อัพเดตข่าวยูเครน วันที่ 36-37 ของสงคราม (ตอนนี้ในยูเครนยังถือเป็นวันที่ 1 เม.ย. อยู่)
1. นายโอเล็กซานเดอร์ โมตุสยานิก (Oleksandr Motuzyanyk) โฆษกกระทรวงกลาโหมยูเครน ให้สัมภาษณ์แก่ผู้สื่อข่าวกรณีที่มีเฮลิคอปเตอร์เข้าโจมตีคลังเก็บน้ำมันในเมืองเบลโกรอด (Belgorod) รัสเซีย ในช่วงเช้ามืดของวันที่ 1 เม.ย. ที่ผ่านมา ก่อนที่รัสเซียจะกล่าวว่าเป็นฝีมือของกองทัพยูเครน โดนนายโมตุสยานิกให้สัมภาษณ์ว่า “มีรายงานว่าเกิดเหตุคลังน้ำมันระเบิดในดินแดนของสาธารณรัฐประชาชนเบลโกรอด ซึ่งผมไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเขา (รัสเซีย) ถึงโทษว่าเป็นฝีมือของเรา ตามข้อมูลของเรา ผมยืนยันว่านี่ไม่ใช่ความจริง และเราไม่ขอออกความเห็นในเรื่องดังกล่าว”
นอกจากนี้นายโมตุสยานิกนี้ยังให้สัมภาษณ์ต่อว่า “ผมขอเน้นย้ำว่ายูเครนนั้นได้ดำเนินมาตรการป้องกันการรุกรานของกองทัพรัสเซียในแผ่นดินยูเครน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ายูเครนจะต้องมีส่วนรู้เห็นกับการดำเนินงานผิดพลาดหรือเหตุการณ์ร้ายแรงที่เกิดขึ้นในแผ่นดินรัสเซีย และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่รัสเซียกล่าวหาเรา ฉะนั้น ผมไม่ขอยืนยันหรือปฏิเสธเรื่องดังกล่าว (ว่ายูเครนเป็นผู้ลงมือจริงหรือไม่)”
แปลได้ง่ายๆ กองทัพยูเครนไม่ขอออกความเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว คาดว่าอาจเป็นไปเพื่อปกปิดข้อมูลปฏิบัติการลับครั้งนี้ และถ้าอ่านบทสัมภาษณ์ดีๆ จะเห็นว่าการตอบสัมภาษณ์ของนายโมตุสยานิกนั้นออกจะเน้นล้อเลียนรัสเซีย ซึ่งในปี 2014 ส่งกองทัพเข้ายึดไครเมีย แต่กล่าวปฏิเสธว่าทหารที่ทำการยึดไครเมียไม่ใช่ทหารรัสเซีย เป็นแค่กองกำลังติดอาวุธชาวไครเมียที่ต้องการเข้าร่วมกับแผ่นดินรัสเซียเท่านั้น
ทั้งนี้ มีทฤษฎีอยู่ว่านี่อาจเป็นฝีมือของทัพรัสเซียเอง เพื่อหวังสร้างสถานการณ์ปลุกระดมให้คนหันมาสนับสนุนการทำสงครามในยูเครนมกขึ้น แต่ก็มีข้อโต้แย้งอยู่ หากเป็นการจัดฉากโดยรัสเซียจริง รัสเซียไม่จำเป็นต้องทำลายคลังเก็บน้ำมันที่มีผู้ได้รับบาดเจ็บไม่กี่คน แต่ควรเน้นการโจมตีใส่พื้นที่อยู่อาศัยของประชาชนมากกว่า อีกอย่างหนึ่งคือเหตุการณ์ครั้งนี้กลับเป็นการแสดงให้เห็นว่าระบบป้องกันภัยทางอากาศของรัสเซียหละหลวมมากถึงขนาดปล่อยให้อากาศยานของศัตรูบุกเข้ามาถึงในถิ่นตัวเองได้ ซึ่งเป็นการทำลายภาพลักษณ์ของรัสเซีย มากกว่าจะช่วยปลุกระดมคนในประเทศ
2. รายงานรอบด้านจากแนวรบทางเหนือบริเวณกรุงเคียฟ (Kyiv) และเมืองเชอร์นิฮิฟ (Chernihiv) รายงานไปในทิศทางเดียวกันว่า กองทัพรัสเซียได้ถอนกำลังทหารส่วนใหญ่ในพื้นที่ออกจากเขตสู้รบแล้ว โดยยังคงเหลือทหารบางส่วนรักษาแนวหลังไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้ยูเครนสามารถไล่ตามได้ทัน อย่างไรก็ดีทัพยูเครนสามารถสามารถยึดดินแดนคืนจากรัสเซียได้เป็นอันมาก
หากรายงานเหล่านี้เป็นความจริง ย่อมหมายความว่าการรบในสมรภูมิเคียฟและเชอร์นิฮิฟนั้นสิ้นสุดลงแล้ว และเป็นฝ่ายยูเครนที่ได้รับชัยชนะไปศึกนี้ หลังจากที่รัสเซียใช้เวลานับเดือนเพื่อบุกตีเมืองจากยูเครนโดยไร้ความคืบหน้าและยังได้รับความสูญเสียอย่างหนัก

