แหล่งนิยายแปล แหล่งนิยาย นิยายแปล นิยายแต่ง มังงะ การ์ตูน อนิเมะ นายท่าน เว็บไซต์นายท่าน กระทู้สไลม์ สไลม์ยอดรัก

ผู้เขียน หัวข้อ: สงคราม-โอโตเมะมหาศึกชิงบัลลังก์เราควรให้จำนวนได้เปรียบมากแค่ไหนดีครับ?  (อ่าน 1470 ครั้ง)

ออฟไลน์ samuison

  • ยอดกวีแห่งเขาเซนนิคุมะ
  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 9,390
  • ถูกใจแล้ว: 3109 ครั้ง
  • ความนิยม: +188/-432
คือช่วงนี้ผมอ่านเจาะเวลาหาโจโฉ และมีการพูดประมาณว่า อ้วนเสี้ยวรวยกว่าโจโฉในตอนศึกที่กัวต๋อ ที่ โจโฉมีทหารม้าเกราะหนักพันคนก็หรูแล้ว อ้วนเสี้ยวมีอยู่สามหมื่น

ความต่างชั้นเทียบกันไม่ติด ???

ในแนวโอโตเมะหรือมหาศึกชิงบัลลังก์ game of throne พยายายามจะเล่นมุก "สมจริง" realism
ปัญหาคือการคิดแบบ realism สมจริงนี่ เราต้องให้ความสำคัญกับความต่างของจำนวน ที่แผนการอาจจะกลบความต่างของชั้นพลังได้ ถ้าไม่ใช่พลังโกงของพระเอกอิเซไคหรือเวทมนตร์ที่ลอบสังหารแม่ทัพได้อย่างมหาศึกชิงบัลลังก์ :(

อย่างการคิดแบบสมจริงเกินไป

เช่น

อีกฝ่ายมีประมาณสามแสน ฝ่ายเรารวมพลังกันได้ประมาณหกหมื่น

เอ็งจะกลบความแตกต่างอย่างไรฟะแสรดเอ๊ย >:(

นี่คือปัญหาของการมองอย่างสมจริงล่ะครับ
ว่าเราต้องอาศัยเรื่องเหนือธรรมชาติมาช่วยในการเอาชนะ หรือต้องเป็นอัจฉริยะแห่งยุคประมาณโจโฉถึงพอจะเอาชนะได้

คือเล่นมุกว่าฝั่งหนึ่งเป็นแม่ทัพห้าวหาญชาญศึก
อีกฝ่ายหนึ่งเป็นแม่ทัพที่มีดีแค่ค่าเสน่ห์ ทหารหยิบโหย่ง ชิลๆในสนามรบร้องรำทำเพลง

ซึ่งก็ถูกทั้งหมด แต่ปัญหาคือหากเอามารบกันจริงๆ เอ็งคิดว่าจะชนะทหารจำนวนมากกว่าได้หรือ?

ในมหาศึกชิงบัลลังก์ ก็ต้องให้ส่งเวทมนตร์ไปลอบฆ่า ไม่อย่างนั้นก็แพ้แน่ๆ เพระากลบความต่างด้านจำนวนไม่ได้ แม้จะเป็นแม่ทัพที่มีประสบการณ์ก็ตาม

คือผมนึกถึงแนวโค่วจงหรือยอดขุนพลในสนามรบแบบมุกหวงอี้น่ะครับ

ว่าการใช้คนน้อยชนะพวกมากนี่มีันต้องเอาระดับอัจฉริยะแห่งยุคมา
เอาคนธรรมดามาไม่น่าจะไหวหากต้องการแนวสมจริง
http://goshujin.tk/index.php?topic=944.0
นิยาย crossover Harry Potter/Type Moon ดูว่าคนที่มีเวทมนตร์อย่างแฮร์รี่ จะเอาตัวรอดอย่างไร ในโลกที่โหดร้ายของ ไทป์มูน
 

ออฟไลน์ Diamos

  • นักปราชญ์แห่งเขาเซนนิคุมะ
  • ยอดขุนพลหมี
  • *****
  • กระทู้: 5,014
  • ถูกใจแล้ว: 29939 ครั้ง
  • ความนิยม: +446/-110
  • เพศ: ชาย
คือช่วงนี้ผมอ่านเจาะเวลาหาโจโฉ และมีการพูดประมาณว่า อ้วนเสี้ยวรวยกว่าโจโฉในตอนศึกที่กัวต๋อ ที่ โจโฉมีทหารม้าเกราะหนักพันคนก็หรูแล้ว อ้วนเสี้ยวมีอยู่สามหมื่น

ความต่างชั้นเทียบกันไม่ติด ???

ในแนวโอโตเมะหรือมหาศึกชิงบัลลังก์ game of throne พยายายามจะเล่นมุก "สมจริง" realism
ปัญหาคือการคิดแบบ realism สมจริงนี่ เราต้องให้ความสำคัญกับความต่างของจำนวน ที่แผนการอาจจะกลบความต่างของชั้นพลังได้ ถ้าไม่ใช่พลังโกงของพระเอกอิเซไคหรือเวทมนตร์ที่ลอบสังหารแม่ทัพได้อย่างมหาศึกชิงบัลลังก์ :(

อย่างการคิดแบบสมจริงเกินไป

เช่น

อีกฝ่ายมีประมาณสามแสน ฝ่ายเรารวมพลังกันได้ประมาณหกหมื่น

เอ็งจะกลบความแตกต่างอย่างไรฟะแสรดเอ๊ย >:(

นี่คือปัญหาของการมองอย่างสมจริงล่ะครับ
ว่าเราต้องอาศัยเรื่องเหนือธรรมชาติมาช่วยในการเอาชนะ หรือต้องเป็นอัจฉริยะแห่งยุคประมาณโจโฉถึงพอจะเอาชนะได้

คือเล่นมุกว่าฝั่งหนึ่งเป็นแม่ทัพห้าวหาญชาญศึก
อีกฝ่ายหนึ่งเป็นแม่ทัพที่มีดีแค่ค่าเสน่ห์ ทหารหยิบโหย่ง ชิลๆในสนามรบร้องรำทำเพลง

ซึ่งก็ถูกทั้งหมด แต่ปัญหาคือหากเอามารบกันจริงๆ เอ็งคิดว่าจะชนะทหารจำนวนมากกว่าได้หรือ?

ในมหาศึกชิงบัลลังก์ ก็ต้องให้ส่งเวทมนตร์ไปลอบฆ่า ไม่อย่างนั้นก็แพ้แน่ๆ เพระากลบความต่างด้านจำนวนไม่ได้ แม้จะเป็นแม่ทัพที่มีประสบการณ์ก็ตาม

คือผมนึกถึงแนวโค่วจงหรือยอดขุนพลในสนามรบแบบมุกหวงอี้น่ะครับ

ว่าการใช้คนน้อยชนะพวกมากนี่มีันต้องเอาระดับอัจฉริยะแห่งยุคมา
เอาคนธรรมดามาไม่น่าจะไหวหากต้องการแนวสมจริง

ทัพนับแสนมันก็มีจุดอ่อนครับ คือในยุคก่อนการสื่อสารมันแย่มาก พวกทัพใหญ่นี่เวลากว่าจะส่งม้าเร้วไปแจ้งทัพ จากหัวแถวไปท้ายแถวทีกินเวลาโคตร ๆ ครับ

แล้วเวลาทัพตะลุมบอนกันในสนามรบจริง ฝุนจะตลบไปทั่วครับ ทำให้การมองสัญญาณควันมันเป็นไปได้ยากมาก

แถมยังต้องมาเสียเวลาสอนทหารเลวอีกว่าสัญญาณอะไร มันแปลว่าอะไร

ดังนั้น จะเห็นว่าแต่ละประเทศในยุคกลาง เลยต้องมีการจัดตั้งหัวหน้าหมู่เพื่อลดภาระในการกระจายข่าวหรือการส่งสัญญาณครับ

สงครามสมัยก่อนของจริงนั้น หากแม่ทัพตาย คนสั่งการตาย ทัพแตกทันทีครับ เพราะต่างคนต่างจะไม่รู้ว่าสู้ไปเพื่ออะไร หรือจะสู้ยังไง การส่งคำสั่งมันขาดหายไปในทันทีครับ

ยิ่งทัพใหญ่ยิ่งสับสน ลองนึกภาพกำลังตะลุมบอนกันด้วยกำลังคนนับแสน แล้วอยู่ ๆ มีคนตะโกนว่า "แม่ทัพ xxx ตายแล้ว !" พร้อมกับโยนหัวปลอมของศพใครไม่รู้ ที่จงใจแต่งขึ้นให้เหมือนแม่ทัพใส่กลางวงทัพศัตรู เป็นใคร ใครก็ตกใจครับ รับรองมีแตกกระเจิง กว่าจะรู้ว่าความจริงหัวหน้าแม่ทัพยังไม่ตาย กองกำลังมีสิทธิ์หายไปครึ่งค่อนทัพได้ครับ

กำลังทัพเยอะจำเป็นต่อการข่มขวัญและจัดวางแนวรับ แต่ใช่ว่าจะไร้เทียมทานครับ ต่อให้แต่งอีกฝ่ายมีทัพเป็นแสน ฝ่ายเรามีแค่หลัก 500 ท่านก็สามารถแต่งให้มีกุนซื่อเทพ วางแผนลวงโลกศัตรูให้แตกจากภายในได้ง่าย ๆ แบบที่ท่านยกตัวอย่างนั่นละครับ

มันอยู่ที่ปลายปากกาผู้แต่งนั่นแหละครับ ว่าจะเอายังไงกับบท

แต่ถ้าบังเอิญว่าท่านดันแต่งให้ฝ่ายศัตรูมีทั้งทัพเยอะ มีทั้งกุนซือฉลาดอีก การวางบาลานฝ่ายตัวเอกที่ไม่มีพลังโกง ไม่มีทัพเยอะเท่า มันก็คงยากของจริงแล้วละครับ 555+ (เป็นผม แกล้งยอมแพ้ไปเลยแม่ม จะสู้ทำไมฟะ ถ้ารู้ว่าจะแพ้ตั้งแต่แรก)

ถ้ามุข Dark หน่อย ก็คือทรยศฝ่ายตัวเองไปเลยเพื่อเอาชีวิตรอด แล้วค่อยรวบอำนาจจากภายในฝ่ายศัตรู ตลบหลังศัตรูเองอีกทีหนึ่งครับ (ถูกตราหน้าว่าเป้นคนชั่ว เพื่อมาแก้แค้นภายหลัง)
สถาปนิก, นักออกแบบและสร้างสรรค์เพื่อเหล่าหมีผู้น่ารัก
โครงการนิยายแต่ง หน้าหลัก;Age of War;DSU Board
 

ออฟไลน์ deaddy

  • ผู้สนับสนุนเซนนิคุงY3
  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 8,046
  • ถูกใจแล้ว: 3010 ครั้ง
  • ความนิยม: +208/-2
ถ้าคนน้อยกว่าจริงๆก็แค่เนียนไปฆ่าทหารฝั่งตรงข้ามแล้วแฝงตัวเข้าไปในทัพเลยครับ


สมัยก่อนคนโง่ๆเยอะ เราก็แกล้งๆโง่ถามอะไรก็ตอบแบบคนไม่รู้เรื่องไป


คนไม่มีเน็ตอ่านหนังสือไม่ออก แกล้งๆแทรกซึมง่ายครับ


แล้วก็ไม่ต้องทำไรครับ เป็นทหารต่อเนียนๆยาวจนจบศึกเลยครับ


ต้องชนะหรือไม่น่ะหรอไร้สาระ เรากำลังจะแพ้
รอดตายไว้ก่อนเป็นดี ;D
 

ออฟไลน์ samuison

  • ยอดกวีแห่งเขาเซนนิคุมะ
  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 9,390
  • ถูกใจแล้ว: 3109 ครั้ง
  • ความนิยม: +188/-432
[quote/]

ทัพนับแสนมันก็มีจุดอ่อนครับ คือในยุคก่อนการสื่อสารมันแย่มาก พวกทัพใหญ่นี่เวลากว่าจะส่งม้าเร้วไปแจ้งทัพ จากหัวแถวไปท้ายแถวทีกินเวลาโคตร ๆ ครับ

แล้วเวลาทัพตะลุมบอนกันในสนามรบจริง ฝุนจะตลบไปทั่วครับ ทำให้การมองสัญญาณควันมันเป็นไปได้ยากมาก

แถมยังต้องมาเสียเวลาสอนทหารเลวอีกว่าสัญญาณอะไร มันแปลว่าอะไร

ดังนั้น จะเห็นว่าแต่ละประเทศในยุคกลาง เลยต้องมีการจัดตั้งหัวหน้าหมู่เพื่อลดภาระในการกระจายข่าวหรือการส่งสัญญาณครับ

สงครามสมัยก่อนของจริงนั้น หากแม่ทัพตาย คนสั่งการตาย ทัพแตกทันทีครับ เพราะต่างคนต่างจะไม่รู้ว่าสู้ไปเพื่ออะไร หรือจะสู้ยังไง การส่งคำสั่งมันขาดหายไปในทันทีครับ

ยิ่งทัพใหญ่ยิ่งสับสน ลองนึกภาพกำลังตะลุมบอนกันด้วยกำลังคนนับแสน แล้วอยู่ ๆ มีคนตะโกนว่า "แม่ทัพ xxx ตายแล้ว !" พร้อมกับโยนหัวปลอมของศพใครไม่รู้ ที่จงใจแต่งขึ้นให้เหมือนแม่ทัพใส่กลางวงทัพศัตรู เป็นใคร ใครก็ตกใจครับ รับรองมีแตกกระเจิง กว่าจะรู้ว่าความจริงหัวหน้าแม่ทัพยังไม่ตาย กองกำลังมีสิทธิ์หายไปครึ่งค่อนทัพได้ครับ

กำลังทัพเยอะจำเป็นต่อการข่มขวัญและจัดวางแนวรับ แต่ใช่ว่าจะไร้เทียมทานครับ ต่อให้แต่งอีกฝ่ายมีทัพเป็นแสน ฝ่ายเรามีแค่หลัก 500 ท่านก็สามารถแต่งให้มีกุนซื่อเทพ วางแผนลวงโลกศัตรูให้แตกจากภายในได้ง่าย ๆ แบบที่ท่านยกตัวอย่างนั่นละครับ

มันอยู่ที่ปลายปากกาผู้แต่งนั่นแหละครับ ว่าจะเอายังไงกับบท

แต่ถ้าบังเอิญว่าท่านดันแต่งให้ฝ่ายศัตรูมีทั้งทัพเยอะ มีทั้งกุนซือฉลาดอีก การวางบาลานฝ่ายตัวเอกที่ไม่มีพลังโกง ไม่มีทัพเยอะเท่า มันก็คงยากของจริงแล้วละครับ 555+ (เป็นผม แกล้งยอมแพ้ไปเลยแม่ม จะสู้ทำไมฟะ ถ้ารู้ว่าจะแพ้ตั้งแต่แรก)

ถ้ามุข Dark หน่อย ก็คือทรยศฝ่ายตัวเองไปเลยเพื่อเอาชีวิตรอด แล้วค่อยรวบอำนาจจากภายในฝ่ายศัตรู ตลบหลังศัตรูเองอีกทีหนึ่งครับ (ถูกตราหน้าว่าเป้นคนชั่ว เพื่อมาแก้แค้นภายหลัง)
ใช่ครับมีจุดอ่อน แต่กระท่ั่งตอนอ้วนเสี้ยวก็ต้องอาศัยหลายๆปัีจจัยเป็นองค์ประกอบ ไม่สามารถทำศึกฉาบฉวยในทีเดียวได้ต้องได้จังหวะสำเร็จ
แต่จะไปเจอกับม้าศึกเกระาหนักในที่ราบสามหมื่นคนก็จะสู้ยากน่ะครับ หากไม่เลบล่นแผนเผากองทัพหรืออะไรเทือกนั้น
เรื่องขวัญกำลังใจ แปลว่าเล่นมุก หวงสือ จอมทัพพลิกแผ่ดนินที่บอกแม่ทัพว่า เอ็งเป็นแม่ทัพก็บัญชาการรบสิฟะ จะไปบู๊กับศัตรูทำไม ???
ยอมแพ้ก็เป็นอีกทางหนึ่งเช่นกัน
อ้วนเสี้ยวทางเทคนิคก็พยายามทำให้โจโฉแตกแยกจากภายในด้วยจดหมายเกล้ยกล่อมนะครับ
ไม่ใช่แค่พละกำัลงอย่างเดียวที่น่ากลัว
ยอมแพ้ก็อาจเป็นวิธีหนึ่งหากคิดว่าลปลอดภัยไว้ก่อน
โจโฉที่คุทมขวัญกำลังใจทหารได้ไม่แตกพ่ายก่อนสู้นี่ถือว่าแน่จริงๆ
ถ้าคนน้อยกว่าจริงๆก็แค่เนียนไปฆ่าทหารฝั่งตรงข้ามแล้วแฝงตัวเข้าไปในทัพเลยครับ


สมัยก่อนคนโง่ๆเยอะ เราก็แกล้งๆโง่ถามอะไรก็ตอบแบบคนไม่รู้เรื่องไป


คนไม่มีเน็ตอ่านหนังสือไม่ออก แกล้งๆแทรกซึมง่ายครับ


แล้วก็ไม่ต้องทำไรครับ เป็นทหารต่อเนียนๆยาวจนจบศึกเลยครับ


ต้องชนะหรือไม่น่ะหรอไร้สาระ เรากำลังจะแพ้
รอดตายไว้ก่อนเป็นดี ;D
นั่นก็ดีครับ แต่เป็นผู้นำก๊กคงทำอย่างนั้นไม่ได้ ฮา
นี่คือจุดอ่อนของการเขียนอย่างสมจริง ว่าหกทักษะเราไม่ใช่จอมทัพแห่งยุคจะทำอย่างพวกนั้นก็คงยาก
ไปอ่านเจาะเวลาหาโจโฉมา
ให้ความเห้นว่าเตียนห้องคือคนที่มีความเก่งสุดในกองทัพอ้วนเสี้ยวนี่ล่ะ
ฉลาดสุดแนะนำวิธีการบุกให้ชนะตั้งหลายครั้งแล้ววิธีหนึ่งก็คล้ายปัจจุบันมาก
ว่าสะสมกำลังไพร่พลไว้เฉยๆเวลาผ่านไปก็น่าจะชนะแล้ว ซึ่งก็ใช่ อ้วนเสี้ยวบุกไปโจโฉตั้งรับก็อยน่างหนึ่ง โจโฉจะบุกข้ามแม่น้ำเหลืองอ้วนเสี้ยวตั้งรับก็ไม่ง่ายแน่ๆ ???
http://goshujin.tk/index.php?topic=944.0
นิยาย crossover Harry Potter/Type Moon ดูว่าคนที่มีเวทมนตร์อย่างแฮร์รี่ จะเอาตัวรอดอย่างไร ในโลกที่โหดร้ายของ ไทป์มูน
 

ออฟไลน์ mangamancer

  • แม่ทัพหมีชั้นกลาง
  • **
  • กระทู้: 2,333
  • ถูกใจแล้ว: 818 ครั้ง
  • ความนิยม: +48/-135
  • เพศ: ชาย
เรื่องแต่งต่างจากเรื่องจริงตรงที่เรื่องแต่งนั้นต้องคำนึงถึงความสมจริงและสมเหตุสมผลแต่เรื่องจริงไม่ต้องครับ  :P
เรื่องจริงทำได้ก็คือทำได้

https://www.toptenz.net/10-battles-won-odd-ways-odds.php
https://listverse.com/2013/10/26/10-amazing-military-victories-against-the-odds/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 10, 2021, 06:00:43 PM โดย mangamancer »
 

ออฟไลน์ PeanutButter

  • หัวหน้าฝูงหมีกลาง
  • ****
  • กระทู้: 637
  • ถูกใจแล้ว: 719 ครั้ง
  • ความนิยม: +124/-24
  • เพศ: ชาย
-  ในสงครามโลกโบราณจนถึงสมัยก่อนปฏิวัติอุตสาหกรรม การรบในสนามรบจริง แต่ละฝั่งมักมีกำลังรบแค่ไม่กี่หมื่นนายครับ ที่เหลือส่วนมากจะเป็นหน่วยสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็นพ่อครัว ช่างอาวุธ คนเลี้ยงม้า หมอ-พยาบาล คนส่งสาร คนแบกของ แรงงาน-ทาส ฯลฯ ซึ่งมีจำนวนราว 1/3 จนถึงครึ่งหนึ่งของกำลังทัพทั้งหมด ฉะนั้นกองทัพนับแสนที่ว่า พอหักลบหน่วยสนับสนุนออกไป อาจเหลือทหารจริงๆ เพียง 50,000 - 70,000 นายเท่านั้น*

-  การมีทัพขนาดใหญ่มากอาจฟังดูน่าเกรงขาม แต่ในความเป็นจริงไม่ได้ง่ายดายแบบนั้น คุณไม่สามารถยกกำลังทหารทั้งหมดออกไปรบได้โดยทิ้งเมืองคุณให้โล่งว่างจนไร้การป้องกัน ฉะนั้นคุณย่อมทิ้งทหารจำนวนหนึ่งไว้ป้องกันเมืองของคุณ ยิ่งดินแดนใหญ่มากเท่าไหร่ กำลังทหารที่ต้องใช้เฝ้าระวังก็ต้องเพิ่มขึ้นตาม อย่างอ้วนเสี้ยว-โจโฉที่คุยโวว่ามีกำลังรบนับแสนนับล้านคน พอถึงการรบจริงที่กัวต๋อ-เซ็กเพ็กก็ยกกำลังทัพจริงไปแค่แสนกว่าๆ เท่านั้น ซึ่งเราไม่รู้แน่ชัดด้วยว่ากำลังทหารนับแสนคนที่ว่า เป็นกำลังรบหลักทั้งหมด หรือคนบันทึกข้อมูลบวกรวมจำนวนทหารหน่วยสนับสนุนเข้าไปด้วย หรือจริงๆ แล้วเป็นการคุยโวโอ้อวดเพียงเท่านั้น

-  ในการรบจริงนั้น ไม่ใช่ทุกครั้งเสมอไปที่แม่ทัพจะยกทหารทั้งหมดออกรบประจัญหน้ากับศัตรู โดยส่วนมากแม่ทัพจะต้องเก็บทหารส่วนหนึ่งไว้เป็นกองยามเฝ้าป้อมค่าย โดยเฉพาะสำหรับกองทัพที่เป็นฝ่ายรุกรานดินแดนชาวบ้านด้วยแล้ว นี่เป็นสิ่งสำคัญอย่างมากที่ต้องทำ เพราะถ้าไม่มีทหารเฝ้าระวังป้อมค่ายหลังทัพ กองทัพคุณจะเสี่ยงถูกศัตรูยกมาโอบล้อมจากด้านหลังโดยไม่รู้ตัว หรือโดนศัตรูลอบโจมตีกองส่งเสบียงแนวหลังได้หมด ตอนโจโฉยกทัพนับแสนบุกเกงจิ๋ว โจโฉจะให้แม่ทัพและทหารจำนวนหนึ่งเฝ้าระวังเมืองในแนวหลังของตนไว้ตลอดเพื่อป้องกันทหารเกงจิ๋วลอบตีตลบหลัง (เช่นซิหลงที่ซงหยง โจหยินที่กุนจิ๋ว) พอไปถึงที่เซ็กเพ็ก โจโฉก็เหลือทหารจริงๆ ไม่กี่หมื่นคนเท่านั้น

-  ภูมิประเทศ-ภูมิอากาศเป็นหนึ่งตัวแปรสำคัญที่ส่งผลต่อการรบได้ แม้มีกำลังน้อยกว่า หากรู้จักใช้พื้นที่-สภาพอากาศให้เป็นคุณ ย่อมทำให้ตนกลายเป็นฝ่ายได้เปรียบทันที ในการศึกที่อาแซ็งกูร์ (Agincourt) ระหว่างอังกฤษ-ฝรั่งเศส ก่อนหน้าการรบจะเริ่ม เกิดฝนตกหนักลงมาทำให้สภาพพื้นที่โดยรอบกลายเป็นดินโคลน อังกฤษใช้ประโยชน์จากเหตุการณ์ดังกล่าวทันทีโดยการตั้งทัพรอในเส้นทางโล่งแคบ ขนาบด้วยป่าหนาทึบทั้งสองด้าน แล้วสร้างแนวเครื่องกีดขวางด้านหน้าทัพ ด้วยฝ่ายฝรั่งเศสมีกำลังหลักเป็นพลม้าอัศวิน จึงไม่มีทางเลือกนอกจากวิ่งเข้าชาร์จใส่ฝ่ายอังกฤษโดยตรง แต่พอเจอกับแนวสิ่งกีดขวาง สภาพพื้นดินโคลน และเส้นทางที่แคบมาก ทำให้กองทัพฝรั่งเศสเบียดเสียดกันแน่นและสูญเสียความได้เปรียบเรื่องจำนวนไป

-  นอกจากนี้ ทัพที่มีขนาดใหญ่ย่อมต้องการเสบียงอาหารจำนวนมาก ไม่ใช่แค่ของคน แต่รวมถึงของม้าและวัว-ควายที่ใช้ในการรบหรือเป็นพาหนะอีก ลองจินตนาการว่าคุณจะยกทัพจำนวนกว่าแสนนายไปปราบศัตรู คุณต้องใช้เวลาในการทำศึกนานแค่ไหน แล้วจินตนาการต่อถึงจำนวนเสบียงอาหารที่คุณต้องเลี้ยงกองทัพอีก ซึ่งแน่นอนว่าหากศัตรูรู้ถึงจุดเก็บเสบียงหรือเส้นทางลำเลียงเสบียงของฝ่ายคุณและวางแผนดักโจมตีขึ้นมา คุณจะทำยังไง ตอนศึกกัวต๋อ ที่อ้วนเสี้ยวถอยทัพไม่ใช่เพราะรบแพ้แต่เพราะคลังเสบียงที่อู่เจ๋า (Wuchao) ถูกโจโฉลอบโจมตีจนพินาศ สูญเสียเสบียงไปทั้งหมดจนต้องถอยทัพ**

