากราคาพลังงาน ซึ่งวงเงินช่วยเหลือภาคเศรษฐกิจในครั้งนี้นับเป็นวงเงินชุดที่ 3 ของปีนี้แล้ว โดยเงินดังกล่าวจะถูกนำไปใช้เพื่อตรึงราคาค่าโดยสารรถไฟและวงเงินช่วยเหลือสำหรับภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากราคาพลังงานพุ่งสูง นายกรัฐมนตรีโอลัฟ ชอลซ์ (Olaf Scholz) ยังกล่าวอีกว่ารัฐบาลของเขากำลังพิจารณาความเป็นไปได้ในการนำมาตรการจัดเก็บภาษีลาภลอย (Windfall Tax) กับบรรดาธุรกิจต่างๆ ที่ทำกำไรมหาศาลจากราคาพลังงานที่พุ่งสูงขึ้นในช่วงเวลานี้มาใช้ รวมไปถึงการกำหนดเพดานราคาค่าไฟฟ้าภายในประเทศด้วยเช่นเดียวกัน

โดยทางด้านรัฐบาลสวีเดนและฟินแลนด์ได้ประกาศมาตรการวงเงินค้ำประกัน มูลค่าทั้งหมด 23,000 ล้านยูโร (836,000 ล้านบาท) สำหรับสวีเดน และ 10,000 ล้านยูโร (363,500 ล้านบาท) สำหรับฟินแลนด์ โดยรัฐบาลทั้งสองจะออกใบค้ำประกันให้แก่บริษัทพลังงานและธุรกิจด้านสาธารณูปโภคต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากราคาก๊าซพุ่งสูง จากนั้นบริษัทที่ได้รับใบค้ำประกันสามารถนำไปยื่นเรื่องขอกู้เงินจากธนาคารเพื่อนำไปใช้จ่ายได้

นอกจากนี้ ภายในวันศุกร์ที่จะถึงนี้ รัฐมนตรีด้านกิจการพลังงานของชาติสมาชิกสหภาพยุโรปจะเข้าร่วมการประชุมฉุกเฉินว่าด้วยมาตรการรับมือราคาพลังงานที่พุ่งสูงขึ้น ซึ่งมีรายงานถึงความเป็นไปได้หลายประการในการแก้ปัญหาระยะสั้นสำหรับราคาพลังงาน ตัวอย่างเช่น

1.1 การตั้งเพดานราคาก๊าซธรรมชาติทั่วสหภาพยุโรปเพื่อตรึงราคาค่าไฟฟ้าไม่ให้พุ่งสูงเกินไปซึ่งได้รับการสนับสนุนจากอิตาลี เช็กเกีย และเบลเยียม
1.2 การตั้งเพดานราคาพลังงานที่ไม่ใช่ก๊าซ เช่นพลังงานนิวเคลียร์หรือพลังงานหมุนเวียน เพื่อตรึงราคาค่าไฟฟ้าในส่วนที่ผลิตจากพลังงานหมุนเวียนหรือพลังงานนิวเคลียร์
1.3 การจัดเก็บภาษีลาภลอยกับภาคธุรกิจที่ทำกำไรมหาศาลจากราคาพลังงานที่พุ่งสูงขึ้นในช่วงเวลานี้ ซึ่งได้ดำเนินการไปแล้วในประเทศสเปน อิตาลี กรีซ และโรมาเนีย เพื่อนำเงินภาษีที่ได้ไปใช้ในการตรึงราคาค่าไฟฟ้า

ทั้งนี้ หลังจากที่ทำการประชุมกันจนได้ข้อสรุปแล้ว จะมีการประกาศอย่างเป็นทางการอีกทีหนึ่งภายในวันที่ 14 ก.ย. ถึงมาตรการที่สหภาพยุโรปจะนำมาใช้เพื่อตรึงราคาพลังงานภายในสหภาพ


2. ทางด้านรัสเซียยังคงได้รับผลกระทบจากการคว่ำบาตรอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดสำนักข่าว “อาร์บีซี” (RBC Daily) ของรัสเซีย รายงานโดยอ้างอิงข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ธนาคารนิรนาม 2 ราย กล่าวว่าบริษัท “ยูเนียนเพย์” (UnionPay) จากประเทศจีน ได้ทำการจำกัดจำนวนการใช้งานบัตรเครดิต “ยูเนียนเพย์” ทุกใบที่ออกโดยธนาคารในรัสเซียที่ถูกประกาศคว่ำบาตรจากชาติตะวันตก รวมถึงจำกัดปริมาณการออกบัตรเครดิตที่ออกโดยธนาคารในรัสเซียที่ถูกชาติตะวันตกคว่ำบาตรอีกด้วย โดยอ้างอิงจากแหล่งข่าวนิรนาม เหตุการณ์ลักษณะนี้เริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมาแล้ว โดยทาง “ยูเนียนเพย์” ไม่ได้ทำการเปิดเผยสาเหตุในการตัดสินใจในครั้งนี้แต่อย่างใด แต่ทางเจ้าหน้าที่ธนาคารนิรนามเชื่อว่า น่าจะมาจากความกังวลที่ทางบริษัทอาจถูกเล่นงานผ่านมาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตก



ที่มา:

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

[PeanutButter]

อัพเดตข่าวสงครามยูเครน วันที่ 195 ของสงคราม Part 1

1. แม้จะมีความกังวลเรื่องที่ว่ายุโรปอาจถอนตัวจากการสนับสนุนยูเครนเนื่องจากแรงกดดันทางเศรษฐกิจ แต่อย่างน้อยในตอนนี้ ความช่วยเหลือและความร่วมมือกับประเทศในภาคพื้นทวีปยุโรปจะยังคงส่งมาถึงยูเครนอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดในการประชุมของสภาสมาคมยูเครน-สหภาพยุโรปครั้งที่แปด (EU-Ukraine Association Council) ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวานนี้ โดยมีนายเดนิส ชไมฮัล (Denys Shmyhal) นายกรัฐมนตรียูเครน และนายโยเซ็พ บอร์เรล (Josep Borrell) รองประธานคณะกรรมาธิการยุโรปเป็นผู้แทนจากสองฝั่ง ได้มีการลงนามในข้อตกลงการสนับสนุนเงินงบประมาณให้แก่รัฐบาลยูเครน (Budgetary Support Agreement) มูลค่ากว่า 500 ล้านยูโร (18,000 ล้านบาท) ซึ่งทางรัฐบาลยูเครนจะนำเงินดังกล่าวไปใช้งานในด้านการศึกษา ที่อยู่อาศัย การช่วยเหลือผู้ลี้ภัยและคนไร้บ้านจากสงคราม และความช่วยเหลือแก่เกษตรกร

นอกจากนี้ ยังมีการลงนามในข้อตกลง “ดิจิทัลยุโรป” (Digital Europe) ระหว่างยูเครนและสหภาพยุโรป เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือด้านการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ (AI) การพัฒนาซูเปอร์คอมพิวเตอร์ (Supercomputer) ความมั่นคงทางไซเบอร์ การพัฒนาทักษะดิจิทัลแก่บุคลากรที่เกี่ยวข้อง และการพัฒนานวัตกรรมด้านดิจิทัลในภาคเศรษฐกิจ โดยสหภาพยุโรปจะให้งบประมาณสนับสนุนแก่ยูเครนในด้านนี้ต่อเนื่องเป็นระยะเวลาทั้งหมด 7 ปี (2022-2029) รวมมูลค่างบประมาณทั้งหมด 6,000 ล้านยูโร (217,900 ล้านบาท)

อีกข้อตกลงหนึ่งที่มีการลงนามร่วมกันระหว่างยูเครนและสหภาพยุโรปคือข้อตกลงด้านด่านชายแดนและภาษีศุลกากร ข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลให้ยูเครนเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของอนุสัญญาว่าด้วยพิธีการผ่านแดนร่วมกันหรือ CTC (Common Transit Conventions) และอนุสัญญาว่าด้วยการอำนวยความสะดวกด้านพิธีการทางการค้า (Convention on the Simplification of Formalities in Trade in Goods) กับสหภาพยุโรปอย่างเป็นทางการภายในวันที่ 1 ต.ค. นี้ โดยจะมีผลให้การค้าทางบกและการขนส่งสินค้าระหว่างสองประเทศนั้นสามารถทำได้โดยไม่ต้องใช้วีซ่า (Visa-Free) นอกจากนี้ ในข้อตกลงยังรวมถึงการวางระบบโครงข่ายด้านข้อมูลสินค้าศุลกากรร่วมกันของสหภาพยุโรปและยูเครนอีกด้วย

ทางด้านโครงการ “ภารกิจการให้คำปรึกษาแก่ยูเครนโดยสหภาพยุโรป” หรือ EUAM (EU Advisory Mission in Ukraine) ได้ทำการเปิดสำนักงานสาขาแห่งที่สองขึ้นในเมืองท่าโอเดสซา (Odesa) ทางใต้ของยูเครน หลังได้ทำการเปิดสำนักงานใหญ่ขึ้นในกรุงเคียฟ (Kyiv) และสำนักงานสาขาแห่งแรกขึ้นในเมืองลวิฟ (Lviv) ทางตะวันตกของประเทศในช่วงหน้าร้อนที่ผ่านมา (มิถุนายน-สิงหาคม) โดยเจ้าหน้าที่ของ EUAM จะให้การสนับสนุนและความช่วยเหลือแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจของยูเครนในพื้นที่ ทั้งการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ การให้คำปรึกษาชี้แนะ การให้ความช่วยเหลือในการสืบสวนอาชญากรรมสงครามของกองทัพรัสเซีย ฯลฯ จนถึงปัจจุบัน ทาง EUAM ยังได้มอบอุปกรณ์และเครื่องมือต่างๆ ให้แก่ตำรวจยูเครนใช้งานรวมมูลค่าแล้วกว่า 8 ล้านยูโร (290 ล้านบาท)