แผนที่จาก MilitaryLand ของการรบวันที่ 31 มี.ค. รายงานล่าสุดวานนี้กล่าวว่ายูเครนสามารถยึดเมืองบูคา (Bucha) ทางตะวันตกของเคียฟคืนจากรัสเซียได้ และยังมีรายงานว่ายูเครนสามารถเคลื่อนพลเข้าเมืองอิวานคิฟ (Ivankiv) และโบโรเดียนกา (Borodianka) ได้แล้ว แม้ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่ายูเครนสามารถยึดพื้นที่ทั้งหมดในเมืองได้หรือไม่

แผนที่ล่าสุดจาก MilitaryLand แสดงให้เห็นพื้นที่ตำบลน้อยใหญ่ทางตะวันออกของเคียฟอยู่ภายใต้การควบคุมของยูเครนเกือบหมดแล้ว เมื่อเปรียบกับแผนที่ด้านบน จะเห็นว่ายูเครนสามารถยึดโบห์ดานิฟกา (Bohdanivka) โนวาบาซาน (Nova Basan) โคเซเลตส์ (Kozelets) โบโบรวิตเซีย (Bobrovytsia) โนวีไบคิฟ (Novyi Bykiv) และมาเคียฟกา (Makiivka) จากรัสเซียได้

อีกแผนที่หนึ่งจากบัญชีทวิตเตอร์ของ Nathan Ruser จุดสีเหลืองคือเมืองต่างๆ ที่มีรายงานว่ายูเครนสามารถยึดคืนได้ในวันที่ 31 มี.ค. ขณะที่จุดสีน้ำเงินคือเมืองต่างๆ ที่ยูเครนยึดคืนได้ในวันที่ 1 เม.ย.
3. ในอีกด้านหนึ่ง แม้รัสเซียจะพ่ายแพ้และต้องถอยทัพในศึกทางเหนือ แต่ศึกในแนวรบตะวันออกกำลังเป็นไปอย่างดุเดือด มีรายงานว่ารัสเซียสามารถทะลวงแนวรับของฝ่ายยูเครนทางใต้ของเมืองอิซิอุม (Izium) และกำลังพยายามไล่ยึดเมืองเล็กเมืองน้อยทางใต้

แผนที่ล่าสุดจาก MilitaryLand จะเห็นว่ารัสเซียเริ่มยกกำลังเข้าตีเมืองน้อยใหญ่ทางใต้ของอิซิอุม (Izium) แล้ว
4. มีข่าวลือว่าตอนนี้ มีทหารรัสเซียเสียชีวิตเนื่องจากได้รับสารกัมมันตภาพรังสีเกิดขนาดแล้ว 1 นาย และยังมีอีก 26 อยู่ในระหว่างการรักษา และอีก 73 นายในอาการหนัก
ทั้งนี้ ข่าวดังกล่าวยังเป็นแค่ข่าวลือที่ยังไม่การยืนยันชัดเจน จึงอาจจริง ไม่จริง หรือจริงแค่ครึ่งหนึ่งก็ได้
ณ ตอนนี้ จากเหตุการณ์ในข้อ 2 และ 3 เราจะเห็นได้ว่าสงครามยูเครนได้ดำเนินมาถึงเฟสสามแล้ว แนวรบทางตะวันตกเฉียงเหนือนั้น แม้ไม่ทั้งหมด แต่ก็ปลอดภัยจากภัยคุกคามของรัสเซียแล้ว และตอนนี้โฟกัสของสงครามจะหันเหไปยังสมรภูมิตะวันออก ยังแนวรบในคาร์คิฟทางเหนือ ดอนบาสทางตะวันออก และมาริอูโปลทางใต้แทน