[เหมือนจะมีสาระ] "งานดีของคนส่วนใหญ่" ก็ประมาณนี้แหล่ะ

[providence_gundam]

ก่อนหน้าคิริโตะ ก็คิระ ยามาโตะ เทพทรูในอุดมคติของพวก loser

[Exia18]

เห็นเม้นหลังๆบอกว่าผู้แต่ง sao พยายามแก้จุดด้อย คือแก้ตั้งแต่ตอนไหนหว่า เพราะอ่านจนจบบท underworld ก็เทพทรูเสมอต้นเสมอปลาย ไม่เห็นมีอะไรเปลี่ยน


full dive ดูถึงตอนล่าสุดแล้วอยากได้ สปอยนิยาย เล่นแต่มุกความสมจริงมาก จนพระเอกไม่พัฒนาอะไรเลย
 

[weapon]

Full dive คนแต่งเดียวกับ ผู้กล้าขี้ระแวง นิยายมีแค่ 3 เล่มเอง

[Flady]

เห็นเม้นหลังๆบอกว่าผู้แต่ง sao พยายามแก้จุดด้อย คือแก้ตั้งแต่ตอนไหนหว่า เพราะอ่านจนจบบท underworld ก็เทพทรูเสมอต้นเสมอปลาย ไม่เห็นมีอะไรเปลี่ยน


full dive ดูถึงตอนล่าสุดแล้วอยากได้ สปอยนิยาย เล่นแต่มุกความสมจริงมาก จนพระเอกไม่พัฒนาอะไรเลย
 

ถ้าจะให้สรุปล่ะก็... อาจารย์ Reki พยายามลดระดับความเป็น Mary Sue ลงแล้วนะ ซึ่งก็มาในรูปของการพัฒนาโครงเรื่องแล้วก็การแจกจ่ายบทให้กับตัวละครอื่นๆนอกจากคิริโตะ 
แต่ก็อย่างที่หลายๆคนว่า มันสายไปแล้วล่ะ ปัญหาหลักๆของ SAO ตามความเห็นของเรามันเกิดมาจากจุดอ่อน 2 ข้อ ซึ่งก็คือ
1. คนแต่งไม่รู้จักหาข้อมูลเลยไม่เข้าใจเรื่องที่ตัวเองกำลังเขียนจริงๆ กับ 2. คนแต่งไม่รู้ว่าจะแต่งเรื่องยังไงให้น่าสนใจโดยไม่ใช้ตัวเอกแบบ Mary Sue
(ดูจะรุนแรงไปหน่อย แต่เราก็คิดอย่างนี้จริงๆ ไม่ได้มีเจตนาจะโจมตีคนแต่งหรือว่าคนดูหรอก อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้...)
เท่าที่สังเกตก็คือเนื้อหาของ SAO ในช่วงหลังๆมีการพัฒนาเกิดขึ้นจริงๆ ปัญหาคือระดับการพัฒนานั้นอยู่ที่ระดับก้าวสองก้าว เพราะว่าคนแต่งเองก็ไม่รู้ว่าจะต้องแก้ไขอะไร
แต่อย่างน้อยก็มีความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงนะ! ที่ค่อนข้างชัดเจนก็คืออาจารย์ Reki เริ่มพยายามจะให้เหล่า 'นางเอก' มีเอกลักษณ์และบทบาทเป็นของตัวเองจริงๆแทนที่จะเป็นแค่
เครื่องมือแสดงความ 'เพรียบพร้อม' ของคิริโตะ (ซึ่งก็ยังไม่สำเร็จ... แต่ก็อย่างที่บอก อย่างน้อยก็มีความพยายาม  )


ถ้ามีเวลาและสามารถฟังภาษาอังกฤษได้ล่ะก็ (ประกอบกับสนใจมากพอที่จะตามดูด้วย) เราก็ขอแนะนำ...

https://www.youtube.com/watch?v=OR4e2OLs8kA

น่าจะช่วยให้เข้าใจการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับ SAO และคนแต่งได้ง่ายขึ้นนะ 

[Black7nos]

[quote/]