-  นอกจากเรื่องเสบียงแล้ว ค่าแรงทหารก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะในทวีปยุโรป นับตั้งแต่ยุคโรมันเรืองอำนาจ ค่าแรงเป็นหนึ่งในปัจจัยที่แม่ทัพในยุโรปต้องคำนึงถึง ตอนช่วงสงครามกลางเมืองยุคปลายสาธารณรัฐโรม กองทัพของแต่ละฝ่ายไม่ว่าจะเป็นจูเลียส ซีซาร์, มาร์ค แอนโทนี, ออคเตเวียน, ปอมปีย์ ต้องพยายามซื้อใจทหารของตนไม่ให้ยอมแพ้-หนีทัพ-แปรพักตร์ด้วยคำสัญญาว่าจะจ่ายค่าแรงย้อนหลังให้อย่างงามบ้าง จะยกที่ดินให้หลังเกษียณบ้าง ค่าทำนุบำรุงรักษากองทัพเองก็เป็นเรื่องน่าปวดหัวไม่น้อย การเรียกระดมกองทัพมาครั้งหนึ่ง คุณย่อมต้องจ่ายค่าแรงทหาร ค่าอาหาร ค่ายา ค่าขนส่ง(ทหาร-เสบียง) ค่าจ้างช่างก่อสร้าง(ป้อม-ค่าย-กำแพง-ปราการ) ค่าจ้างช่างตีเหล็ก(ทำอาวุธ-ชุดเกราะ) ค่าจ้างช่างไม้(ทำเกวียน-กล่องสัมภาระ-เรือ) และค่าอะไรต่อมิอะไรมากมาย มากระดับที่ว่ามหาอำนาจโลกโบราณอย่างจีนและโรมยังไม่มีปัญหาจ่ายค่าทำนุงบำรุงกองทัพได้ตลอดเวลาแบบยุคปัจจุบัน ยามสงบจะมีทหารประจำการณ์เพียงไม่กี่หมื่นนายเท่านั้น แล้วค่อยรับสมัคร-เกณฑ์ทหารเพิ่มหากเกิดสงคราม

*ทั้งนี้มีข้อยกเว้นอยู่ในกรณีของกองทัพโรมัน ที่ใช้ระบบทหารอาชีพ โดยการฝึกทหารให้ทำงานต่างๆ ได้ด้วยตัวเอง ตั้งแต่ซ่อมแซมอาวุธ สร้างป้อมค่าย ขุดคูคลอง สร้างสะพาน ปลูกพืช ขนสัมภาระ ทำให้กองทัพโรมันมีอัตรากำลังรบ-หน่วยสนับสนุนสูงกว่ากองทัพอื่นในโลกโบราณ และได้เปรียบในการรบกับทัพของอาณาจักรอื่นๆ ในระดับหนึ่ง

**นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้กองทัพชนเผ่าเร่ร่อนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นไซเธียน ปาร์เธียน ฮัน แมกยาร์ โบลการ์ ซ่งหนู เติร์ก เซียนเป่ย มองโกล แมนจู มีความน่าเกรงขาม เพราะพวกนี้ใช้ชีวิตโดยการเดินทางเร่ร่อนไปมาในทุ่งหญ้ายูเรเซียอันกว้างใหญ่ สมาชิกในเผ่าทุกคนมีประสบการณ์ในการเดินทางไกล อาศัยในบ้านอย่างกระโจมที่สามารถรื้อถอน-ตั้งใหม่ได้ง่าย เลี้ยงสัตว์อย่างแพะ-แกะ-ม้าที่สามารถเดินทางไกลผ่านทุ่งหญ้าได้ดีและใช้เป็นเสบียงเลี้ยงชีพได้ตลอดเวลา สมาชิกชายในเผ่าต้องรับหน้าที่เป็นนักรบและมีม้าประจำตัวของตน เหตุผลโดยรวมนี้ทำให้ทัพม้าเร่ร่อนเดินทางได้ไกลและรวดเร็วมากจนสร้างความตระหนกตกใจให้ศัตรูมานักต่อนักแล้ว

แก้ไขข้อมูล - โจหยินประจำที่ลำกุ๋นนะครับ ไม่ใช่กุนจิ๋ว พอดีรีบไปหน่อย ฮ่ะๆ  ;D
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 10, 2021, 07:20:17 PM โดย PeanutButter »
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: pol, CatRules, Diamos และมีอีก 0 หมีที่ถูกใจสิ่งนี้

ออฟไลน์ CatRules

  • หัวหน้าฝูงหมีกลาง
  • ****
  • กระทู้: 675
  • ถูกใจแล้ว: 464 ครั้ง
  • ความนิยม: +31/-23
ตัดเสบียงครับ


ทหารยิ่งเยอะ ยิ่งต้องใช้เสบียงเยอะ
กลยุทธ์ Scorched Earth ถึงได้เกิดขึ้นมาเพื่อไม่ให้ศัตรูเติมเสบียงได้




ป.ล. การโจมตีแนวหลังข้าศึกนี่พื้นฐานเลยนะครับ(ทั้งแบบที่โจมตีทหารแนวหลังโดยตรง ทั้งการก่อวินาศกรรมแหล่งผลิตทรัพยากรสงคราม รวมไปถึงการใช้การเมืองตัดกำลังกองทัพด้วย)

นอกเหนือจากนั้นก็กลยุทธ์ใช้ธรรมชาติช่วยโจมตี เช่นน้ำท่วม(รวมถึงการทำลายเขื่อนให้เกิดน้ำซัด) รวมถึงกลยุทธ์ใช่ไฟทำลายทัพต่างๆ
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: pol

ออฟไลน์ kiza

  • หัวหน้าฝูงหมีใหญ่
  • *****
  • กระทู้: 1,916
  • ถูกใจแล้ว: 524 ครั้ง
  • ความนิยม: +18/-26
ตามหลักพื้นฐานการรบ ปัจจัยสำคัญของกองทัพคือ


เสบียง - หากขาดไปทหารจะเริ่มขวัญเสียไปหมดเพราะไม่มีแรงแถมรู้ตัวว่า ไม่รอดแน่ ในสามก๊กเน้นตรงนี้มากๆ ขนาดโจโฉ ดวลเดือดกับ อ้วนเสี้ยว ณ ศึกกัวต๋อ ยังต้องใช้กลทางจิตวิทยา เพื่อไม่ให้ทหารขวัญกระเจิงเพราะเสบียงกำลังจะหมดไป เช่นเอาพ่อครัวที่ไม่ได้ทำผิดอะไรมาเป็นแพะแทนพร้อมป้ายสีว่า มันลักลอบขนเสบียงไปใครคิดทำแบบนี้จะไม่ต่างจาก เชือดไก่ให้ลิงดู


กองกำลัง - เหมือนกับอาวุธ ต้องมาคู่กันเสมอ
อาวุธ - หากเสียไปมีกองกำลังเยอะแค่ไหนก็ไร้ความหมาย


การสื่อสาร - สำคัญไม่แพ้เสบียง ใน Dr Stone เซ็นคูยังต้องสร้างโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อพลิกเกมเอาชนะสึคาสะเลยเพราะสงครามในโลกยุคหิน การสื่อสารและการลอบชิงลงมือก่อนคือตัวพลิกเกมได้ทันที 
 

ออฟไลน์ PeanutButter

  • หัวหน้าฝูงหมีกลาง
  • ****
  • กระทู้: 637
  • ถูกใจแล้ว: 719 ครั้ง
  • ความนิยม: +124/-24
  • เพศ: ชาย
[quote/]
ใช่ครับมีจุดอ่อน แต่กระท่ั่งตอนอ้วนเสี้ยวก็ต้องอาศัยหลายๆปัีจจัยเป็นองค์ประกอบ ไม่สามารถทำศึกฉาบฉวยในทีเดียวได้ต้องได้จังหวะสำเร็จ
แต่จะไปเจอกับม้าศึกเกระาหนักในที่ราบสามหมื่นคนก็จะสู้ยากน่ะครับ หากไม่เลบล่นแผนเผากองทัพหรืออะไรเทือกนั้น
เรื่องขวัญกำลังใจ แปลว่าเล่นมุก หวงสือ จอมทัพพลิกแผ่ดนินที่บอกแม่ทัพว่า เอ็งเป็นแม่ทัพก็บัญชาการรบสิฟะ จะไปบู๊กับศัตรูทำไม ???
ยอมแพ้ก็เป็นอีกทางหนึ่งเช่นกัน
อ้วนเสี้ยวทางเทคนิคก็พยายามทำให้โจโฉแตกแยกจากภายในด้วยจดหมายเกล้ยกล่อมนะครับ
ไม่ใช่แค่พละกำัลงอย่างเดียวที่น่ากลัว
ยอมแพ้ก็อาจเป็นวิธีหนึ่งหากคิดว่าลปลอดภัยไว้ก่อน
โจโฉที่คุทมขวัญกำลังใจทหารได้ไม่แตกพ่ายก่อนสู้นี่ถือว่าแน่จริงๆ
[quote/]
นั่นก็ดีครับ แต่เป็นผู้นำก๊กคงทำอย่างนั้นไม่ได้ ฮา
นี่คือจุดอ่อนของการเขียนอย่างสมจริง ว่าหกทักษะเราไม่ใช่จอมทัพแห่งยุคจะทำอย่างพวกนั้นก็คงยาก
ไปอ่านเจาะเวลาหาโจโฉมา
ให้ความเห้นว่าเตียนห้องคือคนที่มีความเก่งสุดในกองทัพอ้วนเสี้ยวนี่ล่ะ
ฉลาดสุดแนะนำวิธีการบุกให้ชนะตั้งหลายครั้งแล้ววิธีหนึ่งก็คล้ายปัจจุบันมาก
ว่าสะสมกำลังไพร่พลไว้เฉยๆเวลาผ่านไปก็น่าจะชนะแล้ว ซึ่งก็ใช่ อ้วนเสี้ยวบุกไปโจโฉตั้งรับก็อยน่างหนึ่ง โจโฉจะบุกข้ามแม่น้ำเหลืองอ้วนเสี้ยวตั้งรับก็ไม่ง่ายแน่ๆ ???

ผมกลับมองว่าถ้าประวิงเวลาออกไป อ้วนเสี้ยวน่าจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบซะเองมากกว่าครับ คนมองกันว่าอ้วนเสี้ยวครอบครองดินแดนในภาคเหนือได้ทั้งหมดนั้นย่อมทรงพลัง เป็นขุนศึกที่ทรงอำนาจที่สุดในแผ่นดิน แต่นั่นเป็นแค่ภาพลวงตาครับ อ้วนเสี้ยวตอนนั้นพึ่งรบชนะกองซุนจ้านมาหมาดๆ (ศึกกัวต๋อเกิดช่วงปี ค.ศ.200 กองซุนจ้านถูกปราบตอนปี ค.ศ.199) ยังอยู่ระหว่างพักฟื้นกองทัพจากสงครามอยู่ แถมมณฑลอิจิ๋ว-อิวจิ๋วตะวันตกที่อ้วนเสี้ยวปกครองก็ยังไม่สงบราบคาบดี แผ่นดินหลายส่วนยังต้องทำการบูรณะใหม่จากความเสียหายในสงคราม โจรผู้ร้ายยังชุกชุม แถมทางตะวันตกขุนโจรเตียวเอี๋ยนและกลุ่มโจรภูเขาทมิฬนับหมื่นยังคงควบคุมพื้นที่ในแถบมณฑลเป๊งจิ๋ว (Bingzhou) อย่างเหนียวแน่น พูดง่ายๆ ว่าตอนเริ่มศึกกัวต๋อ กองทัพอ้วนเสี้ยวจริงๆ ไม่พร้อมสำหรับการรบอย่างที่หลายคนคิด

ถามว่าแล้วทำไมอ้วนเสี้ยวต้องรีบบุก ? เพราะโจโฉตอนนั้นก็พึ่งทำการควบรวมดินแดนในภาคกลางสำเร็จเหมือนกัน ทั้งเอาชนะลิโป้, เล่าปี่, โตเกี๋ยม, อ้วนสุด จนได้ครอบครองกุนจิ๋ว, อิจิ๋ว, เฉงจิ๋ว, ชีจิ๋ว(เกือบทั้งหมด), สือลี่จิ๋ว (Silizhou) และบางส่วนของยังจิ๋ว (Yangzhou) แถมยังมีองค์ฮ่องเต้อยู่ในกำมืออีก แต่โจโฉก็ประสบปัญหาเดียวกันกับอ้วนเสี้ยว แถมเจอหนักกว่าหลายเท่า ดินแดนที่ได้มายังไม่สงบราบคาบ-โจรผ้าเหลืองยังอาละวาดในแถบยีหลำ-ต้องรอทหารพักฟื้นจากสงคราม-ศัตรูรอบทิศไม่ว่าจะเป็นเล่าเปียว, ซุนเซ็ก, ม้าเท้ง, เล่าปี่ ถ้าอ้วนเสี้ยวไม่รีบโจมตีเสียก่อนตอนนี้ ปล่อยไปนานเข้าจะทำให้โจโฉตั้งตัวติดแล้วมาแว้งกัดตนทีหลังอาจสายเกินแก้ก็ได้
 

ออฟไลน์ TomDurrrr

  • หัวหน้าฝูงหมีเล็ก
  • ***
  • กระทู้: 276
  • ถูกใจแล้ว: 86 ครั้ง
  • ความนิยม: +5/-6
[แต่ปัญหาคือหากเอามารบกันจริงๆ เอ็งคิดว่าจะชนะทหารจำนวนมากกว่าได้หรือ?]