อีกด้านหนึ่ง ได้ระหว่างการเดินทางเยือนเยอรมนีระหว่างวันที่ 3-4 ก.ย. ที่ผ่านมา นายชไมฮัล ร่วมกับนางสเวเนีย ชูลซ์ (Svenja Schulze) รมว.การพัฒนาและความร่วมมือทางเศรษฐกิจเยอรมนี ได้แถลงการณ์ประกาศมอบเงินสนับสนุนจำนวน 200 ล้านยูโร (7,260 ล้านบาท) ให้แก่ยูเครน เพื่อเป็นงบสนับสนุนและช่วยเหลือผู้พลัดถิ่นภายในประเทศยูเครนเนื่องจากภัยสงคราม ซึ่งรวมถึงการนำงบประมาณดังกล่าวไปใช้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “อีโรโบต้า” (eRobota) โครงการสนับสนุนกลุ่มธุรกิจรายย่อยในยูเครนที่ได้รับผลกระทบจากสงครามผ่านเงินช่วยเหลือแบบให้เปล่า ซึ่งทางการยูเครนตั้งเป้าว่าโครงการ “อีโรโบต้า” จะสามารถสร้างงานในประเทศเพิ่มขึ้นได้อีกประมาณ 300,000 ตำแหน่ง

สุดท้าย นายเซอร์ฮีย์ มาเชนโก (Serhiy Marchenko) รมว.การคลังยูเครน และนายเปาโล เจนตีโลนี (Paolo Gentiloni) กรรมาธิการเศรษฐกิจและการเงินของสหภาพยุโรป ได้ทำข้อตกลงการเข้าร่วม “โครงการฟิสกาลิส” (Fiscalis Programme) โครงการความร่วมมือด้านการจัดเก็บภาษีของสหภาพยุโรป โดยมุงเน้นไปที่การพัฒนาระบบการจัดเก็บภาษีร่วมกันและการปราบปรามการหนีภาษี



ที่มา:

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

[samuison]

น่าสนใจในเรื่องเบอรมัน ไม่ต้องการปช่อยเงินกู้แต่ต้องการให้เปล่ายูเครน




คงเพราะประวัติศาสตร์ที่ทำให้เยอรมัน ระแวงในเรื่องบังคับการจ่ายเงินเอามากๆ


นึกถึงคำพูดตลกคือ


เยอรมันตอนนี้ คุมยุโรปได้มากกว่าที่ฮิตเลอร์ฝันไว้เสียอีก

[PeanutButter]

อัพเดตข่าวสงครามยูเครน วันที่ 195 ของสงคราม Part 2

2. หลังจากที่รอลุ้นผลการลงคะแนนเสียงเลือกผู้นำพรรครัฐบาลคนใหม่ของสหราชอาณาจักร ผลปรากฏว่านางลิซ ทรูส (Liz Truss) รมว.การต่างประเทศและเครือจักรภพของสหราชอาณาจักร ได้รับชัยชนะจากการออกเสียงในพรรค ได้ขึ้นเป็นผู้นำพรรคอนุรักษ์นิยมและสหภาพนิยม (Conservative and Unionist Party) คนใหม่แทนที่นายบอริส จอห์นสัน ซึ่งรวมไปถึงการได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีของสหราชอาณาจักรคนใหม่แทนที่นายจอห์นสันด้วย

ในผลการลงคะแนนเสียงเลือกผู้นำพรรคอนุรักษ์นิยมคนใหม่เมื่อวานนี้ นางทรูสสามารถเอาชนะนายฤษิ สุนัก (Rishi Sunak) อดีต รมว.การคลังของสหราชอาณาจักรและหนึ่งในตัวเต็งตำแหน่งนายกฯ สหราชอาณาจักรอีกหนึ่งราย ไปด้วยคะแนน 57% หรือ 81,326 คะแนน ต่อ 43% หรือ 60,399 คะแนน

นางทรูสนั้นได้ชื่อว่าเป็น “นักปฏิบัติ” (Pragmatist) ที่สามารถเปลี่ยนแนวทางทางการเมืองของตนไปมาได้เสมอ เช่นในสมัยยังเป็นนักศึกษา เธอสนับสนุนแนวทางสายกลางของพรรคเสรีประชาธิปไตย (Liberal Democrats) ก่อนจะย้ายฝั่งมาเข้ากับพรรคอนุรักษ์นิยมในภายหลัง หรือในช่วงการลงประชามติกรณีการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปในปี 2016 เธอเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนให้สหราชอาณาจักรยังคงเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรปต่อ แต่เมื่อสหราชอาณาจักรถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปแล้ว เธอจึงย้ายฝั่งมาเข้ากลุ่ม “เบร็กซิต” (Brexit) ที่สนับสนุนการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปของอดีตนายกฯ จอห์นสันในทันที แน่นอนว่านั่นย่อมนำมาซึ่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าเธอไม่มีอุดมการณ์ทางการเมืองที่แน่นอนและเห็นแก่ผลประโยชน์เป็นสำคัญ

ในด้านนโยบายเกี่ยวกับยูเครน แม้จะยังไม่มีรายละเอียดออกมามาก แต่นางทรูสให้คำมั่นว่าเธอจะสานต่อการให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนประเทศยูเครนต่อจากอดีตนายกฯ จอห์นสันอย่างแน่นอน


3. ทางด้านรัสเซียดูเหมือนจะเริ่มพบกับปัญหาในการผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหารเพื่อสนับสนุนกองทัพในสงครามยูเครนบ้างแล้ว โดยอ้างอิงจากแหล่งข่าวนิรนามในกระทรวงกลาโหมสหรัฐ กล่าวว่าตอนนี้รัสเซียได้ทำการเจรจาเพื่อติดต่อซื้อขายกระสุนปืนใหญ่และจรวดไม่นำวิถีจำนวนมากจากเกาหลีเหนือแล้วเรียบร้อย

สำนักข่าว “เดอะนิวยอร์กไทมส์” (The New York Times) ของสหรัฐ รายงานข่าวโดยอ้างอิงจากเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐนิรนาม พบว่าตอนนี้รัฐบาลรัสเซียได้ทำการเจรจาเพื่อติดต่อซื้อขายกระสุนปืนใหญ่และจรวดไม่นำวิถีจำนวนนับล้านลูกจากเกาหลีเหนือ เพื่อมาแทนที่กระสุนปืนใหญ่และจรวดไม่นำวิถีจำนวนมากในคลังสำรองของกองทัพที่เริ่มร่อยหรอลงจากการรบในสงครามยูเครน

ในแหล่งข่าวไม่ได้ระบุชัดเจนนัก แต่คาดว่าชนิดของกระสุนและจรวดที่ทำการซื้อขายกันครั้งนี้จะเป็นกระสุนปืนใหญ่ขนาด 122 ม.ม. และ 152 ม.ม. กับจรวดไม่นำวิถีขนาด 122 ม.ม. และขนาด 300 ม.ม. ซึ่งมีใช้งานทั้งในกองทัพรัสเซียและเกาหลีเหนือ รวมถึงมีการใช้งานอย่างแพร่หลายในสงครามยูเครน และเกาหลีเหนือมีขีดความสามารถในการผลิตด้วยตัวเองได้

ทั้งนี้ นายเฟรเดอริก เคแกน (Frederick Kagan) นักวิเคราะห์จากสถาบันวิสาหกิจอเมริกาหรือ AEI (American Enterprise Institute) มองว่าการที่รัสเซียต้องหันมาพึ่งพาการนำเข้าอาวุธยุทโธปกรณ์จากมิตรประเทศเช่นอิหร่านและเกาหลีเหนือ แสดงให้เห็นว่าการคว่ำบาตรของชาติตะวันตกซึ่งรวมถึงการห้ามการส่งออกวัตถุดิบ อุปกรณ์และเครื่องจักรกลหนักที่จำเป็นต่อการผลิตอาวุธ กำลังส่งผลต่อขีดความสามารถในการทำสงครามของรัสเซีย อีกทั้งยังแสดงให้เห็นว่าการผลิตและการใช้งานอาวุธนำวิถีที่มีความแม่นยำสูงของรัสเซียนั้นเริ่มลดน้อยลงเนื่องจากการคว่ำบาตร ทำให้รัสเซียต้องพึ่งพาการใช้งานอาวุธที่ไม่ซับซ้อนเช่นปืนใหญ่และจรวดธรรมดาในการทำสงครามมากยิ่งขึ้น



ที่มา:

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

[pol]

อยากทราบรุ่นของปืนใหญ่รัสเซียหน่อยครับว่าใช้รุ่นอะไร ขนาดลำกล้องกี่ม.ม?

[PeanutButter]

อยากทราบรุ่นของปืนใหญ่รัสเซียหน่อยครับว่าใช้รุ่นอะไร ขนาดลำกล้องกี่ม.ม?

มีหลายรุ่นหลายขนาดเลยครับ ส่วนมากจะเป็นของตกทอดจากยุคสหภาพโซเวียตมาซะเยอะ เช่น

ปืนต่อต้านรถถังขนาด 100 ม.ม. รุ่น MT-12 จากยุคสหภาพโซเวียต

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

ปืนใหญ่ลากจูงขนาด 120 ม.ม. รุ่น 2B16 Nona-K จากยุคสหภาพโซเวียต

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

ปืนใหญ่ลากจูงขนาด 122 ม.ม. รุ่น D-30 จากยุคสหภาพโซเวียต

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

ปืนใหญ่ลากจูงขนาด 152 ม.ม. รุ่น 2A65 Msta-B จากยุคสหภาพโซเวียต

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

ปืนใหญ่อัตตาจรขนาด 120 ม.ม. รุ่น 2S34 Khosta หนึ่งในปืนใหญ่รุ่นใหม่ของรัสเซีย

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

ปืนใหญ่อัตตาจรขนาด 152 ม.ม. รุ่น 2S19 Msta-S จากยุคสหภาพโซเวียต

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

ปืนใหญ่อัตตาจรขนาด 152 ม.ม. รุ่น 2S33 Msta-SM2 หนึ่งในปืนใหญ่รุ่นใหม่ของรัสเซีย

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

ปืนใหญ่อัตตาจรขนาด 207 ม.ม. รุ่น 2S7M Malka จากยุคสหภาพโซเวียต

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

ปืนใหญ่อัตตาจรขนาด 240 ม.ม. รุ่น 2S4 Tyulpan จากยุคสหภาพโซเวียต   

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

[PeanutButter]