ถ้าจะให้สรุปล่ะก็... อาจารย์ Reki พยายามลดระดับความเป็น Mary Sue ลงแล้วนะ ซึ่งก็มาในรูปของการพัฒนาโครงเรื่องแล้วก็การแจกจ่ายบทให้กับตัวละครอื่นๆนอกจากคิริโตะ 
แต่ก็อย่างที่หลายๆคนว่า มันสายไปแล้วล่ะ ปัญหาหลักๆของ SAO ตามความเห็นของเรามันเกิดมาจากจุดอ่อน 2 ข้อ ซึ่งก็คือ
1. คนแต่งไม่รู้จักหาข้อมูลเลยไม่เข้าใจเรื่องที่ตัวเองกำลังเขียนจริงๆ กับ 2. คนแต่งไม่รู้ว่าจะแต่งเรื่องยังไงให้น่าสนใจโดยไม่ใช้ตัวเอกแบบ Mary Sue
(ดูจะรุนแรงไปหน่อย แต่เราก็คิดอย่างนี้จริงๆ ไม่ได้มีเจตนาจะโจมตีคนแต่งหรือว่าคนดูหรอก อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้...)
เท่าที่สังเกตก็คือเนื้อหาของ SAO ในช่วงหลังๆมีการพัฒนาเกิดขึ้นจริงๆ ปัญหาคือระดับการพัฒนานั้นอยู่ที่ระดับก้าวสองก้าว เพราะว่าคนแต่งเองก็ไม่รู้ว่าจะต้องแก้ไขอะไร
แต่อย่างน้อยก็มีความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงนะ! ที่ค่อนข้างชัดเจนก็คืออาจารย์ Reki เริ่มพยายามจะให้เหล่า 'นางเอก' มีเอกลักษณ์และบทบาทเป็นของตัวเองจริงๆแทนที่จะเป็นแค่
เครื่องมือแสดงความ 'เพรียบพร้อม' ของคิริโตะ (ซึ่งก็ยังไม่สำเร็จ... แต่ก็อย่างที่บอก อย่างน้อยก็มีความพยายาม  )


ถ้ามีเวลาและสามารถฟังภาษาอังกฤษได้ล่ะก็ (ประกอบกับสนใจมากพอที่จะตามดูด้วย) เราก็ขอแนะนำ...

https://www.youtube.com/watch?v=OR4e2OLs8kA

น่าจะช่วยให้เข้าใจการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับ SAO และคนแต่งได้ง่ายขึ้นนะ 

SAO มันเหมือนถูกบังคับจากบก.ว่าให้ยืดเรื่อง เพราะจะทำเงินจากการขายของไปเรื่อยๆ เนื้อเรื่องมันก็เลยแปลกๆ


เพราะปกติคนเขียนส่วนใหญ่เขาหาทางลงกับเรื่องที่ตนเองเขียนไว้แล้วละ เพียงแต่ทางต้นสังกัดไม่ยอม เนื่องจากกลิ่นเงินมันช่างหอมหวาน อ้า...

[pol]

ก่อนหน้าคิริโตะ ก็คิระ ยามาโตะ เทพทรูในอุดมคติของพวก loser

ผมไม่อยากฆ่าใคร ปังๆๆๆๆๆๆๆๆ ครับผมเชื่อว่าพี่ไม่อยากจะฆ่าคนจริงๆ

[Black7nos]

[quote/] ผมไม่อยากฆ่าใคร ปังๆๆๆๆๆๆๆๆ ครับผมเชื่อว่าพี่ไม่อยากจะฆ่าคนจริงๆ

อ่านในต่างประเทศ Kira Yamato ถือเป็น Personality ประเภท INFJ หรือ ที่ต่างชาติเรียกว่า Sensitive Heroes ครับ ถ้าดูผิวเผิน INFJ จะมีความขัดแย้งกันเองสูง เช่น เพื่อนชวนไปเที่ยว ตัวเองอยากไปแต่ก็ขี้เกียจในเวลาเดียวกัน หรือ ไม่อยากไปแต่ก็ต้องไป มีความขัดแย้งในตัวเองสูง คล้ายกับจอห์น สโนว์ ใน Game of throne และ Eren Jaeger จาก Attack on Titan ครับ


คือในใจลึกๆไม่ได้อยากทำตามที่พูดนั่นแหละจากตัว F- Feeling แต่ตัว J = Judging คือด้านเหตุผลมันจะบอกว่าต้องทำเพราะมันคือเหตุผลที่ต้องทำคือไม่เราฆ่าก็ถูกฆ่าครับ


คนเขียนออกแบบตัวเอกยุคใหม่จะค่อนข้างออกแบบไปในทาง INFJ เพราะมันสามารถทำให้คนเขียนแสดงศักยภาพการแต่งเรื่องต่างๆ เพราะตัวเอกประเภทนี้มันจะมีความลึกและความซับซ้อนในตัวเองสูงที่สุด