ได้สิ  ในประวัติศาสตร์ทั้งที่แถวๆนี้ที่ยังไม่เรียกว่าไทย  ก็มีออกบ่อย
ในจีนก็มีบ่อยมาก  เพราะสงครามมันมีปัจจัยเยอะ  ทั้งยิบย่อยอีก  เอาแค่
การเดินทัพไปในถิ่นอื่น  เจอโรคประจำถิ่นที่ฝ่ายตนเองยังไม่มีภูมิคุ้มกัน
ทั้งอาจเจอเล่นงานทางด้านการเมือง  เช่นกลวิธีเรียกทัพกลับเอย
กลวิธีให้รัฐอื่นมาข่มอีกทิศเอย  การสังหารผู้นำนี่ก็เด็ด  หรือการที่
ไม่คุ้นภูมิศาสตร์พากันไปตายแค่หนึ่งกอง  แต่ทำให้ขวัญเสีย  หรือ
ตัดเส้นทางเสบียง  คราวนี้ก็แค่ไล่ฆ่าทหารที่หมดแรง  หรือการที่
ใช้อาวุธชีวภาพทำให้กองทัพอีกฝ่าย  การซื้อตัวแม่ทัพ  การข่าวปลอม
เยอะแยะ
 

ออฟไลน์ pol

  • สาวกผู้สนับสนุนเซนนิคุง2Y
  • จอมทัพหมีชั้นสูง
  • ***
  • กระทู้: 17,728
  • ถูกใจแล้ว: 20682 ครั้ง
  • ความนิยม: +363/-6
  • เพศ: ชาย
  • นักอู้มือหนึ่ง
จากการที่ทั้งแปลและอ่านนิยายสงครามมาบ้างต้องขอบอกว่าการยกทัพไปครั้งละหลายๆแสนมันเป็นเรื่องที่เหมือนกับฝันร้ายของฝ่ายบุก(ฮา)  เพราะว่าเราต้องใช้เงินไปเป็นจำนวนมากไม่ว่าจะเป็นเงินเดือนทหารระดับสูง-กลาง-ล่าง. แรงงานที่เราเกณฑ์ออกไปก็จะทำให้ขาดแคลนแรงงานในประเทศ. แล้วการขนส่งเสบียงอาหารโดยเฉพาะน้ำดื่มนี่มันนรกชัดๆ  ซึ่งถ้าไปเจอการตั้งรับดีๆของฝ่ายตรงข้ามแล้วละก็ขอบอกได้เลยว่าแม่ทัพที่นำทหารไปนี่โคตรซวย. ถ้าจะยกตัวอย่างก็เช่นราชวงศ์สุยส่งทหารไปตายเป็นแสนที่เกาหลีก็ได้ครับ
 

ออฟไลน์ samuison

  • ยอดกวีแห่งเขาเซนนิคุมะ
  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 9,390
  • ถูกใจแล้ว: 3109 ครั้ง
  • ความนิยม: +188/-432
เรื่องแต่งต่างจากเรื่องจริงตรงที่เรื่องแต่งนั้นต้องคำนึงถึงความสมจริงและสมเหตุสมผลแต่เรื่องจริงไม่ต้องครับ  :P
เรื่องจริงทำได้ก็คือทำได้

https://www.toptenz.net/10-battles-won-odd-ways-odds.php
https://listverse.com/2013/10/26/10-amazing-military-victories-against-the-odds/
ก็นั่นล่ะครับ ผมนึกถึงที่บอกว่าเรื่องนายพลลี ไปดูความเห้นอเมริกา
มองว่านายพลลีคือนายพลที่เก่งที่สุดในเหนือใต้นั่นล่ะ แต่ฝ่ายเหนือทรัพยากรเหนือกว่าจึงชนะไป
ทางเทคนิคฝ่ายเหนือมีทั้งประชากร เทคโนโลยี อุตสาหกรรมต่างๆเหนือกว่าทางใต้ แต่สู้กันยาวขนดาดนั้นได้เพระานายพลลีนี่ล่ะ
จากการที่ทั้งแปลและอ่านนิยายสงครามมาบ้างต้องขอบอกว่าการยกทัพไปครั้งละหลายๆแสนมันเป็นเรื่องที่เหมือนกับฝันร้ายของฝ่ายบุก(ฮา)  เพราะว่าเราต้องใช้เงินไปเป็นจำนวนมากไม่ว่าจะเป็นเงินเดือนทหารระดับสูง-กลาง-ล่าง. แรงงานที่เราเกณฑ์ออกไปก็จะทำให้ขาดแคลนแรงงานในประเทศ. แล้วการขนส่งเสบียงอาหารโดยเฉพาะน้ำดื่มนี่มันนรกชัดๆ  ซึ่งถ้าไปเจอการตั้งรับดีๆของฝ่ายตรงข้ามแล้วละก็ขอบอกได้เลยว่าแม่ทัพที่นำทหารไปนี่โคตรซวย. ถ้าจะยกตัวอย่างก็เช่นราชวงศ์สุยส่งทหารไปตายเป็นแสนที่เกาหลีก็ได้ครับ
มันหมายถึงการที่ไม่ต้องคิดแนการอะไรมากน่ะครับ แค่ค่อยๆรุกคืบอย่างมั่นคงก็อาจจะชนะศึกได้แล้วอ้วนเสี้ยวใช้แผนจิตงวิทยาด้วย ไม่ใช่แค่บุกอย่างเดียว
แต่สงครามยืดได้ขนาดนั้นอาจเพระาอ้วนเสี้ยวรวย
[แต่ปัญหาคือหากเอามารบกันจริงๆ เอ็งคิดว่าจะชนะทหารจำนวนมากกว่าได้หรือ?]

ได้สิ  ในประวัติศาสตร์ทั้งที่แถวๆนี้ที่ยังไม่เรียกว่าไทย  ก็มีออกบ่อย
ในจีนก็มีบ่อยมาก  เพราะสงครามมันมีปัจจัยเยอะ  ทั้งยิบย่อยอีก  เอาแค่
การเดินทัพไปในถิ่นอื่น  เจอโรคประจำถิ่นที่ฝ่ายตนเองยังไม่มีภูมิคุ้มกัน
ทั้งอาจเจอเล่นงานทางด้านการเมือง  เช่นกลวิธีเรียกทัพกลับเอย
กลวิธีให้รัฐอื่นมาข่มอีกทิศเอย  การสังหารผู้นำนี่ก็เด็ด  หรือการที่
ไม่คุ้นภูมิศาสตร์พากันไปตายแค่หนึ่งกอง  แต่ทำให้ขวัญเสีย  หรือ
ตัดเส้นทางเสบียง  คราวนี้ก็แค่ไล่ฆ่าทหารที่หมดแรง  หรือการที่
ใช้อาวุธชีวภาพทำให้กองทัพอีกฝ่าย  การซื้อตัวแม่ทัพ  การข่าวปลอม
เยอะแยะ
คือจะซื้อ ฝ่ายหนึ่งต้อรวยกว่าพอสมควรน่ะครับ
อะไรมันก็เกิดขึ้นได้นะสงครามล่ะมั้งหากมองในแง่นี้สิ่งที่เรามองว่าสมจริงอาจจะไม่สมจริงก็ได้ เพระาในสนามรบบางทีมันก็ไม่สมเหตุผล คนเราเกิดชบ้าขึ้นมาจำได้ว่าโนบุนากะ ต้อนคนจนตรอก จนศึกนั้นเสียหายอย่างหนักก็มีเวลาไปฆ่าสาวกผู้ศรัทธา
พระเจ้าตากเก่งพิชัยสงคราม ก็แพ้ผู้ศรัทธาของพระเจ้าฝาง จนต้องฝใช้วิธีพระเอกอิเซไค เอาปืนใหญ่มายิงต่อสู้ :P
สรุปเทคโนโลยีสำคัญสุดว่างั้น
[quote/]

ผมกลับมองว่าถ้าประวิงเวลาออกไป อ้วนเสี้ยวน่าจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบซะเองมากกว่าครับ คนมองกันว่าอ้วนเสี้ยวครอบครองดินแดนในภาคเหนือได้ทั้งหมดนั้นย่อมทรงพลัง เป็นขุนศึกที่ทรงอำนาจที่สุดในแผ่นดิน แต่นั่นเป็นแค่ภาพลวงตาครับ อ้วนเสี้ยวตอนนั้นพึ่งรบชนะกองซุนจ้านมาหมาดๆ (ศึกกัวต๋อเกิดช่วงปี ค.ศ.200 กองซุนจ้านถูกปราบตอนปี ค.ศ.199) ยังอยู่ระหว่างพักฟื้นกองทัพจากสงครามอยู่ แถมมณฑลอิจิ๋ว-อิวจิ๋วตะวันตกที่อ้วนเสี้ยวปกครองก็ยังไม่สงบราบคาบดี แผ่นดินหลายส่วนยังต้องทำการบูรณะใหม่จากความเสียหายในสงคราม โจรผู้ร้ายยังชุกชุม แถมทางตะวันตกขุนโจรเตียวเอี๋ยนและกลุ่มโจรภูเขาทมิฬนับหมื่นยังคงควบคุมพื้นที่ในแถบมณฑลเป๊งจิ๋ว (Bingzhou) อย่างเหนียวแน่น พูดง่ายๆ ว่าตอนเริ่มศึกกัวต๋อ กองทัพอ้วนเสี้ยวจริงๆ ไม่พร้อมสำหรับการรบอย่างที่หลายคนคิด

ถามว่าแล้วทำไมอ้วนเสี้ยวต้องรีบบุก ? เพราะโจโฉตอนนั้นก็พึ่งทำการควบรวมดินแดนในภาคกลางสำเร็จเหมือนกัน ทั้งเอาชนะลิโป้, เล่าปี่, โตเกี๋ยม, อ้วนสุด จนได้ครอบครองกุนจิ๋ว, อิจิ๋ว, เฉงจิ๋ว, ชีจิ๋ว(เกือบทั้งหมด), สือลี่จิ๋ว (Silizhou) และบางส่วนของยังจิ๋ว (Yangzhou) แถมยังมีองค์ฮ่องเต้อยู่ในกำมืออีก แต่โจโฉก็ประสบปัญหาเดียวกันกับอ้วนเสี้ยว แถมเจอหนักกว่าหลายเท่า ดินแดนที่ได้มายังไม่สงบราบคาบ-โจรผ้าเหลืองยังอาละวาดในแถบยีหลำ-ต้องรอทหารพักฟื้นจากสงคราม-ศัตรูรอบทิศไม่ว่าจะเป็นเล่าเปียว, ซุนเซ็ก, ม้าเท้ง, เล่าปี่ ถ้าอ้วนเสี้ยวไม่รีบโจมตีเสียก่อนตอนนี้ ปล่อยไปนานเข้าจะทำให้โจโฉตั้งตัวติดแล้วมาแว้งกัดตนทีหลังอาจสายเกินแก้ก็ได้
ที่ว่าประวิงเวลาคือแผนของเตียนห้องน่ะครับ
ว่าดินแดนของอ้วนเสี้ยวบริบูรณ์ ตอนแรกควรจะบุก แต่เมือ่โอกาสอันดีคลาดไปแล้วก็ควรจะพักรักษาตัวบำรุงดินแดนให้บริบูรณ์ทำสงครามยืดเยื้อ โจโฉมาซ้ายเราไปขวา ไปรบในที่ที่โจโฉไม่มากฌจะเอาชัยเป็นมั่นเหมาะแนะนำประมาณนี้น่ะครับ
ตามหลักพื้นฐานการรบ ปัจจัยสำคัญของกองทัพคือ


เสบียง - หากขาดไปทหารจะเริ่มขวัญเสียไปหมดเพราะไม่มีแรงแถมรู้ตัวว่า ไม่รอดแน่ ในสามก๊กเน้นตรงนี้มากๆ ขนาดโจโฉ ดวลเดือดกับ อ้วนเสี้ยว ณ ศึกกัวต๋อ ยังต้องใช้กลทางจิตวิทยา เพื่อไม่ให้ทหารขวัญกระเจิงเพราะเสบียงกำลังจะหมดไป เช่นเอาพ่อครัวที่ไม่ได้ทำผิดอะไรมาเป็นแพะแทนพร้อมป้ายสีว่า มันลักลอบขนเสบียงไปใครคิดทำแบบนี้จะไม่ต่างจาก เชือดไก่ให้ลิงดู


กองกำลัง - เหมือนกับอาวุธ ต้องมาคู่กันเสมอ
อาวุธ - หากเสียไปมีกองกำลังเยอะแค่ไหนก็ไร้ความหมาย


การสื่อสาร - สำคัญไม่แพ้เสบียง ใน Dr Stone เซ็นคูยังต้องสร้างโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อพลิกเกมเอาชนะสึคาสะเลยเพราะสงครามในโลกยุคหิน การสื่อสารและการลอบชิงลงมือก่อนคือตัวพลิกเกมได้ทันที 
ไปเจอมุกคือ
"มอบวิทยุสื่อสารให้ทหารโรมัน"
ในการที่จะสร้างตนเองเป็นจ้าวพิชัยสงครามน่ะครับ
มีทหารมีวินัยและการช่างอย่างโรมันและสื่อสารได้อีก เรียกว่าชนะไปแล้วครึ่งหนึ่งเหลือแค่ลุกน้องบุกไปก็พอ
ตัดเสบียงครับ


ทหารยิ่งเยอะ ยิ่งต้องใช้เสบียงเยอะ
กลยุทธ์ Scorched Earth ถึงได้เกิดขึ้นมาเพื่อไม่ให้ศัตรูเติมเสบียงได้




