เว็บติดตามสถานการณ์ในยูเครนแบบ Live Map

[deaddy]

[quote/][quote/]ขอบคุณที่ชี้แจง เห็นคนลงบอกไม่เชี่ยวข้อมูลด้านนี้ แต่เห็นมีคนเอาไปอ้างอิงในการถก   เลยสงสัยหรือว่าข้อมูลแบบนี้ถูกต้องแล้วในความคิดของเค้า

โอเค ถ้าไม่เชี่ยวชาญไม่ควรถกสินะ งั้นก็ตามสบายใครเชี่ยวชาญก็ถกกันไป
เพราะไม่มีใครที่จะเชี่ยวชาญและตามข่าวทุกสาย


และในเวลา 24 ชม.ต่อวันผมขอเอาไปใช้ในหมวดที่สนใจจริงๆดีกว่า ตามสบายนะ


จริงๆก็ไม่ค่อยว่างอ่านเท่าไหร่อยู่ละ

[samuison]

ถ้าใครมีข้อมูลวงในก็บอกกันมาได้ครับ
หากเราไม่ได้ไปนั่งอยู่หลังท่านทูตหรอืปูตินข้อมูลที่เราพอจะใช้ได้คือบันทึกปากคำของทูตต่างๆและเอกสารเป้นทางการนั่นล่ะครับ
หากเราไม่รับข้อมูลนีั้ก่อนในระดับหนึ่ง ก็ไม่รู้ว่าเราจะเริ่มคุยกันตรงไหนแล้ว

[pol]

เราเป็นแค่กลุ่มคนที่สนใจในเรื่องนั้นๆครับ  ไม่อย่างนั้นถ้าผมไปร้านอาหารแล้วเจออาหารรสชาดสุนัขยังเมินแต่ ผมทำอาหารไม่เป็นก็ไม่มีสิทธิ์บ่นสินะครับ?

[PeanutButter]

อัพเดตข่าวยูเครน วันที่ 121 ของสงคราม Part 1

1. เริ่มด้วยข่าวใหญ่สุดของวันนี้ คณะมนตรียุโรป (European Council) ได้มีเป็นมติเอกฉันท์ในการมอบสถานะ “ผู้สมัครสมาชิก” (Candidate Status) ให้แก่ยูเครนและมอลโดวาอย่างเป็นทางการ

อนึ่ง ต้องขอเน้นย้ำว่าการที่ยูเครนและมอลโดวาได้รับสถานะเป็น “ผู้สมัครสมาชิก” ของสหภาพยุโรป ไม่ได้ทำให้ทั้งสองประเทศมีสถานะเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรปแบบเต็มตัว (Full Membership) แต่การได้รับสถานะ “ผู้สมัครสมาชิก” จะถือเป็นการประกาศเจตจำนง (Declaration of Intent) จากทั้งยูเครนและมอลโดวาว่าพวกเขาจะดำเนินการปฏิรูปกฎหมายและโครงสร้างภายในประเทศไปสู่มาตรฐานของยุโรป ขณะที่สหภาพยุโรปจะดำเนินงานให้ความช่วยเหลือทั้งการเงิน การส่งผู้สังเกตการณ์ การตรวจสอบการทำงานและการทุจริต และอื่นๆ ในยูเครนและมอลโดวา เพื่อให้มั่นใจว่าทั้งสองจะปรับปรุงแก้ไขปัญหาภายในประเทศจนผ่านเกณฑ์พื้นฐานในการเป็นสมาชิกแบบเต็มตัว

แม้ว่าการได้รับสถานะ “ผู้สมัครสมาชิก” จะไม่ทำให้ฝ่ายยูเครนได้เปรียบรัสเซียในการรบที่กำลังดำเนินอยู่ แต่มันย่อมส่งผลต่อขวัญกำลังใจของทหารยูเครนอย่างมาก เนื่องจากชาวยูเครนส่วนใหญ่เชื่อว่าพวกเขาไม่เพียงต่อสู้เพื่อปกป้องประเทศจากผู้รุกราน แต่ยังต่อสู้เพื่อหลีกหนีจากอดีตของประเทศอันเลวร้ายภายใต้เงาของสหภาพโซเวียตและรัสเซีย เพื่อมุ่งไปสู่การเป็นส่วนหนึ่งของยุโรปแทน นอกจากนี้ ยังไม่ต้องพูดถึงอีกว่าการได้รับสถานะ “ผู้สมัครสมาชิก” ถือเป็นชัยชนะใหญ่ทางการเมืองของฝ่ายยูเครนต่อรัสเซีย เพราะมันเป็นการส่งสารโดยตรงไปยังรัสเซีย ว่านับแต่นี้ไป ยูเครนจะมุ่งหน้าไปเป็นส่วนหนึ่งของยุโรป และจะไม่หันหลังกลับมาอยู่ใต้อิทธิพลของรัสเซียอีก


2. ไม่เพียงแต่ยูเครนจะได้รับสถานะ “ผู้สมัครสมาชิก” ของสหภาพยุโรปเท่านั้น ในวันเดียวกัน สหรัฐยังประกาศแพ็กเกจความช่วยเหลือเพิ่มเติมให้แก่ยูเครน คิดเป็นมูลค่าทั้งหมด 450 ล้านดอลลาร์สหรัฐ น้อยกว่าข่าวลือในตอนแรกที่คาดไว้ว่าแพ็กเกจความช่วยเหลือครั้งนี้จะมีมูลค่าประมาณ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับรายละเอียดของแพ็กเกจครั้งนี้ประกอบไปด้วย
2.1 เครื่องยิงจรวดหลายลำกล้อง M142 HIMARS เพิ่มเติมอีก 4 ระบบ (ก่อนหน้านี้ยูเครนได้รับมอบไปก่อนแล้ว 4 ระบบ)
2.2 กระสุนปืนใหญ่ขนาด 105 ม.ม. จำนวน 36,000 นัด (คาดว่าน่าจะเป็นกระสุนสำหรับปืนใหญ่ขนาด 105 ม.ม. รุ่น L118 และ L119 ของกองทัพสหราชอาณาจักรที่กำลังทำการส่งมอบให้ยูเครน)
2.3 ยานพาหนะทางยุทธวิธี 18 คัน (คาดว่าจะเป็นรถบรรทุก/รถลากจูงปืนใหญ่ตระกูล FMTV ที่สหรัฐเคยมอบให้ยูเครนก่อนหน้านี้)
2.4 เครื่องยิงลูกระเบิด 1,200 กระบอก (คาดว่าน่าจะเป็นเครื่องยิงลูกระเบิดอัตโนมัติขนาด 40 ม.ม.แบบ Mk 19 ที่สหรัฐเคยมอบให้ยูเครนก่อนหน้านี้)
2.5 ปืนกล 2,000 กระบอก (คาดว่าเป็นปืนกลหนักขนาด 12.7 ม.ม. ตระกูล M2 Browning หรือปืนกลเอนกประสงค์ขนาด 7.62 ม.ม. รุ่น M240 ซึ่งต่างพบเห็นการใช้งานโดยทหารยูเครนในสงครามครั้งนี้)
2.6 เรือตรวจการณ์ชายฝั่งและแม่น้ำ จำนวน 18 ลำ (ตรงส่วนนี้ถือเป็นความช่วยเหลือใหม่ที่สหรัฐไม่เคยให้ยูเครนมาก่อน จึงบอกได้ยากว่าจะเป็นเรือรุ่นใด โดยอาจเป็นได้ทั้งเรือตรวจการณ์ Mark VI ระวางขับน้ำประมาณ 70 ตัน, เรือตรวจการณ์ Riverine Command Boat ระวางขับน้ำประมาณ 30 ตัน หรือเรือตรวจการณ์ SURC ขนาดเบาไม่เกิน 1 ตัน)