อัพเดตข่าวสงครามยูเครน วันที่ 195 ของสงคราม Part 3

4. รัฐบาลเยอรมนีได้ยื่นเอกสารแสดงเจตจำนงการแทรกแซงคดีอาชญากรรมสงครามของรัสเซียและยูเครนในสงครามรัสเซีย-ยูเครน ต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ICJ (International Court of Justice) ซึ่งหากได้รับการอนุมัติ จะทำให้เยอรมนีสามารถเข้าร่วมการพิจารณาคดีอาชญากรรมสงครามรัสเซียและยูเครนได้ในฐานะ “เพื่อนของศาล” (Amicus Curiae) ซึ่งสามารถให้ข้อมูลประกอบการพิจารณาคดีผ่านบันทึกลายลักษณ์อักษร เรียกว่า Amicus Brief ให้แก่ทางศาลได้

ทั้งนี้ แม้เราจะไม่ทราบเจตนาแน่ชัดของเยอรมนีในการเข้าร่วมกระบวนการพิจารณาคดีครั้งนี้ แต่เป็นไปได้สูงว่าเยอรมนีต้องการแสดงการสนับสนุนทางการเมืองแก่ยูเครน โดยการรับบทเป็นเสมือน “พยาน” ในศาล ให้ข้อมูลที่เข้าข่ายเป็นประโยชน์ในการพิจารณาคดีเพื่อเอาผิดกองทัพและรัฐบาลรัสเซียจากการก่ออาชญากรรมสงครามในยูเครนได้


5. สำนักข่าว “สกายนิวส์” (Sky News) ได้รายงานว่ากระทรวงกลาโหมสหราชอาณาจักรได้ทำการเพิ่มเติมระยะเวลาในการฝึกทหารยูเครนภายในดินแดนของสหราชอาณาจักร จากเดิมที่ใช้ระยะเวลาในการฝึก 3 สัปดาห์ (21 วัน) ได้ทำการเพิ่มเป็น 5 สัปดาห์ (35 วัน) เพื่อเสริมสร้างทักษะความสามารถของกองทัพยูเครนในการต่อสู้กับกองทัพรัสเซียให้สูงขึ้น

ทั้งนี้ ระบบการฝึก 3 สัปดาห์แบบเดิมนั้นจะมุ่งเน้นไปที่การฝึกใช้งานอาวุธ การปฐมพยาบาล การลาดตระเวน และทักษะอื่นๆ ในสนามรบ ในขณะที่ระบบการฝึก 5 สัปดาห์แบบใหม่นั้นจะเพิ่มเติมเนื้อหารูปแบบการต่อสู้ภายในเมือง (Urban Combat) สงครามสนามเพลาะ (Trench Warfare) การปฏิบัติงานร่วมกับยานพาหนะ และการฝึกซ้อมรบจริง

ทางกระทรวงกลาโหมยังได้เปิดเผยเพิ่มเติมว่านับตั้งแต่โครงการฝึกทหารยูเครนโดยกองทัพสหราชอาณาจักรเริ่มขึ้นในเดือนมิถุนายน จนถึงปัจจุบันมีทหารยูเครนที่ได้สำเร็จการฝึกจากโครงการฝึกทหารในสหราชอาณาจักรไปแล้วทั้งสิ้น 4,700 นาย


6. สำนักข่าว “รอยเตอร์” (Reuters) รายงานเมื่อวันที่ 30 ส.ค. ที่ผ่านมา ว่ารัฐบาลรัสเซียกับรัฐบาลตอลิบาน (Taliban) แห่งอัฟกานิสถานใกล้จะบรรลุข้อตกลงการค้าครั้งใหญ่ระหว่างสองประเทศ ซึ่งจะมุ่งเน้นไปที่การค้าข้าวสาลี น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ เป็นหลัก

นายฮาบิบูราห์มาน ฮาบิบ (Habiburahman Habib) โฆษกกระทรวงเศรษฐกิจอัฟกานิสถาน ได้กล่าวยืนยันต่อข่าวลือกับสำนักข่าว “รอยเตอร์” ว่าคณะเจรจาของกลุ่มตอลิบานในกรุงมอสโก รัสเซีย ใกล้จะบรรลุข้อตกลงขั้นสุดท้ายกับรัฐบาลรัสเซียในข้อตกลงการค้าฉบับใหม่ระหว่างสองประเทศแล้ว โดยข้อตกลงการค้าฉบับนี้จะทำให้อัฟกานิสถานสามารถนำเข้าสินค้าเช่นข้าวสาลี น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียได้

ทั้งนี้ ยังไม่เป็นที่แน่ชัดในสภาวะปัจจุบันที่ทั้งสองประเทศถูกนานาชาติคว่ำบาตร และอัฟกานิสถานขาดแคลนปัจจัยพื้นฐานด้านสาธารณูปโภคที่ดีเพียงพอ ทั้งสองประเทศจะทำธุรกรรมต่อกันได้อย่างไร ? ซึ่งนายนอรุดดิน อาซีซี (Nooruddin Azizi) รมว.พาณิชย์และอุตสาหกรรมอัฟกานิสถาน เปิดเผยเพียงว่าทั้งสองประเทศจะทำธุรกรรมผ่านประเทศที่สามเป็นหลัก (จีน ? อินเดีย ? อิหร่าน ? ปากีสถาน ?) โดยในปัจจุบัน มูลค่าการค้าระหว่างรัสเซียและอัฟกานิสถานอยู่ที่ 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (7,300 ล้านบาท)

อีกหนึ่งเรื่องจากอัฟกานิสถาน เกิดเหตุระเบิดพลีชีพจากกลุ่มก่อการร้ายหัวรุนแรง “รัฐอิสลาม” (Islamic State) เมื่อวานนี้ หน้าสถานทูตรัสเซียในกรุงคาบูล อัฟกานิสถาน ส่งผลให้เจ้าหน้าที่สถานทูตของรัสเซียเสียชีวิต 2 ราย พลเมืองอัฟกานิสถานเสียชีวิต 4 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 10 ราย

รัสเซียเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่ยังคงตั้งสถานทูตภายในประเทศอัฟกานิสถานเอาไว้ และแม้ว่ารัสเซียจะยังไม่รับรองสถานะของกลุ่มตอลิบานให้เป็นรัฐบาลชอบธรรมของอัฟกานิสถาน แต่รัฐบาลของทั้งสองประเทศก็มีความสัมพันธ์ทางการทูตที่ดีต่อกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่รัสเซียถูกคว่ำบาตรจากชาติตะวันตก ทำให้ต้องแสวงหามิตรประเทศให้มากที่สุดเพื่อต่อสู้กับมาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตก ขณะที่กลุ่มตอลิบานนั้นแม้จะสามารถยึดอำนาจตั้งรัฐบาลขึ้นปกครองอัฟกานิสถานจากกองกำลังพันธมิตรของชาติตะวันตกได้สำเร็จ แต่ก็ต้องเผชิญกับการก่อการร้ายและสงครามกองโจรจากสมาชิกรัฐบาลเก่าฝักใฝ่ตะวันตก “แนวหน้ากองกำลังต่อต้านแห่งชาติอัฟกานิสถาน” หรือ NRF (National Resistance Front of Afghanistan) และจากกลุ่มก่อการร้ายคลั่งศาสนาหัวรุนแรง “รัฐอิสลาม” หรือ IS



ที่มา:

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

[PeanutButter]

อัพเดตข่าวสงครามยูเครน วันที่ 196 ของสงคราม Part 1

1. เยอรมนีได้ทำการอัพเดตรายชื่ออาวุธยุทโธปกรณ์ที่ได้ทำการจัดส่งให้แก่กองทัพยูเครนแล้ว ซึ่งอาวุธชิ้นใหม่ที่ปรากฏในรายชื่อประกอบไปด้วย

1.1 ปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานอัตตาจรแบบ Flakpanzer Gepard จำนวน 5 คัน เพิ่มเติมจากก่อนหน้านี้ที่ได้ส่งมอบไปแล้ว 15 คัน ทำให้ตอนนี้ยูเครนได้รับมอบ ปตอ.อัตตาจรแบบ Gepard รวมทั้งสิ้น 20 คัน จากทั้งหมด 30 คันที่เยอรมนีให้คำมั่นจะทำการส่งมอบให้แก่ยูเครน

1.2 เรดาร์ต่อต้านปืนใหญ่ (Counter-Battery Radar) รุ่น COBRA จำนวน 1 คัน โดยก่อนหน้านี้ในเดือนพฤษภาคม กองทัพยูเครนได้ทำเรื่องร้องขอเรดาร์แบบ COBRA จากเยอรมนีทั้งหมด 40 ระบบ แต่มีรายงานว่าเยอรมนี ซึ่งมีเรดาร์ COBRA ใช้งานจำนวนทั้งสิ้น 19 ระบบ สามารถส่งมอบเรดาร์ COBRA ให้แก่เยอรมนีได้เพียง 3-5 ระบบเท่านั้น จึงน่าสนใจว่าหลังจากนี้ กองทัพเยอรมนีจะทำการส่งมอบเรดาร์ COBRA เพิ่มเติมให้แก่กองทัพยูเครนอีกหรือไม่

เมื่อวัดในแง่ของประสิทธิภาพ COBRA ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในเรดาร์ต่อต้านปืนใหญ่ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดรุ่นหนึ่งบนโลก ด้วยระยะการตรวจจับเป้าหมายไกลถึง 100 กม. และสามารถตรวจจับเป้าหมายได้สูงสุด 40 จุดพร้อมกันภายในระยะเวลา 2 นาที ซึ่งถือว่ามีประสิทธิภาพสูงกว่าเรดาร์แบบ AN/TPQ-36 Firefinder ที่สหรัฐส่งมอบให้แก่ยูเครนอย่างมาก โดย Firefinder มีระยะตรวจจับเป้าหมายสูงสุดเพียง 24 กม. และสามารถตรวจจับเป้าหมายได้สูงสุด 10 จุดพร้อมกันเท่านั้น


ภาพประกอบ 1 นายกรัฐมนตรีโอลัฟ ชอลซ์ (Olaf Scholz) ของเยอรมนี (คนหัวล้านใส่สูท) ขณะเข้าเยี่ยมชมการฝึกทหารยูเครนที่กำลังเข้ารับการฝึกใช้งาน ปตอ.อัตตาจรแบบ Gepard จากครูฝึกทหารในเยอรมนี วันที่ 25 ส.ค. ที่ผ่านมา