ป.ล. การโจมตีแนวหลังข้าศึกนี่พื้นฐานเลยนะครับ(ทั้งแบบที่โจมตีทหารแนวหลังโดยตรง ทั้งการก่อวินาศกรรมแหล่งผลิตทรัพยากรสงคราม รวมไปถึงการใช้การเมืองตัดกำลังกองทัพด้วย)

นอกเหนือจากนั้นก็กลยุทธ์ใช้ธรรมชาติช่วยโจมตี เช่นน้ำท่วม(รวมถึงการทำลายเขื่อนให้เกิดน้ำซัด) รวมถึงกลยุทธ์ใช่ไฟทำลายทัพต่างๆ
มุกแรมซีในมหาศึกชิงบัลลังก์ที่ลอบปล้นค่ายก็ถูกสินะครับ
ตัดเสบียงกองทัพทีเ่หนือกว่าก้ศามารถเอาชัยชนะได้
กำลังคิดอยู่ว่าหากกดเราเป็นฝ่ายเยอะกว่าควรจะแก้ปัญหาอย่างไรดี?
สั่งทหารม้ากองหนึ่งให้ทำตัวเป็นมองดกลไปเลย?
ที่ปล้นได้ปล้น ฆ่าได้ฆ่าสงครามไม่มีพื้นที่ให้คนใจอ่อนจริงๆแฮะ

-  ในสงครามโลกโบราณจนถึงสมัยก่อนปฏิวัติอุตสาหกรรม การรบในสนามรบจริง แต่ละฝั่งมักมีกำลังรบแค่ไม่กี่หมื่นนายครับ ที่เหลือส่วนมากจะเป็นหน่วยสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็นพ่อครัว ช่างอาวุธ คนเลี้ยงม้า หมอ-พยาบาล คนส่งสาร คนแบกของ แรงงาน-ทาส ฯลฯ ซึ่งมีจำนวนราว 1/3 จนถึงครึ่งหนึ่งของกำลังทัพทั้งหมด ฉะนั้นกองทัพนับแสนที่ว่า พอหักลบหน่วยสนับสนุนออกไป อาจเหลือทหารจริงๆ เพียง 50,000 - 70,000 นายเท่านั้น*

-  การมีทัพขนาดใหญ่มากอาจฟังดูน่าเกรงขาม แต่ในความเป็นจริงไม่ได้ง่ายดายแบบนั้น คุณไม่สามารถยกกำลังทหารทั้งหมดออกไปรบได้โดยทิ้งเมืองคุณให้โล่งว่างจนไร้การป้องกัน ฉะนั้นคุณย่อมทิ้งทหารจำนวนหนึ่งไว้ป้องกันเมืองของคุณ ยิ่งดินแดนใหญ่มากเท่าไหร่ กำลังทหารที่ต้องใช้เฝ้าระวังก็ต้องเพิ่มขึ้นตาม อย่างอ้วนเสี้ยว-โจโฉที่คุยโวว่ามีกำลังรบนับแสนนับล้านคน พอถึงการรบจริงที่กัวต๋อ-เซ็กเพ็กก็ยกกำลังทัพจริงไปแค่แสนกว่าๆ เท่านั้น ซึ่งเราไม่รู้แน่ชัดด้วยว่ากำลังทหารนับแสนคนที่ว่า เป็นกำลังรบหลักทั้งหมด หรือคนบันทึกข้อมูลบวกรวมจำนวนทหารหน่วยสนับสนุนเข้าไปด้วย หรือจริงๆ แล้วเป็นการคุยโวโอ้อวดเพียงเท่านั้น

-  ในการรบจริงนั้น ไม่ใช่ทุกครั้งเสมอไปที่แม่ทัพจะยกทหารทั้งหมดออกรบประจัญหน้ากับศัตรู โดยส่วนมากแม่ทัพจะต้องเก็บทหารส่วนหนึ่งไว้เป็นกองยามเฝ้าป้อมค่าย โดยเฉพาะสำหรับกองทัพที่เป็นฝ่ายรุกรานดินแดนชาวบ้านด้วยแล้ว นี่เป็นสิ่งสำคัญอย่างมากที่ต้องทำ เพราะถ้าไม่มีทหารเฝ้าระวังป้อมค่ายหลังทัพ กองทัพคุณจะเสี่ยงถูกศัตรูยกมาโอบล้อมจากด้านหลังโดยไม่รู้ตัว หรือโดนศัตรูลอบโจมตีกองส่งเสบียงแนวหลังได้หมด ตอนโจโฉยกทัพนับแสนบุกเกงจิ๋ว โจโฉจะให้แม่ทัพและทหารจำนวนหนึ่งเฝ้าระวังเมืองในแนวหลังของตนไว้ตลอดเพื่อป้องกันทหารเกงจิ๋วลอบตีตลบหลัง (เช่นซิหลงที่ซงหยง โจหยินที่กุนจิ๋ว) พอไปถึงที่เซ็กเพ็ก โจโฉก็เหลือทหารจริงๆ ไม่กี่หมื่นคนเท่านั้น

-  ภูมิประเทศ-ภูมิอากาศเป็นหนึ่งตัวแปรสำคัญที่ส่งผลต่อการรบได้ แม้มีกำลังน้อยกว่า หากรู้จักใช้พื้นที่-สภาพอากาศให้เป็นคุณ ย่อมทำให้ตนกลายเป็นฝ่ายได้เปรียบทันที ในการศึกที่อาแซ็งกูร์ (Agincourt) ระหว่างอังกฤษ-ฝรั่งเศส ก่อนหน้าการรบจะเริ่ม เกิดฝนตกหนักลงมาทำให้สภาพพื้นที่โดยรอบกลายเป็นดินโคลน อังกฤษใช้ประโยชน์จากเหตุการณ์ดังกล่าวทันทีโดยการตั้งทัพรอในเส้นทางโล่งแคบ ขนาบด้วยป่าหนาทึบทั้งสองด้าน แล้วสร้างแนวเครื่องกีดขวางด้านหน้าทัพ ด้วยฝ่ายฝรั่งเศสมีกำลังหลักเป็นพลม้าอัศวิน จึงไม่มีทางเลือกนอกจากวิ่งเข้าชาร์จใส่ฝ่ายอังกฤษโดยตรง แต่พอเจอกับแนวสิ่งกีดขวาง สภาพพื้นดินโคลน และเส้นทางที่แคบมาก ทำให้กองทัพฝรั่งเศสเบียดเสียดกันแน่นและสูญเสียความได้เปรียบเรื่องจำนวนไป

-  นอกจากนี้ ทัพที่มีขนาดใหญ่ย่อมต้องการเสบียงอาหารจำนวนมาก ไม่ใช่แค่ของคน แต่รวมถึงของม้าและวัว-ควายที่ใช้ในการรบหรือเป็นพาหนะอีก ลองจินตนาการว่าคุณจะยกทัพจำนวนกว่าแสนนายไปปราบศัตรู คุณต้องใช้เวลาในการทำศึกนานแค่ไหน แล้วจินตนาการต่อถึงจำนวนเสบียงอาหารที่คุณต้องเลี้ยงกองทัพอีก ซึ่งแน่นอนว่าหากศัตรูรู้ถึงจุดเก็บเสบียงหรือเส้นทางลำเลียงเสบียงของฝ่ายคุณและวางแผนดักโจมตีขึ้นมา คุณจะทำยังไง ตอนศึกกัวต๋อ ที่อ้วนเสี้ยวถอยทัพไม่ใช่เพราะรบแพ้แต่เพราะคลังเสบียงที่อู่เจ๋า (Wuchao) ถูกโจโฉลอบโจมตีจนพินาศ สูญเสียเสบียงไปทั้งหมดจนต้องถอยทัพ**

-  นอกจากเรื่องเสบียงแล้ว ค่าแรงทหารก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะในทวีปยุโรป นับตั้งแต่ยุคโรมันเรืองอำนาจ ค่าแรงเป็นหนึ่งในปัจจัยที่แม่ทัพในยุโรปต้องคำนึงถึง ตอนช่วงสงครามกลางเมืองยุคปลายสาธารณรัฐโรม กองทัพของแต่ละฝ่ายไม่ว่าจะเป็นจูเลียส ซีซาร์, มาร์ค แอนโทนี, ออคเตเวียน, ปอมปีย์ ต้องพยายามซื้อใจทหารของตนไม่ให้ยอมแพ้-หนีทัพ-แปรพักตร์ด้วยคำสัญญาว่าจะจ่ายค่าแรงย้อนหลังให้อย่างงามบ้าง จะยกที่ดินให้หลังเกษียณบ้าง ค่าทำนุบำรุงรักษากองทัพเองก็เป็นเรื่องน่าปวดหัวไม่น้อย การเรียกระดมกองทัพมาครั้งหนึ่ง คุณย่อมต้องจ่ายค่าแรงทหาร ค่าอาหาร ค่ายา ค่าขนส่ง(ทหาร-เสบียง) ค่าจ้างช่างก่อสร้าง(ป้อม-ค่าย-กำแพง-ปราการ) ค่าจ้างช่างตีเหล็ก(ทำอาวุธ-ชุดเกราะ) ค่าจ้างช่างไม้(ทำเกวียน-กล่องสัมภาระ-เรือ) และค่าอะไรต่อมิอะไรมากมาย มากระดับที่ว่ามหาอำนาจโลกโบราณอย่างจีนและโรมยังไม่มีปัญหาจ่ายค่าทำนุงบำรุงกองทัพได้ตลอดเวลาแบบยุคปัจจุบัน ยามสงบจะมีทหารประจำการณ์เพียงไม่กี่หมื่นนายเท่านั้น แล้วค่อยรับสมัคร-เกณฑ์ทหารเพิ่มหากเกิดสงคราม

*ทั้งนี้มีข้อยกเว้นอยู่ในกรณีของกองทัพโรมัน ที่ใช้ระบบทหารอาชีพ โดยการฝึกทหารให้ทำงานต่างๆ ได้ด้วยตัวเอง ตั้งแต่ซ่อมแซมอาวุธ สร้างป้อมค่าย ขุดคูคลอง สร้างสะพาน ปลูกพืช ขนสัมภาระ ทำให้กองทัพโรมันมีอัตรากำลังรบ-หน่วยสนับสนุนสูงกว่ากองทัพอื่นในโลกโบราณ และได้เปรียบในการรบกับทัพของอาณาจักรอื่นๆ ในระดับหนึ่ง

**นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้กองทัพชนเผ่าเร่ร่อนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นไซเธียน ปาร์เธียน ฮัน แมกยาร์ โบลการ์ ซ่งหนู เติร์ก เซียนเป่ย มองโกล แมนจู มีความน่าเกรงขาม เพราะพวกนี้ใช้ชีวิตโดยการเดินทางเร่ร่อนไปมาในทุ่งหญ้ายูเรเซียอันกว้างใหญ่ สมาชิกในเผ่าทุกคนมีประสบการณ์ในการเดินทางไกล อาศัยในบ้านอย่างกระโจมที่สามารถรื้อถอน-ตั้งใหม่ได้ง่าย เลี้ยงสัตว์อย่างแพะ-แกะ-ม้าที่สามารถเดินทางไกลผ่านทุ่งหญ้าได้ดีและใช้เป็นเสบียงเลี้ยงชีพได้ตลอดเวลา สมาชิกชายในเผ่าต้องรับหน้าที่เป็นนักรบและมีม้าประจำตัวของตน เหตุผลโดยรวมนี้ทำให้ทัพม้าเร่ร่อนเดินทางได้ไกลและรวดเร็วมากจนสร้างความตระหนกตกใจให้ศัตรูมานักต่อนักแล้ว

แก้ไขข้อมูล - โจหยินประจำที่ลำกุ๋นนะครับ ไม่ใช่กุนจิ๋ว พอดีรีบไปหน่อย ฮ่ะๆ  ;D
หมายความว่าหากเราเนหือกว่าให้ตั้งรับจะดีกว่าหรือครับ? สังเกตจริงๆฝ่ายน้อยกว่าจะล่อฝ่ายเหนือกว่าไปที่ killing field mุ่งสังหาร

ต้องทำแบบสุมาอี้ล่ะมั้ง ปิดเมืองอย่างเดียว ตรูไม่รบด้วย
สังเกตอัจฉริยะคนหนึ่งเจอยอดขุนพลแห่งยุคจะใช้วิธีนี้ตลอด
เตียนห้องแนะนำอาจจะดีกว่าหากเจอคนอย่างโจโฉ คือ ปิดความเสียเปรียบไว้ก่อนใช้วิธีอื่นที่ไม่ใช่กลยุทธสงครามโดยตรงเอาชนะ
http://goshujin.tk/index.php?topic=944.0
นิยาย crossover Harry Potter/Type Moon ดูว่าคนที่มีเวทมนตร์อย่างแฮร์รี่ จะเอาตัวรอดอย่างไร ในโลกที่โหดร้ายของ ไทป์มูน
 

ออฟไลน์ nosta

  • แม่ทัพหมีชั้นสูง
  • ***
  • กระทู้: 2,522
  • ถูกใจแล้ว: 1150 ครั้ง
  • ความนิยม: +106/-145
อ้วนเสี้ยวไม่น่ามีทหารมากกว่าโจโฉขนาดนั้นครับ อยู่แดนเหนือที่แล้นแค้น อาณาเขตก็พอๆกัน แถมเป็นฝ่ายบุกต้องส่งเสบียงยาว และก็ต้องเจียดทหารกันเผ่าทางเหนือที่โหดมาก ขนาดล้มราชวงศ์จีนได้ในบางยุค


