รายละเอียดมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย เท่าที่ผมนึกออกนะ ตอนนี้มี
1. สหภาพยุโรป อังกฤษ แคนาดา และล่าสุด สหรัฐ ห้ามอากาศยานทุกลำ ทุกประเภทของรัสเซียบินผ่านน่านฟ้าตน
2. สหภาพยุโรป อังกฤษ แคนาดา สหรัฐ และญี่ปุ่น ตัดรัสเซียออกจากระบบ SWIFT ทำให้ชาวรัสเซียไม่สามารถทำธุระกรรมการเงินข้ามชาติกับประเทศเหล่านี้ได้
3. สหภาพยุโรป อังกฤษ แคนาดา สหรัฐ และแม้กระทั่งประเทศที่วางตัวเป็นกลางมานานอย่างสวิตเซอร์แลนด์ ทำการแช่แข็งสินทรัพย์ของธนาคารรัสเซียและบรรดากลุ่มการเมืองใกล้ชิดกับ ปธน.ปูติน (ไม่ใช่ว่าเอาเงินไปแช่ตู้เย็น แต่หมายถึงห้ามนำสินทรัพย์ดังกล่าวไปขาย-แลกเปลี่ยนใดๆ ทั้งสิ้น ให้สินทรัพย์คงสภาพดังเดิมไว้)
4. สหรัฐและอังกฤษประกาศจะทำการยึดทรัพย์สินของบรรดากลุ่มนักธุรกิจและการเมืองใกล้ชิดกับ ปธน.ปูติน แถมอังกฤษกำลังทำการร่างกฎหมายฉบับใหม่สำหรับป้องกันการฟอกเงินจากต่างชาติ (ลอนดอนได้ชื่อว่าเป็นศูนย์กลางการฟอกเงินของมหาเศรษฐีรัสเซียจำนวนมาก)
5. อังกฤษห้ามเรือรัสเซียทุกลำ ทุกประเภทจอดในท่าเรือของประเทศตน แถมตอนนี้สหภาพยุโรปกำลังพิจารณานำมาตรการเดียวกันมาใช้ด้วย
6. ตุรกีสั่งห้ามเรือรบของทุกประเทศเดินทางผ่านช่องแคบบอสฟอรัสและดาร์ดะเนลส์ (แปลว่าเรือรบรัสเซียเดินทางเข้า-ออกทะเลดำไม่ได้แล้ว เว้นแต่จะเดินทางเพื่อกลับอู่เรือที่ตนสังกัด)
7. เยอรมนีระงับโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติ Nord Stream 2 กับรัสเซียออกไปโดยไม่มีกำหนด
8. แคนาดายุติการนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซีย (อันนี้ไม่มีผลอะไรมาก เพราะแคนาดานำเข้าน้ำมันจากรัสเซียแค่นิดเดียว)
ด้านการคว่ำบาตรจากภาคเอกชน
1. ภาพยนตร์เรื่อง The Batman ของ WB และ The Lost City กับ Sonic The Hedgehog 2 ของ Paramount และ Bad Guys กับ Ambulance ของ Universal ถูกระงับการฉาย
2. บริษัทต่างชาติบางส่วนเริ่มถอนการลงทุนจากรัสเซีย เช่น Volvo บริษัทรถยนต์สวีเดน BP บริษัทน้ำมันอังกฤษ
3. Visa และ Mastercard สองบริษัทธุรกรรมการเงินอันดับต้นๆ ของโลก ยุติการการทำธุรกรรมกับธนาคารรัสเซีย
4. กลุ่มบริษัทขนส่งสินค้าทางทะเล คือ Maersk เดนมาร์ก, Ocean Network Express สิงคโปร์, Hapag-Lloyd เยอรมนี และ MSC สวิตเซอร์แลนด์ ประกาศยกเลิกการขนส่งสินค้าเข้า-ออกรัสเซีย ยกเว้นอาหาร ยา และการส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม
หนักสุดคือ SWIFT นี่แหละ ทำให้รัสเซียทำธุรกรรมข้ามต่างประเทศไม่ได้เลย
ส่วนเรื่องท่าทีเป็นกลางนั้น ถ้าใครเรียนปรัชญารัฐศาสตร์มา
ทั้งซุนวู และมาเกียเวลลี คนแรกคือคนที่เรารู้จักว่าเขียนตำราพิชัยสงครามและคนที่สองคือบิดาแห่งรัฐศาสตร์สมัยใหม่เขียนตรงกันว่า
เมื่อเห็นกรณีสองอาณาจักรขัดแย้ง ห้ามแสดงท่าทีเป็นกลาง โดยทั้งสองให้ความเห็นตรงกันว่า คนที่แสดงท่าทีเป็นกลางมีโอกาสแตกก็ใครเพื่อน
แล้วสำคัญก็คือคนที่เป็นกลาง ท้ายสุดจะถูกบังคับให้เลือกข้างในท้ายที่สุดอยู่ดี แล้วเมื่อถูกบังคับต่อให้เราอยู่ข้างที่เป็นผู้ชนะสงคราม เราก็จะไม่ได้อะไรแถมขาดทุนอีก
ซุนวูกับมาเกียเวลลีเสนอให้เลือกข้างตั้งแต่ที่เรายังตัดสินใจได้เพราะจะมีอำนาจต่อรองผลประโยชน์มากกว่า
แล้วหลักในการเลือก คือให้เลือกช่วยข้างที่เสียเปรียบ เพราะถ้าเราเลือกข้างที่เสียเปรียบและทำให้ชนะได้
เราจะสร้างหนี้บุญคุณอันใหญ่หลวงแก่ประเทศและประชาชนประเทศนั้นเป็นอย่างมาก ทำให้เราสามารถหาผลประโยชน์ได้ในอนาคตต่อไปในภายภาคหน้าได้อีกมาก
แต่ไม่ควรเลือกข้างที่ได้เปรียบ เนื่องจากข้างที่ได้เปรียบนั้นได้เปรียบอยู่แล้ว เมื่อชนะสงคราม ประเทศชนะสงครามจะเคลมความดีความชอบและผลงานเป็นของตัวเองหมด
ต่อให้ช่วยข้างที่ได้เปรียบแล้วชนะ เราก็แทบไม่ได้อะไร ผิดกลับการเลือกช่วยข้างที่เสียเปรียบ
ดังนั้นคนที่บอกว่าให้เราแสดงท่าทีเป็นกลางนั้น ผมก็งงว่าคุณอ่านตำรารัฐศาสตร์เล่มไหนมา
เพราะทุกตำรารัฐศาสตร์ไม่ว่าตะวันออกหรือตะวันตก
อดีตหรือปัจจุบันเขาแนะนำให้คุณเลือกข้างตั้งแต่เนิ่นๆเสมอ