อัพเดตสถานการณ์สงครามยูเครน-รัสเซียสุดสัปดาห์ อ้างอิงข้อมูลจากสถาบันสงครามศึกษา (ISW - Institute For the Study of War)
สรุปสถานการณ์สงคราม วันที่ 3-9 ก.ค. Part 2
4. ไม่นานหลังจากยูเครนได้รับเครื่องยิงจรวดหลายลำกล้องแบบ M142 HIMARS จากสหรัฐ มันก็ทำการแสดงพิษสงออกมาทันที นับตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา แทบทุกวันกองทัพยูเครนจะทำการยิงจรวดนำวิถีจาก HIMARS เข้าใส่คลังสรรพาวุธ ค่ายทหาร และศูนย์บัญชาการทหารของฝ่ายรัสเซีย ซึ่งตั้งอยู่ห่างออกไปในแนวหลังประมาณ 50-80 กม. ด้วยความแม่นยำและประสิทธิภาพการทำลายล้างสูง ตัวอย่างเช่น
4.1 วันที่ 29 มิ.ย. ยูเครนทำการยิงโจมตีคลังสรรพาวุธของกองทัพเหล่าผสมที่ 20 (20th Combined Arms Army) ของฝ่ายรัสเซียในเมืองอิซิอุม (Izium) จังหวัดคาร์คิฟ (Kharkiv Oblast)
4.1 วันที่ 2 ก.ค. ยูเครนทำการยิงโจมตีคลังสรรพาวุธของฝ่ายรัสเซียในเมืองโปปาสนา (Popasna) จังหวัดลูฮันสก์ (Luhansk Oblast) ซึ่งเป็นจุดที่รัสเซียใช้ทำการโจมตีเข้าใส่เมืองเซเวโรโดเนตสก์ (Severodonetsk) และไลไซชานสก์ (Lysychansk) จากทางใต้
4.1 วันที่ 3 ก.ค. ยูเครนทำการยิงโจมตีคลังสรรพาวุธของฝ่ายรัสเซียในเมืองเมลิโตโปล (Melitopol) จังหวัดซาโปริสเซีย (Zaporizhia Oblast) ทางใต้ของยูเครน
4.1 วันที่ 4 ก.ค. ยูเครนทำการยิงโจมตีคลังสรรพาวุธของฝ่ายรัสเซียสองแห่ง แห่งแรกในเมืองสนิจเน (Snizhne) สาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์ ห่างจากแนวหน้าไปราว 75 กม. แห่งที่สองคือเมืองดิบริฟเน (Dibrivne) จังหวัดคาร์คิฟ ใกล้กับแนวหน้าการรบทางเหนือของยูเครน นอกจากนี้ฝ่ายยูเครนยังทำการโจมตีค่ายทหารและศูนย์ส่งกำลังบำรุงของรัสเซียในเมืองเมลิโตโปล จนส่งผลให้ทหารรัสเซียหลายร้อยนายเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ
4.1 วันที่ 5 ก.ค. ยูเครนทำการยิงโจมตีคลังสรรพาวุธของฝ่ายรัสเซียในอู่ซ่อมรถยนต์ KAMAZ Center ใจกลางกรุงโดเนตสก์ (Donetsk) เมืองหลวงของสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์
4.1 วันที่ 6 ก.ค. ยูเครนทำการยิงโจมตีคลังสรรพาวุธของฝ่ายรัสเซียในเมืองมากียิวกา (Makiivka) สาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์
ทั้งนี้ เมื่อรวมจำนวนการโจมตีระยะไกลทั้งหมดตั้งแต่ช่วงปลายเดือนที่แล้วจนถึงเมื่อวานนี้ จะพบว่ายูเครนทำการยิงโจมตีแนวหลังของฝ่ายรัสเซียด้วย HIMARS ทั้งหมด 30 ครั้ง ตามแผนที่ประกอบด้านล่าง
จากตัวอย่างที่ยกมา ทาง ISW และนายอิกอร์ เกอร์คิน
(อดีตเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรอง FSB ของรัสเซีย หนึ่งในบุคคลที่รัสเซียส่งเข้าไปแทรกซึมเพื่อสนับสนุนกบฏแบ่งแยกดินแดนในภูมิภาคดอนบาสของยูเครน ปัจจุบันเป็นนักวิจารณ์ด้านการทหารสายชาตินิยมหัวรุนแรงชื่อดังในโซเชียลมีเดียของรัสเซีย) เชื่อมั่นว่ายูเครนกำลังใช้งาน HIMARS จากสหรัฐโดยการทำลายหน่วยส่งกำลังบำรุงแนวหลังของรัสเซีย แถมยังประสบความสำเร็จอย่างสูง ทั้งสองเห็นตรงกันว่าหากเหตุการณ์ลักษณะนี้ยังดำเนินไปเรื่อยๆ โดยที่ฝ่ายรัสเซียไม่สามารถทำการแก้ไขปัญหานี้ได้ จะทำให้กองทัพรัสเซียในแนวหน้าเกิดปัญหาขาดแคลนกระสุนขึ้นอย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กระสุนปืนใหญ่ซึ่งจำเป็นอย่างมากสำหรับฝ่ายรัสเซีย เนื่องจากปืนใหญ่เป็นความได้เปรียบเดียวในสนามรบตอนนี้ที่รัสเซียมีเหนือกว่าฝ่ายยูเครน หากว่ารัสเซียเกิดปัญหาขาดแคลนกระสุนปืนใหญ่ย่อมจะทำให้ฝ่ายยูเครนสามารถทำการรุกโต้กลับเพื่อยึดคืนดินแดนคืนมาได้ง่ายมากขึ้น
5. วันที่ 8 ก.ค. สำนักข่าว Meduza ได้เผยแพร่บทความข่าวเป็นจดหมายจากหญิงชรารายหนึ่งที่เขียนตำหนิสำนักข่าว Izvestia ถึงความประมาทเลินเล่อในการนำเสนอข่าวสารในแนวหน้า ส่งผลให้ฝ่ายยูเครนสามารถระบุพิกัดของทหารรัสเซียจากในข่าวได้ ส่งผลให้บุตรชายของหญิงชราคนดังกล่าวเสียชีวิต จนเกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์นักข่าวสงครามในโซเชียลมีเดียของรัสเซียที่ทำข่าวโดยประมาทเลินเล่อ เรื่องนี้ร้อนไปถึงนายดานิล เบสโซนอฟ (Daniil Bezsonov) รมช.กระทรวงสารสนเทศของสาธารณรัฐโดเนตสก์ ที่ออกมาโต้ตอบว่าการทำข่าวของนักข่าวสงครามและนักวิเคราะห์ทางทหารในโซเชียลมีเดียนั้นมีความสำคัญมหาศาลในการช่วยประชาสัมพันธ์ข่าวสงครามให้แก่กองทัพและรัฐบาลรัสเซีย เนื่องจากทางการรัสเซียนิยมทำการปิดข่าวการรบมากกว่าเปิดเผยข้อมูลต่างๆ ซึ่งทำให้ประชาชนขาดความเข้าใจต่อสถานการณ์ที่แท้จริงในแนวหน้า นายเบสโซนอฟยังกล่าวอีกว่ารัฐบาลรัสเซียล้มเหลวในการตอบโต้การทำสงครามข่าวสารของฝ่ายยูเครน ซึ่งในเรื่องดังกล่าวมีนักข่าวสงครามและนักวิเคราะห์ทางทหารในโซเชียลมีเดียของรัสเซียจำนวนมากออกมาแสดงความเห็นไปในทางเดียวกันกับนายเบสโซนอฟ
ทาง ISW นั้นวิเคราะห์ว่ารัสเซียมีปัญหาในการควบคุมข่าวสารเกี่ยวกับสงคราม เพราะแม้ว่านักข่าวสงครามเหล่านี้จะมีส่วนในการเปิดโปงให้เห็นถึงความไร้ประสิทธิภาพของกองทัพรัสเซียในยูเครน จนส่งผลให้กองทัพและกระทรวงกลาโหมถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากประชาชนหรือแม้แต่จากสื่อกระบอกเสียงของรัฐบาล แต่นักข่าวสงครามเหล่านี้ก็ล้วนแต่เป็นกลุ่มชาตินิยมหัวรุนแรงที่สนับสนุนต่อการทำสงครามของรัฐบาลในยูเครน และเป็นตัวช่วยปลุกกระแสให้ประชาชนออกมาสนับสนุนการทำสงครามของกองทัพได้เป็นอย่างดี ทำให้รัฐบาลไม่กล้าลงไม้ลงมือเพื่อควบคุมข่าวสงครามที่มาจากนักข่าวสงครามเหล่านี้มากนัก