อัพเดตข่าวยูเครน
1) ภายหลังการเข้าพบ ปธน.เซเลนสกี้ในกรุงเคียฟ รองนายกฯ โปแลนด์ ยาโรสลาฟ คัชชินสกี (Jarosław Kaczyński) ออกแถลงข่าวเรียกร้องให้นาโต้ส่งกำลังทหารเข้าไปในยูเครนเพื่อ “รักษาสันติภาพ” โดยกล่าวว่านาโต้ควรส่งหน่วยงานด้านมนุษยธรรมเข้าไปช่วยเหลือประชาชนชาวยูเครน แต่เพื่อประกันว่าหน่วยงานด้านมนุษยธรรมเหล่านี้จะไม่ได้รับอันตราย จึงควรส่งกองทหารติดตามเข้าไปด้วยจำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ทหารติดตามดังกล่าวยังสามารถทำหน้าที่รักษาความสงบในบางพื้นที่ เพื่อแบ่งเบาภาระทหารยูเครนได้อีกด้วย
สรุปแบบง่ายๆ คือ รองนายกฯ โปแลนด์ต้องการให้นาโต้ส่งทหารเข้าไปช่วยยูเครน ไม่ใช่ช่วยรบกับรัสเซีย แต่ไปช่วย “รักาความสงบ” ในพื้นที่ที่ห่างไกลจากการปะทะกับรัสเซีย ซึ่งจะช่วยให้ยูเครนสามารถรวมรวบกำลังพลที่กระจายอยู่ทั่วประเทศมาโฟกัสที่แนวหน้าในการรบกับรัสเซียเพียงจุดเดียว ช่วยให้ยูเครนมีโอกาสชนะมากขึ้น
ทั้งนี้ คำแถลงการณ์ดังกล่าวเป็นแค่ “ความเห็น” ของรองนายกฯ โปแลนด์เท่านั้น ไม่ใช่มติร่วมกันของชาติสมาชิกนาโต้ ซึ่งโปแลนด์และบรรดาชาติยุโรปตะวันออกอื่นๆ เช่นกลุ่มประเทศบอลติก ต่างเป็นเสียงหลักที่เรียกร้องให้นาโต้ร่วมมือกันช่วยเหลือยูเครนอย่างเต็มกำลัง (ดังที่ก่อนหน้านี้โปแลนด์แถลงข่าวจะส่งเครื่องบินรบให้ยูเครน ผ่านประเทศสหรัฐ) ขณะที่ชาตินาโต้กลุ่มยุโรปตะวันตกเช่นฝรั่งเศส เยอรมนี และยังรวมถึงสหรัฐ ต่างคัดค้านการส่งกำลังทหารเข้าช่วยเหลือยูเครนโดยตรง โดยเกรงว่าการปะทะกับรัสเซียสุ่มเสี่ยงจะนำไปสู่การเกิดสงครามโลกขึ้น (ดังเช่นที่สหรัฐออกมาปฏิเสธการส่งเครื่องบินรบให้ยูเครน)
2) แม้สหรัฐจะไม่สนับสนุนการส่งเครื่องบินรบให้ยูเครน แต่ไม่ได้หมายความว่าความช่วยเหลือด้านอื่นๆ สหรัฐจะไม่ช่วย วานนี้ทำเนียบขาวแถลงข่าวงบประมาณช่วยเหลือยูเครนชุดใหญ่ มูลค่ากว่า 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งประกอบไปด้วย
2.1 มิสไซล์ต่อต้านอากาศยานรุ่นพกพาแบบ FIM-92 Stinger จำนวน 800 ระบบ
2.2 มิสไซล์ต่อต้านรถถังรุ่นพกพาแบบ FGM-142 Javelin จำนวน 2,000 ระบบ
2.3 จรวดต่อสู้รถถังขนาดเล็กแบบ M72 LAW จำนวน 1,000 ระบบ
2.4 จรวดต่อสู้รถถังขนาดเล็กแบบ AT-4 จำนวน 6,000 ระบบ
2.5 โดรนกามิกาเซ่แบบ Switchblade จำนวน 100 ระบบ
2.6 เครื่องยิงลูกระเบิด จำนวน 100 กระบอก
2.7 ปืนไรเฟิล จำนวน 5,000 กระบอก
2.8 ปืนพก จำนวน 1,000 กระบอก
2.9 ปืนกล จำนวน 400 กระบอก
2.10 ปืนลูกซอง จำนวน 400 กระบอก
2.11 เครื่องกระสุน (ปืนพก-ปืนค.-ลูกระเบิด-ปืนไรเฟิล) จำนวน 20,000,000 นัด
2.12 เสื้อเกราะกันกระสุน จำนวน 25,000 ชุด
2.13) หมวกกันกระสุน จำนวน 25,000 ใบ