3. อีกหนึ่งความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจจากสหรัฐ นายอดัม คินซิงเกอร์ (Adam Kinzinger) วุฒิสมาชิกจากพรรครีพับลิกัน และน.ส.คริสซี่ ฮูลาฮาน (Chrissy Houlahan) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคเดโมแครต ได้ยื่นร่างญัตติเสนอให้สภาคองเกรสพิจารณาในชื่อชั่วคราวว่า “รัฐบัญญัตินักบินขับไล่ยูเครน” (Ukraine Fighter Pilots Act) ซึ่งมีเป้าหมายในการฝึกฝนนักบินเครื่องบินขับไล่ของกองทัพอากาศยูเครน ให้สามารถใช้งานเครื่องบินขับไล่ของกองทัพอากาศสหรัฐได้

สำหรับร่างญัตติ “รัฐบัญญัตินักบินขับไล่ยูเครน” มีเป้าหมายหลักคือการฝึกนักบินเครื่องบินขับไล่ของยูเครน ให้สามารถใช้งานเครื่องบินขับไล่ F-15 หรือ F-16 หรือเครื่องบินขับไล่อื่นๆ ของกองทัพสหรัฐที่เหมาะสมในการต่อสู้แบบอากาศสู่อากาศ, การจัดหามิสไซล์อากาศสู่อากาศสำหรับเครื่องบินขับไล่ที่จะทำการส่งมอบให้ยูเครน และยังรวมไปถึงการฝึกสอนหน่วยส่งกำลังบำรุงของยูเครน ให้สามารถทำหน้าที่ดูแลรักษาเครื่องบินขับไล่ของสหรัฐได้

ทั้งนี้ ยังต้องติดตามต่อไปว่าร่างญัตติดังกล่าวจะผ่านการลงคะแนนเสียงในสภาคองเกรสหรือไม่ เนื่องจากฝ่ายรัฐบาล นำโดย ปธน.ไบเดน เคยปฏิเสธที่จะส่งมอบเครื่องบินขับไล่ MiG-29 จากประเทศในกลุ่มนาโต้ให้แก่ยูเครน เนื่องด้วยความกังวลว่าจะทำให้สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างชาติตะวันตกกับรัสเซียเพิ่มสูงขึ้น แต่สมาชิกสภาคองเกรสจำนวนมาก โดยเฉพาะจากพรรครีพับลิกัน สนับสนุนการส่งมอบเครื่องบินขับไล่ MiG-29 ให้ยูเครน ซึ่งต้องมาติดตามดูต่อไปว่า ผู้แทนจากพรรครีพับลิกันจะยังคงสนับสนุนการส่งมอบเครื่องบินขับไล่ให้ยูเครนหรือไม่ เมื่อเครื่องบินขับไล่ที่ว่าเป็นเครื่องบินของสหรัฐ และด้วยสถานการณ์การรบในยูเครนที่เปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อหลายเดือนก่อน จะทำให้ ปธน.ไบเดน เกิดเปลี่ยนใจหรือไม่

[samuison]

อย่างที่หลายคนอาจจะไปอยู่หลังท่านสีเวลาพูดอะไรต่างๆหกรือข่าวลือ
ข่าวที่ผมพอได้มาก็คือนโยบายที่ท่านสีประกาศในที่ประชุมพรรคต่างๆเท่านั้น
อาจจะมีคนที่สนิทกับท่านสี ได้รู้ข่าวที่แตกต่างมาจะพูดอีกอย่างผมก็ไม่ได้ขัดขวางที่จะนำเสนอ
แต่คนวงนอกยอ่างเราที่ไม่รุ้ก็ทำได้แค่หากเอกสารที่เปิดเผยกันดดยทั่วไปเท่านั้นครับอย่างรายงานประชุม ท่านสีก็ไมไ่ด้ปิดบังอะไรอยู่แล้ว ในการประกาศที่ประชุมพรรคอย่างเป็นทางการ
เห็นอย่างนี้ท่านสีเรียกว่าเป็น Romanboo มากนโยบายต่างๆเน้นเรื่องราวประวัติศาสตร์โรมันหมด

[PeanutButter]

อัพเดตข่าวยูเครน วันที่ 121 ของสงคราม Part 2

4. ดูเหมือนว่าประเทศในยุโรปจะเริ่มตื่นกังวลต่อท่าทีล่าสุดของรัสเซีย ที่ทยอยลดการจ่ายก๊าซให้แก่ประเทศในยุโรปโดยอาศัยข้ออ้างว่าพวกเขาขาดแคลนอุปกรณ์ที่จำเป็นต่อการซ่อมบำรุงท่อส่งก๊าซ เนื่องมาจากการคว่ำบาตรโดยชาติตะวันตก แต่ประเทศในยุโรปกลับไม่เชื่อต่อคำกล่าวอ้างของฝ่ายรัสเซีย

ดร.ฟาทีห์ บิรอล (Dr. Fatih Birol) ประธานกรรมการบริหารองค์การพลังงานระหว่างประเทศหรือ IEA (International Energy Agency) ได้แถลงข่าววานนี้ว่า มีความเป็นไปได้สูงที่รัสเซียจำดำเนินการตัดการส่งก๊าซทั้งหมดให้ยุโรป เพื่อเป็นการกดดันยุโรปให้ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย และกล่าวว่าท่าทีล่าสุดของรัสเซียในการลดการจ่ายก๊าซให้ประเทศต่างๆ ในยุโรปตะวันตก คือเยอรมนี ออสเตรีย อิตาลี และฝรั่งเศส เป็นการตัดสินใจทางการเมือง มากกว่าปัญหาทางเทคนิคแบบที่รัสเซียกล่าวอ้าง

