เว็บติดตามสถานการณ์ในยูเครนแบบ Live Map

[deaddy]

10 ล้านไร่ก็เยอะนะ 


มูลค่าเท่าไหร่ไม่รู้ แต่ถ้าเป็นที่ดินในไทย ก็หลักล้านๆบาทขึ้นไปเลยนะ

[samuison]

ลองอ่านร silent invasion หรืออะไรสักอย่างนี่ล่ะครับ
บทความเรือ่งจีนกว้านซื้อที่ดินในออสเตรเลียคือเกมสืที่มหาเศรษฐีเขาเล่นกัน
..
ของเราก็มีครับ ที่มีการต่อต้านต่างชาติซื้อที่ดินในไทย
ตอนนี้พวกนี้ฉลาดขึ้นแปลงร่างเป็นนอมินี่ในไทยเราแทนหมดแล้วมั้ง คนถึงไม่ต่อต้านกัน

[Black7nos]

พูดถึงบริษัท Monsanto นี่คือโมเดลต้นแบบธุรกิจ CP บ้านเราเลยนะครับ ถ้าไปดูดีๆถือว่าใกล้เคียงกันมาก

[samuison]

ใช่ครับ ผมเล่นมุกกลยุทธซีพีกับฝรั่ง


ฝรั่งนึกว่ามอนซานโต้

[Black7nos]

ใช่ครับ ผมเล่นมุกกลยุทธซีพีกับฝรั่ง


ฝรั่งนึกว่ามอนซานโต้

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

ปัจจุบัน Monsanto โดน Bayer Takeover ไปแล้ว เมื่อปี 2018 แต่แบรนด์ที่ Monsanto สร้างยังคงอยู่ ส่วนรูปนี้คือรูปธุรกิจสาขาแบรนด์ต่างๆของ Monsanto (ปัจจุบันต้องเรียกว่าของ Bayer)

[samuison]

ช่วงโคสิด คนถึงพึ่งรู้ตจัวว่า จอห์นสันแอนจอห์นสันทำวัคซีนขายด้วย

[PeanutButter]

อัพเดตข่าวยูเครน วันที่ 169 ของสงคราม Part 1

1. ต่อเนื่องกับข่าวเหตุระเบิดในฐานทัพอากาศกองเรือซากี้ (Saky Naval Air Station) ภายในสาธารณรัฐไครเมียของรัสเซีย ซึ่งอยู่ห่างจากสนามรบในแนวหน้าถึง 200 กม. ล่าสุดได้มีการเปิดเผยภาพถ่ายดาวเทียมที่แสดงให้เห็นถึงสภาพของฐานทัพหลังการระเบิดออกแล้วเรียบร้อย

ภาพถ่ายดาวเทียมของฐานทัพอากาศซากี้ แสดงให้เห็นชัดเจนถึงสภาพฐานทัพที่ยับเยินจากการระเบิดขนาดใหญ่ทั่วสนามบิน โดยพบว่าอาคารโกดังเก็บสรรพาวุธจำนวนอย่างน้อย 3 แห่งถูกทำลายย่อยยับจนกลายเป็นหลุมใหญ่ ส่วนเครื่องบินรบของฝั่งรัสเซียนั้น อย่างน้อยที่สุดที่สามารถตรวจสอบได้ผ่านภาพถ่ายดาวเทียม “โอริกซ์” (Oryx) เครือข่ายนักข่าวสงครามผู้อัพเดตข้อมูลความสูญเสียของกองทัพยูเครนและรัสเซียในสงครามครั้งนี้ พบว่าฝั่งรัสเซียสูญเสียเครื่องบินขับไล่ไปอย่างน้อย 9 ลำ คือเครื่องบินขับไล่ Su-30SM จำนวน 4 ลำ และเครื่องบินขับไล่ Su-24 จำนวน 5 ลำ และได้รับความเสียหายอีก 1 ลำ ขณะที่กองบัญชาการกองทัพยูเครนนั้น แม้จะยังแสดงท่าทีปฏิเสธไม่รู้เห็นต่อการโจมตีดังกล่าว แต่ก็ได้ทำการอัพเดตข้อมูลว่าในวันเดียวกับที่เกิดเหตุระเบิดในฐานทัพอากาศซากี้ ยูเครนสามารถทำลายอากาศยานของรัสเซียได้เพิ่มเติมอีก 9 ลำ ซึ่งดูจะสัมพันธ์กับตัวเลขประมาณการในข้างต้นของ “โอริกซ์”

ทั้งนี้ กรมการบินกองเรือโจมตีอิสระที่ 43 (43rd Independent Naval Attack Aviation Regiment) สังกัดกองเรือทะเลดำ (Black Sea Fleet) ของรัสเซีย ซึ่งเป็นผู้ใช้งานหลักของฐานทัพอากาศซากี้ มีเครื่องบินขับไล่เพียง 24 ลำในฝูงบินใต้สังกัด ประกอบด้วยเครื่องบินขับไล่ Su-30SM จำนวน 12 ลำ เครื่องบินขับไล่ Su-24M2 จำนวน 6 ลำ และเครื่องบินขับไล่ Su-24MR จำนวน 6 ลำ เท่ากับว่าจากหลักฐานที่ยืนยันได้ รัสเซียจะสูญเสียเครื่องบินขับไล่ไปในการระเบิดครั้งเดียว 9 ลำเป็นอย่างน้อย และอย่างน้อยอีก 1 ลำได้รับความเสียหาย พร้อมกับฐานทัพอากาศที่ไม่สามารถใช้งานได้ไปอีกพักใหญ่

ขณะที่สำนักข่าว “ยูเครนออนไลน์” (Ukraine Online) ของยูเครน อ้างว่าพวกเขาสามารถตรวจสอบได้ว่ารัสเซียสูญเสียเครื่องบินไปทั้งหมด 24 ลำ ประกอบด้วยเครื่องบินลำเลียง Il-20RT จำนวน 1 ลำ เครื่องบินขับไล่ Su-30 จำนวน 4 ลำ เครื่องบินขับไล่ Su-24 จำนวน 5 ลำ เฮลิคอปเตอร์ Mi-8 หรือ Mi-17 จำนวน 6 ลำ และเครื่องบินขับไล่ Su-27 จำนวน 8 ลำ อย่างไรก็ดีข้อมูลดังกล่าวยังขาดหลักฐานที่หนักแน่นเพียงพอ เพราะในภาพถ่ายดาวเทียมไม่พบว่ามีเครื่องบินขับไล่ Su-27 ปรากฏในภาพถ่ายแต่อย่างใด ขณะที่เครื่องบิน Il-20RT นั้นเป็นเครื่องบินจากยุคสงครามโลกครั้งที่สอง คาดว่าทางสำนักข่าวจะเข้าใจคลาดเคลื่อนกับเครื่องบินลำเลียง Il-76 ซึ่งปรากฏตัวที่ฐานทัพอากาศซากี้ในภาพถ่ายดาวเทียมก่อนเกิดเหตุระเบิดไม่กี่ชั่วโมง