ทั้งนี้ เงินช่วยเหลือดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของเงินงบประมาณ 13,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐที่รัฐสภาสหรัฐอนุมัติจัดหาเพื่อช่วยเหลือยูเครน ทั้งในด้านมนุษยธรรมและอาวุธยุทโธปกรณ์
3) ภายหลังการเยือนจากนายกฯ ของสามชาติยุโรป นายเดนิส ชไมฮัล (Denys Shmyhal) นายกรัฐมนตรียูเครนออกมาแถลงข่าวว่ายูเครนต้องการเงินงบประมาณมากถึง 565,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับการทำนุบำรุงและฟื้นฟูประเทศหลังสงคราม และยูเครนจำเป็นต้องร้องขอเงินทุนสนับสนุนจากชาติพันธมิตรอื่นๆ รวมไปถึงค่าปฏิกรรมสงครามจากรัสเซียในยามที่สงครามยุติ ซึ่งอาจรวมถึงทรัพย์สินของรัฐบาลรัสเซียที่ถูกแช่แข็งสินทรัพย์เอาไว้โดยบรรดาธนาคารของชาติตะวันตกอีกด้วย (หากยังจำกันได้ ผมเคยรายงานข่าวไปว่าเงินทุนสำรองของธนาคารกลางรัสเซียเกือบครึ่งหรือกว่า 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐนั้นถูกแช่แข็งสินทรัพย์เอาไว้อยู่ในตอนนี้)
4) นายโอเลกซี อาเรสโตวิช (Oleksiy Arestovych) ที่ปรึกษา ปธน. ยูเครน ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าคาดคะเนจากจำนวนทรัพยากรและกองทหารของรัสเซียที่เหลืออยู่ในยูเครน เป็นไปได้ว่าสงครามน่าจะยุติภายในช่วงกลางเดือนเมษายน หรืออย่างช้าไม่เกินเดือนพฤษภาคมปีนี้ แต่ทั้งนี้ หากรัสเซียทำการระดมกำลังพลใหม่โดยการเกณฑ์ทหารเพิ่มเติมในประเทศมาทดแทนกำลังรบในยูเครน ก็สามารถทำให้สงครามยืดเยื้อออกไปอีกได้
5) ในระหว่างกล่าวสุนทรพจน์ต่อหน้าสมาชิกรัฐสภาสหรัฐ ปธน.เซเลนสกี้ออกข้อเสนอในการก่อตั้งองค์การความร่วมมือนานาชาติ ชื่อว่า U-24 Unite for Peace (ยู ทเวนตี้ โฟร์) โดยเป็นสมาคมนานาชาติที่ประเทศสมาชิกมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือเพื่อหยุดยั้งความขัดแย้ง โดยประเทศสมาชิกจะมีข้อผูกมัดให้ส่งความช่วยเหลือแก่ประเทศสมาชิกอื่นที่ได้รับความเดือดร้อน ไม่ว่าจากภัยธรรมชาติ สงคราม หรือโรคระบาด โดยความช่วยเหลือจะเป็นในรูปของการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม การช่วยเหลือด้านการเงิน การสนับสนุนอาวุธยุทโธปกรณ์ (แต่ไม่มีการส่งกำลังทหารเข้าแทรกแซง) การคว่ำบาตร (กรณีประเทศอื่นเข้ารุกรานประเทศสมาชิก)
เชื่อได้ว่าข้อเสนอแนะดังกล่าวของปธน.เซเลนสกี้ น่าจะเป็นการตอบโต้ต่อข้อเรียกร้องเจรจายุติสงครามของฝ่ายรัสเซีย ที่ต้องการให้ยูเครนวางตัวเป็นกลาง ไม่เข้าร่วมเป็นสมาชิกนาโต้หรือสหภาพยุโรป ซึ่งปธน.เซเลนสกี้ ได้ออกมายอมรับว่ายูเครนอาจไม่เข้าร่วมเป็นสมาชิกนาโต้ “ในตอนนี้” แต่ยังคงยืนยันจะเข้าร่วมเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปอย่างแน่นอน