ด้านเยอรมนี นายโรเบิร์ต ฮาเบ็ค (Robert Habeck) รองนายกรัฐมนตรี พ่วงตำแหน่ง รมว.กิจการด้านเศรษฐกิจและสภาพภูมิอากาศ ได้ประกาศว่าเพื่อรับมือกับปัญหาขาดแคลนก๊าซ ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้หากว่ารัสเซียยุติการจ่ายก๊าซธรรมชาติให้ประเทศในยุโรป เยอรมนีจึงได้ทำการยกระดับมาตรการฉุกเฉินด้านพลังงานไปสู่ระดับสองแล้ว (จากทั้งหมด 3 ระดับ)

สำหรับมาตรการฉุกเฉินด้านพลังงานระดับสอง รัฐบาลเยอรมนีประกาศจะมอบเงินอุดหนุนจำนวน 15,000 ล้านยูโร สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเพิ่มเติมในคลังก๊าซสำรองของประเทศ และเริ่มใช้มาตรการประมูลก๊าซ (Gas Auction) กล่าวคือโรงงานหรือโรงไฟฟ้าเอกชนที่ใช้พลังงานจากก๊าซธรรมชาติ จะต้องดำเนินการประมูลก๊าซเพื่อให้สามารถนำก๊าซมาใช้งานได้ ซึ่งรัฐบาลคาดว่าจะช่วยผลักดันให้บริษัทเอกชนลดการใช้พลังงานจากก๊าซธรรมชาติ และหันไปใช้พลังงานจากแหล่งอื่นแทน

ทั้งนี้ ช่วงก่อนสงคราม สหภาพยุโรปนั้นพึ่งพาการนำเข้าก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียมากถึง 40% ของปริมาณก๊าซธรรมชาตินำเข้าทั้งหมด แต่ ณ ปัจจุบัน การที่รัสเซียลดการจ่ายก๊าซให้ประเทศต่างๆ ในยุโรปตะวันตก รวมถึงทำการยุติการจ่ายก๊าซทั้งหมดให้แก่ประเทศเนเธอร์แลนด์ โปแลนด์ บัลแกเรีย ฟินแลนด์ และเดนมาร์ค ส่งผลให้ ณ ตอนนี้ การนำเข้าก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียมีปริมาณลดลงเหลือเพียง 20% ของการนำเข้าทั้งหมดเท่านั้น (ผลโดยอ้อมของมันคือ รัสเซียย่อมได้รับเงินจากยุโรปในปริมาณที่น้อยลงกว่าครึ่ง)

อย่างไรก็ดี ช่วงเริ่มต้นสงครามในยูเครน สหภาพยุโรปเคยตั้งเป้าไว้ว่าจะดำเนินการสำรองก๊าซธรรมชาติในคลังของประเทศตนให้ได้ประมาณ 80% ของปริมาณการสำรองสูงสุด ซึ่งจนถึงตอนนี้ พวกเขาสามารถสำรองก๊าซไว้ได้ราว 55% แล้ว นี่อาจเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้รัสเซียตัด-ลดการจ่ายก๊าซให้ยุโรป เพราะไม่ต้องการให้ยุโรปสามารถทำการสำรองก๊าซธรรมชาติไว้ใช้งานในยามฉุกเฉินได้


5. แน่นอนว่าสหภาพยุโรปไม่ได้นิ่งดูดายต่อการกระทำของรัสเซีย เมื่อวานนี้นายฟรานซ์ ทิมเมอร์มันส์ (Frans Timmermans) รองประธานคณะกรรมาธิการยุโรป และนายเทิร์จ อาสลันด์ (Terje Aasland) รมว.กิจการปิโตรเลียมและพลังงานแห่งนอร์เวย์ ได้ทำการประชุมร่วมกันเพื่อหารือถึงความเป็นไปได้ที่สหภาพยุโรปจะเพิ่มการนำเข้าก๊าซธรรมชาติจากนอร์เวย์ เพื่อทดแทนการนำเข้าก๊าซธรรมชาติจากรัสเซีย 

อย่างไรก็ดี ยังไม่มีแถลงแบบเป็นทางการจากทั้งสองฝ่ายว่ารายละเอียดและความเป็นไปได้ในการเพิ่มการนำเข้าก๊าซธรรมชาติจากนอร์เวย์จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร และต้องใช้เวลาเตรียมการนานเท่าใด ทั้งนี้ ช่วงก่อนเริ่มสงคราม สหภาพยุโรปนำเข้าก๊าซธรรมชาติจากนอร์เวย์มากถึง 20% ของปริมาณก๊าซธรรมชาตินำเข้าทั้งหมด คิดเป็นอันดับสองรองจากรัสเซีย


6. องค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก (UNESCO) ได้เปิดเผยรายงานเรื่องผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนต่อสถานที่สำคัญทางวัฒนธรรมในยูเครน พบว่ามีสถานที่สำคัญทางวัฒนธรรมกว่า 152 แห่งในยูเครน ถูกทำลายหรือได้รับความเสียหายจากการรุกรานของกองทัพรัสเซีย

สำหรับสถานที่สำคัญทางวัฒนธรรมกว่า 152 แห่ง ประกอบไปด้วยสิ่งก่อสร้างทางศาสนา 70 แห่ง สิ่งก่อสร้างทางประวัติศาสตร์ 30 แห่ง ศูนย์วัฒนธรรม 18 แห่ง อนุสาวรีย์ 15 แห่ง พิพิธภัณฑ์ 12 แห่ง และหอสมุด 7 แห่ง และในบรรดาสถานที่ที่ถูกทำลายหรือได้รับความเสียหายเหล่านี้ ราว 2/3 (111 แห่ง) มาจากจังหวัดโดเนตสก์ (45 แห่ง) คาร์คิฟ (40 แห่ง) และเคียฟ (26 แห่ง)

ทั้งนี้ ปัจจุบันยูเนสโกได้ให้ความช่วยเหลือแก่เจ้าหน้าที่และผู้เชี่ยวชาญในยูเครน ในด้านคำแนะนำเรื่องวิธีการป้องกันและการทำนุบำรุงสถานที่สำคัญทางวัฒนธรรมเหล่านี้จากสงคราม การจัดส่งเงินช่วยเหลือ และกำลังอยู่ในระหว่างการก่อตั้งทีมเฉพาะกิจพิเศษ ซึ่งจะถูกส่งไปประจำการในกรุงเคียฟของยูเครน เพื่อช่วยเหลือชาวยูเครนในการปกปักรักษามรดกทางวัฒนธรรมของพวกเขา ไม่ให้ถูกทำลายจากสงคราม