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

ภาพประกอบ 2 เรดาร์แบบ COBRA ภายในกองทัพเยอรมนี

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

ภาพประกอบ 3 เรดาร์แบบ Firefinder จำนวน 2 ระบบ ติดตั้งบนรถยนต์ทหารแบบฮัมวี (HMMWV) ของสหรัฐ ที่ได้ทำการส่งมอบให้แก่ยูเครนเมื่อวันที่ 16 พ.ย. 2015

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

2. รายงานจากสำนักงานสถิติแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย “รอสสแตท” (Rosstat) เผยว่าในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา มีผู้เดินทางออกนอกประเทศ (ในที่นี้เข้าใจว่าเป็นการอพยพลี้ภัยและแรงงานต่างด้าว ไม่ใช่การท่องเที่ยว) ออกจากประเทศรัสเซียจำนวนกว่า 419,000 ราย มากกว่าช่วงเวลาเดียวของปีที่แล้วถึงสองเท่าตัว (202,000 ราย) โดยพบว่ายูเครนเป็นจุดหมายปลายทางที่ผู้เดินทางออกนอกประเทศรัสเซียเดินทางไปมากที่สุด ด้วยจำนวนทั้งหมด 79,600 ราย รองลงมาคือประเทศในภูมิภาคเอเชียกลาง ได้แก่ทาจิกิสถาน อาร์เมเนีย คีร์กีซสถาน คาซัคสถาน และอุซเบกิสถาน

ทางด้านตัวเลขผู้เดินทางเข้ามาพำนักในประเทศรัสเซีย “รอสสแตท” เผยว่าในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา มีผู้เดินทางเข้าประเทศรัสเซียทั้งหมด 322,348 ราย เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว (316,777 ราย)


3. หลังจากที่ประกาศออกมาว่าตนเองจะวางมือจากตำแหน่งประธานสาธารณรัฐเชเชนเมื่อไม่กี่วันก่อน ล่าสุดนายรัมซาน คาดีรอฟ (Ramzan Kadyrov) ประธานสาธารณรัฐเชเชนและหนึ่งในคนสนิทของ ปธน.ปูติน ได้ออกมาประกาศกลับลำคำพูดของตนก่อนหน้านี้ โดยออกมาประกาศว่าเขาทำไปเพื่อ “ทดสอบ” ความคิดเห็นของบุคคลรอบข้างและประชาชนของเขาเท่านั้น นอกจากนี้คาดีรอฟยังกล่าวอีกว่าเขาได้ยินข่าวลือว่ามีผู้นำจังหวัดแห่งหนึ่งในรัสเซียที่ครองตำแหน่งยาวนานถึง 27 ปี ซึ่งคาดีรอฟเองประกาศว่าเขาจะอยู่ในตำแหน่งให้ยาวนานยิ่งกว่านั้น

ทั้งนี้ คำกล่าวของนายคาดีรอฟไม่น่าตกใจนัก เนื่องจากคาดีรอฟมักกล่าวในเชิงตัดพ้อว่าต้องการเกษียณตัวเองอยู่บ่อยครั้ง แต่ไม่เคยทำจริงแต่อย่างใด ซึ่งการกระทำดังกล่าวอาจมีสาเหตุทั้งการทำเพื่อเรียกร้องความสนใจของ ปธน.ปูติน หรือด้วยสาเหตุอื่นๆ ได้เช่นกัน


ภาพประกอบ นายคาดีรอฟ (ขวา) ขณะเข้าพบกับ ปธน.ปูติน (ซ้าย) วันที่ 31 ส.ค. 2019

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

ที่มา:

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

[PeanutButter]

อัพเดตข่าวสงครามยูเครน วันที่ 196 ของสงคราม Part 2

4. ดูเหมือนฮังการีจะแสดงท่าทีมีปัญหาต่อสหภาพยุโรปอีกครั้ง โดยรายงานข่าวของ “โพลิติโก” (Politico) ซึ่งอ้างอิงจากเจ้าหน้าที่นิรนามและนักการทูตของสหภาพยุโรป 4 ราย เปิดเผยว่าฮังการีได้แสดงท่าทีคัดค้านการต่ออายุมาตรการคว่ำบาตรมหาเศรษฐีรัสเซีย จนกว่าทางสหภาพยุโรปจะยินยอมยกเลิกการคว่ำบาตรมหาเศรษฐีรัสเซีย 3 ราย

นับตั้งแต่รัสเซียทำการรุกรานยูเครนในวันที่ 24 ก.พ. ทางสหภาพยุโรปได้ประกาศมาตรการคว่ำบาตรบุคลากรทางทหาร เจ้าหน้าที่รัฐ มหาเศรษฐี นักการเมือง และนักโฆษณาชวนเชื่อของรัสเซียไปจำนวนทั้งสิ้น 1,217 ราย ซึ่งส่วนใหญ่รู้จักกันในชื่อว่า “คณาธิปัตย์” (Oligarch) ซึ่งหมายถึงบุคคลผู้ทรงอำนาจทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจ โดยบุคคลส่วนใหญ่ในรายชื่อการคว่ำบาตรนั้นกำลังจะหมดอายุความของมาตรการคว่ำบาตรภายในวันที่ 15 ก.ย. ที่จะถึงนี้ ทำให้ผู้แทนจากชาติสมาชิกสหภาพยุโรปมีกำหนดการประชุมล่วงหน้าภายในวันนี้ เพื่อหารือเรื่องการต่ออายุมาตรการคว่ำบาตรบุคคลสัญชาติจำนวน 1,217 ราย ที่กล่าวไป

อย่างไรก็ดี ฮังการีกลับแสดงท่าทีคัดค้านการต่ออายุมาตรการคว่ำบาตร โดยกล่าวว่าพวกเขาจะไม่เปลี่ยนท่าทีจนกว่าทางสหภาพยุโรปจะเห็นพ้องให้ทำการยกเลิกการคว่ำบาตร “คณาธิปัตย์” สัญชาติรัสเซีย 3 ราย คือ

4.1 นายอลิเชอร์ อุสมานอฟ (Alisher Usmanov) มหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยจากธุรกิจเหมืองแร่ ผ่านบริษัท “เมทัลโลอินเวสต์” (Metalloinvest Management Company LLC) ซึ่งอุสมานอฟถือหุ้นกว่า 60% อีกทั้งยังเป็นเจ้าของสำนักข่าว “คอมเมอร์ซานต์” (Kommersant) ของรัสเซีย อุสมานอฟถูกประกาศคว่ำบาตรโดยสหภาพยุโรปเมื่อวันที่ 28 ก.พ. ที่ผ่านมา โดยคาดว่าเขามีความมั่งคั่งสุทธิ (Net Worth) ทั้งหมดในปัจจุบันประมาณ 14,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (539,000 ล้านบาท)

4.2 นายปโยตร์ เอเว่น (Petr Aven) มหาเศรษฐีและนักเศรษฐศาสตร์ชาวรัสเซีย หนึ่งในคณะกรรมการบริหารของธนาคารอัลฟาแบงก์ (Alfa-Bank JSC) ธนาคารเอกชนรายใหญ่ที่สุดของรัสเซีย เอเว่นถูกประกาศคว่ำบาตรโดยสหภาพยุโรปเมื่อวันที่ 28 ก.พ. ที่ผ่านมา โดยคาดว่าเขามีความมั่งคั่งสุทธิทั้งหมดในปัจจุบันประมาณ 4,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (176,000 ล้านบาท)

4.3 นายวิกเตอร์ ราชนิกอฟ (Viktor Rashnikov) ประธานบริษัท “แม็กนีโตกอสก์” (PJSC Magnitogorsk Iron and Steel Works) บริษัทอุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้ารายใหญ่ลำดับต้นๆ ของโลก คาดว่าราชนิกอฟมีความมั่งคั่งสุทธิทั้งหมดในปัจจุบันประมาณ 10,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (381,680 ล้านบาท)

นอกจากการยกเลิกการคว่ำบาตร “คณาธิปัตย์” รัสเซียทั้ง 3 รายแล้ว ฮังการียังเสนอให้เปิดช่องให้องค์กรด้านมนุษยธรรมสามารถดำเนินธุรกรรมกับทางธนาคารของรัสเซียที่อยู่ในรายชื่อการถูกคว่ำบาตรโดยสหภาพยุโรปได้ ซึ่งบางส่วนมองว่าการกระทำดังกล่าวจะเปิดช่องโหว่ให้สามารถทำธุรกรรมกับประเทศรัสเซีย ผ่านหน้าฉากในรูปของมูลนิธิช่วยเหลือสังคมได้

ทั้งนี้ แม้ข้อเรียกร้องหลักของฮังการีจะเกี่ยวกับการปลดมาตรการคว่ำบาตรต่อ “คณาธิปัตย์” ของรัสเซียบางราย แต่เชื่อว่าสาเหตุหลักที่ฮังการีออกมาแสดงท่าทีคัดค้าน น่าจะมาจากความต้องการสร้างข้อต่อรองกับสหภาพยุโรป เนื่องจากว่าทางสหภาพยุโรปกำลังเตรียมดำเนินการตัดงบประมาณสนับสนุนแก่ฮังการีเนื่องจากในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 เม.ย. ที่ผ่านมา จากการตรวจสอบโดยผู้สังเกตการณ์นานาชาติจากองค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (OSCE) พบว่าการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมานั้นไม่โปร่งใสโดยคณะกรรมการการเลือกตั้งที่มาจากกลุ่มคนสนิทกับพรรคพันธมิตรประชาชนฮังการี “ฟิเดสซ์” (Fidesz - Hungarian Civic Alliance) พรรครัฐบาลปัจจุบันของนายกรัฐมนตรีวิกโตร์ โอร์บาน (Viktor Orbán) จึงเป็นไปได้มากว่าฮังการีต้องการสร้างข้อต่อรองกับสหภาพยุโรป เพื่อแลกเปลี่ยนกับการที่สหภาพยุโรปยุติแผนการตัดงบประมาณสนับสนุนแก่ฮังการี

 
ภาพประกอบ 1 นายอุสมานอฟขณะเข้ารับรางวัลเกียรติยศ “เหรียญเชิดชูแด่ปิตุภูมิขั้นสาม” (Order "For Merit to the Fatherland" III Class) กับ ปธน.ปูติน 28 พ.ย. 2018

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

ภาพประกอบ 2 นายเอเว่นขณะเข้าพบกับ ปธน.ปูติน 12 ก.พ. 2014

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

ภาพประกอบ 3 นายราชนิกอฟขณะเข้าพบกับ ปธน.ปูติน 29 พ.ย. 2016

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

ที่มา:

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

[pol]

ล่าสุดอาร์เมเนียตีกับอาร์เซอร์ไบจานอีกแล้ว กลัวชาวโลกยังปวดหัวกันไม่พอรึไงครับ?