ซึ่งแตกต่างจาก Hero ในอดีตที่เป็น ENFJ ที่เป็นตัวเอกอย่างเป็นธรรมชาติ ที่จะเป็นตัวละครที่สร้างแรงบันดาลใจและความหวังให้แก่คนอื่น เช่น Superman Batman ซึ่งถูกจัดว่าเป็น Classic Heroes เป็น Hero ที่ใครก็อยากอยู่ด้วยเพราะเขาจะแบกและช่วยเหลือทุกคน นึกถึง เฮอคิวลิสใน Record of Ragnarok ก็ได้ครับ นั่นคือ ENFJ หรือ Classic Hero ขนานแท้


ซึ่งภายหลังจากที่ยุคใหม่เขียนให้ INFJ เป็นตัวเอกเพื่อให้มีความเป็นมนุษย์ ก็มักจะเขียนผู้ช่วยตัวเอก เช่น อาจารย์ หรือเพื่อนตัวเอกให้เป็น ENFJ เนื่องจาก ENFJ คือ อุดมคติที่ INFJ อยากจะเป็นอย่างเขาครับ


และ INFJ จะมีคู่รักที่เข้ากันได้ดีที่สุด ในระดับเรียกว่า Golden Pair คือ ENFP ในเรื่องกันดั้ม Seed นางเอกที่แท้จริงก็คือ ลัคน์ ไคลน์ ซึ่งเป็น ENFP หรือนักรณรงค์ ซึ่งคือส่วนเติมเต็มที่ขาดหายไปของคิระ ยามาโตะที่เป็น INFJ

[Rikka]

มีม คิระ ที่ว่า ผมไม่อยากฆ่าใครเลย นี่เอาจริงๆโคตรเบื่อเลย.......

เห็นแรกๆก็ขำอยู่หรอก แต่พอเห็นบ่อยๆแล้วเริ่มรำคาญ เพราะมีมมันแค่ประโยคสั้นๆแล้วตีความหมายผิดไปไกลจากบริบทที่มันสื่อในเรื่องเยอะมาก

ยิ่งเวลาเห็นคนเถียงว่ายิงให้คนอื่นลอยคอขาดอากาศตายในอวกาศ เหมือนพวกมองแต่ด้านลบเพื่อพยายามกดคิระให้มันดูน่ารังเกียจมากขึ้นไปอีก

ระหว่างโดนยิงตายห่ามันตรงนั้น กับ มีโอกาสถูกช่วยเหลือทีหลังแล้วรอดตายหรือไม่ก็ตายอย่างทรมาน ยังไงความจริงมันก็ชัดเจนว่าอย่างหลังมันมีโอกาสรอดตายไง

[quote/]


อ่านในต่างประเทศ Kira Yamato ถือเป็น Personality ประเภท INFJ หรือ ที่ต่างชาติเรียกว่า Sensitive Heroes ครับ ถ้าดูผิวเผิน INFJ จะมีความขัดแย้งกันเองสูง เช่น เพื่อนชวนไปเที่ยว ตัวเองอยากไปแต่ก็ขี้เกียจในเวลาเดียวกัน หรือ ไม่อยากไปแต่ก็ต้องไป มีความขัดแย้งในตัวเองสูง คล้ายกับจอห์น สโนว์ ใน Game of throne และ Eren Jaeger จาก Attack on Titan ครับ


คือในใจลึกๆไม่ได้อยากทำตามที่พูดนั่นแหละจากตัว F- Feeling แต่ตัว J = Judging คือด้านเหตุผลมันจะบอกว่าต้องทำเพราะมันคือเหตุผลที่ต้องทำคือไม่เราฆ่าก็ถูกฆ่าครับ


คนเขียนออกแบบตัวเอกยุคใหม่จะค่อนข้างออกแบบไปในทาง INFJ เพราะมันสามารถทำให้คนเขียนแสดงศักยภาพการแต่งเรื่องต่างๆ เพราะตัวเอกประเภทนี้มันจะมีความลึกและความซับซ้อนในตัวเองสูงที่สุด