7. ช่วงวันที่ 20-26 มิ.ย. นี้ มีการจัดการประชุมประมุขรัฐบาลเครือจักรภพประจำปี 2022 (2022 Commonwealth Heads of Government Meeting) ณ กรุงคิกาลี ประเทศรวันดา โดยการประชุมดังกล่าวเป็นการประชุมระหว่างผู้นำประเทศที่เป็นสมาชิกของเครือจักรภพแห่งประชาชาติ (Commonwealth of Nations) ประกอบไปด้วยสมาชิก 54 ประเทศซึ่งเคยเป็นอาณานิคมของจักรวรรดิอังกฤษในอดีต

ในงานประชุมเมื่อวานนี้ นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ของแคนาดา ได้ประกาศเงินช่วยเหลือด้านปัญหาวิกฤติขาดแคลนอาหารจำนวนกว่า 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งส่วนหนึ่งจะนำไปมอบให้โครงการอาหารโลกหรือ WFP (World Food Programme) ของสหประชาชาติ เพื่อนำไปช่วยเหลือประเทศที่ไดรับผลกระทบวิกฤติขาดแคลนอาหาร พร้อมกันนั้นทรูโดได้กล่าวประณามรัสเซียว่าเป็นต้นเหตุทำให้เกิดวิกฤติขาดแคลนอาหารขึ้น ซึ่งทรูโดคาดหวังว่าในการประชุมครั้งนี้ เขาจะสามารถดึงประเทศในแอฟริกามาเข้าร่วมกลุ่มพันธมิตรยูเครน หรืออย่างน้อยที่สุดคือแสดงออกซึ่งท่าทีคัดค้านต่อการกระทำของรัสเซียในยูเครนได้
 
ในช่วงเวลาเดียวกัน เมื่อวานนี้ (23 มิ.ย.) มีการจัดการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มบริกส์ครั้งที่สิบสี่ (14th BRICS Summit) ซึ่งผู้นำประเทศรัสเซีย จีน อินเดีย แอฟริกาใต้ และบราซิล ได้ดำเนินการประชุมร่วมกันผ่านวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ และกล่าวว่าพวกเขาจะยกระดับความร่วมมือทางเศรษฐกิจต่อกันให้มากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ดี นอกจากจีนที่แสดงท่าทีสนับสนุนรัสเซียเล็กน้อยแล้ว ชาติอื่นๆ พยายามหลีกเลี่ยงการพูดถึงประเด็นสงครามในยูเครน และกล่าวเพียงว่าพวกเขาหวังจะให้รัสเซียและยูเครนสามารถหาทางออกด้วยสันติวิธีได้โดยเร็ว

[PeanutButter]

อัพเดตข่าวยูเครน วันที่ 121 ของสงคราม Part 3


8. เรียกได้ว่าเป็นการประจวบเหมาะทีเดียว ในช่วงเวลาเดียวกับที่สหรัฐประกาศมอบความช่วยเหลือชุดใหม่ให้แก่ยูเครน ซึ่งหนึ่งในแพ็กเกจที่สหรัฐส่งมอบให้คือเรือตรวจการณ์แม่น้ำและชายฝั่ง กองทัพเรือยูเครนก็ได้ทำการก่อตั้งกองเรือตรวจการณ์แม่น้ำนีโปร (Dnipro River Flotilla) ขึ้นในทันที

พลเรือโทโอเล็กซีย์ เนสปาปา (Vice Admiral Oleksiy Neizhpapa) ผบ.ทร.ยูเครน ได้กล่าวให้ขณะให้สัมภาษณ์แก่สำนักข่าว ArmyInform ว่ากองทัพเรือยูเครนได้ทำการจัดตั้งกองพันที่หนึ่ง (First Division) เพื่อทำหน้าที่เฝ้าระวังภัยคุกคามทางน้ำทางเหนือของแม่น้ำนีโปร (Dnipro River - หรือนีเปอร์ (Dnieper) ในภาษาอังกฤษ) บริเวณรอยต่อระหว่างชายแดนยูเครน-เบลารุส ตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคม และได้ร่วมมือกับกองทัพบกและกองกำลังรักษาดินแดนเคียฟ (Kyiv Territorial Defense Forces) เพื่อสนับสนุนกองทัพในการรบกับรัสเซีย

นายพลเนสปาปากล่าวต่อไปว่า ภารกิจของหน่วยตรวจการณ์แม่น้ำได้ขยายตัวขึ้น เนื่องการสู้รบไม่ได้จำกัดอยู่แค่ทางเหนือของแม่น้ำนีโปรเพียงอย่างเดียว ซึ่งปัจจุบันยังมีภัยคุกคามจากกองทัพรัสเซียในเบลารุสอยู่ แต่ตอนนี้โฟกัสของการสู้รบได้ย้ายมาที่ภาคตะวันออกและภาคใต้ของประเทศ โดยเฉพาะในจังหวัดเคอร์สัน (Kherson Oblast) ซึ่งตั้งอยู่ตรงปากแม่น้ำนีโปรพอดิบพอดี ทำให้กองทัพเรือมีความต้องการเร่งด่วนในการขยายจำนวนกำลังรบของเรือตรวจการณ์แม่น้ำและชายฝั่ง เพื่อให้สามารถสนับสนุนกองทัพบกในการสู้รบทางใต้ได้ และยังกล่าวอีกว่ากองทัพเรือมีแผนจะตั้งหน่วยเรือตรวจการณ์แม่น้ำกองใหม่ขึ้นมา (น่าจะหมายถึงการก่อตั้งกองเรือตรวจการณ์แม่น้ำนีโปรตามหัวข้อข่าว หรืออาจจะพูดถึงความเป็นไปได้ในการก่อตั้งกองพันใหม่ขึ้นมา) โดยอาศัยการสนับสนุนจากพันธมิตรในการจัดหาเรือตรวจการณ์ให้ ซึ่งในที่นี้คือสหรัฐนั่นเอง



9. ในขณะที่ยูเครนกำลังพูดถึงการก่อตั้งกองเรือตรวจการณ์แม่น้ำขึ้นมาใหม่ อีกกองทัพหนึ่งที่น่าสนใจในตอนนี้คือองค์การนาโต้ ซึ่งกำลังจะจัดการประชุมครั้งใหญ่ภายในวันที่ 28-30 มิ.ย. นี้ และคาดว่าจะมีข่าวใหญ่เรื่องการปรับโครงสร้างและวิสัยทัศน์ของนาโต้ใหม่ เพื่อรับมือกับภัยคุกคามจากรัสเซีย โดยในตอนนี้เริ่มมีข่าวลือว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากข้อตกลงในการประชุมใหญ่จะประกอบไปด้วย