[PeanutButter]

อัพเดตข่าวสงครามยูเครน วันที่ 197 ของสงคราม

1. ความช่วยเหลือจากชาติตะวันตกยังคงส่งมาให้ยูเครนอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดกระทรวงกลาโหมลิธัวเนียได้ประกาศผ่านบัญชีทวิตเตอร์ (Twitter) ทางการว่าทางกองทัพลิธัวเนียกำลังดำเนินการส่งมอบปืนใหญ่วิถีโค้งขนาด 105 ม.ม. ไม่ระบุจำนวนให้แก่กองทัพยูเครน ซึ่งในปัจจุบัน ลิธัวเนียมีปืนใหญ่วิถีโค้งขนาด 105 ม.ม. ในประจำการเพียงชนิดเดียว คือ ปืนใหญ่วิถีโค้งแบบ M101 จำนวน 54 กระบอกที่ได้รับบริจาคจากเดนมาร์คในปี 2002 ทั้งนี้ เรายังไม่ทราบแน่ชัดว่าปืนใหญ่วิถีโค้งแบบ M101 ที่ลิธัวเนียมอบให้แก่ยูเครนในครั้งนี้มีจำนวนทั้งหมดเท่าใด

อีกด้านหนึ่ง ภายในวันพรุ่งนี้จะมีการจัดประชุมใหญ่ “กลุ่มกลาโหมสัมพันธ์ยูเครน” (Ukraine Defense Contact Group)  ของบรรดาชาติพันธมิตรผู้สนับสนุนยูเครนจำนวนมากกว่า 50 ประเทศ ในการทำสงครามกับรัสเซีย ณ ฐานทัพอากาศรัมสไตน์ (Ramstein Air Base) ของสหรัฐในประเทศเยอรมนี ซึ่งในตอนนี้นายลอยด์ ออสติน (Lloyd Austin) รมว.กลาโหมสหรัฐ ในฐานะประธานการประชุม ได้เดินทางไปถึงฐานทัพอากาศรัมสไตน์แล้วเรียบร้อย ทั้งนี้ มีข่าวลือหลุดออกมาว่ามีความเป็นไปได้สูงที่สหรัฐจะประกาศแพ็กเกจความช่วยเหลือทางทหารชุดใหม่แก่ยูเครนหลังเสร็จสิ้นการประชุม มูลค่าประมาณ 675 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (24,580 ล้านบาท)

อีกด้านหนึ่ง บริษัท “มิลเรม” (Milrem Robotics) ผู้พัฒนาหุ่นโดรนจากประเทศเอสโตเนีย ได้ประกาศทำการบริจาคโดรนภาคพื้นดินรุ่น “เธมิส” (THeMIS) ไม่ระบุจำนวนให้แก่กองทัพยูเครน ซึ่งโดรนที่ได้ทำการบริจาคไปนั้นทาง “มิลเรม” ไม่ได้ระบุแน่ชัดว่าเป็นรุ่นใด แต่ได้กล่าวว่าโดรน "เธมิส" ที่ยูเครนได้รับนั้นเป็นมีขีดความสามารถแบบพหุภารกิจ (Multimission) สามารถใช้เพื่อการขนส่งยุทธสัมภาระสำหรับทหารระดับหมวดหมู่ (คาดว่าจะเป็นรุ่น THeMIS Cargo) หรือใช้สำหรับลำเลียงผู้บาดเจ็บออกจากพื้นที่สู้รบได้เช่นเดียวกัน (คาดว่าจะเป็นรุ่น THeMIS Cargo CASEVAC)

ทั้งนี้ นอกจากการใช้เพื่อลำเลียงสัมภาระและผู้บาดเจ็บแล้ว ในทางทฤษฎี โดรน “เธมิส” นั้นสามารถดัดแปลงเพื่อติดตั้งอาวุธยุทโธปกรณ์ได้หลายรายการ เช่นกระเปาะอาวุธปล่อยนำวิถีโจมตีภาคพื้นดินรุ่น “บริมสโตน” (Brimstone) จำนวน 6 ลูก, ป้อมปืนควบคุมด้วยรีโมตคอนโทรลแบบ “แอดเดอร์” (ADDER RWS) ซึ่งสามารถใช้งานควบคู่กับปืนกลหนักหรือเครื่องยิงลูกระเบิดได้, ระบบเก็บกู้วัตถุระเบิด “กราวด์อาย” (GroundEye) หรือแม้แต่ อวป.ต่อต้านรถถังแบบ “จาเวลิน” (FGM-148 Javelin)


ภาพประกอบ 1 ทหารลิธัวเนียกำลังทำการขนย้ายปืนใหญ่วิถีโค้งขนาด 105 ม.ม. รุ่น M101 เพื่อส่งมอบให้แก่ยูเครน ภาพจากบัญชีทวิตเตอร์ของกระทรวงกลาโหมลิธัวเนีย วันที่ 7 ก.ย. ที่ผ่านมา

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

ภาพประกอบ 2 นายออสตินขณะกำลังเข้าร่วมการประชุม “กลุ่มกลาโหมสัมพันธ์ยูเครน” ครั้งแรก ณ ฐานทัพอากาศรัมสไตน์ ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

ภาพประกอบ 3 ทหารเอสโตเนีย ยืนข้างกับโดรน THeMIS (คันสีน้ำตาลอ่อน) ขณะกำลังปฏิบัติการรักษาความสงบในประเทศมาลี แอฟริกา วันที่ 1 ต.ค. 2019

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

2. ทางด้านรัฐบาลยูเครนมีการเปลี่ยนแปลงโยกย้ายด้านตำแหน่งการเมืองภายในเล็กน้อย โดย ปธน.เซเลนสกี้ได้เซ็นรับรองกฤษฎีกาฉุกเฉิน ประกาศแต่งตั้งนายโอเล็กซีย์ ลีอาค (Oleksiy Liakh) ให้ดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการสำนักงานความมั่นคงยูเครน (SBU) เขตพื้นที่จังหวัดเชอร์นิฮิฟ (Chernihiv Oblast) แทนที่นายเยฟเกน เนตูชีลอฟ (Yevhen Netuzhylov) พร้อมกับแต่งตั้งนายอาร์เต็ม บอรีเซวิค (Artem Borysevich) ขึ้นเป็น ผ.อ. SBU เขตพื้นที่จังหวัดเคอร์สัน (Kherson Oblast) หลังจากที่ ผ.อ.คนเก่า นายเซอร์ฮีย์ ครีโวรุชโก (Serhiy Kryvoruchko) ถูกปลดออกจากตำแหน่งตั้งแต่เดือนมีนาคม เนื่องจากพบว่านายครีโวรุชโกเป็นไส้ศึกให้แก่กองทัพรัสเซีย

นอกจากนี้ รัฐบาลยูเครนยังได้ทำการก่อตั้งศูนย์อำนวยการประสานงานเขตพื้นที่ยึดครอง (Coordination Headquarters for De-occupied Territories) ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นผู้รับผิดชอบการบูรณะฟื้นฟูดินแดนต่างๆ ของยูเครนที่ตกอยู่ภายใต้การยึดครองของรัสเซีย และกองทัพยูเครนสามารถทำการปลดแอกมาได้สำเร็จ โดยได้มีการแต่งตั้งนางอิรีนา เวเรชชุค (Iryna Vereshchuk) รองนายกรัฐมนตรียูเครนคนปัจจุบัน ขึ้นมาดำรงตำแหน่งเป็นประธานศูนย์ฯ พื้นที่ยึดครอง คนแรก



ที่มา:

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

[PeanutButter]

อัพเดตข่าวสงครามยูเครน วันที่ 198 ของสงคราม Part 1

1. ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับแพ็กเกจความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครนชุดใหม่ล่าสุดจากสหรัฐ โดยหลังเสร็จสิ้นการประชุมใหญ่ “กลุ่มกลาโหมสัมพันธ์ยูเครน” ครั้งที่ห้า (Ukraine Defense Contact Group) เมื่อวานนี้ โดยบรรดาชาติพันธมิตรผู้สนับสนุนยูเครนจำนวนกว่า 50 ประเทศ ณ ฐานทัพอากาศรัมสไตน์ (Ramstein Air Base) ของสหรัฐในประเทศเยอรมนี นายลอยด์ ออสติน (Lloyd Austin) รมว.กลาโหมสหรัฐ และพลเอกมาร์ค มิลลีย์ (General Mark Milley) ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วม (Chairman of the Joint Chiefs of Staff) ของกองทัพสหรัฐ ได้ร่วมกันประกาศแพ็กเกจความช่วยเหลือทางทหารชุดใหม่แก่ยูเครน มูลค่าทั้งสิ้น 675 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (24,580 ล้านบาท)

สำหรับงบประมาณทั้งหมดจะมาจาก “อำนาจการเบิกถอนตามคำสั่งประธานาธิบดี” หรือ PDA (Presidential Drawdown Authority) ซึ่งเป็นการให้ความช่วยเหลือแก่พันธมิตรผ่านอำนาจพิเศษของประธานาธิบดีสหรัฐ โดยการนำอาวุธยุทโธปกรณ์ที่มีประจำการในกองทัพสหรัฐมอบให้แก่มิตรประเทศเนื่องในสถานการณ์ฉุกเฉิน รายละเอียดของแพ็กเกจชุดนี้ประกอบไปด้วย

1.1 จรวดนำวิถีเพิ่มเติมสำหรับเครื่องยิงจรวดหลายลำกล้อง M142 HIMARS (คาดว่าจะเป็นรุ่น M31 ระยะยิง 80 กม. ที่สหรัฐมอบให้ยูเครนก่อนหน้านี้)