ซึ่งแตกต่างจาก Hero ในอดีตที่เป็น ENFJ ที่เป็นตัวเอกอย่างเป็นธรรมชาติ ที่จะเป็นตัวละครที่สร้างแรงบันดาลใจและความหวังให้แก่คนอื่น เช่น Superman Batman ซึ่งถูกจัดว่าเป็น Classic Heroes เป็น Hero ที่ใครก็อยากอยู่ด้วยเพราะเขาจะแบกและช่วยเหลือทุกคน นึกถึง เฮอคิวลิสใน Record of Ragnarok ก็ได้ครับ นั่นคือ ENFJ หรือ Classic Hero ขนานแท้


ซึ่งภายหลังจากที่ยุคใหม่เขียนให้ INFJ เป็นตัวเอกเพื่อให้มีความเป็นมนุษย์ ก็มักจะเขียนผู้ช่วยตัวเอก เช่น อาจารย์ หรือเพื่อนตัวเอกให้เป็น ENFJ เนื่องจาก ENFJ คือ อุดมคติที่ INFJ อยากจะเป็นอย่างเขาครับ


และ INFJ จะมีคู่รักที่เข้ากันได้ดีที่สุด ในระดับเรียกว่า Golden Pair คือ ENFP ในเรื่องกันดั้ม Seed นางเอกที่แท้จริงก็คือ ลัคน์ ไคลน์ ซึ่งเป็น ENFP หรือนักรณรงค์ ซึ่งคือส่วนเติมเต็มที่ขาดหายไปของคิระ ยามาโตะที่เป็น INFJ

อันนี้ใช่เลย ความรู้สึกคือมันไม่อยากทำแต่มันต้องทำเพราะเหตุการณ์รอบตัวมันบังคับ และมันมีความสามารถนั้น

ตัวอย่างประโยคในภาค Destiny ตอนอัสรันนัดมาคุย มันบอกชัดเจน "ชั้นไม่อยากทำ อย่าบังคับให้ชั้นทำ" ถ้าตีความหมายประโยคนี้ดีๆคือ ถ้าเลือกได้ก็จะไม่ทำ แต่ถ้าจำเป็นมันก็กล้าที่จะลงมือ

[Black7nos]

มันจะต่างจากพระเอกอย่าง Heero Yuy ที่เป็น ISTJ ซึ่งมีความสามารถ Jack of the trade (ฉันทำได้หมดทุกอย่างจะขับหุ่นก็ได้ ยิงปืนก็ได้) แต่มีข้อเสียตรงเย็นชา คือ ตัวอักษร T-Thinking ไม่ใช่ F-Feeling เหมือนคิระ ยามาโตะ และก็ชอบทำอะไรเป็นขั้นเป็นตอนในระยะสั้น คือ S-Sensing+T-Thinking จะสังเกตว่า ฮีโร่ ยุยเวลาจะแพ้ ฮีโรยุยจะทำแบบเดิมซ้ำคือ ระเบิดหุ่นทิ้งเพื่อไม่ให้ศัตรูได้เอาไปใช้หรือเอาไปวิจัยต่อ


ฮีโร่ยุย มี T-Thinking กับ S-Sensing และ J-Judging ดังนั้นฮีโร่ยุยวางแผนได้ครับ แต่มักจะวางแผนทำอะไรซ้ำๆ และเป็นคนเย็นชาที่ทำโดยไม่ลังเล ไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเอง ดังนั้นมันไม่แปลกที่ฮีโร่ยุยจะพูดบอกรักกับรีลีน่าว่า


"ฉันจะฆ่าเธฮ" กว่าจะยอมรับก็ล่อไปตอนท้ายๆ


อนิเมกันดั้มเป็นตัวอย่างของการทำการบ้าน Reseach ออกแบบตัวละครให้อิงกับ MBTI ได้ดีนะครับ

https://personality-database.com/profile/25713/heero-yuy-mobile-suit-gundam-wing-mbti-personality-type

[Lucifer216]

จริงๆ ผมไม่มองว่าคิระเป็นเทพทรูนะในภาคถั่ว เพราะจากชาติกำเนิดที่ถูกสร้างให้เป็นซุปเปอร์โคออแล้วก็ไม่แปลกอะไร แถมตัวละครก็มีพัฒนาจากตอนแรกไปจนจบภาคได้อย่างดี แต่ภาคชะตาถั่วเนี่ยเรียกว่าเทพดันดีกว่าเล่นยัดบทโคตรพระเอกให้ซะงั้น ได้หุ่นใหม่ มีกองทัพส่วนตัว มีเส้นสาย ทุกอย่างเมียประทานพรให้หมด ถ้าใครจะเป็นเทพทรูเรื่องนี้ผมยกให้เจ๊ลักซ์มากกว่า จากไอดอลไปสู่ผู้นำแบบเนียนๆ มีกองทัพส่วนตัวที่ไม่มีฝ่ายไหนรับรู้ มีหุ่นใหม่รุ่นล่าสุดให้สามี+เพื่อนสามีใช้ กล่อมฝั่งตรงข้ามให้แปรพักษ์ได้ แล้วไปเทียบกับคากางิที่เป็นผู้นำออปสิ รายนั้นทำอะไรก็ล้มเหลวตลอด(อันนี้ขอไม่กล่าวเรื่องคนเขียนบทยัดให้นะ)

ปล.เอาจริงๆถ้าไม่มีเรื่องคนเขียนบทกับนักพากย์ ชะตาถั่วอาจไปอีกทางนึงตัวคิระก็ไม่น่ามีบทเยอะขนาดนี้ บักชินก็คงทำตัวเป็นพระเอกมากขึ้น อัสรันบทก็น่าจะเป็นผู้เป็นคนกว่าเดิม แล้วสุดท้ายก็น่าจะมีถั่วภาค 3 ต่อ น่าเสียดายจริงๆ 

[Black7nos]

จริงๆ ผมไม่มองว่าคิระเป็นเทพทรูนะในภาคถั่ว เพราะจากชาติกำเนิดที่ถูกสร้างให้เป็นซุปเปอร์โคออแล้วก็ไม่แปลกอะไร แถมตัวละครก็มีพัฒนาจากตอนแรกไปจนจบภาคได้อย่างดี แต่ภาคชะตาถั่วเนี่ยเรียกว่าเทพดันดีกว่าเล่นยัดบทโคตรพระเอกให้ซะงั้น ได้หุ่นใหม่ มีกองทัพส่วนตัว มีเส้นสาย ทุกอย่างเมียประทานพรให้หมด ถ้าใครจะเป็นเทพทรูเรื่องนี้ผมยกให้เจ๊ลักซ์มากกว่า จากไอดอลไปสู่ผู้นำแบบเนียนๆ มีกองทัพส่วนตัวที่ไม่มีฝ่ายไหนรับรู้ มีหุ่นใหม่รุ่นล่าสุดให้สามี+เพื่อนสามีใช้ กล่อมฝั่งตรงข้ามให้แปรพักษ์ได้ แล้วไปเทียบกับคากางิที่เป็นผู้นำออปสิ รายนั้นทำอะไรก็ล้มเหลวตลอด(อันนี้ขอไม่กล่าวเรื่องคนเขียนบทยัดให้นะ)

ปล.เอาจริงๆถ้าไม่มีเรื่องคนเขียนบทกับนักพากย์ ชะตาถั่วอาจไปอีกทางนึงตัวคิระก็ไม่น่ามีบทเยอะขนาดนี้ บักชินก็คงทำตัวเป็นพระเอกมากขึ้น อัสรันบทก็น่าจะเป็นผู้เป็นคนกว่าเดิม แล้วสุดท้ายก็น่าจะมีถั่วภาค 3 ต่อ น่าเสียดายจริงๆ 

เคยอ่านบทสัมภาษณ์ตอนแรกเขาจะดันให้ชินเป็นพระเอก แต่ดันเข็นชินไม่ขึ้นจริงๆ ผมว่าสาเหตุมันมาจากที่พิพาทกับอัสรันบ่อยและค่อนข้างดูถูกอัสรันเพื่อนพระเอกด้วย คนดูเลยไม่ค่อยชอบ


เพื่อให้เรื่องดำเนินต่อไปได้ก็เลยต้องดันตัวเอกเก่าอย่างคิระที่ทุกคนยอมรับแทน และผลักชินให้กลายเป็นตัวร้ายที่มีปมแทน

[AlexW]

ทั้ง SAO GGO Re-Zero หรือ Full Drive ผมก็ดูได้สนุกหมดนะ คือแต่ล่ะเรื่องมันก็มีจุดเด่นและธีมของเรื่องในแบบของตัวเองที่ทำให้ดูสนุกและน่าสนใจแตกต่างกัน


SAO นี่ในมุมมองผม ภาพสวย ฉากบู๊สนุกอลังการ มันเป็นอารมณ์เหมือนได้ดูกลุ่มคนที่เก่งระดับเทพมาสู้กัน เป็นอารมณ์ที่เรื่องแนวตัวเอกอ่อนแอหรือแนวสมจริงให้ไม่ได้


Re-Zero นี่เด่นสุดแล้วในเรื่องของความพยายามกระเสือกกระสนลองผิดลองถูกเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ของอนาคตที่ดีที่สุด ที่ชีวิตจริงทำไม่ได้ เพราะชิวิตจริงมันเลือกได้แค่ครั้งเดียว ไม่มีโอกาสกลับไปแก้ตัวอีกครั้ง


GGO สนุกตรงความน่ารักของนางเอก กับความบ้าของสาวคู่แข่ง ฉากบู๊ในการเล่นเกมก็มันส์ดี ดูสบายๆไม่มีอะไรให้กดดันหรือต้องลุ้นมาก


Full Drive ให้อารมณ์แบบการสังเกตุการณ์ดูชีวิตของตัวเอกที่อ่อนแอ โชคร้ายและล้มเหลวครั้งใหญ่ในชีวิต ซ้ำล้มแล้วก็ยังลุกไม่ขึ้นอีก ซึ่งให้อารมณ์ความรู้สึกแย่ๆมากกว่าความสนุก (เราคงซาดิสต์ไม่พอที่จะสนุกกับความน่าสมเพชของคนอื่น) แต่โลกใหม่ในเกมที่พระเอกเจอค่อนข้างแปลกและน่าสนใจ ว่าโลกในเกมนี้จะทำให้พระเอกสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองไปได้มากน้อยแค่ไหน

[Lucifer216]

[quote/]


เคยอ่านบทสัมภาษณ์ตอนแรกเขาจะดันให้ชินเป็นพระเอก แต่ดันเข็นชินไม่ขึ้นจริงๆ ผมว่าสาเหตุมันมาจากที่พิพาทกับอัสรันบ่อยและค่อนข้างดูถูกอัสรันเพื่อนพระเอกด้วย คนดูเลยไม่ค่อยชอบ


เพื่อให้เรื่องดำเนินต่อไปได้ก็เลยต้องดันตัวเอกเก่าอย่างคิระที่ทุกคนยอมรับแทน และผลักชินให้กลายเป็นตัวร้ายที่มีปมแทน

เท่าที่เคยอ่านมาแล้วจำไม่ผิด เหมือนช่วงแรกดันชินแล้วแต่ความนิยมไม่ดีเท่าทีควร พอเทพคิระโผล่มาปุ๊บความนิยมดีขึ้นมาเลย แล้วดันมามีเรื่อง ผู้กำกับ คนเขียนบท นักพากย์อีก ทำให้บทถูกแก้ไปมาจนเป็นแบบที่ฉาย เพราะเห็นว่าตอนแรกจะให้เทพคิระมีบทแค่นั้นแล้วไปโฟกัสบักชินล้วนๆไปจนถึงขั้นฆ่าคิระได้เลย แต่พอมีปัญหาขึ้นมาเลยดึงเอาคิระที่มีความนิยมสูงมาเป็นพระเอกแทนแล้วปรับให้บักชินที่ความนิยมต่ำไปเป็นตัวร้ายไร้สมองแทน ซึ่งก็เหมือนจะได้ผลอยู่นะถ้ามองข้ามบทที่ป่วยจนไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว บักชินก็ดูเป็นตัวร้ายที่มีพัฒนาการ(?)ดีกว่าเรย์ที่ควรจะเป็นบอสภาคนี้ด้วยซ้ำ

จริงๆภาคนี้ควรปูบทให้ดูแรนดัลหักหลังหรือล้างสมองให้เรย์คลั่งเป็นบอสใหญ่ประจำภาคนี้แทนนะ สงครามสุดท้ายมันจะได้รบกันแบบสนุกหน่อย แต่พอดึงดันให้ดูแรนดัลเป็นบอสใหญ่ที่ไม่มีสกิลขับหุ่นอะไรเลย เรย์ที่มีฝีมือดีสุดฝั่งโน้นก็เลยเป็นได้แค่รองบอสให้เทพคิระกระทืบเล่น เลยกลายเป็นสงครามสุดท้ายที่ไม่มีอะไรให้ลุ้นเลย เพราะฝั่งประธานมือดีมีแค่ เรย์ ชิน ลูน่า แต่ฝั่งเทพนี่พวกเอซมากันเป็นกองทัพเลย

Edit แก้ไขที่พิมพ์ตกแล้วปล.หายซะงั้นจำไม่ได้ด้วยว่าพิมพ์อะไรไป 

[Black7nos]

[quote/]
เท่าที่เคยอ่านมาแล้วจำไม่ผิด เหมือนช่วงแรกดันชินแล้วแต่ความนิยมไม่ดีเท่าทีควร พอเทพคิระโผล่มาปุ๊บความนิยมดีขึ้นมาเลย แล้วดันมามีเรื่อง ผู้กำกับ คนเขียนบท นักพากย์อีก ทำให้บทถูกแก้ไปมาจนเป็นแบบที่ฉาย เพราะเห็นว่าตอนแรกจะให้เทพคิระมีบทแค่นั้นแล้วไปโฟกัสบักชินล้วนๆไปจนถึงขั้นฆ่าคิระได้เลย แต่พอมีปัญหาขึ้นมาเลยดึงเอาคิระที่มีความนิยมสูงมาเป็นพระเอกแทนแล้วปรับให้บักชินที่ความนิยมต่ำไปเป็นตัวร้ายไร้สมองแทน ซึ่งก็เหมือนจะได้ผลอยู่นะถ้ามองข้ามบทที่ป่วยจนไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว บักชินก็ดูเป็นตัวร้ายที่มีพัฒนาการ(?)ดีกว่าเรย์ที่ควรจะเป็นบอสภาคนี้ด้วยซ้ำ

จริงๆภาคนี้ควรปูบทให้ดูแรนดัลหักหลังหรือล้างสมองให้เรย์คลั่งเป็นบอสใหญ่ประจำภาคนี้แทนนะ สงครามสุดท้ายมันจะได้รบกันแบบสนุกหน่อย แต่พอดึงดันให้ดูแรนดัลเป็นบอสใหญ่ที่ไม่มีสกิลขับหุ่นอะไรเลย เรย์ที่มีฝีมือดีสุดฝั่งโน้นก็เลยเป็นได้แค่รองบอสให้เทพคิระกระทืบเล่น เลยกลายเป็นสงครามสุดท้ายที่ไม่มีอะไรให้ลุ้นเลย เพราะฝั่งประธานมือดีมีแค่ เรย์ ชิน ลูน่า แต่ฝั่งเทพนี่พวกเอซมากันเป็นกองทัพเลย

Edit แก้ไขที่พิมพ์ตกแล้วปล.หายซะงั้นจำไม่ได้ด้วยว่าพิมพ์อะไรไป 

อารมณ์เหมือนกับมวยปล้ำ WWE ตอนนี้ ที่เข็น Roman Reign หลายปี เข็นไม่ขึ้นซักที แถมยิ่งเข็นคนยิ่งเกลียด ไหนๆก็ไหนๆ เปลี่ยนบทให้ Roman Reign เป็นตัวร้ายซะเลย และ Roman Reign ก็เล่นได้สมบทบาทด้วย คือ โครตชั่วได้ใจเลย ตอนนี้เลยกลับมาได้เสียงตอบรับที่ดีอีกครั้ง


บาง Personality ตัวละครบางตัวมันไม่เหมาะจะเข็นเป็นตัวเอกครับ ยิ่งเจอกับเพื่อนตัวเอกที่ Personality ขัดแย้งไม่สนับสนุนกัน มันฝืนธรรมชาติมากเกินไป แต่พอเอาเป็นบทตัวร้ายกับไปได้ดีสุดๆ

[Flady]

...เอ่อ อาจจะถามช้าไปนะ แต่ถามในฐานะของคนที่ไม่เคยดูทั้ง Fulldrive และ Cautious Hero (ที่เป็นงานเก่า) แต่ Fulldrive นี่มันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ? 
อยากฟังความเห็นจากคนที่ดู ถ้าวิเคราะห์ละเอียดๆได้จะยิ่งดีเลย (ที่ไม่ใช่บอกแค่ว่าพระเอกกระจอกน่ะ...)

[Exia18]

เหมือนคิระพาออกทะเล


ส่วน SAO ถ้าอยากเปลี่ยนให้ชัดเจนจริง คงต้องเริ่มจาก ตั้งใจออกแบบตัวละครชายคนอื่น นอกจากคิริโตะให้ดีกว่านี้มั้ง


นี่มีแต่บอสที่เลว ไม่ก็โรคจิต ทางฝั่งตัวเอก มีแต่รุ่นลุง ไม่ก็กากไปเลยอย่างเพื่อนลีฟา ใครหล่อ เมียสวย ก็ส่งไปตายอย่างยูจิโอ เบอคูรี


Full dive จะรอดูคืนนี้ละว่า จะหยุดเล่นมุกสมจริง แล้วปล่อยให้พระเอกพัฒนาได้ยัง

[According to]

...เอ่อ อาจจะถามช้าไปนะ แต่ถามในฐานะของคนที่ไม่เคยดูทั้ง Fulldrive และ Cautious Hero (ที่เป็นงานเก่า) แต่ Fulldrive นี่มันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ? 
อยากฟังความเห็นจากคนที่ดู ถ้าวิเคราะห์ละเอียดๆได้จะยิ่งดีเลย (ที่ไม่ใช่บอกแค่ว่าพระเอกกระจอกน่ะ...)

Cautious Hero ผมว่าเป็นแก๊กซีเรียสได้ เพราะพระเอกมันจริงจังซะจนกลายเป็นดูตลก แต่Full Driveมันไม่ตลก เพราะพระเอกมันดวงซวยทับถมซะจนใครเห็นว่าตลกก็แปลกแล้ว ส่วนถ้าจะเล่นพัฒนาการของพระเอกก็ต้องถือว่าช้ามาก 5ตอนแล้วยังไม่ขยับ ที่มันกลับมาสู้ในเกมห่วยๆอีกครั้งก็ไม่เหมือนกลับมาเพราะไม่อยากยอมแพ้แต่กลับมาเพราะนมมากกว่าซะอีก

[deaddy]

...เอ่อ อาจจะถามช้าไปนะ แต่ถามในฐานะของคนที่ไม่เคยดูทั้ง Fulldrive และ Cautious Hero (ที่เป็นงานเก่า) แต่ Fulldrive นี่มันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ? 
อยากฟังความเห็นจากคนที่ดู ถ้าวิเคราะห์ละเอียดๆได้จะยิ่งดีเลย (ที่ไม่ใช่บอกแค่ว่าพระเอกกระจอกน่ะ...)

ื


งานภาพ ผ่านสบายๆครับ
แต่เป็นแนวมุกที่คนดูเครียด คือมันจะฮาที่ความอนาท
แต่ตัวละครโครตเครียดเลย
เรียกว่าดูไปยิงมุกฮาๆ แต่เครียดกว่าเดิม


เนื้อเรื่อง ราวๆพระเอกชีวิตตกต่ำในชีวิตจริง
เลยไปซื้อเกมแก้เครียดปรากฏว่า เล่นไปๆยิ่งเครียดหนักกว่าเดิม ชีวิตในเกมบัดซบกว่าชีวิตจริงอีก


ข้อดีข้อเดียวที่เกมยังน่าเล่นคือนมครับ   


เพราะงั้นผมคงรอดูกระแสสักพัก เพราะดูแล้ว
เหมือนไอติมรสพริก

[isdogtr001]

ไม่รู้ว่ายังไงนะเนื่อเรื่องเเบบนี้จุดที่จะสนุกได้คือต่อจากนี้หลังจากเห็นการเจริญเติบโตชัดเจน


เหมือน Re zero ที่ตามตรงตอนเเรกๆผมก็เกลียดซุบารุนะเเต่หลังจากจุดหักเหช่วงกลางๆบท 3 ก็เริ่มชอบขึ้นมา


ผมว่าหากพระเอกเริ่มมีการพัฒนาจากขี้เเพ้เเล้วเริ่มพัฒนาตัวเองจริงๆจังๆอาจดีขึ้นกว่านี้


ต้องดูเคลียปมของเรื่องก่อนว่าไปจะไปทางไหนเเต่เอาจริงผมก็ดูได้เรื่อยๆนะเเปลกตาดีนานจะเจอสายเรียลห่วยๆเเบบนี้


เเต่ก็นะเกมบ้าอะไรเลเวลก็ไม่มี สมจริงความเจ็บ การฆ่าคือต้องฆ่ากันจริงๆเลย อยากถามจริงๆไอ้คนเคลียเกมมันจบไปจะเป็นนักฆ่ามืออาชีพไหมเนี้ย

[zethys]

ก็เหมือนตอนที่คนเอาsaoไปเปรียบเทียบกับล็อกโฮไรซอนนั่นแหละ บริบทต่างกัน  นำเสนอคนละแบบ ประเด็นก็คนละโยชน์


แต่ดันอยากให้สนุกเหมือนกัน เอะอะก็จะฉู๋กันๆอย่างเดียว อันนี้ก็ไม่ไหวนะ ไปอ่านการ์ตูนจีนเถอะถ้าแบบน้ันน่ะ