อัพเดตข่าวยูเครน วันที่ 54 ของสงคราม
1. เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ปธน.เซเลนสกี้ได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวจาก CNN ในหลายเรื่อง แต่เนื้อหาสำคัญจากบทสัมภาษณ์ดังกล่าวมีหลักๆ สองข้อ คือ
1) ปธน.เซเลนสกี้ได้เปิดเผยตัวเลขความสูญเสียของกองทัพยูเครนออกมา โดยกล่าวว่ากองทัพยูเครนนั้นสูญเสียทหารไปประมาณ 2,500 - 3,000 นาย และมีทหารได้รับบาดเจ็บทั้งหมด 10,000 นาย ในขณะที่ฝ่ายรัสเซียนั้นมีทหารเสียชีวิตไปแล้วมากกว่า 20,000 นาย
2) ปธน.เซเลนสกี้ยังกล่าวยืนยันเช่นเดิมว่ายูเครนจะไม่ยินยอมเสียดินแดนทางตะวันออก (ภูมิภาคดอนบาส) แก่รัสเซียโดยเด็ดขาด เนื่องจากรัฐบาลและกองทัพรัสเซียนั้นไม่สามารถไว้ใจได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเหตุสังหารหมู่ในบูคา (Bucha Massacre) ว่าการไม่ปล่อยให้รัสเซียยึดครองดินแดนในยูเครนได้นั้นสำคัญอย่างมาก เพราะมันช่วยรับประกันได้ว่ารัสเซียจะไม่กล้าเปิดฉากรุกรานยูเครนอีกในอนาคตอันใกล้
2. รายงานเพิ่มเติมเรื่องการจมของเรือรบ Moskva ของรัสเซีย มีการเปิดเผยภาพของเรือรบ Moskva โดยเป็นภาพจากวันที่ 15 เม.ย. หลังจากที่เรือได้รับความเสียหายและก่อนหน้าที่เรือจะจมลงสู่ก้นทะเล
จากภาพจะเห็นว่าเรือนั้นถูกยิงจากขีปนาวุธทางกราบซ้ายอย่างชัดเจน และน่าจะเกิดการระเบิดจากคลังอาวุธภายในเรือ เห็นได้จากรูรั่วบริเวณกราบซ้ายและควันกับเปลวไฟที่พวยพุ่งออกมาจากด้านในของเสากระโดงเรือ โดยภาพน่าจะถ่ายโดยลูกเรือที่อพยพออกมาเรียบร้อยแล้ว สังเกตได้จากไม่มีลูกเรือเหลืออยู่บนเรือแม้แต่คนเดียว นอกจากนี้หากสังเกตให้ดีจะเห็นว่าดาดฟ้าเรือนั้นแทบจะอยู่ติดกับผิวน้ำ แสดงให้เห็นว่าน้ำเข้าเรือปริมาณมากจนใกล้จมแล้ว
อีกภาพหนึ่ง แสดงให้เห็นรูรั่วทางกราบซ้ายชัดเจนมากขึ้น
ในส่วนผู้รอดชีวิตนั้น นอกจากคลิปวิดีโอที่รัสเซียปล่อยออกมา โชว์กะลาสีผู้รอดชีวิตจากเรือ Moskva จำนวน 100 คนแล้ว สำนักข่าว Novaya Gazeta Europe ซึ่งเป็นสำนักข่าวอิสระในรัสเซีย รายงานข่าวโดยอ้างอิงจากบทสัมภาษณ์ของมารดากะลาสีเรือนายหนึ่งที่รอดชีวิตมาได้ โดยทั้งสองได้ติดต่อกันผ่านโทรศัพท์มือถือหลังเกิดเหตุ ซึ่งผู้เป็นบุตรชายได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้มารดาของตนฟัง