1.2 ปืนใหญ่วิถีโค้งขนาด 105 ม.ม. จำนวน 4 กระบอก และกระสุนปืนใหญ่ขนาด 105 ม.ม. จำนวน 36,000 นัด (เมื่อรวมกับ 16 กระบอกที่สหรัฐสัญญาจะส่งมอบให้ก่อนหน้านี้ จะเท่ากับว่ายูเครนจะได้รับปืนใหญ่วิถีโค้งขนาด 105 ม.ม. จำนวนทั้งสิ้น 20 กระบอก เฉพาะจากสหรัฐ ทั้งนี้ ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าสหรัฐจะส่งมอบปืนใหญ่รุ่นใดให้ยูเครน อาจเป็นได้ตั้งแต่รุ่น M101 จากสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง M102 จากยุคสงครามเวียดนาม หรือ M119 จากช่วงปลายยุคสงครามเย็น)

1.3 อาวุธปล่อยนำวิถีต่อต้านคลื่นอิเล็กทรอนิกส์ (ARM) รุ่น AGM-88 HARM เพิ่มเติมให้แก่กองทัพอากาศยูเครน (สำหรับใช้ค้นหาและทำลายเรดาร์ตรวจการณ์ทางอากาศของรัสเซีย)

1.4 รถฮัมวีหุ้มเกราะ (Armored HMMWV) จำนวน 100 คัน

1.5 กระสุนปืนเล็ก จำนวน 1,500,000 นัด (คาดว่าจะหมายถึงกระสุนปืนเล็กยาวขนาด 5.56x45 ม.ม. NATO และกระสุนปืนกลขนาด 7.62x51 ม.ม. NATO)

1.6 ระบบอาวุธต่อต้านยานเกราะ จำนวนมากกว่า 5,000 ระบบ (ไม่ได้ระบุว่าคืออาวุธชนิดใด อาจเป็นได้ตั้งแต่กับระเบิดต่อต้านรถถัง มิสไซล์ หรือปืนต่อต้านรถถังธรรมดา)

1.7 กระสุนปืนใหญ่ขนาด 155 ม.ม. รุ่น “ระบบกับระเบิดต่อต้านรถถังระยะไกล” หรือ “แรมส์” (RAAMS) จำนวน 1,000 นัด (กระสุนปืนใหญ่บรรจุกับระเบิดต่อต้านรถถังจำนวน 9 ชิ้นไว้ภายใน ระยะยิงตั้งแต่ 4 - 17.6 กม. สามารถใช้ควบคู่กับปืนใหญ่อัตตาจร M109 Paladin หรือปืนใหญ่วิถีโค้ง M777 ที่สหรัฐและพันธมิตรได้ทำการส่งมอบให้ยูเครนไปก่อนหน้านี้ได้)

1.8 ปืนเล็กและเครื่องยิงลูกระเบิดเพิ่มเติม (คาดว่าจะเป็นอาวุธสำหรับทหารราบ เช่นปืนเล็กยาว M16 ปืนเล็กสั้น M4 ปืนกลอเนกประสงค์ M240 เครื่องยิงลูกระเบิดอัตโนมัติ Mk.19 เป็นต้น)

1.9 ยานเกราะลำเลียงพลรุ่นรถพยาบาล จำนวน 50 คัน (เมื่อรวมกับที่สหรัฐสัญญาจะส่งมอบให้ยูเครนก่อนหน้านี้อีก 50 คัน จะเท่ากับว่ายูเครนจะได้รับมอบยานเกราะลำเลียงพลรุ่นรถพยาบาลจำนวนทั้งสิ้น 100 คัน โดยคาดว่าจะเป็นยานเกราะตระกูล M113 รุ่น M113A4 AMEV หรือตระกูล M577 ATV ที่มีใช้งานในกองทัพสหรัฐ)

1.10 กล้องมองกลางคืนและอุปกรณ์ภาคสนามอื่นๆ

นอกจากนี้ ในช่วงเวลาเดียวกันกับการประชุมที่ฐานทัพอากาศรัมสไตน์ นายแอนโตนี บลิงเกน (Antony Blinken) รมว.การต่างประเทศสหรัฐ ได้ทำการเยือนสายฟ้าแลบ ณ กรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครนพร้อมกับประกาศงบประมาณช่วยเหลือทางทหารชุดใหญ่ให้แก่ยูเครนและชาติพันธมิตรของสหรัฐในยุโรปตะวันออกอีก 18 ประเทศ รวมมูลค่าสูงถึง 2,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (79,900 ล้านบาท) โดยเงินจำนวน 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (36,320 ล้านบาท) จะถูกมอบให้กับยูเครน และอีก 1,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (43,580 ล้านบาท) ที่เหลือจะกระจายระหว่างชาติพันธมิตรอื่นๆ ได้แก่ อัลบาเนีย บอสเนีย บัลแกเรีย โครเอเชีย เช็กเกีย เอสโตเนีย จอร์เจีย กรีซ โคโซโว ลัตเวีย ลิธัวเนีย มอลโดวา มอนเตเนโกร นอร์ธมาซิโดเนีย โปแลนด์ โรมาเนีย สโลวาเกีย และสโลวีเนีย

สำหรับเงินช่วยเหลือจำนวน 2,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (79,900 ล้านบาท) ชุดนี้ จะถูกส่งมอบให้แก่ยูเครนและชาติพันธมิตรผ่านทางโครงการ “การให้เงินช่วยเหลือทางทหาร” (Foreign Military Financing) ของรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งเปิดให้ชาติพันธมิตรสามารถทำการกู้ยืมเงินจากรัฐบาลสหรัฐ เพื่อนำไปใช้ในการจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ของสหรัฐใช้งานได้ตามความต้องการ 

ทั้งนี้ นายบลิงเกนจะมีกำหนดการเดินทางเยือนสำนักงานใหญ่ขององค์การนาโต้ ณ กรุง บรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม ภายในวันนี้ เพื่อหารือเรื่องความร่วมมือระหว่างชาติสมาชิกนาโต้ในการสนับสนุนยูเครน ขณะที่นายออสตินได้กล่าวปิดท้ายงานประชุม ว่าภายในไม่กี่วันข้างหน้า ทางสหรัฐจะเปิดการประชุมใหญ่กับผู้นำจากนานาชาติ เพื่อหารือเรื่องการวางแผนขยับขยายฐานการผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหาร เพื่อให้สอดคล้องต่อความต้องการร่วมกันทั้งของยูเครน และของชาติพันธมิตรยูเครนทั้งหมด

หากนับรวมแพ็กเกจความช่วยเหลือทางทหารชุดล่าสุดด้วย จะทำให้นับตั้งแต่นายโจ ไบเดนขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2021 จนถึงปัจจุบัน สหรัฐได้ส่งมอบความช่วยเหลือทางทหารให้แก่ยูเครน รวมมูลค่าทั้งหมด 15,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (552,000 ล้านบาท) หรือถ้าหากนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ความขัดแย้งกรณีคาบสมุทรไครเมียและภูมิภาคดอนบาสขึ้นในปี 2014 มูลค่าความช่วยเหลือทางทหารที่สหรัฐมอบให้ยูเครนทั้งหมดจะเท่ากับ 17,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (624,700 ล้านบาท) หรือถ้าหากนับตั้งแต่เกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครนขึ้นเมื่อวันที่ 24 ก.พ. ที่ผ่านมา มูลค่าความช่วยเหลือทางทหารที่สหรัฐมอบให้ยูเครนทั้งหมดจะเท่ากับ 14,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (526,640 ล้านบาท)



ที่มา:

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

[PeanutButter]

อัพเดตข่าวสงครามยูเครน วันที่ 198 ของสงคราม Part 2

2. สหรัฐไม่ใช่แค่ประเทศเดียวที่ประกาศความช่วยเหลือทางทหารเพิ่มเติมให้แก่ยูเครนภายหลังการประชุม “กลุ่มกลาโหมสัมพันธ์ยูเครน” ครั้งที่ห้า ประเทศอื่นๆ ได้ทำการประกาศความช่วยเหลือทางทหารให้แก่ยูเครนเช่นเดียวกัน แม้ว่าจะไม่ได้มีขนาดที่ใหญ่โตเช่นเดียวกับสหรัฐก็ตาม ประเทศเหล่านี้ประกอบไปด้วย

2.1 รัฐมนตรีกลาโหมของเยอรมนีและเนเธอร์แลนด์ร่วมกันประกาศจะทำการฝึกฝนทักษะการเก็บกู้วัตถุระเบิดให้กับเจ้าหน้าที่ทหารของยูเครนภายในประเทศเยอรมนี รวมไปถึงการจัดหาอุปกรณ์ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดให้แก่ยูเครนอีกด้วย

2.2 รัฐมนตรีกลาโหมนอร์เวย์ประกาศจะทำการส่งมอบอาวุธปล่อยนำวิถีโจมตีเป้าหมายภาคพื้นดินรุ่น AGM-114 Hellfire ให้แก่กองทัพยูเครน จำนวนทั้งหมด 160 ลูก พร้อมด้วยแท่นยิง ระบบนำวิถี และระบบการควบคุมต่างๆ รวมไปถึงกล้องมองกลางคืนสำหรับทหารราบ

สำหรับ อวป. Hellfire จะมาจากอาวุธในคลังของกองกำลังคอมมานโดชายฝั่ง (Coastal Ranger Commando) โดยเป็นรุ่นพิเศษที่มาพร้อมกับฐานยิงขนาดเล็กพร้อมขาตั้งแบบพกพาได้ สามารถทำการยิง อวป. Hellfire เพื่อโจมตีเป้าหมายภาคพื้นดินหรือเรือรบผิวน้ำของศัตรูในระยะ 8 กม. ได้