ภาพประกอบ 1 ก่อนเหตุระเบิดในฐานทัพอากาศซากี้

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

ภาพประกอบ 2 หลังเหตุระเบิดในฐานทัพอากาศซากี้

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

ภาพประกอบ 3 ก่อนเหตุระเบิดในฐานทัพอากาศซากี้

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

ภาพประกอบ 4 หลังเหตุระเบิดในฐานทัพอากาศซากี้

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

แม้ภาพถ่ายที่ออกมาจะแสดงให้เห็นถึงภาพความเสียหายของเครื่องบินรบและฐานทัพของรัสเซียจากการระเบิดได้อย่างชัดเจน แต่ก็ไม่สามารถแสดงให้เห็นถึงผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์นี้ได้แน่ชัด ทางสำนักข่าวท้องถิ่นในไครเมียของรัสเซียระบุว่าเหตุระเบิดครั้งนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 13 ราย อย่างไรก็ดีภาพถ่ายที่ออกมาแสดงให้เห็นถึงภาพความเสียหายที่รุ่นแรงมหาศาล มากเกินกว่าจะมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเพียงแค่สิบกว่าราย ทั้งนี้ นายแอนตัน เฮอร์ราชเชนโก (Anton Herashchenko) ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ประสานงานสำนักงานคุ้มครองภาคธุรกิจของกระทรวงมหาดไทย ได้ออกมากล่าวว่าเหตุระเบิดในฐานทัพอากาศซากี้ทำให้มีทหารและนักบินรัสเซียเสียชีวิตรวมกันอย่างน้อย 60 ราย บาดเจ็บมากกว่า 100 ราย อย่างไรก็ตามคำกล่าวของนายเฮอร์ราชเชนโกนั้นยังไม่มีหลักฐานรองรับที่หนักแน่นเพียงพอ แม้จะมีความเป็นไปได้ใกล้เคียงกับตัวเลขจริงมากกว่าของตัวเลขของฝั่งรัสเซียก็ตาม


2. เป็นอีกข่าวดีสำหรับยูเครน ภายในวันนี้จะมีการจัดงาน “การประชุมพันธมิตรยุโรปเหนือ ณ กรุงโคเปนเฮเกน” (Copenhagen Conference for Northern European Defence Allies) หรือเรียกสั้นๆ ว่างาน “โคเปนเฮเกนยูเครน” (Copenhagen Ukraine) โดยมีเดนมาร์ค สหราชอาณาจักร และยูเครนร่วมกันเป็นเจ้าภาพ เพื่อหารือร่วมกันในเรื่องการส่งมอบความช่วยเหลือทางทหารจากประเทศในกลุ่มยุโรปเหนือและยุโรปตะวันออกให้แก่ยูเครน โดยจะมีประเทศผู้เข้าร่วมงานทั้งหมด 17 ประเทศ คือ เดนมาร์ค สหราชอาณาจักร ยูเครน สหรัฐ แคนาดา เช็กเกีย เอสโตเนีย ลัตเวีย ลิธัวเนีย ฟินแลนด์ จอร์เจีย เยอรมนี ไอซ์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ โปแลนด์ และสโลวาเกีย

ก่อนหน้าการประชุมหนึ่งวัน นายมอร์เต็น เบิร์ดสกอฟ (Morten Bødskov) รมว.กลาโหมเดนมาร์ค หนึ่งในเจ้าภาพผู้จัดการประชุม ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์ (Reuters) เมื่อวานนี้ ว่าทางการเดนมาร์คสำหรับเตรียมการส่งครูฝึกทหารจำนวน 130 นาย ให้เดินทางไปยังสหราชอาณาจักรเพื่อร่วมการฝึกทหารยูเครนนับพันนับหมื่นนายที่กำลังเข้ารับการฝึกทหารอยู่ในสหราชอาณาจักรตอนนี้ ทำให้เดนมาร์คกลายเป็นชาติที่หกต่อจากสหราชอาณาจักร เนเธอร์แลนด์ นิวซีแลนด์ แคนาดา และสวีเดนที่ประกาศเข้าร่วมการฝึกทหารยูเครนเพื่อสนับสนุนในการสู้รบกับรัสเซีย

[Black7nos]

ช่วงโคสิด คนถึงพึ่งรู้ตจัวว่า จอห์นสันแอนจอห์นสันทำวัคซีนขายด้วย

ทำครับ จริงๆคนก็งงกันว่าทำไมไม่สั่ง Johnson&Johnson ด้วย
ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าวัคซีนไหนดีๆ ก็สั่งทุกๆยี่ห้อไปเถอะ


จริงๆ วัคซีน Johnson&Johnson ก็ดีนะ ใกล้เคียงกับ Astrazeneca เลย

[samuison]

[quote/]


ทำครับ จริงๆคนก็งงกันว่าทำไมไม่สั่ง Johnson&Johnson ด้วย
ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าวัคซีนไหนดีๆ ก็สั่งทุกๆยี่ห้อไปเถอะ


จริงๆ วัคซีน Johnson&Johnson ก็ดีนะ ใกล้เคียงกับ Astrazeneca เลย

หมายถึงพึ่งรู้ตัวว่าบริษัทใหญ่ๆมีธุรกิจเกี่ยวพันกันไปหมดน่ะครับ
ตอนมาอ่านเปียโนป่า ถึงได้รู้ว่า โตโยต้าก็ทำเปียโนด้วย

[sariora123]

[quote/]


ทำครับ จริงๆคนก็งงกันว่าทำไมไม่สั่ง Johnson&Johnson ด้วย
ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าวัคซีนไหนดีๆ ก็สั่งทุกๆยี่ห้อไปเถอะ


จริงๆ วัคซีน Johnson&Johnson ก็ดีนะ ใกล้เคียงกับ Astrazeneca เลย

ฟูจิ ทุรกิจกว้างหลายแขนง


โกดัค ผมก็เพิ่งรู้ว่า ะี่แกทำเกียวกับอุสาหกรรมเคมี


โซนี่เอาเข้าจริงๆ ทำหลายอย่างมากๆ

[PeanutButter]

อัพเดตข่าวยูเครน วันที่ 169 ของสงคราม Part 2

3. ข่าวความคืบหน้ากรณีที่ท่อส่งน้ำมันดรุจบาสายใต้ (Southern Druzhba Pipeline) ต้องยุติการใช้งานชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 4 ก.ค. เนื่องจากทางบริษัท “ทรานส์เนฟต์” (Transneft JSC) ของรัสเซีย ปฏิเสธไม่จ่ายเงินค่าธรรมเนียมให้แก่ “ยูโครทรานส์นาฟต้า” (UkrTransNafta) ของยูเครน ทำให้น้ำมันดิบจากรัสเซียไม่สามารถขนส่งผ่านท่อส่งน้ำมันดรุจบาไปยังประเทศในแถบยุโรปกลางได้