9.1 การขยายขนาดของ “กองกำลังตอบโต้สังกัดนาโต้” หรือ NRF (NATO Response Force) จากเดิมที่มีจำนวนกำลังพลใต้บังคับบัญชา 40,000 นาย (ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดิม 3 เท่าตัวในปี 2014 หลังจากรัสเซียส่งกองทัพยึดไครเมียจากยูเครน) คาดว่า NRF จะมีการเพิ่มจำนวนกำลังพลมากถึง 6 เท่าตัว ซึ่งจะทำให้ NRF มีจำนวนทหารใต้บังคับบัญชาถึง 240,000 นาย และอาจทำการเปลี่ยนชื่อจาก NRF เป็น ARF หรือ “กองกำลังตอบโต้สังกัดสัมพันธมิตร” (Allied Reaction Force)
 
9.2 การเสริมความแข็งแกร่งให้แก่กองทหารนาโต้ในยุโรปตะวันออก โดยการขยายขนาดของกองกำลังนาโต้ที่หมุนเวียนประจำการอยู่ในประเทศยุโรปตะวันออก ติดกับชายแดนรัสเซีย จากเดิมที่ใช้กำลังรบ (Battlegroup) ซึ่งมีทหารใต้บัญชาราว 1,000 นาย จะขยายขนาดเป็นกองพลน้อย (Brigade) ซึ่งจะมีทหารใต้บัญชาราว 3,000 - 5,000 นาย แทน

นอกจากนี้ ยังอาจมีการปรับเปลี่ยนให้มีการประจำการทหารนาโต้แบบถาวรในประเทศยุโรปตะวันออก (Permanent Station) เพื่อป้องปรามไม่ให้รัสเซียกล้ารุกรานประเทศสมาชิกเช่นโปแลนด์หรือลิธัวเนีย แตกต่างจากเดิมที่ใช้ระบบ “การเคลื่อนพลแบบรวดเร็ว” (Fast Deployment) ที่จะให้ทหารนาโต้ที่ประจำการอยู่ในยุโรปกลางเช่นเยอรมนี ทำการเคลื่อนทัพแบบรวดเร็วผ่านโปแลนด์เพื่อเข้าช่วยเหลือประเทศที่ถูกรุกราน ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ดั้งเดิมของนาโต้ตั้งแต่ยุค 1990s เป็นต้นมา

อย่างไรก็ดี ทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมายังเป็นแค่ข่าวลือหรือยังอยู่ในกระบวนการพิจารณาและการเจรจาอยู่ จึงเป็นไปได้ว่าเมื่อถึงการประชุมจริงในวันที่ 28-30 มิ.ย. ตัวเลขและเนื้อหาการเปลี่ยนแปลงองค์การนาโต้อาจแตกต่างไปจากข่าวลือได้

[IsekaiNetwork]

[quote/]


โอเค ถ้าไม่เชี่ยวชาญไม่ควรถกสินะ งั้นก็ตามสบายใครเชี่ยวชาญก็ถกกันไป
เพราะไม่มีใครที่จะเชี่ยวชาญและตามข่าวทุกสาย


และในเวลา 24 ชม.ต่อวันผมขอเอาไปใช้ในหมวดที่สนใจจริงๆดีกว่า ตามสบายนะ


จริงๆก็ไม่ค่อยว่างอ่านเท่าไหร่อยู่ละ

อย่านอยส์สิท่าน  ถกสบายๆ  พิมพ์เพราะอยากพิมพ์  คิดแค่นั้นก็พอ  ^^

[deaddy]

[quote/]


อย่านอยส์สิท่าน  ถกสบายๆ  พิมพ์เพราะอยากพิมพ์  คิดแค่นั้นก็พอ  ^^

ก็ไม่ค่อยว่างจริงๆ จะถกเถียงแบบจริงจังมันต้องค้นข้อมูลประกอป
แล้วยิ่งมีข้อมูลจาก 2 ฝั่ง แล้วยิ่งเป็นข้อมูลเก่า


แต่ถ้าถกแบบ เอาข่าวมาจาก สำนักข่าว ที่ไม่ใช่จากประเทศรัสเซียก็พอ ปรกติก็เชคอยู่ ว่าขนาดข่าวจากซินหัวยังไม่เอามาถกเลย


แต่ถ้าขี้เกียจจริงๆ ไม่ชัวก็บอกอยู่
เพราะจะมาไล่เชคข้อมูลย่อยข้อมูลทุกครั้งมันเสียเวลาเยอะ


ยิ่งเป็นวันทำงาน กว่าจะว่างมานั่งอ่านเชคข้อมูลนู่นเย็นๆ
แปลว่าถ้าจะเอาข้อมูลแบบน่าเชื่อถือเท่านั้น
อย่างมากก็ได้แค่วันหยุด


เพราะเวลาเหลือวันปรกติ ต้องเสียเวลากับเควสรายวันด้วยนะเออ


ช่วงนี้ข่าว ไทย กับ brics น่าสนใจกว่าเยอะ
หรืออังกฤษ ม็อบผุดเต็มไปหมดแล้วตอนนี้

[PeanutButter]

อัพเดตข่าวยูเครน วันที่ 122 ของสงคราม Part 1

1. เริ่มวันใหม่ด้วยข่าวการคว่ำบาตรรัสเซีย นายไมเคิล มาร์ติน (Micheál Martin) นายกรัฐมนตรีไอร์แลนด์ ได้เปิดเผยต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ว่าจนถึงปัจจุบัน รัฐบาลไอร์แลนด์ได้ดำเนินการอายัดทรัพย์สินของรัสเซีย ทั้งทรัพย์สินของบุคคลและนิติบุคคลรัสเซีย และทรัพย์สินของรัฐบาลและธนาคารรัสเซีย รวมแล้วกว่า 1,720 ล้านยูโร เพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัวจากรายงานล่าสุดช่วงต้นเดือนเมษายน ที่รัฐบาลไอร์แลนด์ได้ดำเนินการอายัดทรัพย์สินของรัสเซียไปทั้งหมดราว 839 ล้านยูโร

