บ่นๆ ความคิดท่านนอส ที่ยังไงก็ไม่เข้าใจว่าเขาไม่เข้าใจหรือเห็นแค่ข้อมูลหรือตัวเลขมากกว่าความเป็นจริง? คือมู้หอบเขาคงไม่ค่อยมีใครสน ผมยังงงกับคำตอบเขา(ผมก็เคยบ่นๆว่าเขาไม่ค่อยสนความจริง หรือเอาข้อมูล"จริง"หนึ่งเดียวมาตัดสิน จากที่ควรมี"ข้อมูลจริงหลายสิบด้าน"มาประกอบก่อนตัดสิน )
- เขาอธิบายบลาๆๆ ว่าไทยทำไมไม่หักกับจีนเรื่องอุยกูร์ เมื่อคำนึงถึงGDP"ตามตำรา"
- เขาว่าประเทศที่ได้ดุลกับจีน"เท่านั้น" ถ้าถูกจีนคว่ำบาตรจะเสียหาย
- แต่ไทยที่ขาดดุลกับจีนอยู่แล้ว ถึงจะถูกจีนคว่ำบาตรไป ก็ไม่เสียอะไร เท่ากับศูนย์? ท่านนอสบอกผมอย่างนี้เลย
- เขาเอาอะไรมาคิดเนี่ยว่าถ้าไทยถูกจีนคว่ำบาตรไป ไทยก็จะไม่เป็นอะไรเลย?
- แถมหาว่าผมเชียร์จีนไม่ลืมหูลืมตาดู"ความจริง" ใครกันแน่เชียร์ตะวันตกไม่ลืมหูลืมตา
- เอาง่ายๆ ถ้าสิ่งที่เราเคยได้จากจีนจนขาดดุล เรากลับต้องไปชดเชยด้วยของราคาแพงจากตะวันตกแทน เราก็คงขาดดุลกับตะวันตกแทนแน่ ถึงตอนนั้นเขาจะด่าตะวันตกที่ได้ดุลจากไทยแทนไหมนะ
- หรือท่านนอสจะสบายใจกว่าถ้าไทยเราขาดดุลกับชาติตะวันตกแทนชาติที่เขาเกลียด?
- ขออภัย หลังจากนี้ ผมจะไม่มาบ่นท่านนอสจากเรื่องในหมีหอบมาในมู้นี้อีกแล้ว ไม่งั้นเดี๋ยวผมก็จะกลายเป็นพวกลากนอกเรื่องกระทู้ไปแบบที่ท่านนอสชอบทำ
คุณ
@สุทธชา หน้าแตกกี่ครั้งแล้วครับ กับการไม่หาข้อมูลให้ดีก่อนเถียง
ทำมาเถียงคอเป็นเอ็นว่า 19 ล้านล้านดอลลาห์ของจีนยังไม่ได้รวมที่ส่งออกได้ดุล หรือ 30 ล้านล้านของเมกายังไม่นับขาดดุล
เป็นไงครับ ผมโชว์สูตร GDP ให้ดู มันรวมหมดตั้งแต่แรกแล้วครับ
ทำไมนักเศรษฐศาสตร์ทุกคนถึงใช้ ดัชนี GDP เป็นการวัดเศรษฐกิจของแต่ละประเทศละครับ? ก็เพราะมันรวมทุกอย่างเกี่ยวกับเศรษฐกิจไว้หมดแล้วไงครับ
มันก็เหมือนสูตรสำเร็จในการเปรียบเทียบที่ง่ายที่สุดและชัดที่สุด
ผมไม่ได้เชียร์ตะวันตกนะครับ แต่การที่คุณสทธชาด่าตะวันตกด้วยข้อมูลเท็จ อันนี้มันเรียกว่า Propaganda ครับ
อันนี้ผมไม่โอเคครับกับการลงข้อมูลเท็จ อันนี้ผิดพรบ.คอมพิวเตอร์ด้วยนะครับ
การทำ Propaganda ไม่ใช่เรื่องดีนะครับ มันเป็นวิถีของฟาสซิสต์ ลัทธิบูชาตัวบุคคล
ซึ่งประวัติศาสตร์สอนบทเรียนเราซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า ลัทธิบูชาตัวบุคคลไม่เคยส่งผลดีไม่ว่ากับใครก็ตาม แม้แต่ประเทศชาติ
....................