หลังจากบริษัท “ทรานส์เนฟต์” ได้แถลงการณ์เรื่องปัญหาดังกล่าวออกมาตั้งแต่วันที่ 9 ส.ค. ที่ผ่านมา ทำให้บริษัท “เอ็มโอแอล” (MOL Plc.) บริษัทมหาชนสัญชาติฮังการีผู้นำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซีย และ “สลอฟนาฟต์” (Slovnaft a.s.) ธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันของสโลวาเกีย หนึ่งในผู้นำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซีย และหนึ่งในบริษัทลูกของ “เอ็มโอแอล” ได้ออกมาเปิดเผยว่าทั้งสองบริษัทได้ทำการติดต่อประสานงานกับ “ทรานส์เนฟต์” และ “ยูโครทรานส์นาฟต้า” แล้วเรียบร้อย ได้ข้อยุติว่าเพื่อให้สโลวาเกียและฮังการียังสามารถนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซียผ่านท่อส่งน้ำมันดรุจบาสายใต้ได้อย่างราบรื่น ทั้งสองบริษัทยินดีจ่ายเงินค่าธรรมเนียมให้แก่ “ยูโครทรานส์นาฟต้า” เป็นการชดเชยแทนส่วนที่ “ทรานส์เนฟต์” ต้องจ่ายตามข้อตกลง

ทั้งนี้ คาดว่าทั้ง “เอ็มโอแอล” กับ “สลอฟนาฟต์” จะนำค่าธรรมเนียมดังกล่าวมาหักกับเงินสัญญาค่างวดการนำเข้าน้ำมันดิบที่ต้องจ่ายรายเดือนให้กับ “ทรานส์เนฟต์” ในภายหลัง เป็นการชดเชยที่ทั้งสองบริษัทต้องออกหน้าและออกเงินทดแทนให้แก่ “ทรานส์เนฟต์” ในปัญหาที่เกิดขึ้นครั้งนี้


4. ดูเหมือนสถานการณ์ในยูเครนที่ดูจะย่ำแย่ลงสำหรับรัสเซียจะทำให้คาซัคสถานเริ่มแสดงท่าทีปลีกตัวออกห่างจากรัสเซียมากขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดธนาคารในคาซัคสถานเริ่มปฏิเสธการทำธุรกรรมบางส่วนกับธนาคารของรัสเซีย และรัฐบาลคาซัคสถานได้ลงนามในข้อตกลงการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารทางทหารระหว่างคาซัคสถานกับตุรกีเป็นที่เรียบร้อย

ประเด็นแรกในเรื่องของธนาคาร สำนักข่าว Interfax ของรัสเซีย รายงานว่าธนาคารจูซาน (First Heartland Jusan Bank JSC) และธนาคารฟอร์ตี้ (Forte JSC Bank) ของคาซัคสถาน ได้ปฏิเสธการทำธุรกรรมผ่านสกุลเงินเท็งเกของคาซัคสถานกับธนาคารสเบอร์แบงก์ (PJSC Sberbank) ของรัสเซีย หลังจากที่ก่อนหน้านี้ในเดือนมีนาคม ธนาคารในคาซัคสถานได้ปฏิบัติตามมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียของสหรัฐ โดยได้ปฏิเสธการทำธุรกรรมกับธนาคารรัสเซียผ่านสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ แต่ยังคงอนุญาตให้ทำธุรกรรมต่างๆ ดังเดิมได้ผ่านสกุลเงินรูเบิลของรัสเซียและเท็งเกของคาซัคสถาน

ทั้งนี้ เนื่องจากธนาคารหลายแห่งของรัสเซีย เช่นธนาคารสเบอร์แบงก์ ธนาคารวีทีบี (PJSC VTB Bank) และธนาคารอัลฟาแบงก์ (Alfa-Bank JSC) ต่างเปิดธนาคารสาขาย่อยของตนในคาซัคสถาน ซึ่งธนาคารสาขาย่อยเหล่านี้ต่างได้รับผลกระทบจากการคว่ำบาตรของสหรัฐและชาติตะวันตกเช่นเดียวกับบริษัทแม่ในรัสเซีย โดยทางการคาซัคสถานนั้นได้รับอนุญาตจากสหรัฐให้ธนาคารสาขาย่อยเหล่านี้สามารถทำธุรกรรมได้ตามปกติจนถึงกำหนดเส้นตายวันที่ 11 ต.ค. นี้ จึงเป็นไปได้มากว่าเนื่องจากกำหนดเส้นตายใกล้มาถึง ทำให้ธนาคารในคาซัคสถานเริ่มทำการแยกตัวออกห่างจากธนาคารรัสเซียมากขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกคว่ำบาตรจากสหรัฐ

ประเด็นที่สอง เมื่อวานนี้รัฐบาลคาซัคสถานได้ลงนาม “พิธีสารความร่วมมือด้านข่าวกรองทางทหาร” (Protocol on Cooperation in the Field of Military Intelligence) กับรัฐบาลตุรกีอย่างเป็นทางการ เนื้อหาหลักของพิธีสารจะมีผลให้กระทรวงกลาโหมคาซัคสถานและกองบัญชาการทหารตุรกีสามารถทำการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารทางทหารระหว่างกันได้ และมีการจัดตั้งกระบวนการความร่วมมือในการเฝ้าระวังและการติดตามภัยคุกคามทั้งจากผู้ก่อการร้ายและจากสถานการณ์ทางการเมืองในภูมิภาคเอเชียกลางที่อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของทั้งสองประเทศได้

ทั้งนี้ การเจรจาลงนามในพิธีสารฉบับนี้ได้เสร็จสิ้นตั้งแต่วันที่ 10 พ.ค. ที่ผ่านมาแล้ว แต่พึ่งจะได้รับการรับรองจากรัฐบาลของคาซัคสถานอย่างเป็นทางการเมื่อวานนี้

การลงนามครั้งนี้เป็นการส่งสัญญาณได้ 2 อย่าง หนึ่งคือแสดงให้เห็นว่าคาซัคสถานเริ่มมองหาพันธมิตรนอกภูมิภาคที่สามารถให้ความช่วยเหลือและความร่วมมือกับคาซัคสถานได้ในอนาคต เพื่อทดแทนรัสเซียที่ตอนนี้รัศมีอิทธิพลเริ่มโรยราลงเรื่อยๆ จากการทำสงครามและการคว่ำบาตร สองคือตุรกีเองที่อาศัยโอกาสที่อิทธิพลของรัสเซียในภูมิภาคเริ่มลดน้อยลงเรื่อยๆ เริ่มทำการแผ่อิทธิพลเข้าไปในภูมิภาคเอเชียกลาง ซึ่งตุรกีเองดำเนินนโยบายดังกล่าวไปพร้อมกับการเสริมความร่วมมือกับรัสเซีย ยูเครน และนาโต้ไปโดยพร้อมเพียงกัน


5. ผ่านมา 4 เดือนนับตั้งแต่ประกาศออกมาในเดือนเมษายน ในที่สุดมาตรการคว่ำบาตรถ่านหินจากรัสเซียของสหภาพยุโรปก็ได้รับการบังคับใช้อย่างเป็นทางการภายในวันนี้

ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา สหภาพยุโรปได้ประกาศมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียชุดที่ห้าออกมา ซึ่งหนึ่งในเนื้อหาของมาตรการดังกล่าวคือการห้ามนำเข้า-ส่งออก-ลำเลียงสินค้าพลังงานประเภทถ่านหินที่มาจากรัสเซียทั้งหมด ซึ่งในตอนนั้นมาตรการคว่ำบาตรถ่านหินได้รับอนุญาตให้มีการผ่อนผันระยะเวลาการบังคับใช้ออกไป 120 วัน (4 เดือน) เพื่อให้ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมของประเทศในสหภาพยุโรปสามารถมองหาช่องทางการทดแทนถ่านหินจากรัสเซียได้ เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดความเสียหายร้ายแรงต่อเศรษฐกิจของสหภาพยุโรป

สถิติจากปีที่แล้วพบว่าสหภาพยุโรปเป็นผู้นำเข้าถ่านหินจากรัสเซียรายใหญ่อันดับหนึ่ง โดยมีการนำเข้าถ่านหินจากรัสเซียกว่า 69 ล้านตัน ขณะที่อันดับสองคือจีนซึ่งนำเข้าถ่านหินจากรัสเซียราว 40 ล้านตัน ซึ่งทางคณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission) คาดหมายว่าการคว่ำบาตรถ่านหินจากรัสเซีย จะทำให้รัสเซียสูญเสียเงินจากการส่งออกถ่านหินให้แก่สหภาพยุโรปมากกว่า 8,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (280,000 ล้านบาท)
 
ขณะเดียวกัน การที่สหภาพยุโรปยุติการนำเข้าถ่านหินจากรัสเซียไม่ได้การันตีว่าจีนจะเข้ามาทดแทนส่วนแบ่งที่หายไปของสหภาพยุโรปได้โดยง่าย เพราะแม้ว่าตัวเลขการนำเข้าถ่านหินจากรัสเซียภายในปีนี้ของจีนจะพุ่งสูงขึ้น แต่เมื่อเทียบกับแนวโน้มโดยรวมแล้วการนำเข้าถ่านหินทั้งหมดของจีนกลับมีปริมาณลดน้อยลงจากปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลมาจากนโยบายส่งเสริมการผลิตถ่านหินภายในประเทศ และนโยบายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของรัฐบาลจีน ทำให้คาดการว่าภายในปี 2025 ตัวเลขการนำเข้าถ่านหินจากต่างประเทศของจีนจะลดลงถึง 49% หรือเกือบครึ่งของปริมาณในปัจจุบัน

[KAGUYA]

รัสเซียจะสูญเสียรายได้จากการขายถ่านหินให้ยุโรป8พันล้านดอลล่าสหรัฐนั่นเข้าใจ แต่ยุโรปจะหาถ่านหิน69ล้านตันจากที่อื่นมาในราคาเท่าไหร่กัน?


- อนึ่งปี1900 ประชากรโลกมีแค่2พันล้านคน ใช้เวลาแค่ร้อยกว่าปีอัพเป็น7พันล้านกว่าจะ8รอมร่อ 

ก็มนุษย์มันหื่นได้ตลอดเวลานี่ แถมสภาพสังคมก็มีความปลอดภัยในระดับหนึ่ง,การแพทย์ก็พัฒนาขึ้นอัตราการตายก็เลยลดลงอายุขัยเฉลี่ยกลับเพิ่มขึ้นแทนจำนวนมันก็เลยมีแต่เพิ่มแบบนี้แหละ

[PeanutButter]

เนื่องจากเมื่อวานนี้เว็บล่มทั้งวันทำให้ผมเข้ามาโพสต์ข่าวไม่ได้เลย ฉะนั้นวันนี้ผมจะรวบข่าวของทั้งเมื่อวานและวันนี้ไว้ทีเดียวนะครับ

อัพเดตข่าวยูเครน วันที่ 170-171 ของสงคราม Part 1

1. ข่าวดีสำหรับยูเครน เมื่อวานนี้กลุ่มชาติพันธมิตรยูเครนได้อนุมัติการเลื่อนกำหนดชำระหนี้มูลค่า 19,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (690,000 ล้านบาท) ของรัฐบาลยูเครนออกไปจนถึงปี 2024 เพื่อสนับสนุนการสร้างเสถียรภาพทางการเงินในภาวะสงครามของยูเครน

กลุ่มองค์กรต่างประเทศนำโดยสหรัฐและกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือ IMF (International Monetary Fund) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นกู้รายใหญ่กว่า 75% ของรัฐบาลยูเครน (14,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ / 517,000 ล้านบาท) ได้ลงมติอนุมัติเลื่อนกำหนดชำระหนี้ของรัฐบาลยูเครนออกไปจนถึงปี 2024 หลังจากรัฐบาลยูเครนประสบปัญหาขาดแคลนเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ เนื่องจากภาระค่าใช้จ่ายที่สูงมากในการทำสงครามต่อต้านรัสเซีย ค่าใช้จ่ายภาครัฐ และการฟื้นฟูประเทศส่วนที่ได้รับความเสียหายจากสงคราม

นอกจากนี้ในงาน “การประชุมพันธมิตรยุโรปเหนือ ณ กรุงโคเปนเฮเกน” (Copenhagen Conference for Northern European Defence Allies) หรือเรียกสั้นๆ ว่างาน “โคเปนเฮเกนยูเครน” (Copenhagen Ukraine) ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 11 ส.ค. ที่ผ่านมา โดยมีเดนมาร์ค สหราชอาณาจักร และยูเครนร่วมกันเป็นเจ้าภาพ ได้ผลสรุปออกมาว่า

1.1 ชาติพันธมิตรยูเครนที่เข้าร่วมประชุมกว่า 26 ประเทศ (มากกว่าตอนแรกที่ประกาศว่าจะมีผู้เข้าร่วมการประชุม 17 ประเทศ) ได้สัญญาจะระดมความช่วยเหลือทางทหารร่วมกันเพื่อสนับสนุนยูเครน มูลค่ากว่า 1,500 ล้านยูโร (54,000 ล้านบาท) ความช่วยเหลือจะรวมถึงเงินสนับสนุน การฝึกทหาร และการส่งมอบอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ให้กับกองทัพยูเครน
1.2 รัฐมนตรีกลาโหมจากโปแลนด์ เช็กเกีย และสโลวาเกียสัญญาจะเพิ่มกำลังการผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ได้แก่ปืนใหญ่ เครื่องกระสุน และอุปกรณ์ทางทหารอื่นๆ เพื่อสนับสนุนยูเครน
1.3 สหราชอาณาจักรประกาศจะมอบความช่วยเหลือทางทหารชุดใหม่ มูลค่า 300 ล้านยูโร (10,900 ล้านบาท) ให้แก่ยูเครน โดยคาดว่าจะเป็นส่วนหนึ่งของเงินสนับสนุนมูลค่า 1,500 ล้านยูโร (54,000 ล้านบาท) ที่ได้กล่าวในข้อ 1.1 ความช่วยเหลือชุดนี้ของสหราชอาณาจักรจะรวมถึงเครื่องยิงจรวดหลายลำกล้อง M270 MLRS จำนวน 3 ระบบ และจรวดนำวิถีเพิ่มเติมให้กับกองทัพยูเครน แม้จะไม่แน่ชัดว่า MLRS ชุดที่ว่านี้จะเป็นชุดใหม่ หรือชุดเดิมที่กำลังอยู่ในระหว่างการปรับปรุงสภาพก่อนส่งมอบให้กับกองทัพยูเครนก็ตาม


2. มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียชุดใหม่ของชาติตะวันตกยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดเอสโตเนียได้ประกาศยุติการทำวีซ่าเชงเก้น (Schengen Visa) ให้แก่พลเมืองสัญชาติรัสเซีย และทางการลัตเวียได้ประกาศให้รัสเซียมีสถานะเป็น “รัฐผู้สนับสนุนการก่อการร้าย” (State Sponsor of Terrorism) อย่างเป็นทางการแล้ว

นายเออร์มาส ไรน์ซาลู (Urmas Reinsalu) รมว.การต่างประเทศเอสโตเนียได้ออกมาแถลงข่าวเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า ทางการเอสโตเนียได้ตัดสินใจห้ามพลเมืองสัญชาติรัสเซียผู้ถือวีซ่าเชงเก้นในการเดินทางเข้าประเทศแล้ว โดยจะมีผลอย่างเป็นทางการภายในวันที่ 18 ส.ค. นี้ พร้อมกันนั้นจะมีการตั้งด่านตรวจบริเวณชายแดนรัสเซีย-เอสโตเนีย เพื่อป้องกันการเดินทางเข้าประเทศโดยผิดกฎหมาย

อธิบายก่อนว่า วีซ่าเชงเก้นคือวีซ่าสำหรับการเดินทางผ่านประเทศในกลุ่ม “เขตเชงเก้น” (Schengen Area) ซึ่งมีสมาชิกกว่า 26 ประเทศ ครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของสหภาพยุโรปเอาไว้ การทำวีซ่าเชงเก้นจะทำให้บุคคลดังกล่าวสามารถเดินทางผ่านประเทศสมาชิกเขตเชงเก้นได้โดยไม่ต้องทำวีซ่าซ้ำซ้อน

ทั้งนี้ นายไรน์ซาลูย้ำว่ามาตรการฉบับนี้จะไม่ส่งผลต่อบุคคลสัญชาติรัสเซียที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในเอสโตเนีย หรือเป็นผู้อยู่อาศัยถาวรภายในประเทศเอสโตเนีย และยังมีบุคคลอีก 6 ประเภทที่ได้รับการยกเว้นจากมาตรการฉบับใหม่ โดยประกอบไปด้วย
2.1 เจ้าหน้าที่ประจำสถานทูตและสถานกงสุลรัสเซีย รวมถึงครอบครัวที่พำนักอาศัยอยู่ในเอสโตเนีย
2.2 บุคคลสัญชาติรัสเซียซึ่งเกี่ยวข้องกับการขนส่งสินค้าและผู้โดยสาร
2.3 บุคคลสัญชาติรัสเซียซึ่งได้รับการละเว้นหรือสิทธิ์พิเศษจากสหภาพยุโรป
2.4 บุคคลสัญชาติรัสเซียผู้เดินทางเข้าประเทศเอสโตเนียด้วยเหตุผลเพื่อการพบปะญาติมิตรซึ่งพำนักอาศัยอยู่ในเอสโตเนีย
2.5 บุคคลสัญชาติรัสเซียผู้เดินทางเข้าประเทศเอสโตเนียด้วยเหตุผลทางด้านมนุษยธรรม
2.6 นักเรียน-นักศึกษาสัญชาติรัสเซียที่กำลังเข้ารับการศึกษาอยู่ในเอสโตเนีย

นายไรน์ซาลูยังได้แถลงปิดท้ายว่าทางการเอสโตเนียกำลังนำเสนอมาตรการคว่ำบาตรวีซ่าเชงเก้นในที่ประชุมของสหภาพยุโรปที่จะจัดขึ้นภายในวันที่ 31 ส.ค. นี้ เพื่อแนะนำให้ชาติสมาชิกอื่นๆ นำมาตรการดังกล่าวมาใช้เพื่อกดดันรัสเซียเพิ่มเติม

ก่อนหน้านี้ในวันที่ 1 ส.ค. ที่ผ่านมา ทางการลัตเวียได้ประกาศมาตรการคว่ำบาตรวีซ่าเชงเก้นกับรัสเซียนำร่องเป็นชาติแรกของยุโรป พร้อมกันนั้นยังมีชาติอื่นๆ เริ่มออกมาแสดงท่าทีสนับสนุนต่อมาตรการดังกล่าว เช่นยูเครน โปแลนด์ และฟินแลนด์ ทั้งนี้ ทางคณะกรรมาธิการยุโรปได้ออกมากล่าวว่าสหภาพยุโรปไม่มีอำนาจในการคว่ำบาตรวีซ่าเชงเก้น แต่ประเทศสมาชิกของสหภาพยุโรปสามารถดำเนินมาตรการดังกล่าวได้ด้วยตนเอง

อีกด้านหนึ่ง รัฐสภาลัตเวียได้ลงมติรับรองให้รัสเซียมีสถานะเป็น “รัฐผู้สนับสนุนการก่อการร้าย” อย่างเป็นทางการ นับเป็นประเทศที่สามต่อจากยูเครนกับลิธัวเนีย ที่ประกาศให้รัสเซียเป็น “รัฐผู้สนับสนุนการก่อการร้าย” พร้อมกันนั้นยังได้แถลงให้ชาติอื่นๆ ดำเนินการแบบเดียวกัน เพื่อเพิ่มแรงกดดันต่อรัสเซียและชาติอื่นๆ ที่แสดงท่าทีสนับสนุนต่อรัสเซีย

[PeanutButter]

อัพเดตข่าวยูเครน วันที่ 170-171 ของสงคราม Part 2

3. ดูเหมือนท่าทีของจีนที่แม้ประกาศวางตัวเป็นกลางกรณีสงครามยูเครน แต่ยังแสดงออกซึ่งท่าทีสนับสนุนต่อการกระทำของรัสเซีย จะทำให้ประเทศในยุโรปตะวันออกเริ่มไม่พอใจต่อท่าทีดังกล่าว จนทำให้เอสโตเนียและลัตเวียประกาศถอนตัวออกจากกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจ 16+1 แล้วเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา 

กลุ่มความร่วมมือระหว่างจีนและประเทศยุโรปกลางและยุโรปตะวันออกหรือ China-CEEC (Cooperation between China and Central and Eastern European Countries) หรือบ้างเรียกว่ากลุ่ม 16+1 คือกลุ่มความร่วมมือที่จีนก่อตั้งร่วมกับประเทศในยุโรปกลางและยุโรปตะวันออกอีก 16 ประเทศ เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนข้อริเริ่มเข็มขัดและเส้นทางหรือ BRI (Belt and Road Initiative) ของจีน เดิมทีเคยใช้ชื่อว่ากลุ่ม 17+1 จนถึงปีที่แล้วที่ลิธัวเนียได้ประกาศถอนตัวออกจากกลุ่ม หลังจากเกิดปัญหาข้อพิพาทกับจีนกรณีที่ลิธัวเนียดำเนินโครงการการค้ากับไต้หวันจนเกิดการกระทบกระทั่งทางการทูตกันระหว่างสองประเทศ