ด้านวุฒิสภาแคนาดาได้ลงมติด้วยเสียงส่วนมาก 56-16 ผ่านร่างพระราชบัญญัติ C-19 ซึ่งนอกจากจะมีเนื้อหามุ่งไปที่การแก้ไขปัญหาตลาดอสังหาริมทรัพย์ในแคนาดาแล้ว ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวยังมีผลห้ามบุคคคลหรือนิติบุคคลรัสเซีย ไม่ให้ทำการซื้อ-ขายอสังหารริมทรัพย์ในแคนาดา อีกทั้งยังได้ให้อำนาจแก่รัฐบาลแคนาดา ให้สามารถทำการออกคำสั่งยักยอกทรัพย์สินของบุคคลหรือนิติบุคคลรัสเซีย ซึ่งทรัพย์สินได้ถูกทางการแคนาดาอายัดไว้ภายใต้มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียได้ ซึ่งจะเป็นการปูทางให้แคนาดาสามารถทำการยักยอกทรัพย์สินของรัสเซียที่ถูกทางการแคนาดาอายัดไว้และส่งมอบต่อให้แก่ทางการยูเครนได้


2. ทางด้านสหราชอาณาจักรได้ประกาศมาตรการคว่ำบาตรทางการค้ารอบใหม่ต่อรัสเซีย เมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

ห้ามการส่งออก จัดหาและจัดส่ง การขนย้าย การให้ความช่วยเหลือทางเทคนิค บริการทางการเงิน การให้บริการนายหน้า และการจัดหาทุน ของ
1.) สินค้าประเภทเครื่องมือและเทคโนโลยีสำหรับการปราบปราบภายใน (Internal Repression - หมายถึงอุปกรณ์เครื่องมือสำหรับการปราบปรามจลาจลและการควบคุมฝูงชน)
2.) สินค้าและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาอาวุธเคมีและอาวุธชีวภาพ
3.) สินค้าและเทคโนโลยีด้านการเดินเรือ
4.) มาตรการเพิ่มเติมด้านการคว่ำบาตรสินค้าและเทคโนโลยีด้านการกลั่นน้ำมัน
5.) มาตรการเพิ่มเติมด้านการคว่ำบาตรสินค้าและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมสำคัญ (Critical Industry - ตัวอย่างเช่นเคมีภัณฑ์ น้ำมัน เหล็กกล้า ฯลฯ)

ห้ามการส่งออกเชื้อเพลิงไอพ่นและสารเพิ่มประสิทธิภาพเชื้อเพลิงไปยังรัสเซีย ห้ามการจัดหา ส่งออก และจัดส่ง ทั้งทางตรงและทางอ้อมของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวไปยังรัสเซีย รวมถึงการให้ความช่วยเหลือทางเทคนิค บริการทางการเงิน การให้บริการนายหน้า และการจัดหาทุน

ห้ามการส่งออกธนบัตรสกุลเงินปอนด์สเตอร์ลิ่ง และสกุลเงินอื่นๆ ของสหภาพยุโรปไปยังรัสเซีย และห้ามการจัดหา ส่งออก และจัดส่งธนบัตรดังกล่าวให้แก่บุคคลที่มีความเกี่ยวโยงกับรัสเซีย หรือเพื่อนำไปใช้ในรัสเซีย

ห้ามการจัดหาความช่วยเหลือทางเทคนิค บริการทางการเงิน การให้บริการนายหน้า และการจัดหาทุน แก่ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าผลิตภัณฑ์เหล็กและเหล็กกล้า


3. ในขณะที่การคว่ำบาตรกำลังส่งผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจรัสเซีย อีกสิ่งหนึ่งที่กำลังก่อปัญหาให้แก่กองทัพรัสเซียในยูเครนมากขึ้นเรื่อยๆ คือการโจมตีจากกองกำลังต่อต้าน (Partisan) ในเขตยึดครองของกองทัพรัสเซีย โดยเฉพาะในจังหวัดซาโปริสเซีย (Zaporizhzhia Oblast) และจังหวัดเคอร์สัน (Kherson Oblast) ตัวอย่างเช่น

ช่วงเช้าเมื่อวานนี้ นายดมีโตร ซาฟลูเชนโก (Dmytro Savluchenko) หนึ่งในนักการเมืองยูเครนแปรพักตร์ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการกองงานกิจการครอบครัว เยาวชน และการกีฬา ของเขตยึดครองจังหวัดเคอร์สัน พร้อมบอดี้การ์ดอีกหนึ่งราย ถูกลอบสังหารจนเสียชีวิตด้วยระเบิดคาร์บอมบ์ ในเมืองเคอร์สัน

เมื่อวันพุธที่ผ่านมา นายยูรีย์ ทูรูลยอฟ (Yuriy Turulyov) ประธานบริหารชุมชนเชอร์โนเบียฟกา (Chornobaivka) ทางเหนือของเคอร์สัน หนึ่งในชาวยูเครนแปรพักตร์ ถูกกองกำลังต่อต้านลอบวางระเบิดคาร์บอมบ์ใส่ แต่โชคดีที่รอดชีวิตมาได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ

เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. ที่ผ่านมา กองกำลังต่อต้านได้ทำการวางระเบิดคาร์บอมบ์ใส่ นายเยฟเฮน โซโบเลียฟ (Yevhen Soboliev) ผู้บัญชาการเรือนจำเคอร์สัน และหนึ่งในชาวยูเครนแปรพักตร์ ส่งผลให้นายโซโบเลียฟได้รับบาดเจ็บสาหัส

ทั้งนี้ ด้วยระดับความรุนแรงจากการโจมตีโดยกองกำลังต่อต้านที่เพิ่มสูงขึ้น เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้รัฐบาลรัสเซียหลีกเลี่ยงจะทำการจัดประชามติให้ทั้งสองจังหวัดแยกเป็นเอกราชจากยูเครน ก่อนจะทำการผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียในภายหลัง

[PeanutButter]

อัพเดตข่าวยูเครน วันที่ 122 ของสงคราม Part 2

4. ด้านความช่วยเหลือจากนานาชาติ ในการประชุมคณะมนตรียุโรป (European Council) เมื่อวานนี้ ทางคณะมนตรีฯ ได้ลงมติเห็นชอบการส่งมอบเงินช่วยเหลือเพิ่มเติมให้แก่ยูเครน เป็นมูลค่าสูงถึง 9,000 ล้านยูโร โดยรายงานดังกล่าวมาจากการให้สัมภาษณ์ของนายมาแตอุช มอราวีแยตสกี (Mateusz Morawiecki) นายกรัฐมนตรีโปแลนด์ อย่างไรก็ดี ยังไม่มีประกาศแผนงานอย่างเป็นทางการว่าเงินช่วยเหลือดังกล่าวจะถูกนำไปใช้ในด้านใดบ้าง

ด้านมูลนิธิเซอร์ฮีย์ ไพรตูลา (Serhiy Prytula Foundation) ประกาศว่าพวกเขาประสบความสำเร็จในการระดมทุนการกุศลได้มากถึง 600 ล้านฮริฟเนีย หรือ 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งทางมูลนิธิจะนำไปใช้เพื่อการจัดซื้อโดรนติดอาวุธ TB-2 Bayraktar ให้แก่กองทัพยูเครนจำนวน 4 ลำ