ส่วนจำนวนที่เหนือกว่าแล้วชนะได้นี่แล้วแต่เลยนะ  ถ้าเป็นฝ่ายป้องกันเตรียมกับดักไว้ พร้อม คนนึงสู้พันยังได้ หลอกเข้าคิลลิ่งโซนแล้วเผาทั้งทัพ ถ้าเป็นฝ่ายบุก ทหารม้าธนูแบบมองโกลอาจสู้ได้ หนึ่งต่อสิบ ถ้าคู่ต่อสู้กาก
 

ออฟไลน์ TomDurrrr

  • หัวหน้าฝูงหมีเล็ก
  • ***
  • กระทู้: 276
  • ถูกใจแล้ว: 86 ครั้ง
  • ความนิยม: +5/-6
ซื้อคน  ไม่จำเป็นต้องซื้อด้วยเงิน  ยิ่งระดับแม่ทัพ  ระดับคนกุมบังเหียนประเทศ
เขายิ่งไม่ใช้เงิน  แต่ใช้เหรียญตราซื้อ  ใช้เกียรติซื้อ  ใช้คำมั่นคำสัญญาซื้อ  ใช้
ตัวประกันซื้อ  ใช้ความหวังซื้อ  ยิ่งถ้าใช้อุดมการณ์ซื้อยิ่งง่าย  คนพากันไปตาย
ด้วยความยินดีก็มาจากยอมตายเพื่อความฝันอุดมการณ์  ประวัติศาสตร์จีน  ^^
 

ออฟไลน์ warakornboy

  • หัวหน้าฝูงหมีเล็ก
  • ***
  • กระทู้: 471
  • ถูกใจแล้ว: 182 ครั้ง
  • ความนิยม: +14/-9
คือช่วงนี้ผมอ่านเจาะเวลาหาโจโฉ และมีการพูดประมาณว่า อ้วนเสี้ยวรวยกว่าโจโฉในตอนศึกที่กัวต๋อ ที่ โจโฉมีทหารม้าเกราะหนักพันคนก็หรูแล้ว อ้วนเสี้ยวมีอยู่สามหมื่น

ความต่างชั้นเทียบกันไม่ติด ???

ในแนวโอโตเมะหรือมหาศึกชิงบัลลังก์ game of throne พยายายามจะเล่นมุก "สมจริง" realism
ปัญหาคือการคิดแบบ realism สมจริงนี่ เราต้องให้ความสำคัญกับความต่างของจำนวน ที่แผนการอาจจะกลบความต่างของชั้นพลังได้ ถ้าไม่ใช่พลังโกงของพระเอกอิเซไคหรือเวทมนตร์ที่ลอบสังหารแม่ทัพได้อย่างมหาศึกชิงบัลลังก์ :(

อย่างการคิดแบบสมจริงเกินไป

เช่น

อีกฝ่ายมีประมาณสามแสน ฝ่ายเรารวมพลังกันได้ประมาณหกหมื่น

เอ็งจะกลบความแตกต่างอย่างไรฟะแสรดเอ๊ย >:(

นี่คือปัญหาของการมองอย่างสมจริงล่ะครับ
ว่าเราต้องอาศัยเรื่องเหนือธรรมชาติมาช่วยในการเอาชนะ หรือต้องเป็นอัจฉริยะแห่งยุคประมาณโจโฉถึงพอจะเอาชนะได้

คือเล่นมุกว่าฝั่งหนึ่งเป็นแม่ทัพห้าวหาญชาญศึก
อีกฝ่ายหนึ่งเป็นแม่ทัพที่มีดีแค่ค่าเสน่ห์ ทหารหยิบโหย่ง ชิลๆในสนามรบร้องรำทำเพลง

ซึ่งก็ถูกทั้งหมด แต่ปัญหาคือหากเอามารบกันจริงๆ เอ็งคิดว่าจะชนะทหารจำนวนมากกว่าได้หรือ?

ในมหาศึกชิงบัลลังก์ ก็ต้องให้ส่งเวทมนตร์ไปลอบฆ่า ไม่อย่างนั้นก็แพ้แน่ๆ เพระากลบความต่างด้านจำนวนไม่ได้ แม้จะเป็นแม่ทัพที่มีประสบการณ์ก็ตาม

คือผมนึกถึงแนวโค่วจงหรือยอดขุนพลในสนามรบแบบมุกหวงอี้น่ะครับ

ว่าการใช้คนน้อยชนะพวกมากนี่มีันต้องเอาระดับอัจฉริยะแห่งยุคมา
เอาคนธรรมดามาไม่น่าจะไหวหากต้องการแนวสมจริง
มีโจทย์อยู่มากมายที่ควรจะคิดและตั้งให้ถูกต้อง. ก่อนจะนำไปเทียบความเป็นจริงและเหตุการณ์ที่แตกออกเป็น Routes ยิบย่อยได้อย่างไม่คาดฝัน. เช่น


1.  กองทัพออกเดินทางทีเดียวไปถึงเป้าหมายในอึดใจไม่กี่วันจริงหรือ?
2.  กองทัพที่ถูกทำลายจะสามารถสร้างใหม่ได้. และมีประสิทธิภาพกับจำนวนเท่าเดิมได้ภายในเวลาไม่กี่วันเหมือนเกม Total War จริงหรือไม่?
3.  ต้องใช้เวลาฝึกกับทรัพยากรอาหารมากเท่าไร. กองทัพจึงจะพร้อมใช้งานในสนามรบได้จริง?
4.  การลงทุนราวกับละลายภาษีอย่างไม่มีวันพรุ่งนี้จะทำให้ได้กองทัพที่แข็งแกร่งคุ้มทุนได้อย่างไร?
5.  กองทัพทั้ง 2 ฝ่ายต้องเผชิญหน้ากันเฉพาะสนามรบเดียวกันหรือไม่?  ทำไมต้องสู้กันบนพื้นดิน. และถ้าอีกฝ่ายอยู่ในะทะเล?
6.  ฝ่ายรุกมาจากที่ไหน. แล้วฝ่ายตั้งรับอยู่ที่ไหน การป้องกันแข็งแกร่งขนาดไหน. ต้องใช้วิธีปิดล้อมนานกี่วันก่อนจะลงมือทำลายที่มั่นให้แตกได้?
7.  ในเวลาที่เจอการปิดล้อมอย่างไม่คาดฝัน. ต้องใช้วิธีไหน. นานแค่ไหนถึงจะขอกำลังเสริมที่ไม่ได้ทำหน้าที่ปกป้องอาณาเขตของรัฐได้?

8.  โจทย์ Cheater จะต้องตอบคำถามนี้ให้ได้;  การสร้าง Camp - Outpost  ทำไปเพื่ออะไร. และจำนวนทหารประจำการทั้งหมด กำลังรบที่จะส่งออกไป + กำลังพลสำรอง. 3 อย่างนี้ต่างกันอย่างไร?

ลืมไปความรู้ของคนในยุคอนาคตที่ย้อนกลับมาอดีตแล้วพยายามแทรกแซงอดีตด้วยความรู้กว้างๆ ครึ่งๆกลางๆนั้น. สำหรับเจ้าของช่วงเวลานั้นแล้วคนประเภทนี้อาจจะไม่มีค่ามากไปกว่าให้บังคับหรือหลอกรีดขโมยความรู้ Technology ที่มีประโยชน์ไม่กี่อย่าง. สุดท้ายแล้วแค่มีชีวิตอยู่ให้รอดด้วยความรู้จากห้องเรียนที่สอนแค่ตื้นๆก็อาจจะยังลำบาก

เมื่อเทียบกับยุคที่ผู้คนล้วนแต่แสวงหาความรู้. ร่ำเรียนพัฒนาฝีมือวิชาจนชำนาญ. และกลายมาเป็นความรู้ที่คนยุคใหม่กว่านำมาศึกษาไม่กี่อย่างแล้วลืมไป. เมื่อความสะดวกสบายสนองจริตเข้ามาแทนที่ค่านิยมอยุรักษ์ความรู้ที่ผู้คนยุคก่อนหน้าล้วนสร้างไว้ด้วยความอุตสาหะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 10, 2021, 11:09:23 PM โดย warakornboy »
 

ออฟไลน์ Rumia

  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 8,389
  • ถูกใจแล้ว: 4070 ครั้ง
  • ความนิยม: +347/-403
คืองงมากรบชนะอะไรครับคือสามก็กมันไม่ไช่ว่าทหารเยอะบุกตีชนะเท่ากับได้ครองจีนนะครับ ผมต้องขออธิบายก่อนว่าสามก็กที่ที่พวกชัวๆทังหลายต้องการคือแผ่นดินครับไม่ไช่รบชนะ ดังนั้นจึงมีการแย่งฮ้องเต้แย่งตราอาลักกันหลักๆคือต้องทำไห้ขุนนางส่วนใหณ่ยอมรับครับไม่ไช่รบชนะ ไม่งันลิโป้มันก็ควงง้าวไปฆ่าเจ้าเมืองทุกคนก็ได้ครองจีนแล้วสิ ที่อ้วนเสี้ยวรวยมีกองทัพเยอะแต่โจโฉกับขุนนางไม่ยอมรับมันก็ขึ้นเป็นฮ้องเต้ไม่ได้ไงครับ และอ้วนเสี้ยวตอนนั้นจะมาบุกตีโจโฉที่ไม่มีแม้แต่เมืองในปกครองทำใมโจโฉมันแค่ราชการในราชสำนักนะครับ ถ้าบุกมาตีเมืองหลวงเท่ากับกบฏและจะโดนทุกฝ่ายรุมตีทันที่ที่นี่ทหารของอ้วนมันก็จะน้อยกว่าในทันที่ครับ ดังนั้นเป้าหมายของอ้วนกับโจมันไม่เหมือนกันอ้วนต้องการไห้โจและเหล่าขุนนางยอมรับมันจะได้ขึ้นเป็นฮ้องเต้ แต่โจต้องการตบอ้วนที่ต้องการเป็นฮ้องเต้จึงรวมขุนนางและขุนพลไปตบ ความต้องการของทังคู่ต่างกันต่อไห้โจแพ้กี่รอบอ้วนก็ฆ่าไม่ได้เพราะต้องไห้ขุนนางทังหลายยอมรับ โจที่เป็นแกนนำขุนนางจึงยืนอยู่ในจุดที่อ้วนต้องกล่อมไห้สวามิพักไห้ได้แต่โจมีมิชชันเดียวคือฆ่าอ้วน สามก็กมันไม่ไช่สงครามใครรบชนะได้ครองประเทศครับแต่การเมืองมันเหนียวเเน่นมาก ไม่งั้นเล่าปี่ที่แพ้หนีตายรัวๆจะเป็นใหณ่ได้ยังไงมันจนได้ครองเก็งจิ๋วยันจกก็กมันยังไม่เคยรบชนะกองกำลังไหนด้วยซ้ำ ที่มันเป็นใหณ่ได้เพราะมันประสบความสำเหร็จทางการเมืองต่างหากครับ   คุณว่าใครในสามก็กเป็นใหณ่ด้วยการรบชนะกองกำลังอื่นบ้างตังแต่ต้นจนจบของสามก็กไม่มีเลยครับ ที่เป็นใหณ่มีแค่ชนะทางการเมืองล้วนๆส่วนคนรบเก่งรบชนะไม่ตายก็เป็นเบ้ทังนั้น
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: TomDurrrr

ออฟไลน์ samuison

  • ยอดกวีแห่งเขาเซนนิคุมะ
  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 9,390
  • ถูกใจแล้ว: 3109 ครั้ง
  • ความนิยม: +188/-432
อ้วนเสี้ยวไม่น่ามีทหารมากกว่าโจโฉขนาดนั้นครับ อยู่แดนเหนือที่แล้นแค้น อาณาเขตก็พอๆกัน แถมเป็นฝ่ายบุกต้องส่งเสบียงยาว และก็ต้องเจียดทหารกันเผ่าทางเหนือที่โหดมาก ขนาดล้มราชวงศ์จีนได้ในบางยุค


ส่วนจำนวนที่เหนือกว่าแล้วชนะได้นี่แล้วแต่เลยนะ  ถ้าเป็นฝ่ายป้องกันเตรียมกับดักไว้ พร้อม คนนึงสู้พันยังได้ หลอกเข้าคิลลิ่งโซนแล้วเผาทั้งทัพ ถ้าเป็นฝ่ายบุก ทหารม้าธนูแบบมองโกลอาจสู้ได้ หนึ่งต่อสิบ ถ้าคู่ต่อสู้กาก

ไปเจอประวัติอ้วนเสี้ยว ไม่ได้ซื่อบื้อขนาดนั้นนะครับ เจ้าเล่ห์มากๆ เติบโตจากลูกเมียน้อยจนสามารถครองตระกูลใหย่ได้ ไม่ธรรมดาหรอก

