[quote/]
1. ผมมองว่า Rules-based International Order นั้นยังไม่ล้าสมัยครับ มันถูกเริ่มใช้ในคริสต์ศตวรรษที่ 20 ก็จริง แต่นับจนถึงปัจจุบันก็พึ่งจะผ่านมาแค่ 77 ปี นับจากสิ้นสุดสงครามโลกเท่านั้นเอง (นักวิชาการทั่วไปนิยมใช้ปี 1945 เป็นจุดเริ่มต้นของยุค Rules-based International Order) ขณะที่กฎระเบียบประเภท “ผู้ชนะกินรวบ” (Winner Takes All) นั้นอยู่มาตั้งแต่ยุคแรกเริ่มอารยธรรมมนุษย์เลยด้วยซ้ำ และมาถึงจุดสูงสุดของมันในยุคจักรวรรดินิยม-ยุคล่าอาณานิคม (Imperialism-Colonialism) ราวปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 หมายความว่ามันผ่านการเวลามานานหลายพันปีจนสึกกร่อนพุพังไปเกือบหมดแล้ว และไม่สามารถเอามาใช้กับในโลกยุคโลกาภิวัตน์ ที่แทบทุกสิ่งทุกอย่างเชื่อมโยงถึงกันทั่วโลก ลองนึกดูว่าถ้าจีนทำแบบเดียวกับรัสเซีย ยกทัพรุกรานไต้หวันหรือญี่ปุ่นเอาดื้อๆ เพื่อหวังยึดครองดินแดน ย่อมมีแต่ทั่วโลกจะรุมประณามและรุมยำ เพราะจีนได้ตัดสินใจทำลายเศรษฐกิจโลกลงไปเรียบร้อย
2. ใครไปแบนวัฒนธรรมรัสเซียครับ ? ก่อนสงครามจะเริ่มผมไม่เห็นจะมีข่าวที่ไหนออกมากล่าวว่าวัฒนธรรมรัสเซียโดนแบนหรือคุกคามอะไรใดๆ ซักนิด คนยูเครนทำธุรกิจไปมาหาสู่กับญาติในรัสเซียเป็นประจำ ชาติตะวันตกจำนวนมากก็ยังค้าขายกับรัสเซียแม้จะมีเสียงบางส่วนคัดค้าน และคนในยูเครนจำนวนมากก็ยังเชื่อว่าพวกเขาจะหาทางออกอย่างสันติวิธีกับรัสเซียได้ในที่สุด เป็นสาเหตุหนึ่งว่าทำไมเซเลนสกี้ซึ่งเสนอนโยบายวางตัวเป็นกลาง อ่อนน้อมรัสเซีย เข้าหายุโรป ถึงได้ชัยชนะในการเลือกตั้ง ขณะที่คู่แข่งสายเหยี่ยวซึ่งเสนอนโยบายต่อต้านรัสเซียกลับพ่ายแพ้อย่างย่อยยับ เรื่องการแบนวัฒนธรรมรัสเซียผมก็เห็นมีแต่การแบนที่เกิดขึ้นหลังจากสงครามเกิดขึ้นแล้ว และเป็นไปเพื่อตอบโต้ต่อการกระทำของรัสเซียในยูเครน มากกว่าจะเป็นตัวจุดชนวนความขัดแย้งอย่างที่รัสเซียอ้าง
แต่ที่แน่ๆ รัสเซียเลือกที่จะรุกรานยูเครนก่อน โดยการยึดครองไครเมียในปี 2014 พร้อมกันนั้นก็เลือกสนับสนุนกบฏแบ่งแยกดินแดนในดอนบาส ด้วยข้ออ้างว่ายูเครนพยายามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยูเครนเชื้อสายรัสเซีย ซึ่งก็เป็นแค่ข้ออ้างโคมลอยเพราะไม่มีหลักฐานใดๆ มาชี้ชัดว่ายูเครนพยายามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์คนเชื้อสายรัสเซียอย่างที่ถูกกล่าวหา อย่างมากก็แค่อาชญากรรมสงครามซึ่งเกิดขึ้นในช่วงปี 2014-2015 เป็นหลัก และเป็นสิ่งที่ทั้งสองฝ่ายต่างกระทำใส่กันและกันด้วย แต่ยูเครนเลือกยอมรับ เปิดให้ผู้สังเกตการณ์นานาชาติเข้ามาสืบสวน ขณะที่รัสเซียไม่ยอมให้ความร่วมมือ กลับบ่ายเบี่ยงปฏิเสธว่าพวกตนไม่ได้กระทำอาชญากรรมสงครามใดๆ
