ถ้ามีเผด็จการ ที่ โปรงใส ตรวจสอบได้ ไม่คุกคาม เข้าจะเรียกว่าเผด็จการเหรอวะ
มันเหมือนกับการเรียกคนที่มีพฤติกรรม ไม่ปล้น ไม่เอาเปรียบ ไม่ขโมย ไม่ราวทรัพย์ผู้อื่น ว่าโจร นั่นแหละ
เว้นแต่ว่าแม่งจะเป็น เบียว อยากโดนเรียกว่าไอ้เสือ
ก็ยังเรียกว่าเผด็จการนั่นแหละ เช่นเผด็จการรัฐสภา ไม่กี่วันมานี้ สิงคโปร์พึ่งแถลงนโยบายอันนึงมา
ซึ่งนั่นก็คือ ก่อนครบกำหนดเลือกตั้งครั้งหน้า ทางผู้นำของเขาประกาศชัดเจนแล้วว่า จะลงตำแหน่ง
แล้วกำลังเฟ้นหาผู้นำคนใหม่ ที่เป็นคนรุ่นใหม่ อายุยังน้อย เพื่อให้คุมประเทศยาวนาน ซึ่งตนที่กำลัง
จะลงตำแหน่ง ไม่ต้องการให้ตนซึ่งกำลังผจญกับสุขภาพ เป็นภาระของประเทศ สรุป ไม่ยึดถือหัวโขน
ส่วนคอมมิวนิสต์นั้น ต้องเข้าใจแนวคิดพวกเขาก่อน แล้วเข้าใจจุดอ่อนของพวกเขา แล้วพวกเขาก็
พยายามลดหรือหาวิธีไม่ให้จุดอ่อนไม่มีปัญหา อย่างลาว ตอนนี้ได้ประธานคนใหม่ ทองลุน สีสุลิด
ซึ่งประกาศนโยบายแรกตอนรับตำแหน่งเมื่อต้นปีนี้คือ ปราบคอรัปชัน ส่วนจะทำได้หรือไม่ได้ นั่น
คืออีกเรื่องนึง
คอมมิวนิสต์เวียดนามก็มีปัญหานี้หนักมากเช่นกัน ส่วนจีน ถ้าจำไม่ผิด ผู้ที่คนจีนเคารพในจีนใหม่นั้น
มีสามคน เหมารวมประเทศ เติ้มเปิดประเทศ ส่วนสีเจิ้งผิงเมื่อตอนที่ขึ้นมารับตำแหน่ง ได้ถูกยกย่องว่า
เป็นผู้ปราบคอรัปชั่นก่อนที่จะได้ชื่อว่าเป็นผู้นำจีนสู่ยุคแห่งเทคโนโลยี (บางคนอาจเห็นต่างในเรื่อง
ปราบคอรัปชั่น แต่นี่คือสิ่งที่ชาวจีนคิด เขาถือว่าบุคคลทั้งสามนี้เคารพ)
อันนี้ขอตอบในกระบวนการทางความคิดของประชาชนที่อยู่ในคอมมิวนิสต์นะ พวกเขาคิดว่า การที่
มีกินมีใช้ ทุกคนต่างทำหน้าที่ของตัวเอง หน้าที่การเมืองเป็นหน้าที่ของสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์
หาใช่หน้าที่ของประชาชน พวกเขาคิดว่าทุกคนมีทักษะต่างกัน และเยาะเย้ยประชาธิปไตยว่า
ใช้คนไม่ถูกกับงาน ให้ชาวเกษตรที่ไม่รู้การเมืองมีหนึ่งเสียงเท่ากับผู้เชี่ยวชาญด้านการเมือง ซึ่ง
ข้อความนี้ น่าสนใจนะ เพราะนี่คือจุดอ่อนของประชาธิปไตย ที่ไม่ว่าใครก็หนึ่งเสียงเท่ากัน
ลองนึกง่ายๆดู ให้วิศวกรมาวิเคราะห์อาการป่วย ให้คนขับสามล้อมาคำนวณบัญชี มันก็ไม่เวิร์ค
แล้วทำไมถึงให้ผู้คนที่ไม่มีความรู้ทางการเมืองมาตัดสินทางการเมือง ถ้าอยากทำงานทางด้านการเมือง
ก็ควรมีความรู้ทางด้านการเมืองแล้วเข้าสู่สายปกครอง ไม่ใช่ให้ตาสียายสามามีเสียงเท่ากัน
พวกเขาเชื่อในเรื่องจัดสรรหน้าที่ และสิทธิเสรีภาพเป็นเรื่องรอง การที่คนที่มีความรู้ในเฉพาะทาง
ไม่ฟังความเห็นของผู้ไม่มีความรู้ นับว่าถูกต้องแล้ว ในความคิดพวกเขา เหมือนอย่างเช่น
ไปรักษากับหมอ เสียงของหมอก็ต้องดังกว่าความรู้งูๆปลาๆของญาติคนไข้ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวของ
การรักษา แต่ไม่ใช่ว่าคอมมิวส์ไม่รับฟังเสียงประชาชนเลย เพียงแค่รับฟังน้อยกว่าระบบประชาธิปไตย
และใช่ว่าประชาธิปไตยจะไม่มีเผด็จการแฝงเลย มันก็มีเช่นสิงคโปร์ไง ทั้งสองระบบมันก็แค่
มีน้อยมีมากจนเป็นนัยสำคัญ
คอมมิวส์ฯก็มีเลือกตั้งนะ แต่ต้องเป็นสมาชิกพรรค อย่างจีนมีสมาชิกพรรคราวๆเกือบร้อยล้านคน