อ้วนสุดต่างหากที่คือผู้สืบทอดที่ถูกต้องของตระกูลอ้วน

อ้วนเสี้ยวคบมิตรได้กับบางเผ่าน่ะครับ แนวคิดชนชาติยังไม่แรงมากในช่วงั้น

ปัญหาคนต่างชาติชิงวแผ่นดินจีนเพราะโจโฉใจดีเกินไปให้โอกาสต่างชาตินี่ล่ะ



เท่าที่จำได้หากโจโฉจะบุกขึ้นมา ขนาดลุกอ้วนเสี้ยวแตกแยกกันก็ยังต้องใช้เวลาหลายปีเลยครับ ไม่ต้องถามเลยว่าจะยากแค่ไหนหากอ้วนเสี้ยวเลือกตั้งรับ

ยาวนานเป็นสิบปีแน่ๆ

เท่าที่ผมจำได้ อ้วนเสี้ยวดินแดนอุดมสมบุรณ์นี่ครับ? โจโฉได้คนจำนวนมากจากพวกผ้าเผลืองมาเป้นประชากรเลยพอจะแข่งกับอ้วนเสี้ยวได้

คืองงมากรบชนะอะไรครับคือสามก็กมันไม่ไช่ว่าทหารเยอะบุกตีชนะเท่ากับได้ครองจีนนะครับ ผมต้องขออธิบายก่อนว่าสามก็กที่ที่พวกชัวๆทังหลายต้องการคือแผ่นดินครับไม่ไช่รบชนะ ดังนั้นจึงมีการแย่งฮ้องเต้แย่งตราอาลักกันหลักๆคือต้องทำไห้ขุนนางส่วนใหณ่ยอมรับครับไม่ไช่รบชนะ ไม่งันลิโป้มันก็ควงง้าวไปฆ่าเจ้าเมืองทุกคนก็ได้ครองจีนแล้วสิ ที่อ้วนเสี้ยวรวยมีกองทัพเยอะแต่โจโฉกับขุนนางไม่ยอมรับมันก็ขึ้นเป็นฮ้องเต้ไม่ได้ไงครับ และอ้วนเสี้ยวตอนนั้นจะมาบุกตีโจโฉที่ไม่มีแม้แต่เมืองในปกครองทำใมโจโฉมันแค่ราชการในราชสำนักนะครับ ถ้าบุกมาตีเมืองหลวงเท่ากับกบฏและจะโดนทุกฝ่ายรุมตีทันที่ที่นี่ทหารของอ้วนมันก็จะน้อยกว่าในทันที่ครับ ดังนั้นเป้าหมายของอ้วนกับโจมันไม่เหมือนกันอ้วนต้องการไห้โจและเหล่าขุนนางยอมรับมันจะได้ขึ้นเป็นฮ้องเต้ แต่โจต้องการตบอ้วนที่ต้องการเป็นฮ้องเต้จึงรวมขุนนางและขุนพลไปตบ ความต้องการของทังคู่ต่างกันต่อไห้โจแพ้กี่รอบอ้วนก็ฆ่าไม่ได้เพราะต้องไห้ขุนนางทังหลายยอมรับ โจที่เป็นแกนนำขุนนางจึงยืนอยู่ในจุดที่อ้วนต้องกล่อมไห้สวามิพักไห้ได้แต่โจมีมิชชันเดียวคือฆ่าอ้วน สามก็กมันไม่ไช่สงครามใครรบชนะได้ครองประเทศครับแต่การเมืองมันเหนียวเเน่นมาก ไม่งั้นเล่าปี่ที่แพ้หนีตายรัวๆจะเป็นใหณ่ได้ยังไงมันจนได้ครองเก็งจิ๋วยันจกก็กมันยังไม่เคยรบชนะกองกำลังไหนด้วยซ้ำ ที่มันเป็นใหณ่ได้เพราะมันประสบความสำเหร็จทางการเมืองต่างหากครับ   คุณว่าใครในสามก็กเป็นใหณ่ด้วยการรบชนะกองกำลังอื่นบ้างตังแต่ต้นจนจบของสามก็กไม่มีเลยครับ ที่เป็นใหณ่มีแค่ชนะทางการเมืองล้วนๆส่วนคนรบเก่งรบชนะไม่ตายก็เป็นเบ้ทังนั้น 

ขอบคุณครับ

ไปเจอในเจาะเวลาหาโจโฉ บอวก่าอ้วนเสี้ยวมีตรามหาขุนพล ทำให้ทางเทคนิคสั่งการแม่ทพนายกองต่างๆด้ เรียกว่าหากไม่ออกราชโองการมา ขุนศึกคนอื่นๆก็ต้องทำตามคำสั่งอ้วนเสี้ยว

นึกอีกที โจโฉก็เป็นหนึ่งในสายข้าราชการขุนนางเก่าล่ะนะ ศึกอ้วนโจเป้นศึกของขุนนางสองกลุ่มก็ว่าได้

[quote/]
มีโจทย์อยู่มากมายที่ควรจะคิดและตั้งให้ถูกต้อง. ก่อนจะนำไปเทียบความเป็นจริงและเหตุการณ์ที่แตกออกเป็น Routes ยิบย่อยได้อย่างไม่คาดฝัน. เช่น


1.  กองทัพออกเดินทางทีเดียวไปถึงเป้าหมายในอึดใจไม่กี่วันจริงหรือ?
2.  กองทัพที่ถูกทำลายจะสามารถสร้างใหม่ได้. และมีประสิทธิภาพกับจำนวนเท่าเดิมได้ภายในเวลาไม่กี่วันเหมือนเกม Total War จริงหรือไม่?
3.  ต้องใช้เวลาฝึกกับทรัพยากรอาหารมากเท่าไร. กองทัพจึงจะพร้อมใช้งานในสนามรบได้จริง?
4.  การลงทุนราวกับละลายภาษีอย่างไม่มีวันพรุ่งนี้จะทำให้ได้กองทัพที่แข็งแกร่งคุ้มทุนได้อย่างไร?
5.  กองทัพทั้ง 2 ฝ่ายต้องเผชิญหน้ากันเฉพาะสนามรบเดียวกันหรือไม่?  ทำไมต้องสู้กันบนพื้นดิน. และถ้าอีกฝ่ายอยู่ในะทะเล?
6.  ฝ่ายรุกมาจากที่ไหน. แล้วฝ่ายตั้งรับอยู่ที่ไหน การป้องกันแข็งแกร่งขนาดไหน. ต้องใช้วิธีปิดล้อมนานกี่วันก่อนจะลงมือทำลายที่มั่นให้แตกได้?
7.  ในเวลาที่เจอการปิดล้อมอย่างไม่คาดฝัน. ต้องใช้วิธีไหน. นานแค่ไหนถึงจะขอกำลังเสริมที่ไม่ได้ทำหน้าที่ปกป้องอาณาเขตของรัฐได้?

8.  โจทย์ Cheater จะต้องตอบคำถามนี้ให้ได้;  การสร้าง Camp - Outpost  ทำไปเพื่ออะไร. และจำนวนทหารประจำการทั้งหมด กำลังรบที่จะส่งออกไป + กำลังพลสำรอง. 3 อย่างนี้ต่างกันอย่างไร?

ลืมไปความรู้ของคนในยุคอนาคตที่ย้อนกลับมาอดีตแล้วพยายามแทรกแซงอดีตด้วยความรู้กว้างๆ ครึ่งๆกลางๆนั้น. สำหรับเจ้าของช่วงเวลานั้นแล้วคนประเภทนี้อาจจะไม่มีค่ามากไปกว่าให้บังคับหรือหลอกรีดขโมยความรู้ Technology ที่มีประโยชน์ไม่กี่อย่าง. สุดท้ายแล้วแค่มีชีวิตอยู่ให้รอดด้วยความรู้จากห้องเรียนที่สอนแค่ตื้นๆก็อาจจะยังลำบาก

เมื่อเทียบกับยุคที่ผู้คนล้วนแต่แสวงหาความรู้. ร่ำเรียนพัฒนาฝีมือวิชาจนชำนาญ. และกลายมาเป็นความรู้ที่คนยุคใหม่กว่านำมาศึกษาไม่กี่อย่างแล้วลืมไป. เมื่อความสะดวกสบายสนองจริตเข้ามาแทนที่ค่านิยมอยุรักษ์ความรู้ที่ผู้คนยุคก่อนหน้าล้วนสร้างไว้ด้วยความอุตสาหะ 

ขอบคุณครับ
อันที่จริงมันมีคำกล่าวว่าคนเราไม่ใช่บ็อทในเกมส์ที่จะเลื่อนลุกศรบังคับได้

การรบแค่เสียสักสามสิบเปอร์เซ็นก็ทำให้ยอมถอยทัพกันได้แล้ว

แต่พวกทหารเยอะ มันยอมรับความเสียหายได้ สามทารถทำศึกได้ทนทานต่อความเสียหายมากกว่าตามสมการของจิตใจมนุษย์น่ะครับ

ว่าความได้เปรียบไม่ใช่แค่สวามเท่าของจำนวนแต่อาจจะเป็นสามร้อยเท่าในเรื่องกำลังใจและการโจมตีเลยนั่นล่ะ

ซื้อคน  ไม่จำเป็นต้องซื้อด้วยเงิน  ยิ่งระดับแม่ทัพ  ระดับคนกุมบังเหียนประเทศ
เขายิ่งไม่ใช้เงิน  แต่ใช้เหรียญตราซื้อ  ใช้เกียรติซื้อ  ใช้คำมั่นคำสัญญาซื้อ  ใช้
ตัวประกันซื้อ  ใช้ความหวังซื้อ  ยิ่งถ้าใช้อุดมการณ์ซื้อยิ่งง่าย  คนพากันไปตาย
ด้วยความยินดีก็มาจากยอมตายเพื่อความฝันอุดมการณ์  ประวัติศาสตร์จีน  ^^ 

"ข้าลุกฮือขึ้นก่อการณ์เพราะราชวงศ์สูญเสียอาณัติของสวรรค์แล้ว ประชากรยากเข็ญทุกหย่อมหญ้า" :P

http://goshujin.tk/index.php?topic=944.0
นิยาย crossover Harry Potter/Type Moon ดูว่าคนที่มีเวทมนตร์อย่างแฮร์รี่ จะเอาตัวรอดอย่างไร ในโลกที่โหดร้ายของ ไทป์มูน
 

ออฟไลน์ PeanutButter

  • หัวหน้าฝูงหมีกลาง
  • ****
  • กระทู้: 637
  • ถูกใจแล้ว: 719 ครั้ง
  • ความนิยม: +124/-24
  • เพศ: ชาย
ตอบท่าน samuison

-  จริงๆ ก็ไม่เชิงเพราะนายพลลีอย่างเดียวหรอกครับที่ทำให้ฝ่ายใต้ต่อสู้ยืดเยื้อได้นานขนาดนั้น แต่มาจากปัจจัยสองอย่างที่ฝ่ายใต้มีเหนือกว่าฝ่ายเหนือ นั่นคือกำลังพลและรางรถไฟครับ เนื่องด้วยฝ่ายใต้เป็นสังคมเกษตรกรรม เศรษฐกิจขับเคลื่อนด้วยผลผลิตทางเกษตรที่อาศัยแรงงานทาสผิวดำเป็นหลัก พลเมืองผิวขาวไม่ต้องทำงานเกษตร ทำให้สามารถเกณฑ์ชายผิวขาวไปเป็นทหารได้จำนวนมากโดยไม่ส่งผลต่อเศรษฐกิจของตน ขณะที่ฝ่ายเหนือเป็นสังคมอุตสาหกรรม เศรษฐกิจขับเคลื่อนด้วยกรรมกร นายทุน และชนชั้นกลาง หากเกณฑ์ประชากรส่วนนี้ไปรบมากเกินจะทำให้เศรษฐกิจยํ่าแย่เอาได้ นอกจากนี้ เพราะฝ่ายใต้พึ่งพาการส่งออกผลผลิตการเกษตรไปยังรัฐอื่นๆ ในสหรัฐและต่างประเทศ จึงมีโครงข่ายเส้นทางรถไฟอยู่ทั่วประเทศ ทำให้เมื่อเกิดสงคราม ฝ่ายใต้สามารถใช้รถไฟขนส่งกำลังทหารได้มากกว่าและรวดเร็วกว่าฝ่ายเหนือ (ซึ่งโครงข่ายรถไฟค่อนข้างกระจุกตัวเฉพาะในพื้นที่ชายฝั่ง)

-  การซื้อคนไม่จำเป็นต้องใช้เงินเข้าซื้อครับ อย่างที่ท่าน TomDurrrr กล่าวไว้ เกียรติยศ ชื่อเสียง สตรี เงินตรา ยศฐาบรรดาศักดิ์ อุดมการณ์ ความมั่นคง ฯลฯ ปัจจัยเหล่านี้สามารถใช้เป็นจุดอ่อนเพื่อชักจูงคนให้หันมาเข้าพวกด้วยได้ทั้งสิ้น ยกตัวอย่างกรณีลิโป้ ในบันทึกประวัติศาสตร์ ลิโป้ทรยศต่อเต๊งหงวนเพราะตั๋งโต๊ะให้คำมั่นแก่ลิโป้ว่าจะมอบตำแหน่งนายกองทหารให้แก่ลิโป้ (ตอนนั้นลิโป้มีตำแหน่งเป็นแค่เลขาฯ คนสนิทของเต๊งหงวนเท่านั้น) ตอนหลังลิโป้ก็ทรยศต่อตั๋งโต๊ะ เพราะอ้องอุ้นสัญญาจะตั้งลิโป้เป็นแม่ทัพหลวงและเลื่อนขั้นให้เป็นขุนนางระดับพระยา