3. ถ้าท่านอยากใช้ตรรกะอ้างเรื่องประวัติศาสตร์ในอดีต เช่นนั้นรัสเซียกับจีนควรยกดินแดนของตนให้มองโกเลียครับ หรือถ้านั่นเก่าไม่พอ อยากย้อนไปไกลกว่านั้น รัสเซียปัจจุบันมีรากฐานมาจากอาณาจักรมัสโกวี (Grand Principality of Moscow) ในอดีต ซึ่งปัจจุบันคือกรุงมอสโกและพื้นที่ปริมณฑลโดยรอบ และเป็นประเทศราชที่ก่อตั้งโดยเจ้าชายดานิเอล (Prince Daniel) พระราชโอรสของเจ้าฟ้าอเล็กซานเดอร์ เนฟสกี้ (Alexander Nevsky) ผู้ปกครองอาณาจักรเคียฟรุส (Kievan Rus) ช่วงปี 1236-1263 ซึ่งมีอาณาเขตครอบคลุมแผ่นดินยูเครนเหนือ (อาณาจักรเคียฟ) รัสเซียตะวันตก (อาณาจักรวลาดิเมียร์) และรัสเซียเหนือ (อาณาจักรนอฟโกรอด) ฉะนั้นถ้าใช้ตรรกะอ้างเรื่องประวัติศาสตร์ รัสเซียสายมอสโกสมควรเป็นแค่จังหวัดหนึ่งของสหพันธรัฐเคียฟรุสเท่านั้นครับ แถมประวัติศาสตร์ยังแสดงให้เห็นชัดเจนอีกว่า วัฒนธรรมของมอสโกนั้นมีพื้นฐานมาจากเคียฟรุสกลุ่มอื่นๆ ที่อยู่ก่อนหน้ามอสโกมานานนับร้อยปี ฉะนั้นต้องถามคำถามกลับว่า วัฒนธรรมดั้งเดิมของชาวรัสเซียสายมอสโกก่อนแยกมาจากอาณาจักรเคียฟรุสอื่นๆ นั้นคืออะไร
เรื่องไครเมีย ผมจำๆไม่ค่อยได้เพราะไม่ได้สนใจเท่าไหร่
แต่คุ้นๆว่าตอนนั้นผมได้ยินข่าวว่าเมกากดดันรัสเซีย
โดยพยายามดึงยูเครนเข้า แล้วพยายามมีอำนาจตรงไครเมีย
นานละแต่ผมจำได้ว่าตอนนั้นสาเหตุยึดไครเมีย
ก็คล้ายๆกับตอนนี้ คือ อเมริกายุ่ง รัสเซียต้องการทางออกทะเล
รัสเซียเลยยึดไครเมียแม่มเลย
เพราะถ้าจะมาดูที่เหตุการณ์ก่อนหน้า
พื้นที่นั้น รัสเซีย ทั้งเช่าพื้นที่ ทั้งคนรัสเซียอยู่เพียบ
เรียกว่าพฤตินัย ก็แทบจะเป็นของรัสเซียอยู่แล้ว
ขาดแค่นิตินัย
แล้วถามว่าทำไมรัสเซียต้องยึดแบบด้านๆ
ตอนนั้นผมจำได้ราวๆว่า กองทัพเรือเมกา ไปป้วนเปี้ยนด้วย
สรุป ผมไม่ชัวเพราะนานละ แต่ที่ผมสรุปตอนนั้นว่าทำไมรัสเซียยึด
เพราะยูเครนหรือเมกานี่แหล่ะ พยายามไปยุ่งกับไครเมีย
รัสเซียเลยยึดแม่มเลย
แต่ผมไม่ชัวนะ เพราะอย่างที่ผมเคยบอกผมไม่ใช่สายเสพข่าวการเมือง
ผมเสพแต่ข่าวเศรษฐกิจ แล้วได้ยินข่าวทำนอง
เมกาต้องการปิดเส้นทางออกทางทะเลรัสเซีย
แล้วหลังจากนั้น รัสเซียก็เลยยึดไครเมียแม่มเลย