เพิ่มเติมหน่อย
ผมไม่รู้ว่าใครเคยได้ยินคำว่า
"ลูกค้าคือพระเจ้า" มั้ยครับ? คำนี้คือสัจธรรมของทุกธุรกิจเลยนะครับ
ลูกค้าจะมีอำนาจเหนือ Vendor เสมอ(ตราบเท่าที่ไม่ละเมิดข้อตกลงสัญญา)
ทีนี้ผมถามหน่อย การได้ดุล ขาดดุล เนี่ย ใครคือลูกค้า ใครคือ Vendor
ไทย ขาดดุล จีน นั่นหมายความว่า เรานำเข้าสินค้าจีนมากกว่าเราส่งออกให้จีน ผมพูดถูกมั้ยครับ
ดังนั้นสถานะไทยคือ ไทยเป็นลูกค้า
ขณะที่จีนเป็น Vendor
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ผมย้ำเสมอว่า ไทยมีสถานะเป็นลูกค้า ไทยมีอำนาจต่อรองสูงกว่าจีน ไทยจึงไม่จำเป็นต้องส่งตัวอุยกูร์ให้จีนไงครับ
กลับกัน ไทยได้ดุลการค้าเมกา ผมถามว่าใครคือ Vendor ใครคือลูกค้า
Vendor ก็ต้องเป็นไทย ถูกมั้ยครับ ขณะที่ลูกค้าก็ต้องเป็นเมกา
ดังนั้นในกรณีนี้เมกาจะมีอำนาจต่อรองสูงกว่าไทย เพราะเขามีสถานะเป็นลูกค้า
นี่คือกฎของธุรกิจ ลูกค้ามีอำนาจต่อรองมากกว่า Vendor เสมอ
แต่มันก็มีกรณียกเว้น กรณีเดียวนะครับ คือ Vendor สามารถผูกขาดสินค้านั้นได้แต่เพียงผู้เดียว
ถ้า Vendor ผูกขาดสินค้าได้ อันนี้ยังไงลูกค้าก็จะมีอำนาจในการต่อรองน้อยกว่า
ทีนี้กลับมาจีนกับไทย ผมถามหน่อยว่า สินค้าจากจีนที่ Import เข้าไทย เป็นสินค้าที่ผูกขาดหรือไม่?
กล่าวคือ สินค้าจีนที่ Import เข้ามาไทย เช่น ผลไม้จากจีน เครื่องใช้ไฟฟ้า โทรศัพท์มือถือ ฯลฯ
สินค้าเหล่านี้ประเทศอื่นๆ ประเภทเดียวกับที่จีนผลิตและส่งออกให้ไทย ประเทศอื่นผลิตได้หรือไม่? และสินค้าประเทศอื่นที่ว่านี้อยู่ในตลาดไทยหรือไม่?
เขาอยู่ในสถานะผูกขาดหรือไม่?
คำตอบคือ ไม่ได้ผูกขาด จริงมั้ยครับ
ผมไล่ List เลยนะ
- ผลไม้ ประเทศเราก็ผลิตได้ หรือ ถ้าผลไม้เมืองหนาว ก็มีประเทศญี่ปุ่น เกาหลี ผลิตได้
- เครื่องใช้ไฟฟ้า ก็มีบริษัทญี่ปุ่นและเกาหลีเป็นคู่แข่ง
- รถยนต์ ก็มีบริษัทญี่ปุ่น เยอรมัน เป็นคู่แข่ง
- โทรศัพท์มือถือ ก็มีเกาหลี กับ เมกา เป็นคู่แข่ง
พวกคุณพอเห็นอะไรมั้ยครับ จีนไม่ได้ผูกขาดสินค้าไทยได้ ดังนั้นด้วยสถานะที่ไทยเป็นลูกค้าจีนเพราะเรานำเข้าสินค้าจีนมากกว่าส่งออก
เราจึงมีอำนาจต่อรองกับจีนมากกว่าไงครับ