-  การรุกกับการตั้งรับไม่ได้ขึ้นกับว่าเราเหนือกว่าหรือด้อยกว่าอีกฝ่ายครับ แต่อยู่ที่เราจะคิดแผนการณ์ที่ดีที่สุด(ในความคิดของเรา)อย่างไรให้เข้ากับสถานการณ์ที่เรากำลังเผชิญอยู่

-  โจโฉไม่ได้ใจดีกับชนเผ่านอกด่านหรอกครับ แต่เป็นเพราะสงครามในยุคสามก๊กนับตั้งแต่สมัยกบฏโพกผ้าเหลืองมันยาวนานนับร้อยปี แผ่นดินถูกทำลายไปมาก ประชากรล้มหายตายจากไปเพราะสงครามบ้าง ภัยแล้งบ้าง โรคระบาดบ้าง ทำให้ขุนศึกต่างๆ ต้องพากันจ้างทหารรับจ้างต่างเผ่าเข้ามารบ ไม่ว่าจะเป็นอ้วนเสี้ยว โจโฉ กองซุนจ้าน เล่าปี่ ม้าเท้ง หันซุน ต่างก็มีกองกำลังเผ่าตี้ เกี๋ยง ซ่งหนู เซียนเป่ย อูหวน ใต้สังกัดกัน และเพื่อเป็นการตอบแทน ทหารรับจ้างเหล่านี้ได้รับสิทธิ์ให้เข้ามาตั้งรกรากในแผ่นดินจีนได้ เป็นการช่วยฟื้นฟูแผ่นดินที่ถูกทำลายไปได้อีกทางหนึ่ง

-  แผ่นดินจีนที่อุดมสมบูรณ์ในยุคสามก๊กหลักๆ คือภูมิภาคเสฉวนของจ๊กก๊ก และดินแดนภาคกลางแถบกิจิ๋ว สือลี่จิ๋ว เกงจิ๋ว กุนจิ๋ว เฉงจิ๋ว อิจิ๋ว ชีจิ๋ว ที่ขุนศึกอย่างโจโฉ อ้วนเสี้ยว เล่าเปียว เล่าปี่ ลิโป้ อ้วนสุด โตเกี๋ยม กองซุนจ้าน พยายามต่อสู้แย่งชิงกันนั่นแหละครับ ตอนเริ่มศึกกัวต๋อ ดินแดนของทั้งโจโฉและอ้วนเสี้ยวเรียกได้ว่าเละเทะใกล้เคียงกัน เพราะผ่านการทำศึกมาตั้งแต่สมัยกบฏผ้าเหลือง ทั้งประชากร เสบียงอาหาร สาธารณูปโภค ถูกทำลายไปเยอะ อ้วนเสี้ยวจะได้เปรียบกว่าโจโฉนิดหน่อยเพราะดินแดนอ้วนเสี้ยวเริ่มทำการฟื้นฟูตัวเองได้ระดับหนึ่งแล้ว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 11, 2021, 10:28:00 AM โดย PeanutButter »
 

ออฟไลน์ samuison

  • ยอดกวีแห่งเขาเซนนิคุมะ
  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 9,390
  • ถูกใจแล้ว: 3109 ครั้ง
  • ความนิยม: +188/-432
ตอบท่าน samuison

-  จริงๆ ก็ไม่เชิงเพราะนายพลลีอย่างเดียวหรอกครับที่ทำให้ฝ่ายใต้ต่อสู้ยืดเยื้อได้นานขนาดนั้น แต่มาจากปัจจัยสองอย่างที่ฝ่ายใต้มีเหนือกว่าฝ่ายเหนือ นั่นคือกำลังพลและรางรถไฟครับ เนื่องด้วยฝ่ายใต้เป็นสังคมเกษตรกรรม เศรษฐกิจขับเคลื่อนด้วยผลผลิตทางเกษตรที่อาศัยแรงงานทาสผิวดำเป็นหลัก พลเมืองผิวขาวไม่ต้องทำงานเกษตร ทำให้สามารถเกณฑ์ชายผิวขาวไปเป็นทหารได้จำนวนมากโดยไม่ส่งผลต่อเศรษฐกิจของตน ขณะที่ฝ่ายเหนือเป็นสังคมอุตสาหกรรม เศรษฐกิจขับเคลื่อนด้วยกรรมกร นายทุน และชนชั้นกลาง หากเกณฑ์ประชากรส่วนนี้ไปรบมากเกินจะทำให้เศรษฐกิจยํ่าแย่เอาได้ นอกจากนี้ เพราะฝ่ายใต้พึ่งพาการส่งออกผลผลิตการเกษตรไปยังรัฐอื่นๆ ในสหรัฐและต่างประเทศ จึงมีโครงข่ายเส้นทางรถไฟอยู่ทั่วประเทศ ทำให้เมื่อเกิดสงคราม ฝ่ายใต้สามารถใช้รถไฟขนส่งกำลังทหารได้มากกว่าและรวดเร็วกว่าฝ่ายเหนือ (ซึ่งโครงข่ายรถไฟค่อนข้างกระจุกตัวเฉพาะในพื้นที่ชายฝั่ง)

-  การซื้อคนไม่จำเป็นต้องใช้เงินเข้าซื้อครับ อย่างที่ท่าน TomDurrrr กล่าวไว้ เกียรติยศ ชื่อเสียง สตรี เงินตรา ยศฐาบรรดาศักดิ์ อุดมการณ์ ความมั่นคง ฯลฯ ปัจจัยเหล่านี้สามารถใช้เป็นจุดอ่อนเพื่อชักจูงคนให้หันมาเข้าพวกด้วยได้ทั้งสิ้น ยกตัวอย่างกรณีลิโป้ ในบันทึกประวัติศาสตร์ ลิโป้ทรยศต่อเต๊งหงวนเพราะตั๋งโต๊ะให้คำมั่นแก่ลิโป้ว่าจะมอบตำแหน่งนายกองทหารให้แก่ลิโป้ (ตอนนั้นลิโป้มีตำแหน่งเป็นแค่เลขาฯ คนสนิทของเต๊งหงวนเท่านั้น) ตอนหลังลิโป้ก็ทรยศต่อตั๋งโต๊ะ เพราะอ้องอุ้นสัญญาจะตั้งลิโป้เป็นแม่ทัพหลวงและเลื่อนขั้นให้เป็นขุนนางระดับพระยา

-  การรุกกับการตั้งรับไม่ได้ขึ้นกับว่าเราเหนือกว่าหรือด้อยกว่าอีกฝ่ายครับ แต่อยู่ที่เราจะคิดแผนการณ์ที่ดีที่สุด(ในความคิดของเรา)อย่างไรให้เข้ากับสถานการณ์ที่เรากำลังเผชิญอยู่

-  โจโฉไม่ได้ใจดีกับชนเผ่านอกด่านหรอกครับ แต่เป็นเพราะสงครามในยุคสามก๊กนับตั้งแต่สมัยกบฏโพกผ้าเหลืองมันยาวนานนับร้อยปี แผ่นดินถูกทำลายไปมาก ประชากรล้มหายตายจากไปเพราะสงครามบ้าง ภัยแล้งบ้าง โรคระบาดบ้าง ทำให้ขุนศึกต่างๆ ต้องพากันจ้างทหารรับจ้างต่างเผ่าเข้ามารบ ไม่ว่าจะเป็นอ้วนเสี้ยว โจโฉ กองซุนจ้าน เล่าปี่ ม้าเท้ง หันซุน ต่างก็มีกองกำลังเผ่าตี้ เกี๋ยง ซ่งหนู เซียนเป่ย อูหวน ใต้สังกัดกัน และเพื่อเป็นการตอบแทน ทหารรับจ้างเหล่านี้ได้รับสิทธิ์ให้เข้ามาตั้งรกรากในแผ่นดินจีนได้ เป็นการช่วยฟื้นฟูแผ่นดินที่ถูกทำลายไปได้อีกทางหนึ่ง

-  แผ่นดินจีนที่อุดมสมบูรณ์ในยุคสามก๊กหลักๆ คือภูมิภาคเสฉวนของจ๊กก๊ก และดินแดนภาคกลางแถบกิจิ๋ว สือลี่จิ๋ว เกงจิ๋ว กุนจิ๋ว เฉงจิ๋ว อิจิ๋ว ชีจิ๋ว ที่ขุนศึกอย่างโจโฉ อ้วนเสี้ยว เล่าเปียว เล่าปี่ ลิโป้ อ้วนสุด โตเกี๋ยม กองซุนจ้าน พยายามต่อสู้แย่งชิงกันนั่นแหละครับ ตอนเริ่มศึกกัวต๋อ ดินแดนของทั้งโจโฉและอ้วนเสี้ยวเรียกได้ว่าเละเทะใกล้เคียงกัน เพราะผ่านการทำศึกมาตั้งแต่สมัยกบฏผ้าเหลือง ทั้งประชากร เสบียงอาหาร สาธารณูปโภค ถูกทำลายไปเยอะ อ้วนเสี้ยวจะได้เปรียบกว่าโจโฉนิดหน่อยเพราะดินแดนอ้วนเสี้ยวเริ่มทำการฟื้นฟูตัวเองได้ระดับหนึ่งแล้ว
ขอบคุณครับผม
ผมคุ้นๆว่ามีฝ่ายใต้แซวว่าสงครามซิวิลวอส์บางที่บังคับเกณฑ์ทหารผิวขาวมากกว่าด้วยล่ะนั
"สิทธิของรัฐ"หรือ"สิทธิของทาส" ก็เถียงกันมาอยู่ถึงทุกวันนี้
หมายความว่า
"ข้าจะแต่งตั้งเจ้าให้เป็นตำแหน่งนายกอง"คนระดับเทพที่เป็นชาวบ้านอย่างลิโป้ก็ยอมถวายชีวิตสินะครับ ???
นึกถึงอุ้ยเสี่ยวป้อพูดประมาณ
"คนต่ำช้าไม่อาจขาดไร้เงินทอง ผู้กล้าไม่อาจขาดวึ่งยศศักดิ์ เราอุ้ยเสี่ยวป้อคนต่ำช้า ส่วนพวกนี้มันคือผู้กล้า" ก็เลยล่อลวงโดยการตั้งตำแหน่งราชบุตรและดาไลลามะลิดป้น่าสงสารมากที่ต้องไต่เต้ามาด้วยตนเองตั้งแต่ศูนย์หากมองในแง่นี้
อาจจะเล่นมุกว่า คนอย่างอ้วนเสี้ยวหรือดยุกหมูอ้วน สัญญาว่าจะตั้งตำแหน่งเป็นนายกองก็โอเคึแล้วอย่างคนที่ทรยศพรรคฟ้าดิน นั่นก็ระดับนายกองเหมือนกัน


เรืองรุกกับรับอะไรดีกว่านี่เถียงกันนานตอลดประวัติศาสตร์ล่ะครับ
มีคนบอกว่าอย่างฮิตเลอร์ที่คนบอกว่าตัดสินใจพลาดที่เปิดศึกสองด้านนั้นเป็นเรื่องโง่เขลาแต่หากมองเรื่องการครองอำนาจของโลกและสงครามเย็นที่มีมาหลังจากนั้น
ฮิตเลอร์ตัดสินใจถูกแล้วหากหวังเป็นใหญ่ในยุโรปที่ต้องจัดการมหาอำนาจที่มีทรัพยากรอย่างรัสเซียก่อนที่รัสเซียจะเข้มแข็งขึ้นจนการต่อสู้นั้นบยยากเกินไป

เรื่องเสฉวนแต่กอ่อนว่าขงเบ้งเก่งการรบแต่สมัยนี้บอกว่าขงเบ้งสายบริหาร

ชางวเสฉวนยังบูชาขงเบ้งจนกระทั่งยุคอุ้ยเสี่ยวป้อเลยว่างั้นเพราะมีวิศวกรรมที่เก่งระบบบริหารที่ดี
เรื่องผู้อพยพคือปัญหาจุดตายของทุกรัฐบาลครับหากเราเป็นผุ้นำ เราอยากเห็นประชากรเยอะขึ้นเพราะนั่นแปลว่าภาษี แรงงานและอื่นๆ
แต่คนที่อยู่ด้านล่างจะมองอีกแบบหนึ่ง
กฎหมายพยาายามให้ชาวประชามีลุกมากขึ้นน่ะมีมาตั้งแต่โบราณแล้ว สมัยโรมัน ฮิตเลอร์ ปัจจุบันนี้ที่ลดภาษีค่าลดหย่อน
น่าเสียดายเราเจอปัญหาเรื่องนี้ตลอดเวลาแต่ไม่กล้าพูดกันออกมา
อ่านแนสพลิกฟ้าท้ามาตุภูมิฮั่นผมมองว่ากเปรียบเป็นเกมส์ สังคมเกษตรเป็น late game มากๆที่จะให้แข็งแกร่งเพระาแทนที่จะสร้างแย่งชิงคนอื่นจะง่ายกว่า
http://goshujin.tk/index.php?topic=944.0
นิยาย crossover Harry Potter/Type Moon ดูว่าคนที่มีเวทมนตร์อย่างแฮร์รี่ จะเอาตัวรอดอย่างไร ในโลกที่โหดร้ายของ ไทป์มูน
 

 

Tags:
แหล่งนิยายแปล แหล่งนิยาย นิยายแปล นิยายแต่ง มังงะ การ์ตูน อนิเมะ นายท่าน เว็บไซต์นายท่าน กระทู้สไลม์ สไลม์ยอดรัก