ทั้งเอสโตเนียและลัตเวียไม่ได้ให้เหตุผลว่าทำไมทั้งสองประเทศถึงถอนตัวออกจากกลุ่ม 16+1 (ซึ่งตอนนี้เหลือแค่ 14+1) แต่เชื่อได้ว่าสาเหตุน่าจะมาจากความไม่พอใจต่อการแผนการลงทุนในโครงการ BRI ของจีนที่ล่าช้าและไม่เป็นที่น่าพอใจ รวมถึงท่าทีของจีนที่มีต่อรัสเซียและสงครามรัสเซีย-ยูเครน อย่างไรก็ดีทั้งสองประเทศกล่าวตรงกันว่าพวกเขาจะยังรักษาความสัมพันธ์กับจีน บนพื้นฐานของกฎหมายนานาชาติ สิทธิมนุษยชน และระเบียบนานาชาติที่มีกฎกติกาเป็นรากฐาน (International Rules-based Order)


4. เป็นเหตุการณ์ที่น่าสนใจทีเดียวเมื่อโครงการฮายุน (Hajun Project) กลุ่มนักสังเกตการณ์ด้านกิจกรรมทางการเมืองและการทหารชาวเบลารุส ได้รายงานว่าเมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เกิดเหตุพบเห็นประกายไฟส่องสว่างมาจากฐานทัพอากาศเซียบรอฟกา (Zyabrovka Air Base) หรือบ้างเรียกว่าเซียบรอกา (Ziabrauka) ทางใต้ของจังหวัดกอเมล (Gomel Voblasts) ติดกับชายแดนยูเครน ซึ่งฐานทัพดังกล่าวรัฐบาลเบลารุสได้ยกให้กองทัพรัสเซียใช้งานเป็นฐานปฏิบัติการทางทหารสำหรับดำเนินการโจมตียูเครน ทำให้เกิดข้อสงสัยตามมาว่าน่าจะเกิดเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้เกิดระเบิดขึ้นพร้อมกับเกิดเป็นประกายไฟส่องสว่างมาจากฐานทัพ แต่เนื่องจากฐานทัพดังกล่าวตั้งอยู่ในพื้นที่ชานเมืองซึ่งห่างไกลผู้คนและเหตุเกิดในตอนกลางคืน ทำให้ไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นกันแน่

ทั้งนี้ กระทรวงกลาโหมของเบลารุสได้ออกมาแถลงว่าประกายไฟที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพียงประกายไฟจากอุบัติเหตุเครื่องยนต์ลุกไหม้ภายในฐานทัพอากาศเท่านั้น อย่างไรก็ดี ถ้อยแถลงของกระทรวงกลาโหมเบลารุสขัดกับคลิปวิดโอที่ถ่ายไว้ได้ขณะเกิดเหตุประกายไฟต้องสงสัย ซึ่งพบว่าประกายไฟนั้นปรากฏขึ้นเป็นจังหวะทั้งหมด 8 ครั้ง ซึ่งไม่ใช่ลักษณะของเปลวไฟที่ควรปรากฏเป็นประกายไฟส่องสว่างตลอดเวลา และคล้ายคลึงลักษณะของประกายไฟจากการระเบิดมากกว่า

เหตุการณ์ดังกล่าวยิ่งทวีความน่าสงสัยมากขึ้น เมื่อนายยูรีย์ อิกนัต (Yuriy Ignat) โฆษกกองทัพอากาศยูเครน ได้ออกมากล่าวผ่านสำนักข่าวเบลแซต (Belsat TV) ของโปแลนด์ ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในฐานทัพอากาศเซียบรอฟกานั้นเป็นฝีมือของกลุ่มต่อต้านรัฐบาลชาวเบลารุส พร้อมกันนั้นเขาได้กล่าวขอบคุณกลุ่มต่อต้านรัฐบาลเบลารุสที่คอยสนับสนุนยูเครนในการต่อต้านการรุกรานของรัสเซียซึ่งมีรัฐบาลเบลารุสคอยให้ความช่วยเหลือ ทำให้เกิดข้อสงสัยว่ามีความเป็นไปได้ที่ยูเครนอาจทำการโจมตีใส่ฐานทัพอากาศเซียบรอฟกา และทางการรัสเซียกับเบลารุสช่วยกันปกปิดข้อมูลของการโจมตีที่เกิดขึ้น

จากนั้นในวันที่ 11 ส.ค. ที่ผ่านมา ทางโครงการฮายุนจึงได้รายงานโดยอ้างอิงจากแหล่งข่าวนิรนาม ว่ากองทัพยูเครนได้ทำการโจมตีฐานทัพอากาศเซียบรอฟกาจริงตามข้อสันนิษฐานข้างต้น และส่งผลให้เรดาร์ตรวจการทางอากาศ รถถัง T-72 จำนวน 1 คัน และคลังเก็บสรรพาวุธภายในฐานทัพเกิดความเสียหาย รวมถึงมีทหารรัสเซียภายในฐานทัพเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง

แม้ตอนนี้เราจะยังไม่มีหลักฐานที่สามารถยืนยันได้แน่ชัด แต่ก็นับว่าสนใจทีเดียวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากยูเครนได้ทำการโจมตีเข้าไปในเขตแดนของเบลารุสจริง แม้ว่าการโจมตีครั้งนี้จะเป็นการโจมตีใส่ฐานทัพของรัสเซียซึ่งตั้งอยู่ในเบลารุสก็ตาม

[samuison]

รัสเซียจะสูญเสียรายได้จากการขายถ่านหินให้ยุโรป8พันล้านดอลล่าสหรัฐนั่นเข้าใจ แต่ยุโรปจะหาถ่านหิน69ล้านตันจากที่อื่นมาในราคาเท่าไหร่กัน?


- อนึ่งปี1900 ประชากรโลกมีแค่2พันล้านคน ใช้เวลาแค่ร้อยกว่าปีอัพเป็น7พันล้านกว่าจะ8รอมร่อ 

ประเทศจีนมีประชากรชายมากกว่าประชากรหญิงสามสิบล้านคนล่ะครับ

มองอย่างนี้จะเข้าใจว่าทำไมนิยายแนวลูกเขยโดนโขกสับถึงขายดี

[PeanutButter]

อัพเดตข่าวยูเครน วันที่ 170-171 ของสงคราม Part 3

5. ดูเหมือนว่าการนำเสนอข่าวเรื่องกองทัพยูเครนได้ทำการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ (International Humanitarian Law) โดยการตั้งฐานปฏิบัติการทางทหารภายในพื้นที่ของพลเรือนขององค์การนิรโทษกรรมสากลหรือ AI (Amnesty International) จะสร้างกระแสความไม่พอใจอย่างมากในชาติตะวันตก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากรัฐบาลรัสเซียนำข่าวดังกล่าวมาใช้เป็นข้ออ้างสร้างความชอบธรรมในการโจมตีใส่พื้นที่อาศัยของพลเรือนยูเครน ทำให้ภายในของ AI เองเริ่มเกิดความเคลื่อนไหวเพื่อเร่งแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น