2.3 รัฐมนตรีกลาโหมสหราชอาณาจักรประกาศจะทำการส่งมอบรถบรรทุกอาวุธหนัก HET (Heavy Equipment Transporter) จำนวนหนึ่งให้แก่กองทัพยูเครน ซึ่งในที่นี้คาดว่าจะหมายถึงรถบรรทุกหนักรุ่น Oshkosh 1070F ของกองทัพบกบริเตน สามารถใช้งานเพื่อลำเลียงอาวุธยุทโธปกรณ์ขนาดใหญ่เช่นรถถัง ปืนใหญ่ หรือจรวดนำวิถีสำหรับเครื่องยิงจรวดหลายลำกล้อง M142 HIMARS หรือ M270 MLRS ของกองทัพยูเครนได้ ซึ่งในปัจจุบัน กองทัพบกบริเตนมีรถบรรทุกอาวุธหนัก HET ในประจำการทั้งสิ้น 91 คัน


3. นอกจากยูเครนจะได้รับอาวุธยุทโธปกรณ์ชุดใหม่จากชาติพันธมิตรตะวันตกแล้ว โปแลนด์ที่กำลังอยู่ในระหว่างการปรับปรุงกองทัพขนานใหญ่เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับภัยคุกคามจากรัสเซีย ก็ได้ประกาศว่าทางการโปแลนด์ได้ยื่นเอกสารคำร้องไปยังรัฐบาลสหรัฐ เพื่อทำการจัดหาเฮลิคอปเตอร์โจมตีรุ่น AH-64E Apache Guardian จากบริษัท “โบอิ้ง” (Boeing Defense, Space & Security) ของสหรัฐ ในจำนวนที่สูงถึง 96 ลำ ซึ่งหากได้รับการยินยอมจากรัฐบาลสหรัฐ จะทำให้โปแลนด์มีเฮลิคอปเตอร์โจมตีรุ่น AH-64 Apache ในประจำการมากเป็นอันดับสองของโลกรองจากสหรัฐเลยทีเดียว

นายมาริอุสซ์ บลัชตัก (Mariusz Błaszczak) รมว.กลาโหมและรองนายกรัฐมนตรีโปแลนด์ ได้แถลงข่าวหลังเสร็จสิ้นการประชุม “กลุ่มกลาโหมสัมพันธ์ยูเครน” ครั้งที่ห้า เมื่อวานนี้ ว่าทางการโปแลนด์ได้ยื่นหนังสือคำร้องไปยังรัฐบาลสหรัฐ เพื่อขอทำการสั่งซื้อ ฮ.โจมตีรุ่น AH-64E Apache Guardian จากบริษัท “โบอิ้ง” จำนวนทั้งหมด 96 ลำ เพื่อเข้าประจำการในกองทัพโปแลนด์ และเพื่อทดแทน ฮ.โจมตีรุ่น Mi-24 Hind จำนวน 30 ลำ จากยุคสงครามเย็นของโปแลนด์ โดยโครงการจัดหาครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “ครุก” (Kruk) โครงการจัดหา ฮ.โจมตีรุ่นใหม่จำนวน 32 ลำ เพื่อทดแทน Mi-24 Hind ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นการแข่งขันกันระหว่าง ฮ.โจมตี AH-64E Apache Guardian จากบริษัท “โบอิ้ง” และ ฮ.โจมตี AH-1Z Viper จากบริษัท “เบลล์” (Bell Textron Inc.) ของสหรัฐ

ทั้งนี้ เนื่องจากว่าเรื่องดังกล่าวยังเป็นเพียงคำขอจากทางรัฐบาลโปแลนด์เท่านั้น จึงยังไม่มีรายละเอียดของโครงการแน่ชัด เช่นการจัดหา ฮ.โจมตีจำนวนสูงถึง 96 ลำนั้น เพื่อนำมาทดแทน ฮ.โจมตีรุ่น Mi-24 Hind จำนวน 30 ลำ เดิม และ ฮ.โจมตีเบารุ่นอื่นๆ ในกองทัพโปแลนด์หรือไม่ ชะตากรรมของ ฮ.โจมตี Mi-24 Hind ทั้ง 30 ลำ (เป็นไปได้หรือไม่ที่บางส่วนหรือทั้งหมดอาจถูกส่งมอบให้กับยูเครน) องค์ประกอบอื่นของโครงการนอกจากการจัดหา ฮ.โจมตี และโครงการทั้งหมดจะมีมูลค่าเท่าใด แต่คาดว่าโครงการจัดหาครั้งนี้จะมีมูลค่าประมาณ 12,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (453,500 ล้านบาท) อ้างอิงจากราคาโครงการจัดหา ฮ.โจมตีรุ่น AH-64E Apache Guardian จำนวน 29 ลำของกองทัพออสเตรเลียในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งโครงการดังกล่าวมีมูลค่าทั้งหมด 3,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (137,940 ล้านบาท)

อ้างอิงจากคำพูดของนายอดัม ฮอดจ์ (Adam Hodges) ประธานฝ่ายการขายอากาศยานขึ้นลงแนวดิ่งนานาชาติของ “โบอิ้ง” ซึ่งกล่าวไว้ในงาน “นิทรรศการอุตสาหกรรมอาวุธนานาชาติครั้งที่ 30” (30th International Defence Industry Exhibition) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6-9 ก.ย. ณ เมืองเคียลซี (Kielce) ประเทศโปแลนด์ ว่า ฮ. Apache ที่ทางบริษัทเสนอขายให้กับโปแลนด์ คือรุ่น AH-64EV6 Apache Guardian ซึ่งเป็น ฮ. Apache รุ่นทันสมัยที่สุดในยุคปัจจุบัน และกล่าวว่าทางบริษัทกำลังอยู่ในระหว่างการเจรจากับบริษัทอุตสาหกรรมอาวุธหลายรายของโปแลนด์ เพื่อจัดตั้งโรงงานประกอบในท้องที่ รวมถึงศูนย์ซ่อมบำรุง และการถ่ายทอดเทคโนโลยีด้วย อย่างไรก็ดี นายฮอดจ์กล่าวว่ารายละเอียดของโครงการทั้งหมดยังต้องรอการอนุมัติจากทั้งรัฐบาลสหรัฐและโปแลนด์ ว่าจะสามารถตกลงกันได้มากน้อยแค่ไหน


4. นอกจากคำร้องจัดหา ฮ.โจมตีรุ่น AH-64E Apache Guardian จากสหรัฐแล้ว โปแลนด์ยังได้ประกาศโครงการจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์รายการอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมาก ได้แก่

4.1 วันจันทร์ที่ 5 ก.ย. ที่ผ่านมา นายมาริอุสซ์ บลัชตัก (Mariusz Błaszczak) รมว.กลาโหมและรองนายกรัฐมนตรีโปแลนด์ ได้เซ็นอนุมัติโครงการจัดหาปืนใหญ่อัตตาจรรุ่น AHS Krab เพิ่มเติม กับบริษัทร่วมทุนด้านอุตสาหกรรมอาวุธ “ฮูตา” (Huta Stalowa Wola S.A.) ของโปแลนด์ ในจำนวนสูงถึง 48 คัน และยานพาหนะอื่นๆ (คาดว่าจะเป็นรถบรรทุกกระสุนปืนใหญ่) อีก 36 คัน รวมมูลค่ากว่า 3,800 ล้านซวอตือ (815 ล้านดอลลาร์สหรัฐ / 29,600 ล้านบาท)

4.2 วันอังคารที่ 6 ก.ย. นายบลัชตักได้เซ็นสัญญาจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์สำหรับกองทัพบกโปแลนด์ ไม่ว่าจะเป็นรถบรรทุกทหาร, อุปกรณ์สื่อสาร, ยานเกราะลำเลียงพล Rosomak, โดรนลาดตระเวนและโจมตี Gladius-2, กล้องติดปืนสำหรับทหารราบ และชุดควบคุมสำหรับอาวุธปล่อยนำวิถีต่อต้านจรวดขีปนาวุธแบบ MIM-104 Patriot รวมมูลค่าทั้งหมด 3,000 ล้านซวอตือ (643 ล้านดอลลาร์สหรัฐ / 23,360 ล้านบาท)



ที่มา:

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

[PeanutButter]

อัพเดตข่าวสงครามยูเครน วันที่ 199 ของสงคราม Part 1

1. ผ่านมาเกือบสองสัปดาห์แล้วสำหรับปฏิบัติการโจมตีโต้กลับของยูเครน ซึ่งเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 29 ส.ค. ที่ผ่านมา ต้องบอกว่าการรุกคืบเพื่อปลดแอกดินแดนของตนคืนจากรัสเซียในครั้งนี้ค่อนข้างเป็นไปอย่างราบรื่นทีเดียวสำหรับฝั่งยูเครน แต่ก็ต้องบอกว่าศึกครั้งนี้จะยาวนานอย่างแน่นอน

ในแนวรบจังหวัดเคอร์สัน (Kherson Oblast) จุดโฟกัสหลักของปฏิบัติการโจมตีโต้กลับในครั้งนี้ ยูเครนสามารถรุกคืบได้เล็กน้อย โดยหลักจะเป็นพื้นที่บริเวณตอนกลางและตอนเหนือของแนวรบที่สามารถเคลื่อนทัพได้มากที่สุด ในขณะที่แนวรบฝั่งใต้นั้นแทบไม่เปลี่ยนแปลง

ภาพประกอบ 1-2 แนวรบเคอร์สัน วันที่ 29-30 ส.ค. วันที่ยูเครนเริ่มเปิดปฏิบัติการโจมตีโต้กลับในเคอร์สัน

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

ภาพประกอบ 3-4 แนวรบเคอร์สัน วันที่ 9 ก.ย. วันที่ 12 ของปฏิบัติการโจมตีโต้กลับในเคอร์สัน

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

ทั้งนี้ สาเหตุที่ทำให้การเคลื่อนทัพของยูเครนในเคอร์สันค่อนข้างล่าช้า สาเหตุหลักมาจากกำลังทหารรัสเซียจำนวนมากในพื้นที่ (ประมาณการว่าไม่ต่ำกว่า 20,000 นาย) พร้อมอาวุธหนักจำนวนมหาศาล รวมถึงสภาพภูมิประเทศที่เป็นที่ราบกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ทำให้การเคลื่อนทัพของยูเครนสามารถทำได้ยากลำบาก

