อัพเดตข่าวเพิ่มเติม
1) นายกฯ จอห์นสันของอังกฤษแถลงการณ์กับสื่อ ว่าขณะนี้อังกฤษกำลังอยู่ในระหว่างการเจรจากับตุรกี เพื่อจัดหาโดรนติดอาวุธ TB-2 Bayraktar เพิ่มเติมให้แก่ยูเครน (ยูเครนสั่งซื้อโดรนรุ่นดังกล่าวจากตุรกีตั้งแต่ก่อนเกิดสงคราม) นอกจากนี้ ยังมีการพูดคุยถึงความเป็นไปได้ในการจัดหาระบบเรดาร์ต่อต้านปืนใหญ่ให้แก่ยูเครนอีกด้วย (Counter-Battery Radar เป็นเรดาร์สำหรับค้นหาและตรวจสอบวิถีกระสุนของปืนใหญ่ศัตรู เพื่อค้นหาตำแหน่งที่ตั้งของปืนใหญ่ศัตรู เมื่อค้นพบตำแหน่งจึงส่งพิกัดให้หน่วยปืนใหญ่ฝ่ายตนทำการยิงโต้กลับ)
2) เยอรมนีแถลงข่าวถึงอาวุธยุทโธปกรณ์และความช่วยเหลือชุดใหม่ที่พึ่งทำการส่งมอบให้แก่ยูเครน โดยประกอบไปด้วย
1. มิสไซล์ต่อต้านอากาศยานแบบ 9K32 Strela-2 จำนวน 1,500 ระบบ (ยังเหลืออีก 700 ระบบที่ยังส่งมอบไม่เสร็จ)
2. ปืนกลเบา MG3 จำนวน 100 กระบอก
3. รถพยาบาล 50 คัน
4. อาหารสำรองพกพา 350,000 ชุด
5. กระสุน 9x19 ม.ม. สำหรับปืนพก จำนวน 8 ล้านนัด
6. กระสุน 5.56x45 ม.ม. สำหรับปืนไรเฟิล จำนวน 3 ล้านนัด
7. กระสุน 7.62x51 ม.ม. สำหรับปืนกลเบา จำนวน 5 ล้านนัด
3) ปธน.มาครง ออกแถลงการณ์ต่อสื่อ ว่าตอนนี้ฝรั่งเศส ร่วมกับกรีซและตุรกี กำลังอยู่ในระหว่างการวางแผนปฏิบัติการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม โดยการอพยพประชาชนจำนวนมากกว่า 150,000 คน ที่ยังติดอยู่ในมาริอูโปล (Mariupol) ซึ่งปัจจุบันยังคงตกอยู่ใต้วงล้อมของกองทัพรัสเซียออกมา และกล่าวว่าเขาจะทำการติดต่อกับ ปธน.ปูติน เพื่อให้ปฏิบัติการดังกล่าวเป็นไปอย่างราบรื่น
เป็นไปได้ว่าปฏิบัติการดังกล่าวจะเป็นการอพยพประชาชนทางทะเล โดยกองเรือรบของฝรั่งเศส (ที่ปัจจุบันกำลังลอยลำอยู่นอกชายฝั่งกรีซ ร่วมกับกองเรือรบของสหรัฐ) กรีซ และตุรกี อาจเดินทางผ่านทะเลอาซอฟ (Sea of Azov) ซึ่งปัจจุบันอยู่ใต้การควบคุมของรัสเซีย เพื่อเข้าไปอพยพประชาชนที่ติดอยู่ในมาริอูโปลออกมา ทั้งนี้ ยังต้องตามดูต่อไปว่าปฏิบัติการดังกล่าวจะสามารถทำได้จริงอย่างที่นายมาครงพูดไว้หรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากนายปูตินปฏิเสธความร่วมมือกับนายมาครง แล้วฝรั่งเศสจะยังดึงดันตามแผนเดิมหรือไม่ ?
สำหรับสาเหตุว่าทำไมฝรั่งเศส กรีซ และตุรกี ถึงเข้ามาเกี่ยวข้องกับปฏิบัติดังกล่าว ผมมองว่าฝรั่งเศส โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายมาครงนั้นต้องการผลักดันตนเองขึ้นเป็นผู้นำของสหภาพยุโรป อีกทั้งนายมาครงยังเป็นผู้นำชาติตะวันตกไม่กี่ประเทศที่พยายามติดต่อพูดคุยกับนายปูตินโดยตรง เพื่อเจรจาให้รัสเซียยุติสงคราม แสดงให้เห็นถึงการพยายามเสริมสร้างบทบาทหน้าที่ในฐานะผู้นำของ EU ได้อย่างชัดเจน
ส่วนกรีซนั้น มีสาเหตุมาจากเมืองมาริอูโปลนั้น เป็นที่ตั้งของชุมชนชาวกรีกในยูเครนที่ใหญ่ที่สุด ด้วยจำนวนชาวกรีกกว่า 20,000 คน เนื่องจากประวัติศาสตร์ที่ย้อนไปตั้งแต่ยุคกรีกโบราณที่มาริอูโปลเคยเป็นหนึ่งในอาณานิคมชาวกรีก ขณะที่ตุรกีนั้นก็แสดงตนชัดเจนมาตั้งแต่เริ่มสงครามว่าต้องการวางตัวเป็นคนกลางเจรจายุติสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน เนื่องจากความสัมพันธ์อันดีทางเศรษฐกิจที่ตุรกีมีต่อทั้งสองชาติ จึงไม่น่าแปลกใจนักที่จะเห็นกรีซกับตุรกีเข้าร่วมในปฏิบัติการด้านมนุษยธรรมเช่นนี้
ภาพประกอบโชว์ตำแหน่งที่ตั้งของเมืองมาริอูโปล (Mariupol) ภายในทะเลอาซอฟ (Sea of Azov)