หลังจากนำเสนอบทความข่าวในหัวข้อ “ยูเครน: กลยุทธ์การศึกของฝ่ายยูเครนทำให้พลเรือนได้รับอันตราย” (Ukraine: Ukrainian Fighting Tactics Endanger Civilians) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สำนักงานใหญ่ของ AI ได้เผชิญกับกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักทั้งจากภายในและภายนอกองค์กร อิงตามลำดับเหตุการณ์ได้ดังนี้

5.1 ในวันที่ 4 ส.ค. หลังจากเผยแพร่รายงานออกไปไม่นาน ดร.แอกเนส กาลามาร์ด (Dr. Agnès Callamard) ผู้อำนวยการใหญ่องค์การนิรโทษกรรมสากล ได้ออกมากล่าวตอบโต้ผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์รายงานของ AI โดยกล่าวถึงผู้วิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็น “โทรล” ที่พยายามดิสเครดิต AI ผ่านข่าวปลอมและการใส่ร้ายป้ายสี

5.2 น.ส.อ็อกซานา โพคัลชุค (Oksana Pokalchuk) ผู้อำนวยการองค์การนิรโทษกรรมสากลสาขายูเครน (Amnesty International Ukraine) ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งเพื่อประท้วงต่อรายงานของสำนักงานใหญ่ของ AI เมื่อวันที่ 5 ส.ค. ที่ผ่านมา นอกจากนี้ก่อนลาออกจากตำแหน่ง โพคัลชุคได้เปิดเผยข้อมูลว่ารายงานครั้งนี้ของทางสำนักงานใหญ่ AI นั้นจัดทำผ่าน “คนกลาง” ที่ทำหน้าที่จัดเก็บและรวบรวมข้อมูลในพื้นที่สงคราม โดยไม่ได้ขอความร่วมมือหรือคำปรึกษาใดๆ จาก AI สาขายูเครนแม้แต่น้อย และเมื่อทาง AI สาขายูเครนพยายามเสนอแนะให้มีการตรวจสอบและแก้ไขรายงานให้รอบคอบมากกว่านี้ พวกเขากลับได้รับการปฏิเสธโดยสิ้นเชิงจากสำนักงานใหญ่

5.3 วันที่ 9 ส.ค. นายเพอร์ แวชแบร์ก (Per Wästberg) หนึ่งในผู้ก่อตั้งอาวุโสขององค์การนิรโทษกรรมสากลสาขาสวีเดน ได้ประกาศลาออกจากองค์กรอย่างเป็นทางการหลังจากทำงานกับ AI มายาวนานกว่า 60 ปี เพื่อเป็นการประท้วงต่อรายงานของสำนักงานใหญ่

5.4 คำวิพากษ์วิจารณ์จากนักสิทธิมนุษยชนและผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารหลายรายต่อรายงานของ AI เช่นนายมาร์ค การ์ลาสโก (Marc Garlasco) ที่ปรึกษาอาวุโสด้านการทหารประจำคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (United Nations Human Rights Council) กล่าวว่าแม้กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศจะห้ามการตั้งฐานปฏิบัติการทางทหารภายในพื้นที่ของพลเรือน แต่กองทัพยูเครนก็มีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องปกป้องประชาชนจากการรุกรานของศัตรู และในเมื่อกองทัพรัสเซียทำการเข้าโจมตีพื้นที่อาศัยของพลเรือน กองทัพยูเครนจึงถือว่าสิทธิ์ชอบธรรมในการวางกำลังทหารในเมืองเพื่อป้องกันการรุกรานของรัสเซีย ขณะที่ศาสตราจารย์ไมเคิล เอ็น. ชมิทท์ (Michael N. Schmitt) ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายระหว่างประเทศ ได้แสดงความเห็นว่ารายงานของ AI นั้นขาดหลักฐานที่หนักแน่นและน่าเชื่อถือ และขาดรายละเอียดที่จำเป็นต่อการประเมินว่าการกระทำของกองทัพยูเครนเข้าข่ายการกระทำผิดตามกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศและกฎหมายระหว่างประเทศอื่นๆ ตามที่ AI กล่าวอ้าง

5.5 องค์การนิรโทษกรรมสากลสาขาแคนาดา (Amnesty International Canada) ได้ออกแถลงการณ์เมื่อวานนี้ กล่าวขอโทษต่อการเผยแพร่รายงานของสำนักงานใหญ่ที่ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์และความไม่พอใจอย่างมากจากสาธารณะ AI สาขาแคนาดายังกล่าวอีกว่ากระบวนการสืบสวนของสำนักงานใหญ่ในการจัดทำรายงานยูเครนนั้นผิดปกติ เนื่องจากการสืบสวนทั่วไปจะต้องดำเนินงานผ่านทางหรือร่วมมือกับสาขาท้องที่ เพื่อให้เข้าใจและรับทราบถึงสถานการณ์จริงอย่างถ่องแท้ แต่การสืบสวนครั้งนี้ของ AI กลับดำเนินงานโดยสำนักงานใหญ่เพียงฝ่ายเดียว

สำหรับความเคลื่อนไหวล่าสุดจากภายใน AI หลังจากเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์มานานนับสัปดาห์ เมื่อวานนี้นายยอร์น เพแดร์ เออเกเนียส (John Peder Egenæs) ผู้อำนวยการองค์การนิรโทษกรรมสากลสาขานอร์เวย์ (Amnesty International Norway) ได้ออกมากล่าวว่าขณะนี้ภายในของ AI กำลังดำเนินการสอบสวนสำนักเลขาธิการนานาชาติ (International Secretariat) ของ AI ว่ามีการดำเนินงานที่ถูกต้องตามหลักปฏิบัติขององค์กรหรือไม่ โดยการสอบสวนครั้งนี้จะจัดทำโดยคนกลางจากนอกองค์กร เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดความลำเอียงในการสืบสวนครั้งนี้

[PeanutButter]

อัพเดตข่าวยูเครน วันที่ 170-171 ของสงคราม Part 4

6. มีรายงานว่าคาซัคสถานได้บรรลุข้อตกลงขั้นแรกกับอาเซอร์ไบจานเรื่องการส่งออกน้ำมันดิบของคาซัคสถานไปยังยุโรป ผ่านโครงข่ายท่อส่งน้ำมันดิบของอาเซอร์ไบจาน หลังจากที่ก่อนหน้านี้ในเดือนกรกฎาคม ทางการรัสเซียได้สั่งให้บริษัทผู้ส่งออกน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติของคาซัคสถานยุติการดำเนินงานในรัสเซียเป็นระยะเวลา 1 เดือน
 
ก่อนหน้านี้ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ศาลยุติธรรมรัสเซียได้สั่งให้บริษัท Caspian Pipeline Consortium (CPC) บริษัทผู้ส่งออกน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติของคาซัคสถาน ยุติการดำเนินงานชั่วคราวในรัสเซียเป็นระยะเวลา 30 วัน โดยอ้างเหตุผลว่ามีการตรวจพบน้ำมันดิบรั่วไหลจากสถานดำเนินงานของ CPC ภายในท่าเรือโนโวรอสซิสก์ (Novorossiysk) ในทะเลดำของรัสเซีย ทำให้คาซัคสถานไม่สามารถทำการส่งออกน้ำมันดิบกว่า 80% ของประเทศได้ และเป็นสาเหตุให้คาซัคสถานต้องหาช่องทางอื่นในการส่งออกน้ำมันดิบของตน