ด้านนายรุสลาน สตริลเล็ตส์ (Ruslan Strilets) รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมยูเครน ได้เซ็นข้อตกลงเข้าร่วมโครงการ LIFE โครงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของสหภาพยุโรป ร่วมกับนายเวอร์กินิจุส ซิงเควิชุส (Virginijus Sinkevičius) กรรมาธิการด้านสิ่งแวดล้อม มหาสมุทร และการประมงของสหภาพยุโรป ซึ่งการเซ็นสัญญาในครั้งนี้ จะทำให้ยูเครนได้รับเงินสนับสนุนและความช่วยเหลือต่างๆ ในการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ได้รับความเสียหายจากการรุกรานของกองทัพรัสเซีย


5. เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. ที่ผ่านมา สภาแห่งชาติบัลแกเรียได้ทำการลงคะแนนเสียงไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีคิริล เพ็ตคอฟ (Kiril Petkov) ผลปรากฏว่านายกฯ เพ็ตคอฟถูกโหวตไม่ไว้วางใจด้วยคะแนนเสียง 123-116 ซึ่งมีผลให้รัฐบาลบัลแกเรียต้องดำเนินการจัดการเลือกตั้งใหม่ในทันที

รัฐบาลบัลแกเรียในปัจจุบันนั้นเป็นแนวร่วมรัฐบาล ประกอบไปด้วยสมาชิกจากพรรคเรารักษ์ปฏิรูป (PP Party - ฝ่ายกลางเอียงยุโรปและชาติตะวันตก) พรรคสังคมนิยมบัลแกเรีย (BSP - ฝ่ายซ้ายโปรรัสเซีย อดีตคอมมิวนิสต์เก่า) พรรคคนพรรค์นี้ (ITN - ฝ่ายประชานิยม) และพรรคประชาธิปไตยบัลแกเรีย (DB - ฝ่ายอนุรักษ์นิยม) ซึ่งตลอดระยะเวลา 4 เดือนที่ผ่านมา พรรค PP นำโดยนายกฯ เพ็ตคอฟ ได้แสดงท่าทีสนับสนุนยูเครนมาตลอด ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลอย่าง BSP และ DB แสดงท่าทีสนับสนุนรัสเซียและคัดค้านการมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือยูเครน

ทั้งนี้ การลงคะแนนเสียงไม่ไว้วางใจนายกฯ เพ็ตคอฟ ในครั้งนี้ ประเด็นหลักไม่ใช่เรื่องยูเครน แต่เป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างบัลแกเรีย-สหภาพยุโรป-นอร์ธมาซิโดเนีย โดยนอร์ธมาซิโดเนียนั้นเป็นหนึ่งในอดีตสมาชิกสหพันธรัฐยูโกสลาเวีย ซึ่งหลังได้รับเอกราช ปรากฏว่ารัฐบาลบัลแกเรียไม่ยอมรับการมีตัวตนอยู่ของนอร์ธมาซิโดเนีย ทั้งในฐานะรัฐเอกราชและในฐานะกลุ่มวัฒนธรรมที่มีอัตลักษณ์ของตน ด้วยความเชื่อว่ามาซิโดเนียนั้นเป็นกลุ่มวัฒนธรรมย่อยที่แตกออกมาจากบัลแกเรียอีกทีหนึ่ง ส่งผลให้บัลแกเรียคัดค้านไม่ให้สหภาพยุโรปดำเนินการรับนอร์ธมาซิโดเนียเข้ามาเป็นสมาชิก EU

กระทั่งมาถึงสมัยของนายกฯ เพ็ตคอฟ เขาเป็นนักการเมืองฝ่ายโปรยุโรป และได้ออกนโยบายสนับสนุนการร่วมมือระหว่างบัลแกเรีย-สหภาพยุโรป-นอร์ธมาซิโดเนีย เพื่อยุติปัญหาเรื่องนอร์ธมาซิโดเนียที่คาราคาซังมานาน ส่งผลให้กลุ่มการเมืองอื่นๆ ในบัลแกเรียไม่พอใจ จนนำไปสู่การลงคะแนนเสียงไม่ไว้วางใจนายกฯ เพ็ตคอฟ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ส่งผลให้ต้องมีการจัดการเลือกตั้งขึ้นใหม่

อย่างไรก็ดี ผลการลงคะแนนเสียงไม่ไว้วางใจนายกฯ เพ็ตคอฟ นั้นค่อนข้างสูสีอย่างมาก ด้วยผลโหวต 123-116 หรือห่างกันเพียงแค่ 7 เสียงเท่านั้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่านายกฯ เพ็ตคอฟและพรรค PP ยังมีเสียงสนับสนุนในสภาแห่งชาติอยู่ไม่น้อย และหากว่าเขาทำการเจรจากับพรรคการเมืองอื่นๆ เพื่อดึงเสียงข้างมากในสภาได้สำเร็จ เขาจะสามารถจัดตั้งแนวร่วมรัฐบาลขึ้นมาใหม่ได้อีกครั้ง โดยไม่ต้องมีการเลือกตั้งใหม่แต่อย่างใด

[Black7nos]

ผมติดใจตรงอังกฤษมีมติห้ามส่งออกสินค้าประเภทเครื่องมือหรืออุปกรณ์ปราบปรามจราจลภายในนี่แหละ
แสดงว่าอังกฤษอาจจะรู้แล้วว่ารัสเซียนั้นภายในเองประชาชนก็ประท้วงหนัก
ดังนั้นอังกฤษอาจจะคาดหวังต้องการให้ประชาชนชาวรัสเซียลุกขึ้นมาโค่นล้มรัฐบาลรัสเซียด้วยตัวเอง

[sariora123]

ผมติดใจตรงอังกฤษมีมติห้ามส่งออกสินค้าประเภทเครื่องมือหรืออุปกรณ์ปราบปรามจราจลภายในนี่แหละ
แสดงว่าอังกฤษอาจจะรู้แล้วว่ารัสเซียนั้นภายในเองประชาชนก็ประท้วงหนัก
ดังนั้นอังกฤษอาจจะคาดหวังต้องการให้ประชาชนชาวรัสเซียลุกขึ้นมาโค่นล้มรัฐบาลรัสเซียด้วยตัวเอง

ได้เหรอ รัสเซ๊ย อ่ะ ผมว่าทำได้อย่างมาสุดคือ ปชช. ทำให้ภายในเละเทะจนไม่มีเสถียรภาพ