อย่างไรก็ดี เนื่องจากยูเครนประสบความสำเร็จในการสร้างความเสียหายให้แก่สะพานส่งกำลังบำรุงของรัสเซียตลอดแนวแม่น้ำนีโปร (Dnipro River) ซึ่งไหลผ่านทางตะวันออกของเคอร์สัน ทำให้รัสเซียไม่สามารถทำการส่งเสบียงหรือกำลังเสริมให้แก่กองทัพของตนในเคอร์สันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และแม้ว่าการขนส่งทางอากาศหรือทางน้ำสามารถทำได้ แต่จะเสียเวลาค่อนข้างมาก อีกทั้งยังสามารถขนส่งยุทธปัจจัยได้ทีละน้อย รวมถึงสุ่มเสี่ยงจะถูกยูเครนทำลายจากการโจมตีระยะไกลได้โดยง่าย

คาดว่าการสู้รบในเคอร์สันจะยังคงยืดเยื้อไปอีกนานนับเดือน และแม้จะยังไม่แน่ชัดว่ายูเครนจะได้รับชัยชนะหรือไม่ แต่สถานการณ์ในปัจจุบัน ยูเครนยังคงเป็นต่อฝ่ายรัสเซียค่อนข้างมาก

ที่มา:

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

[PeanutButter]

อัพเดตข่าวสงครามยูเครน วันที่ 199 ของสงคราม Part 2

2. ในอีกแนวรบหนึ่งที่ไม่มีใครคาดคิด ราวคืนวันอังคาร-เช้าวันพุธที่ 6-7 ก.ย. ที่ผ่านมา ยูเครนได้เปิดปฏิบัติการโจมตีสายฟ้าแลบ ทะลวงแนวตั้งรับของรัสเซียทางเหนือของเมืองอิซิอุม (Izyum) ซึ่งเป็นแนวหน้าของกองทัพรัสเซียในจังหวัดคาร์คิฟ (Kharkiv Oblast) ทางเหนือของยูเครน การเคลื่อนทัพของฝ่ายยูเครนเป็นไปอย่างรวดเร็วมากในระดับที่รัสเซียตั้งตัวไม่ติด

ภาพประกอบ 1-2-3 แสดงลำดับการเคลื่อนทัพของยูเครนในคาร์คิฟ (ลูกศรน้ำเงิน) จะเห็นว่าในระยะเวลาเพียงประมาณ 3 วัน นับจากวันที่ 7-9 ก.ย. ยูเครนสามารถทำการรุกคืบได้อย่างรวดเร็วมาก  โดยที่รัสเซียไม่สามารถรวมกำลังเพื่อตั้งรับได้ทัน

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

ทั้งนี้ ในภาพประกอบ 1-2-3 นั้น เป็นภาพการประเมินขั้นต่ำเท่านั้น โดยในตอนนี้มีรายงานจากฝั่งรัสเซียที่ยังไม่ได้รับการยืนยัน ว่ายูเครนแทบจะสามารถทำการโอบล้อมกองทัพรัสเซียนับหมื่นนายในอิซิอุมได้แล้ว

ภาพประกอบ 4 อิงจากข่าวลือของฝั่งรัสเซีย จะเห็นว่ายูเครนแทบจะปิดล้อมแนวรบอิซิอุมได้แล้ว

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

ทั้งนี้ มีความเป็นไปได้ว่ากองกำลังโจมตีสายฟ้าแลบของยูเครนจากทางเหนือ จะยกทัพมาบรรจบกับกองกำลังยูเครนจากทางใต้ที่เมืองออสกิล (Oskil) หรือสเวียโตเฮิรสก์ (Sviatohirsk) เพื่อตัดเส้นทางการถอยของทัพรัสเซียนับหมื่นนายในอิซิอุม และอิงจากข่าวลือของฝั่งรัสเซียเช่นกัน กล่าวว่ากองกำลังรัสเซียทั้งในอิซิอุม สเวียโตเฮิรสก์ และไลมาน (Lyman) นั้นต่างทำการแตกทัพหนีตายจากการรุกคืบอย่างรวดเร็วของฝ่ายยูเครน มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ยังพยายามรักษาที่มั่นของตนหรือทำการเสริมทัพในอิซิอุมเพื่อป้องกันไม่ให้กองทัพของตนถูกล้อมได้โดยง่าย

ยังต้องติดตามดูกันต่อไปว่าสถานการณ์ในอิซิอุมช่วงสุดสัปดาห์นี้จะเป็นอย่างไร แต่ถ้าทำการประเมินเบื้องต้นจากหลักฐานและข่าวสารที่ปรากฏออกมา รัสเซียมีโอกาสสูงมากที่จะสูญเสียกองทัพในอิซิอุมไป



ที่มา:

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

[PeanutButter]

อัพเดตข่าวสงครามยูเครน วันที่ 199 ของสงคราม Part 3

3. ปธน.เซเลนสกี้ได้ออกมาแถลงถึงความสำเร็จของกองทัพยูเครนเมื่อวานนี้ ว่าภายในเวลาเพียง 7 วัน นับจากวันที่ 1 - 8 ก.ย. กองทัพยูเครนสามารถปลดแอกดินแดนของตนคืนจากรัสเซียได้มากถึง 1,000 ตร.กม. (ใหญ่กว่า จ.อ่างทองเล็กน้อย) โดยในจำนวนนี้ กว่า 700 ตร.กม. มาจากพื้นที่ในคาร์คิฟที่ยูเครนประสบความสำเร็จในการทะลวงแนวตั้งรับของรัสเซียได้อย่างรวดเร็ว ทำให้สามารถยึดพื้นที่คืนจากรัสเซียได้เป็นอันมาก

หากจะให้เห็นภาพว่าการปลดแอกดินแดนของยูเครนจากรัสเซียในครั้งนี้นั้นแตกต่างกับการรุกคืบของรัสเซียในช่วงหลายเดือนก่อนหน้ามากน้อยแค่ไหน โปรดดูภาพข้างล่างนี้

ภาพประกอบ 1 

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

ตลอดระยะเวลา 3 เดือน นับจากวันที่ 2 มิ.ย. - 2 ก.ย. รัสเซียสามารถยึดครองดินแดนจากยูเครนได้เพียง 612 ตร.กม. (เล็กกว่าพื้นที่ทั้งหมดของ จ.นนทบุรีเล็กน้อย) โดยส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่ทางเหนือในจังหวัดคาร์คิฟ และทางตะวันออกในภูมิภาคดอนบาส (พื้นที่สีแดง) ขณะเดียวกัน ยูเครนก็สามารถยึดคืนพื้นที่ของตนได้เป็นจำนวนมากในพื้นที่ทางใต้ แถบจังหวัดเคอร์สันและซาโปริสเซีย (Zaporizhzhia Oblast) (พื้นที่สีน้ำเงิน)

รัสเซียใช้เวลาถึง 3 เดือน สามารถยึดพื้นที่จากยูเครนได้เพียง 612 ตร.กม. ซึ่งเท่ากับว่า รัสเซียจะต้องใช้เวลาอีกประมาณ 196.5 ปี เพื่อจะยึดครองดินแดนของประเทศยูเครนที่เหลืออยู่ทั้งหมด

ภาพประกอบ 2

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

แผนที่แสดง “ความเร็ว” ในการรุกคืบกองทัพรัสเซีย เส้นสีดำคือแนวรบวันที่ 10 ก.ค. ขณะที่เส้นสีแดงคือแนวรบวันที่ 14 ส.ค. จะเห็นว่าในช่วงเวลาหนึ่งเดือน รัสเซียสามารถยึดพื้นที่จากยูเครนได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น และนี่คือช่วงเวลาก่อนหน้าปฏิบัติโจมตีตอบโต้ของฝ่ายยูเครนจะเริ่มขึ้น

เมื่อเปรียบเทียบกับยูเครน ที่ใช้เวลาเพียง 1 สัปดาห์ แต่สามารถปลดแอกดินแดนของตนคืนได้มากถึง 1,000 ตร.กม. แล้ว ต้องบอกว่า ณ ตอนนี้ รัสเซียแทบไม่มีโอกาสที่จะชนะยูเครนได้เลย



ที่มา:

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

[sariora123]

เอาจริง ๆ ตอนนี้ ยุโรป ก็อ่วมจัดจากปัญหาราคาพลังงาน
รัสเซียเองก็เริ่มเละจากการแบน ช่องติ่งรัสเซียเหมือนจะเริ่มบ่นๆกันล่ะว่าภายในเริ่มมีปัญหา




ยุโรปไม่ซื้อแก๊สจากรัสเซีย โดยตรงไปซื้อผ่านประเทศตัวกลางแทน
    เอาจริงๆ ถ้ารัสเซียจะไม่จายให้ก็แค่ขายในจำนวนจำกัด แต่ก็นะ
ไม่ขายแกส.ห้ยุโรปแล้วจะเแาไปปล่อยไว้ตรงไหน




ตอนนี้คือ   สรุปจะรบก็รบกันไปเรื่องอื่นๆ เลี่ยงกฏหมายเอา แล้วก็ต่างคนต่างอยู่กันสินะ

[pol]

เห็นว่าชิปของคอมพิวเตอร์กับรถทั้งหลายแหล่นี่ขาดแคลนหนักเลยใช่ไหมครับ?

[sariora123]

ขาดแครนหมดครับ ต้อวเข้าใจก่อนว่าความต้องการชิบมันเพอ่มขึ้นอย่างมากแบบไม่ธรรมดา


สมัยก่อนมีแค่พวก อุปกรณ์คอม หรือไฮเทคสักหน่อย ใช้นกันเยอะ




เดียวนี่นับไปสิครับอะไรบ้าง
คอมพิวเตอร์
มือถือ
อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า ในครัวเรือน ต่างๆ ก็เริ่มใส่ชิปกันนานล่ะ
ของเล่น
แกดเจ็ด อำนวยตวามสะดวกต่างๆ
รถไฟฟ้า
โดรน
อาวุธต่างๆ ช่วงนี้ใช้เปลืองมาก ๆ ก็แบบว่า ผลิตมาก็ยิงทิ้งๆไปเลย นี่ยิ่งใช้เปลือง
เปิด OT   27/7 ก็ผลิตไม่ทัน ตอนอิรัก โรงงานอุปกรณ์คอมบางแห่งแทบด่าเลยว่าแม่งเอาไปยิงทิ้งแบบนั้น
ผลิตเท่าไรก็ไม่พอ


ความต้องกาีมันสูงเกินเกินกว่า กำลังผลิตล่ะมั้ง