สำหรับข้อตกลงการส่งออกน้ำมันดิบระหว่างรัฐวิสาหกิจ “คาซมุนัยแกส” (KazMunayGas) ของคาซัคสถาน กับ “รัฐวิสาหกิจน้ำมันสาธารณรัฐอาเซอร์ไบจาน” (State Oil Company of Azerbaijan Republic) หรือ “โซการ์” (SOCAR) ของอาเซอร์ไบจาน คาซัคสถานจะทำการลำเลียงน้ำมันดิบของตนผ่านเรือบรรทุกน้ำมันในทะเลแคสเปียน มุ่งหน้าไปยังท่าเรือของอาเซอร์ไบจาน ก่อนทำการสูบน้ำมันดิบเข้าระบบท่อส่งน้ำมันจากอาเซอร์ไบจานไปยังตุรกีและยุโรป โดยชุดแรกสุดคาดว่าจะทำให้คาซัคสถานสามารถส่งออกน้ำมันดิบได้ราว 30,000 บาร์เรล/วัน ก่อนจะเพิ่มกำลังการส่งออกภายในเดือนหน้าเป็น 100,000 บาร์เรล/วัน

อย่างไรก็ดี จำนวนดังกล่าวคิดเป็นเพียง 8% ของยอดการส่งออกน้ำมันดิบผ่านโครงข่ายท่อของ CPC ซึ่งมีปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบที่ 1,400,000 บาร์เรล/วัน สาเหตุหลักเป็นเพราะคาซัคสถานนั้นมีกองเรือบรรทุกน้ำมันที่มีขนาดเล็กซึ่งไม่เพียงพอต่อการขนส่งน้ำมันดิบจากคาซัคสถานไปยังอาเซอร์ไบจาน แต่เนื่องจากความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่ลงระหว่างรัสเซียกับคาซัคสถานทำให้การส่งออกน้ำมันดิบผ่านโครงข่ายท่อของ CPC ไม่ใช่ตัวเลือกที่ปลอดภัยอีกต่อไปสำหรับคาซัคสถาน และคาซัคสถานจะต้องใช้เวลาอีกนานกว่าโครงการก่อสร้างท่อส่งน้ำมันดิบจากคาซัคสถานไปยังอาเซอร์ไบจานหรือจีนจะบรรลุผลในอนาคต


7. อัพเดตสถานการณ์เกี่ยวกับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปริสเซีย (Zaporizhzhia Nuclear Power Plant) ซึ่งตกอยู่ภายใต้การยึดครองของรัสเซีย และเมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้วเกิดเหตุโจมตีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซึ่งทั้งรัสเซียและยูเครนต่างกล่าวหากันไปมาว่าอีกฝ่ายเป็นผู้โจมตีนั้น ล่าสุดในวันที่ 9 ส.ค. ที่ผ่านมา นายเปโตร โคติน (Petro Kotin) ประธานบริษัท “เอเนอร์โกอะตอม” (Energoatom) รัฐวิสาหกิจด้านพลังงานนิวเคลียร์ของยูเครน ได้ออกมาเปิดเผยว่าเหตุการณ์โจมตีโรงไฟฟ้าทั้งหมดเป็นฝีมือของกองทัพรัสเซีย โดยมีเป้าหมายเพื่อทำลายโครงข่ายการเชื่อมต่อระหว่างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปริสเซียกับส่วนอื่นของยูเครน

นายโคตินได้เปิดเผยข้อมูลดังกล่าวผ่านการให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว โดยกล่าวว่าการโจมตีในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมานั้นล้วนพุ่งเป้าไปที่เส้นโครงข่ายการเชื่อมต่อของโรงไฟฟ้ากับระบบควบคุมส่วนกลางของ “เอเนอร์โกอะตอม” และปัจจุบันรัสเซียประสบความสำเร็จในการทำลายเส้นโครงข่ายไปแล้ว 3 เส้นจากทั้งหมด 4 เส้น และตอนนี้เจ้าหน้าที่จากบริษัท “รอสอะตอม” (State Atomic Energy Corporation Rosatom) รัฐวิสาหกิจด้านพลังงานนิวเคลียร์ของรัสเซีย กำลังดำเนินการเชื่อมต่อระบบการทำงานและการจ่ายไฟของโรงไฟฟ้าเข้ากับศูนย์ควบคุมในคาบสมุทรไครเมียของรัสเซีย

สำหรับปฏิกิริยาของนานาชาติต่อเหตุการณ์โจมตีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปริสเซีย นายเน็ด ไพรซ์ (Ned Price) โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ได้ออกมากล่าวสนับสนุนแผนการก่อตั้งเขตปลอดทหารหรือ DMZ (Demilitarized Zone) รอบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปริสเซียที่ยูเครนเป็นฝ่ายเสนอขึ้นมา เช่นเดียวกับนายอังตอนีโอ กูเตเรส (António Guterres) เลขาธิการสหประชาชาติ ได้ออกมาเรียกร้องให้รัสเซียถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์และกล่าวสนับสนุนให้มีการดำเนินการเจรจาร่วมกันเพื่อจัดตั้งเขตปลอดทหารรอบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์

อย่างไรก็ตามนายวาซิลี เนเบนเซีย (Vasily Nebenzya) ผู้แทนรัสเซียประจำสหประชาชาติ ได้ออกมากล่าวคัดค้านแผนการก่อตั้งเขตปลอดทหารรอบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปริสเซีย โดยอ้างว่าการกระทำดังกล่าวจะเปิดให้มีมือที่สามเข้าแทรกแซงการทำงานของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เพื่อเป้าหมายที่อาจเป็นอันตรายต่อรัสเซีย ทำให้กองทัพรัสเซียจำต้อง “อารักขา” พื้นที่รอบโรงไฟฟ้าเอาไว้เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น

[samuison]

รัสเวียเล่นแรงนะนี่ โรงงานนิวเคลียร์เอามาเป้นเบี้ยต่อรองก็ยังได้ อาจจะแสดงว่าหากจนตรอกมากเข้า ปูตินอาจจะยิงนุ๊กจริงๆก็ได้ว่างั้น

[KAGUYA]

รัสเซียมันบ้าไปแล้วรึไง ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับโรงไฟฟ้านี่ตัวเองก็เสียหายหนักไปด้วยเหมือนแท้ๆยังทำบ้าอะไรอีกฟะ

[samuison]

ผมนึกว่ารัสเวียจะฝังใจกับเชอโนบิลมากกว่านี้เสียอีก
 
..กลายเป็นว่าพวกเราที่เคยฟังข่าวคนเก้บขยะ โคบอลต์ ยังจำฝังใจกว่าว่าคนที่แตะตายอนาถกันหมดว่าของพวกนิวเคลียร์รังสี มันไม่ช่เรือ่งล้อเล่นนะ