[quote/]
ลายนิ้วมือ เดียว นี้ปลอมกันได้แล้วนะ ในไทย เรายังไม่เห็นว่าทำกันอย่างไร
แต่คนไทยที่อยู่ต่างประเทศ บางครั้งมักพูดผ่านช่องของตัวเองอยู่เรื่อยๆ ว่าอย่าถ่ายรูปมือให้คนอื่นเห็น เพราะ
ถูกเอาไปปลอมลายนิวมือได้
เพราะงั้น [แปะโป้ง] จึงน่าเชื่อถือน้อยไง
(เผื่อคนไม่รู้ แปะโป้งสมัยก่อนยังได้รับความนิยมอยู่บ้าง
เนื่องจากคนไม่รู้หนังสือเยอะ คนเขียนชื่อลายเซ็นต์ตัวเอง
ไม่ได้ เช่นคดีเกี่ยวกับการแปะโป้งทำพินัยกรรม การ
ทำสัญญาธุรกรรมอื่นๆ ดังนั้นแปะโป้งหรือที่เรียกว่า
การพิมพ์ลายนิ้วมือ จึงไม่ได้รับความนิยมจนตอนนี้
หาได้ยาก)
***และที่สำคัญอันนึง ที่ลายพิมพ์ดีเอ็นเอมีความหนักแน่น
ก็คือ หน่วยงานพิสูจน์ก็แยกต่างหาก ต่อให้ทำปลอมแปลง
มีความสงสัยก็แค่พิสูจน์ซ้ำได้ ยืนยันซ้ำได้ ถ้าสงสัยก็แค่
ร้องไปว่าให้หน่วยงานอื่นพิสูจน์ เช่น พบคราบอสุจิในเหยื่อ
ผู้เสียชีวิต ต่อให้ทำ ลายพิมพ์ดีเอ็นเอปลอม โดยปลอมจาก
ฐานดีเอ็นเอ ที่ผู้ต้องสงสัยเคยทำฐานข้อมูลดีเอ็นเอเอาไว้
ก็แค่จำเลยร้องขอพิสุจน์ จะให้เอาไปให้ที่ไหนก็ได้ ถ้าไม่เชื่อ
สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ก็ร้องขอให้โรงบาลตรวจก็ได้ เพราะ
มันได้ผลเหมือนกัน ปลอมแปลงไปก็ไร้ค่า ในเมื่อสามารถให้
พิสูจน์ซ้ำได้
***ยกเว้นหลักฐานชิ้นนั้นถูกสร้างขึ้นมา ฮา ถือว่าลายพิมพ์
ดีเอ็นเอไม่เกี่ยว เพราะมันปลอมที่หลักฐาน ฮา (เช่นทำไงก็ได้
ให้สามารถนำอสุจิจากคนที่อยากปรักปรำมาฉีดในศพผู้เสียชีวิต
แบบในหนังฮอลลีวู้ดหรือแบบที่ บิลคลินตันของสหรัฐเคยกล่าว
อ้างขำๆเมื่อตอนนั้นว่ากางเกงในตนหายไปโดนขโมยไป ซึ่ง
สุดท้ายก็ฟังไม่ขึ้น ฮา) แต่ถ้างั้นก็อยู่ในส่วนพิสูจน์ทราบหรือ
ต่อสู้ในเรื่องของหลักฐานเท็จ ต้องสู้ในจุดนี้ เพราะลายพิมพ์
ดีเอ็นเอเป็นเพียงผลประกอบหลักฐานชิ้นนั้น
***มีอีกตัวอย่างนึง เช่นผู้ตายถูกข่มขืนแล้่วมีอสุจิของผู้ชาย
หลายคน หนึ่งในนั้นคือสามี อันนี้ลายพิมพ์ดีเอ็นเอจากอสุจิ
ก็ไม่มีน้ำหนัก ว่าสามีคือผู้ต้องหา ผู้ต้องสงสัยในคดีมั๊ย
ต้องไปหาจากร่องรอยขีดข่วนจากเล็บผู้ตาย เพราะดีเอ็นเอในเล็บ
นั้นจะสื่อถึงการดิ้นรนต่อสู้
***นึกขึ้นได้ก็พิมพ์เรื่อยๆ อย่างการพบลายพิมพ์ดีเอ็นเอ
ผู้ต้องสงสัยในสถานที่ๆมีอาชญากรรม มันก็ยังไม่แน่เสมอไป
ที่จะเป็นคนร้าย ต้องเอาอย่างอื่นมาประกอบในสำนวนคดี
จึงจะทำให้ดิ้นไม่หลุด