โดยกล่าวว่ามีผู้เสียชีวิตบนเรือประมาณ 40 ราย บาดเจ็บอีกจำนวนมาก และอีกหลายรายสูญหาย (สำนักข่าว Radio Free Europe/Radio Liberty รายงานว่ามีผู้สูญหายจำนวน 27 ราย) บุตรชายยังกล่าวอีกว่าเรือนั้นถูกโจมตีจากฝ่ายยูเครน ซึ่งทำการยิงมิสไซล์ต่อต้านเรือผิวน้ำจำนวน 3 ลูกใส่เรือรบจนจม (ใกล้เคียงกับที่ยูเครนกล่าวอ้างในตอนแรก จุดแตกต่างคือยูเครนนั้นอ้างว่ายิงมิสไซล์ไปแค่ 2 ลูก)
ทางฝั่งยูเครนนั้น ปธน.เซเลนสกี้ได้อนุมัติการเลื่อนขั้นพลเรือตรีโอเล็กซีย์ เนสปาปา (Counter Admiral Oleksiy Neizhpapa) ผบ.ทร.ยูเครน ให้เป็นพลเรือโท (Vice Admiral) จากความดีความชอบในการจมเรือ Moskva ได้
3. ทางด้านสถานการณ์การบในภาคตะวันออกนั้น ฝ่ายยูเครนรายงานว่ากองทัพยูเครนจากเมืองคาร์คิฟ (Kharkiv) สามารถรุกคืบไปทางตะวันออกและตีเมืองเล็กรอบข้างคืนจากรัสเซียได้ประมาณ 3-4 เมือง หากว่ากองทัพยูเครนในส่วนนี้สามารถรุกคืบต่อไปทางตะวันออกและทางใต้ได้เรื่อยๆ จะทำให้ยูเครนสามารถบีบล้อมกองทัพรัสเซียจำนวนหลายพันนายบริเวณเมืองอิซิอุม (Izium) ได้
แผนที่ประกอบ จะเห็นว่าทัพยูเครนทางเหนือจากคาร์คิฟ (จุดสีแดงหลายจุดทางซ้าย) กำลังพยายามมุ่งหน้าไปต่อทางตะวันออกตามทางหลวง H-26 ขณะที่ทัพยูเครนทางใต้กำลังรุกขึ้นเหนือขนาบข้างแม่น้ำออสโคล (Oskol River) ซึ่งหากทั้งสองทัพมาบรรจบกันที่เมืองคิฟชาริฟกา (Kivsharivka) (จุดที่ลูกศรบรรจบกัน) จะทำให้ยูเครนปิดล้อมทหารรัสเซียในอิซิอุมได้อย่างสมบูรณ์ และเท่ากับทำลายแผนการยึดครองดอนบาสของรัสเซียลงอย่างราบคาบ เพราะทหารรัสเซียในอิซิอุมนั้น เป็นหน่วยทหารจากแนวรบภาคเหนือที่ถูกส่งมาสนับสนุนการรบในดอนบาสทางตะวันออก เพื่อหวังปิดล้อมทหารยูเครนในดอนบาส และยึดครองดินแดนในภูมิภาคดอนบาสไว้ในครอบครองของรัสเซีย
จากนี้ไป สมรภูมิตะวันออกบริเวณอิซิอุมจะกลายเป็นสมรภูมิสำคัญอีกจุดหนึ่งของสงครามนี้ และสามารถที่จะชี้ผลการรบของสงครามในเฟสสามได้ เหมือนอย่างที่สมรภูมิเคียฟคือจุดชี้ผลการรบในเฟสหนึ่ง (รัสเซียบุก) และเฟสสอง (ยูเครนโต้กลับ) ซึ่งต่างจบลงด้วยชัยชนะของยูเครน ต้องตามดูกันต่อไปว่า ยูเครนจะยังรักษาชัยชนะต่อเนื่องของตนไว้ได้ หรือสุดท้ายรัสเซียจะตีไข่แตก และคว้าชัยชนะใหญ่ครั้งแรกของตนไว้ได้กัน ?