[samuison]

ผมมองว่าการจะเปลี่ยนแปลงให้ได้ผล
ต้องมีม็อบจัดตั้ง organize mobม็อบบริสุทธิ์น่ะ ทำอะไรมไ่ได้ผลหรอก เพระาขาดผู้นำและเป้าหมายทางการทหาร
รัสเซีบยไม่ได้มีการต้องรักษาอยู่แล้วว่าตนเองเคารพสิทธิประชาชน
ท่านสีก็กระมืบกลุ่มธุรกิจการเมืองเซี่งไฮ้จนพังเลยโควิดเมหือนเป็นกรณีจัดระเบียบดลกใหม่อย่างแท้จริง

[sariora123]

ผมคุยกับเพื่อนว่า อเมริกา หรือโดย Kissinger ชอบแนวคิดจีนโบราณ เรื่องประเทศราช


ส่งบรรณาการมาก็พอขี้เกียจไปรบ


จะช่วยให้สร้างความสงบได้ดีที่สุด


Leader of Free World


ผู้นำโลกเสรีไม่ได้เป็นกันได้ง่ายๆ


ที่ว่าอเมริกาเป็นตำรวจโลก เพราะทางเทคนิค หากจะสร้าง Rule Based international ขึ้นมา มันก็ต้องมีสภาพบังคับไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง




เราคงไม่บอกว่า ตะวันตกมันขั่วช้า


ขัดขวางประเพณีอันดีงามของเรา ในการดำน้ำ ลุยไฟ พิสูจน์ความผิดกันหรอกนะครับ?


จะมากจะน้อย อเมริกาประสบสำเร็จพอสมควร ในการสร้างกม.ระหว่างประเทศขึ้นมา


ผมนึกภาพ  ยุคชุนชิวนั่นล่ะ หากทำลายความเชื่อถือ ตำแหน่งผู้นำ Hegemon ก็คงอยู่ต่อไปยาก

รุ่นพ่อ รุ่นปู่ ผมเอามีลงไปคนในหม้อต้มตะกัว พิสูจน์ความผิดกันนะ 


ผมถึงได้บอกไงว่า ถ้าต้องเลือกแค่ตัวเลือกเดียว สู้ตายให้ฝั่งอเมริกายังดีกว่า 

[deaddy]

ผมติดใจตรงอังกฤษมีมติห้ามส่งออกสินค้าประเภทเครื่องมือหรืออุปกรณ์ปราบปรามจราจลภายในนี่แหละ
แสดงว่าอังกฤษอาจจะรู้แล้วว่ารัสเซียนั้นภายในเองประชาชนก็ประท้วงหนัก
ดังนั้นอังกฤษอาจจะคาดหวังต้องการให้ประชาชนชาวรัสเซียลุกขึ้นมาโค่นล้มรัฐบาลรัสเซียด้วยตัวเอง

เอาใว้ใช้เองรึเปล่า อังกฤษ ม็อบมาแล้ว เบลเยี่ยมมาแล้ว ไอร์แลนด์
เท่าที่ดูยังไม่แรง แต่ก็มีนัดหยุดงานกันละ
ไม่รู้นายกแก้ยังแต่เห็นเป็นข่าวสัปดาห์นี้
ก็คงเก็บไว้ใช้เองมากกว่า เพราะไม่งั้นเกิดรัสเซียชิงตัดหน้าเหมาของไปนี่
อังกฤษเกิดมีม็อบที่จำเป็นต้องใช้จะงานเข้าแทน
แต่ม็อบแรงๆอังกฤษไม่ค่อยเห็นนะ แต่ประเทศพันธมิตรในยุโรปก็พอเห็นเป็นระยะๆ

[pol]

[quote/]
รุ่นพ่อ รุ่นปู่ ผมเอามีลงไปคนในหม้อต้มตะกัว พิสูจน์ความผิดกันนะ 


ผมถึงได้บอกไงว่า ถ้าต้องเลือกแค่ตัวเลือกเดียว สู้ตายให้ฝั่งอเมริกายังดีกว่า 

รุ่นทวดผมนี่จับฝังทั้งเป็นครับ 

[sariora123]

เจ้กับน้า อยู่สวีเดน ผมยังไม่เห็นบ่นอะไรให้ฟัง เลย รอๆ ดูไปก่อนล่ะกัน
เหมือนบ้านเรานั่นแหละ เดือนก่อนโน้น สมัชชาคนจนไปประท้วงหน้าทำเนียบกันไม่เห็นออกข่าวอะไรเลย

คนในกลุ่มเขามาบอกกัน ไม่งั้นผมก็ไม่รู้หลอกว่าแม่งไปประท้วงกัน 
และก็อย่างที่เล่า ผมไม่ห่วงยุโรปหลอก เดียวเข้าตาจน ไม่รู้จะช่วงยังไง ล่ะก็ เขาคงให้ของหนักปิดท้าย ไปเองนั่นแหละ

เห็นมีข่าวแปลกๆ มาแล้วว่า เริ่มทำท่าจะมีให้อะไรแปลกๆ ไปใช้ล่ะ เหลือแค่าวจะอนุมัติหรือเปล่า 

[samuison]

[quote/]
รุ่นพ่อ รุ่นปู่ ผมเอามีลงไปคนในหม้อต้มตะกัว พิสูจน์ความผิดกันนะ 


ผมถึงได้บอกไงว่า ถ้าต้องเลือกแค่ตัวเลือกเดียว สู้ตายให้ฝั่งอเมริกายังดีกว่า 

ผมอ่านขุนช้างดำน้ำพิสูจน์สมัยก่อนแล้วก็คิดว่า ฝรั่งมันไม่ได้เจ้ากี้เจ้าการเรือ่งระบบศาลหรอกของเรามันห่วยแตกเองมากกว่า
...

เรื่องอาวุธได้ยินว่าพยายามจะเอาของหนักให้แล้วครับ แต่มันต้องอาศัยเวลาฝึกนานพอสมควรไม่ใช่จะอยู่ๆก็ไปยิงเลยได้

[sariora123]

จริงๆ ความบัดซบเก่าๆ ของวัฒธรรมท้องถิ่นมีเยอะนะ แต่มันไม่ค่อยมีเล่าอะไรเหลือ มา

ผมไม่แปลกใจว่า พวกที่มากจากยุโรป มันถึงรับไม่ได้ แม้ว่า จริงๆ แล้วการเป็นอณานิคม แม่งก็ยิ่งบัดซบกว่า  แต่เราไม่ควรลืมเรื่องบรรลัยๆ ของสมัยเก่าๆ เช่นกัน เราจะได้ไม่ซ้ำรอยอีก

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน: