ถามไปก็เท่านั้นละครับจะเอาชาติเป็นฝ่ายร้ายให้ได้เท่านั้นละ
@isdogtr001 อะไรทำผิดก็ต้องยอมรับความจริงว่าทำผิด ไม่ใช่อวยกันอย่างหลับหูหลับตา และควรให้เครดิตทั้งฝ่ายตัวเองและฝ่ายตรงข้าม
แล้วตามบันทึกจริงๆพระเจ้าเอกทัศน์ก็ไม่ได้อ่อนแออย่างในหนังสือเรียนเขียนด้วยครับ
บันทึกของนายทหารพม่ายังให้เครดิตพระเจ้าเอกทัศน์เลยว่ากรุงศรีอยุธยาตียากดั่งเมืองคนบิน(ตำนานเมืองคนบินของพม่าคือเมืองที่ไม่มีวันตีแตก)
ป้องกันอยุธยาได้ตั้ง 14 เดือน ในขณะช่วงเวลาที่คือจุดพีคที่สุดของพม่าอย่างไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์
พม่าในยุคสมัยพระเจ้ามังระ คือยุคที่การทหารเข้มแข็งที่สุด ในระดับที่รบชนะกับจีนราชวงศ์ชิงที่พีคที่สุดของราชวงศ์อย่างพระเจ้าเฉียนหลงได้
แม่ทัพจีนพ่ายแพ้แก่พม่าอย่างอับอายถึงกับฆ่าตัวตายเพราะรับไม่ได้กับการพ่ายแพ้แบบหมดรูปถึง 3 คน
พม่ายังบอกว่าอยุธยาในสมัยพระเจ้าเอกทัศน์แม้กำลังน้อยกว่าจีน แต่ตียากกว่าจีนเยอะ(ประมาณว่าอยุธยามีกำลังน้อยแต่มีคุณภาพ จีนมีกำลังมากกว่าแต่ไม่มีคุณภาพ)
สงครามระหว่างจีนกับพม่า เรียกว่า Sino-Burmese War
ที่พม่ายกทัพลงมาเพื่อตีอยุธยาให้แตก มี 2 เหตุผลนะครับ
1.Warm-up ทหารก่อนยกไปตีจีน เพราะพระเจ้ามังระมีนโยบายขยายดินแดนไปทางฝั่งยูนนานและสิบสองปันนา
2.อยุธยาเป็นพันธมิตรกับราชวงศ์ชิง ถ้าไม่หวดอยุธยาก่อน เวลายกทัพไปตีจีน อยุธยาซึ่งเป็นพันธมิตรทั้งทหารและการค้าจะตีข้างหลังเพื่อช่วยจีนตีกระหนาบทั้งสองทาง ซึ่งตามหลักพิชัยยุทธสงคราม ไม่มีใครเสียสติเปิดศึกหลายๆด้านพร้อมกัน ดังนั้นพม่าจำเป็นต้องตีอยุธยาก่อนเพื่อเป็นหลักประกันจะไม่โดนกองทัพอยุธยากับจีนประกบสองด้านตอนยกทัพขึ้นเหนือไปตีจีน
แต่แผนการตีอยุธยามันผิดแผนตรงที่ พระเจ้าเอกทัศน์ก็ไม่ได้อ่อนแออย่างในประวัติศาสตร์ ทำให้พม่าต้องเสียเวลาล้อมตีถึง 14 เดือน และข่าวการโจมตีก็ไปถึงหูพระเจ้าเฉียนหลงของราชวงศ์ชิง เนื่องจากสงครามระหว่างพม่ากับอยุธยามันยืดเยื้อ พระเจ้าเฉียนหลงรู้ว่าภัยกำลังมาถึงจีน จึงรีบชิงระดมกองทัพและสั่งบุกพม่า แต่ว่าอยุธยาก็แตกพอดี ทำให้พม่าจึงรีบยกทัพกลับไปป้องกันพม่าได้ทัน
ซึ่งเหตุการณ์นี้มันจะสอดคล้องกับจดหมายทางการทูตที่พระเจ้ากรุงธนบุรีส่งไปหาพระเจ้าเฉียนหลงแห่งราชวงศ์ชิง 2 ฉบับ โดยทั้งสองฉบับมีเนื้อหาแบบเดียวกันคือการขอแสดงความชอบธรรมในการสถาปนาตนเองขึ้นเป็นกษัตริย์
ฉบับแรกพระเจ้ากรุงธนบุรีเขียนเพื่อขอแสดงความชอบธรรมในการสถาปนาตนเอง แต่เฉียนหลงไม่ยอมรับการสถาปนาตนเอง และให้พระเจ้ากรุงธนบุรีไปตามหาทายาทอยุธยากลับมาเป็นกษัตริย์ เป็นช่วงเวลาที่สงคราม Sino-Burmese War พึ่งเริ่ม
ฉบับสองพระเจ้ากรุงธนบุรีเขียนขอแสดงความชอบธรรมสถาปนาตนเองเป็นกษัตริย์ แต่เพิ่มเติมด้วยการบอกว่าตามหาทายาทแห่งกรุงศรีอยุธยาไม่เจอ เมื่อไม่เจอจึงขอสถาปนาตนเอง แต่คราวนี้สถานการณ์เปลี่ยนพระเจ้าเฉียนหลงเปลี่ยนใจยอมรับการสถาปนาตนเองของพระเจ้ากรุงธนบุรี เนื่องจากด้วยเหตุผล 2 ประการ
1.Sino-Burmese War ยืดเยื้อและฝ่ายจีนเสียหายหนักกว่าฝ่ายพม่า แม่ทัพของตนเองฆ่าตัวตายชดใช้และล้างอายไป 3 คน และเสียค่าใช้จ่ายด้านสงครามไปเยอะ จึงไม่อยากรบกับพม่าต่อ จึงให้พระเจ้ากรุงธนบุรีสถาปนาตนเองเป็นกษัตริย์ เพื่อที่จะได้เป็นหอกรอแทงข้างหลังพม่ากรณีพม่ายกทัพบุกจีนอีกครั้ง (กลยุทธยืมดาบฆ่าคน)
2.ตั้งแต่กรุงศรีอยุธยาล่มสลาย การค้าระหว่างอยุธยากับจีนถูกตัดขาด จีนสูญเสียรายได้การค้าทางสำเภาทะเลไปมาก ถ้าพระเจ้ากรุงธนบุรีสถาปนาตวเองเป็นกษัตริย์สำเร็จ การค้าขายที่หยุดชะงักก็จะกลับมาค้าขายได้เหมือนเดิม


ภาพที่ลงคือจดหมายทางการทูตที่พระเจ้ากรุงธนบุรีให้คณะทูตนำไปส่งให้แก่พระเจ้าเฉียนหลงแห่งราชวงศ์ชิง ปัจจุบันเก็บรักษาอยู่ในพิพิธภัณฑ์แห่งชาติของไต้หวัน
แต่ว่าจดหมายฉบับสองตอบกลับส่งกลับมาหาพระเจ้ากรุงธนบุรีไม่ทัน พระเจ้ากรุงธนบุรีโดน No.1 รัฐประหารยึดอำนาจและถูกประหารไปเสียก่อน (ส่วนเรื่องนี้เดี๋ยวเอาไว้ค่อยเล่าทีหลัง)
Ref จดหมายทางการทูตพระเจ้ากรุงธนบุรีถึงพระเจ้าเฉียนหลง
https://www.silpa-mag.com/history/article_22953ส่วนเรื่องที่พระเจ้ากรุงธนบุรีกู้เงินจากจีน อันนี้ไม่ใช่เรื่องจริงนะครับ จดหมายทางการทูตทั้งสองฉบับที่ไต้หวันไม่มีเรื่องการกู้เงินแม้แต่เรื่องเดียว มีแค่เรื่องขอสถาปนาตนเองเป็นกษัตริย์ และการขอเจ้าหญิงลูกสาวของพระเจ้าเฉียนหลงแต่งงานกับพระเจ้ากรุงธนบุรีเท่านั้นครับ
อีกเรื่องหนึ่งคือแม้ผมจะบอกว่าพม่ารบกับไทยยากกว่าจีน แต่ตอนนั้นจีนเองก็ไม่ได้อ่อนนะครับ นี่คือช่วงที่พีคและเข้มแข็งที่สุดของราชวงศ์ชิงนะครับ ทั้งด้านเศรษฐกิจและการทหาร แต่พม่าเวลามันถึงจุดพีคคือที่สุดของที่สุดเลยนะครับ พม่ามีหลายเผ่าหลายชาติพันธุ์มักจะมีปัญหากันเองตลอด แต่เมื่อไหร่ที่ทุกเผ่ารวมกันได้ไ่ม่มีใครสู้พม่าได้นะครับ
อ๋อ แล้วอีกอย่างทหารม้าของพม่าคือ The Best ที่สุดของย่านอาเซียนเลยนะครับ ไม่มีทหารม้าประเทศโบราณไหนในอาเซียนที่เก่งเท่าพม่า
แล้วผมก็ไม่ได้อวยพม่า แต่มาจากเรื่องจริง ผมเป็นวิศวกรที่ทำงานนอนกลางดินกินกลางทรายกับลูกน้องพม่า ผมถึงรู้ว่าชาติพันธุ์ของชนชาติพม่านั้นแข็งแรงและทรหดกว่าชนชาติอื่นมาก
คนกัมพูชา คนลาว ยังไม่แข็งแรงยกของหนักๆได้ต่อคนเมื่อเทียบกับคนพม่า แถมคนพม่ามีความอึดทำงานได้นานกว่ามาก ไม่แปลกหรอกครับที่จะแพ้ แถมควรเป็นการแพ้อย่างที่ควรภาคภูมิใจในตัวเองด้วย เพราะเราสามารถยื้อพม่าช่วงที่เช้มแข็งที่สุดต้องทำสงครามยืดเยื้อกับอยุธยาถึง 14 เดือน ปกติถ้าเป็นเสียกรุงครั้งที่ 1 นะ แปปเดียวไม่ถึงเดือนก็แตกแล้ว