อัพเดตข่าวสงครามยูเครน วันที่ 216 ของสงคราม Part 1 (การระดมกำลังพลของรัสเซีย & การสนับสนุนจากชาติตะวันตก)1. สำนักข่าวอิสระ “เมดูซา” (Meduza) ของรัสเซีย รายงานถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นหลังรัฐบาลรัสเซียประกาศทำการ “ระดมกำลังพลบางส่วน” (Partial Mobilization) เพื่อทำการรวบรวมกำลังพลขึ้นมาใหม่จำนวน 300,000 นาย
(แม้จะมีการค้นพบภายหลังว่าเป้าหมายแท้จริงคือการระดมกำลังพลให้ได้ประมาณ 1 ล้านนาย) ว่าจนถึงปัจจุบัน มีพลเมืองรัสเซียจำนวนมากถึง 261,000 คน ได้ทำการเดินทางออกนอกประเทศ เพื่อหลบหนีการถูกเรียกตัวเพื่อระดมพลเข้ากองทัพ อีกทั้งยังมีหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าทางหน่วยความมั่นคงกลางหรือ FSB ได้ทำการส่งยานเกราะพร้อมทหารจำนวนหนึ่งไปยังชายแดนรัสเซีย-จอร์เจีย เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนหลบหนีข้ามผ่านด่านชายแดนแล้ว อีกทั้งยังมีกระแสความกังวลเกิดขึ้นว่ารัฐบาลรัสเซียอาจจะประกาศปิดชายแดน รวมถึงประกาศกฎอัยการศึกในพื้นที่บางส่วนของงประเทศเพื่อควบคุมสถานการณ์
นอกจากนี้ ยังมีรายงานการประท้วงขนาดใหญ่ที่ดำเนินมายาวนานกว่า 3 วันแล้ว ในสาธารณรัฐดาเกสถาน (Republic of Dagestan) หนึ่งในเขตปกครองตนเองของชนกลุ่มน้อยชาวเขาในแถบคอเคซัสเหนือ (North Caucasus Region) ทางใต้ของรัสเซีย โดยมีประชาชนจำนวนหลายพันคนออกมาชุมนุมประท้วงการประกาศระดมกำลังพลของรัฐบาลภายในเมืองมาฮัชกาลา (Makhachkala) เมืองหลวงของดาเกสถาน และเมืองอื่นๆ เช่นคาซาฟเยิท (Khasavyurt) จนเกิดการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่พยายามควบคุมสถานการณ์ รายงานเบื้องต้นกล่าวว่ามีผู้ถูกจับกุมโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจไปแล้วจำนวนประมาณ 70 - 120 ราย
ด้านนายวลาดิสลาฟ อิโนซอมต์เซฟ (Vladislav Inozemtsev) นักเศรษฐศาสตร์ชาวรัสเซีย ได้เขียนแสดงความเห็นบนบทความ “การนับถอยหลังสู่จุดสิ้นสุดของยุคปูติน” (The final countdown of the Putin era) ว่าการประกาศระดมกำลังพลของรัสเซีย จะทำให้การเติบโตของมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ภายในฤดูใบไม้ผลิปีหน้าติดลบมากถึง 10% เป็นอย่างน้อย จากเดิมที่นายอิโนซอมต์เซฟเคยคาดการณ์ว่า GDP จะมีมูลค่าติดลบประมาณ 4-5% ต่อปีเท่านั้น เนื่องจากอิโนซอมต์เซฟมองว่า การประกาศระดมกำลังพลทั่วประเทศจะทำให้ประชากรวัยแรงงานประมาณ 3-4 ล้านคนของรัสเซียหายตัวไปจากภาคเศรษฐกิจชั่วคราว ทั้งจากแรงงานที่ถูกเรียกตัวไปรบ จากแรงงานที่หลบหนีไปยังต่างประเทศ และแรงงานที่เลือกจะหลบหลีกซ่อนตัวอยู่ภายในประเทศ ซึ่งล้วนแต่จะส่งผลต่อเศรษฐกิจรัสเซียอย่างมหาศาล ขณะเดียวกัน รัฐบาลรัสเซียยังได้ประกาศขึ้นภาษีหลายชนิดเพื่อนำเงินมาโปะเงินงบประมาณภาครัฐที่มีแนวโน้มขาดดุลมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นภายในปีหน้า รัฐบาลรัสเซียต้องการจะเก็บภาษีจากการส่งออกผลิตภัณฑ์น้ำมันและก๊าซธรรมชาติให้ได้จำนวนประมาณ 1.4 ล้านล้านรูเบิล (24,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ / 912,000 ล้านบาท) ซึ่งอิโนซอมต์เซฟมองว่าจะส่งผลให้ระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนรัสเซียลดลงประมาณ 5-7 % ภายในสิ้นปีนี้ อีกทั้งการเก็บภาษีเพิ่มเติมจะไม่ช่วยให้เศรษฐกิจของรัสเซียดีขึ้น ตราบใดที่รัฐบาลรัสเซียยังเลือกจะให้ความสำคัญกับการใช้จ่ายด้านการทหารในยูเครนเป็นหลัก
2. รัฐบาลสหรัฐได้แถลงการณ์มอบชุดความช่วยเหลือด้านความมั่นคงพลเรือน (Civilian Security Assistance) มูลค่าทั้งหมด 457 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (17,300 ล้านบาท) ให้แก่รัฐบาลยูเครน ซึ่งชุดความช่วยเหลือนี้จะถูกมอบให้กับหน่วยงานผู้พิทักษ์กฎหมายและฝ่ายยุติธรรมของยูเครน เช่นสำนักงานตำรวจแห่งชาติยูเครน หรือตำรวจชายแดนยูเครน เป็นต้น โดยนับตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 2021 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน รัฐบาลสหรัฐได้มอบความช่วยเหลือให้แก่หน่วยงานผู้พิทักษ์กฎหมายของยูเครนไปจำนวนทั้งสิ้น 645 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (24,400 ล้านบาท)
นอกจากความช่วยเหลือแก่ตำรวจของยูเครนแล้ว ทางสภาคองเกรสยังได้ลงมติอนุมัติร่างงบประมาณฉุกเฉินสำหรับการสนับสนุนยูเครนเป็นเงินจำนวนทั้งหมด 11,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (443,280 ล้านบาท) ก่อนการสิ้นสุดปีงบประมาณ 2022 ภายในวันศุกร์ที่ 30 ก.ย. นี้ และก่อนหน้าการลงมติเงินงบประมาณสำหรับปีงบประมาณ 2023 ภายในวันเดียวกัน เพื่อให้มั่นใจว่ายูเครนจะยังได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐอย่างต่อเนื่อง และไม่ต้องเผชิญกับปัญหาการเมืองภายในสหรัฐหากว่าการลงมติเพื่ออนุมัติเงินงบประมาณประจำปีงบประมาณ 2023 เกิดการยืดเยื้อ
สำหรับรายละเอียดของเงินงบประมาณช่วยเหลือยูเครนชุดใหม่นั้นประกอบไปด้วย
2.1 งบประมาณ 4,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (170,500 ล้านบาท) สำหรับการจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหารให้แก่กองทัพยูเครน
2.2 งบประมาณ 2,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (102,300 ล้านบาท) สำหรับการสนับสนุนด้านการทหาร ข่าวกรอง และอื่นๆ ให้แก่กองทัพยูเครน
2.3 งบประมาณ 4,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (170,500 ล้านบาท) สำหรับการสนับสนุนด้านงบประมาณภาครัฐของรัฐบาลยูเครน
ที่มา: