เมื่อวานได้แต่อ่าน อยากจะโพสต์แต่พอดีผมป่วยเลยไม่ได้โพสต์ กินยาแล้วนอนหลับไปเลย
จริงๆแล้วเรื่องจีนแผ่นดินใหญ่หรือจีนคอมมิวนิสต์ที่เป็นใหญ่ได้ เพราะเมกาสร้างและเลี้ยงปิศาจตนหนึ่งไปชนกับปิศาจอีกตนหนึ่งก็เท่านั้น
หลังจากการตายของโจเซฟ สตาลิน สหภาพโซเวียตก็ได้ทำการ Destalinization หรือก็คือพยายามลบความเป็นลัทธิบูชาตัวบุคคลของสตาลินออกไป รวมถึงทำลายรูปปั้นของสตาลิน
นั่นทำให้เหมาเจ๋อตุงซึ่งมองโจเซฟ สตาลินเป็นไอดอลและแบบอย่างการออกนโยบายประเทศมาตลอดไม่พอใจการกระทำของสหภาพโซเวียตที่มีผู้นำใหม่คือนิกิตา ครุซซอฟ
ที่ต้องการลบล้างความเป็นสตาลินให้หมดไป ส่วนสาเหตุที่นิกิตา ครุซซอฟต้องการลบความเป็นลัทธิบูชาตัวบุคคลของสตาลินออก ส่วนหนึ่งมาจากเรื่องราวในยูเครน
ถ้าใครยังไม่เคยดูหนังเรื่อง Mr.Jone ให้ไปดูซะ แล้วจะเข้าใจบริบททางการเมือง ณ ขณะนั้น และความโหดร้ายและความผิดพลาดของนโยบายของสตาลินที่มีต่อยูเครน
นั่นทำให้สองค่ายคอมมิวนิสต์ระหว่างจีนคอมมิวนิสต์กับสหภาพโซเวียตเริ่มไม่พอใจกันและกัน ประกอบกับเมกาเองก็อยากถอนกองทัพออกจากสงครามเวียตนามที่ไม่มีท่าว่าจะจบสิ้นโดยเสียกำลังพลและงบประมาณไปมากมาย แน่นอนว่าเมกาเห็นโอกาสจากความแตกแยกระหว่างจีนกับโซเวียต(Sino-Soviet Split) เลยถือโอกาสใช้นโยบาย The Enemy of my enemy is my friend. เพื่อที่จะให้จีนคอมมิวนิสต์เป็นคนสกัดการแผ่อิทธิพลของคอมมิวนิสต์แบบโซเวียตแทนเมกาที่ต้องเสียกำลังพลของตนเองที่เวียตนาม
ภาพปธน.ริชาร์ด นิกสันจับมือกับเหมาเจ๋อตุง
ในปี ค.ศ 1972 หรือ ปี พ.ศ.2515(สังเกตปีพ.ศ.ดีๆ) ประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสันได้เดินทางไปจีนเพื่อจับมือกับโจวเอินไหลและเหมาเจ๋อตุงเพื่อสร้างสัมพันธไมตรี การจับมือครั้งนี้ส่งผลหลายอย่าง
1.เมกาได้รับรองจีนแผ่นดินใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์เป็นจีนที่แท้จริง และเขี่ยจีนไต้หวันของเจียงไคเช็คทิ้งไป
2.เมกาได้รับรองจีนเข้ามาเป็นสมาชิกถาวรของสหประชาชาติ(UN)ซึ่งมีทั้งหมด 5 ประเทศ
3.จีนคอมมิวนิสต์รับปากจะเข้ามาสานต่อเมกาเพื่อหยุดยั้งการขยายอิทธิพลของคอมมิวนิสต์แบบโซเวียต
4.เมกาสามารถถอนกองทัพออกจากไทยกลับเมกาได้ทั้งหมดในปี พ.ศ. 2518 (สังเกตปีพ.ศ. ดีๆ)
5.เนื่องจากเมกาลูกพี่ใหญ่จับมือกับจีนและรับรองจีน ทำให้ไทยซึ่งเป็นลูกไล่เมกา ณ ขณะนั้นก็ต้องไปจับมือจีนเช่นกัน มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมชย์เดินทางไปจับมือกับโจวเอินไหลและเหมาเจ๋อตุง ปี พ.ศ. 2518(สังเกตปี พ.ศ.ดีๆ)
ภาพมรว.คึกฤทธิ์ ปราโมชย์ ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีได้เดินทางเข้าพบโจวเอินไหลและเหมาเจ๋อตุงและได้จับมือกันในวันที่ 2 กรกฎาคม 2518(สังเกตปีพ.ศ.ดีๆ)
ทีนี้เพื่อนๆหลายคนที่สังเกตปี พ.ศ.(ที่ผมอุตส่าห์เน้นไว้) คงเริ่มเอะใจอะไรบางอย่างแล้วนะครับ เพราะเหตุการณ์เหล่านี้มีเวลาไล่เลี่ยกับเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์สำคัญของไทย
1.เหตุการณ์ตุลามหาวิปโยค 14 ตุลา 2516
2.เหตุการณ์สังหารหมู่ 6 ตุลา 2519
โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่สองนั้นรัฐไทยได้ปราบนักศึกษาม.ธรรมศาสตร์ในข้อหาภัยคอมมิวนิสต์
เพื่อนๆเห็นความย้อนแย้งในเหตุการณ์เหล่านี้มั้ยครับ รัฐไทยจับมือกับจีนตามลูกพี่เมกา ปีพ.ศ.2518 แต่กลับใช้ข้ออ้างภัยคอมมิวนิสต์ปราบปรามสังหารหมู่นักศึกษาม.ธรรมศาสตร์ ปี พ.ศ.2519 ถ้าเริ่มเอะใจแสดงว่าเพื่อนๆเริ่มเบิกเนตรจากการเห็นความย้อนแย้งของรัฐไทยแล้วนะครับ
สุดท้ายเพื่อการเบิกเนตรอย่างสมบูรณ์ผมจะลงหลักฐานบางอย่างของ 6 ตุลา 2519 แบบที่หาที่ไหนไม่ได้ และเป็นหลักฐานที่เป็นข้อผูกมัดเพราะเป็นเอกสารราชการ แต่ถ้าใครรับไม่ได้กลัวว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เชื่อมาจะพังทลายก็ไม่จำเป็นต้องเปิดดูก็ได้นะครับ อันนี้แล้วแต่ความสมัครใจเลย ผมเป็นเพียงแค่มอเฟียสที่หยิบยื่นว่าเพื่อนๆจะเลือกระหว่างยาเม็ดสีแดงกับยาเม็ดสีฟ้า ถ้าใครอยากรู้ความจริงอยากทานยาเม็ดสีแดงก็กดเปิด Spoil ได้เลยครับ
ผมเดาว่าหลายคนในที่นี้น่าจะเคยดูหนังหรืออ่านนิยายกำลังภายในโดยเฉพาะจากผู้เขียนกิมย้ง ผู้เขียนมังกรหยก
ถ้าใครเคยอ่านเรื่อง "กระบี่เย้ยยุทธจักร" น่าจะจำตัวละครตัวหนึ่งได้ดี คือ งักปุกคุ้ง(ฮกเกี้ยน) หรือ เยว่ปูฉวิน(จีนกลาง)
นี่คือตัวละครที่เป็นอาจารย์ของพระเอกในเรื่องนี้ เป็นตัวละครที่พระเอกเคารพรักและเทิดทูนมากที่สุด
แต่กลับกลายเป็นว่าตัวงักปุกคุ้งคือตัวละครที่ร้ายกาจที่สุดและทำร้ายพระเอกมากที่สุด
งักปุกคุ้ง มักจะมีลักษณะท่าทางบุคลิกภายนอกเหมือนบัณฑิตหรือสุภาพชนที่มีความรู้วิชาการ มีความอาวุโสน่าเคารพเลื่อมใส ดูเหมือนพ่อพระธรรมะธรรโม
สร้างภาพลักษณ์ตนเองคือ กระบี่วิญญูชน หรือ กระบี่สุภาพชน ไม่แสดงออกถึงความทะเยอทะยานหรือกระหายอำนาจ
แต่ในความเป็นจริงเบื้องหลังแล้วตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง งักปุกคุ้งนั้นกระหายอำนาจมากที่สุดและเป็นวางแผนชักใยอยู่เบื้องหลังทั้งหมดเกือบทั้งเรื่อง
เรียกว่า พระเอกเหล่งหูชง กว่าจะเบิกเนตรตาสว่างก็เกือบท้ายๆเรื่อง เพราะถูกสร้างภาพเรื่องหนี้บุญคุณ
ถูกขนบธรรมเนียมประเพณีที่ศิษย์ต้องเคารพอาจารย์บดบังความคิดเหตุและผลมาตลอด ทำให้ทั้งที่หลักฐานอยู่ตรงหน้าแต่กลับไม่กล้าคิดว่าอาจารย์ตนเองนั่นแหละคือคนร้าย